หลังจากเริ่มต้นศึกประลองของสองผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านมานับสิบปีแล้ว
สภาพร่างกายของทั้งสองแทบไม่ปรากฏบาดแผลร้ายแรง
ด้วยทั้งคู่มีพลังระดับแปดแสนเมกะตันขึ้นไป การฟื้นฟูสภาพเซลล์ของร่างกายโดยธรรมชาติจึงรวดเร็วเป็นธรรมดา ถือว่าหากไม่ถูกสร้างความเสียหายเทียบเท่าพลังเก้าแสนเมกะตันขึ้นไป ซึ่งต้องมากกว่ากระบวนท่าเดียว ก็ไม่อาจฆ่าผู้มีพลังระดับแปดแสนเมกะตันหรือมากกว่านั้นได้
และตอนนี้ หลังจากประลองกระบวนท่ามานับสิบปี ก็ถึงเวลาชี้เป็นชี้ตายแล้ว
เมฆฟ้าและต้าเทียนฉางผละออกจากกันหลังจากแลกหมัดกันมานานถึงสิบปี
สภาพร่างกายตอนนี้ ต้าเทียนฉางสาหัสกว่าเมฆฟ้านัก แต่สาหัสในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นความเสียหายภายใน ส่วนใหญ่เป็นบาดแผลภายนอก
ออร่ารัศมีความน่าเกรงขามของทั้งสองคนดูลดลงไปอย่างมากเนื่องจากสภาพภายนอกที่แทบจะไม่เหมาะสมกับตัวตนอันยิ่งใหญ่ทั้งสองในห้วงจักรวาล(Galaxy)นี้
ต้าเทียนฉางมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงสมใจว่า
"เหอเหอเหอ ข้าขอยอมรับเลยว่านอกจากเจ้าแล้ว ในตอนนี้ก็ไม่มีใครที่สามารถปีะลองฝีมือกับข้าได้อย่างยาวนานและทัดเทียม ทั้งยังแทบจะไร้อาการบาดเจ็บ"จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วปล่อยออกมาอย่างผ่อนคลาย พลางกล่าวต่อว่า"ทว่า คำว่า'ทัดเทียม'นี้ไม่อาจอยู่นานไปกว่านี้แล้ว เพราะข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ได้ใช้สุดยอดไม้ตายของตนเอง ดังนั้นเพื่อให้ข้าได้ลิ้มรสของความเพลิดเพลินในการต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย จงปลดปล่อยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้าออกมาซะ ครึ่งก้าวราชันฟ้า เมฆฟ้า"
เมฆฟ้ามองลึกเข้าไปภายในดวงตาของต้าเทียนฉางนานถึงห้าวินาที แล้วค่อยระบายลมหายใจออกมา กล่าวประโยคสั้นๆว่า"ได้ แต่ข้าไม่รับประกันว่าผลกระทบที่มันสร้าง จะลามไปมากแค่ไหน ดังนั้นหากเหล่าสมุดของเจ้าโดนลูกหลง ก็อย่ามาว่าข้าแหกกฏก็แล้วกัน"
หลังกล่าวจบ รอบกายเมฆฟ้าก็ปะทุชั้นแสงสีฟ้าคลุมร่างขึ้นสามชั้น โดยที่ด้านในสว่างที่สุดและด้านนอกอ่อนจางที่สุด ส่วนตรงกลางก็เป็นสีฟ้าโทนปกติ
ต้าเทียนฉางที่ปกติแล้วจะกล่าวมากคำ แต่ตอนนี้กลับไม่กล่าวคำใด เพราะทั้งชีวิตของเขา เขาไม่เคยเห็นแสงคลุมกายสีฟ้ามาก่อน
นับตั้งแต่ที่มนุษย์สามารถสร้าง'นักรบนิวเคลียร์'ขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน นอกจากนั้นยังมีอายุขัยที่ทวีคูณเพิ่มขึ้นหลายเท่า
นักรบนิวเคลียร์คนแรกนั้น มีพลังทำลายล้างสูงสุดเทียบกับกับระเบิดปรมาณูแฟทแมน พลังทำลายล้างสูงสุดนี้ไม่ใช่การโหมกระหน่ำโจมตี แต่เป็นการต่อยด้วยหมัดเดียว ที่รุนแรงเท่ากับแฟทแมนหนึ่งลูก
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ บางทีนักรบนิวเคลียร์อาจมีพลังลำลายล้างสูงสุดในหนึ่งหมัดมากถึง….การระเบิดของดาวฤกษ์ที่มีขนาดเท่าดวงอาทิตย์หนึ่งดวง
แต่ว่าพลังลำลายล้างระดับนี้นักรบนิวเคลียร์ต้องมีพลังกี่เมกะตันกัน? บางทีตอนนี้อาจมีแต่เมฆฟ้าเท่านั้นที่สามารถตอบได้
เรื่องพื้นฐานที่ว่าพลังนิวเคลียร์เก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเมกะตันพร้อมด้วยยอดวิชาสามารถทำลายดาวพฤหัสได้อย่างไม่เปลืองแรงนั้น เป็นที่รู้กันทั่วไป
แต่หากเป็นพลังนิวเคลียร์หนึ่งล้านเมกะตันล่ะ? จะมีสามารถสร้างความเสียหายได้ในระดับไหนกัน? นั่นคือคำตอบที่กำลังจะถูกตอบในเร็วๆนี้
***
ใบหน้าของต้าเทียนฉางเริ่มเคร่งเครียดลง เพราะเขาไม่เคยเห็นชั้นแสงสีฟ้ารอบกายของเมฆฟ้ามาก่อน เพราะระดับนักรบแท้จริงจนถึงผู้ทำลายล้างเช่นตน แสงคลุมกายของแต่ละระดับไม่เคยปรากฏเป็นสีฟ้ามาก่อน
แสงคลุมกาย คือสัญลักษณ์ว่าคนผู้นั้นบรรลุระดับนั้นแล้ว เช่นระดับนักรบแท้จริงจะมีพลังนิวเคลียร์หนึ่งแสนเมกะตัน แสงคลุมกายจะเป็นสีขาว หรือระดับเทพทำลายล้างจะมีพลังนิวเคลียร์เก้าแสนเมกะตัน แสงคลุมกายจะเป็นสีม่วง
ดังนั้นการปรากฏกายของแสงคลุมกายสีฟ้าครั้งจึงสร้างความประหลาดใจและคาดหวังให้กับต้าเทียนฉางอย่างถึงที่สุด นั่นเพราะมันทำให้เขาหวนนึกถึงพลังนิวเคลียร์ที่เป็นเพียงเรื่องเล่า...พลังนิวเคลียร์ระดับหนึ่งล้านเมกะตัน และเขายังคิดได้อีกว่า เมฆฟ้าเมื่อหลายสิบปีก่อนที่จะมีสู้กับตน ได้บรรลุพลังนิวเคลียร์ระดับเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าจุดเก้าไปแล้ว
ตอนนั้นผู้คนขนานสมญานามให้กับเมฆฟ้าว่า ครึ่งก้าวราชันฟ้า ส่วนเหตุที่ว่าทำไมต้องเป็นราชันฟ้านั้น ก็เพราะว่าแสงคลุมกายของเมฆฟ้าในตอนนั้นมีสีฟ้าอ่อน และสามารถสยบเหล่ายอดนักรบนิวเคลียร์ได้ทั่วสีทิศแปดทาง
ในตอนนั้นผู้นำของทั้งสี่ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด ที่บอกว่าสี่เพราะตอนนั้นขุมกำลังของต้าเทียนฉางยังไม่ถือกำเนิด
ในตอนนั้นต่อให้รุมสี่ต่อหนึ่งกับเมฆฟ้า พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้เมฆฟ้ากระอักเลือดได้แม้แต่คำเดียว กลับเป็นฝ่ายของพวกเขาเองที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสกลับไป
ซึ่งในตอนนี้ เหล่าผู้นำแห่งสี่ขุมกำลังใหญ่กำลังเฝ้าดูศึกระหว่างต้าเทียนฉางกับเมฆฟ้าอยู่ สามคนมีสีหน้าเป็นปกติ แต่มีคนผู้หนึ่งที่ถึงแม้ใบหน้าจะไร้คลื่นอารมณ์ แต่ภายในดวงตาปั่นป่วนด้วยความแค้นอย่างลึกล้ำ นั่นก็คือประมุขแห่งสำนักเซียนปาฏิหาริย์ เซียนศักดิ์สิทธิ์
เหตุที่ประมุขของสำนักนี้มีความแค้นต่อเมฆฟ้าอย่างลึกล้ำ ก็เป็นเพราะหลังจากที่สลายการต่อสู้สี่รุมหนึ่งเมื่อปีนั้น เมฆฟ้ากลับไล่ตามมันแทนที่จะเป็นหนึ่งสามคนอื่น และในระหว่างการไล่ล่าระหว่างเมฆฟ้าและเซียนศักดิ์สิทธิ์นั้น เมฆฟ้าได้สร้างความเสียหายระกับปางตายให้แก่มัน มันเลยถูกฝังความแค้นระดับไม่เจ้าตายก็ข้าม้วยมาจนถึงปัจจุบัน
บวกกับที่ว่าด้วยนิสัยดั้งเดิมประมุขของสำนักเซียนปาฏิหาริย์ เป็นคนที่ก่อเกิดความแค้นง่ายดาย ซ้ำยังยาวนาน ก็เลยเป็นเหตุที่ว่าแม้จะผ่านมาหลายสิบปี ความแค้นของมันก็ยังไม่หายไป เท่าให้ตอนนี้นอกจากรอว่าต้าเทียนฉางจะสามารถโจมตีในระดับที่เมฆฟ้าบาดเจ็บสาหัสได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นมันก็จะไม่เข้าไป'ลอบกัด'เด็ดขาด
***
ตอนนี้คือหนึ่งกระบวนท่าตัดสินชะตากรรมอย่างแท้จริง ต้าเทียนฉางหน้าเคร่งเครียด รอบกายเมฆฟ้าทวีบรรยากาศความกดดันขึ้นไปถึงจุดสูงสุด
ชั้นแสงสีม่วงถูกเร่งเร้าขึ้นมาแผ่ปกคลุม
รอบกายต้าเทียนฉางอย่างรวดเร็ว เพิ่มความกดดันระหว่างมันและเมฆฟ้าให้พุ่งสู่จุดสูงสุด
และในเวลานั้นเอง!
ต้าเทียนฉางและเมฆฟ้าพลันคำรามสุดเสียงพร้อมกัน!
"หมัดสุดยอดนิวเคลียร์ทำลายล้าง พลังนิวเคลียร์เก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าจุดเก้าเมกะตัน!!"
"หมัดราชาไร้เทียมทาน พลังนิวเคลียร์หนึ่งล้านเมกะตัน!!"
เมื่อหมัดของสองผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในห้วงจักรวาลปะทะกัน คลื่นพลังอันมหาศาลที่สุดในห้วงจักรวาลพลันคำรามก้องออกมาจากการปะทะของสองหมัด ปานดวงอาทิตย์ของโลกระเบิดออกจนกลายเป็นซูเปอร์โนวาที่พัดกวาดทำลายล้างไปทั่วทั้งระบบสุริยะ!
การระเบิดพลังครั้งนี้ เพียงแค่พริบตาเดียวพื้นที่โดยรอบหลายสิบล้านกิโลเมตรกลายเป็นความสับสนปั่นป่วนจากพลังทำลายล้างอันสุดจะคาดคำนึง
สี่ผู้นำจากสี่ขุมกำลังอันยิ่งใหญ่หน้าเปลี่ยนสีตั้งแต่เวลาที่หมัดของต้าเทียนฉางและเมฆฟ้าปะทะกันแล้ว ตอนนี้ความหวาดกลัวสุดขีดตามสัญชาตญาณจากพลังอันยิ่งใหญ่พลันระเบิดขึ้นในใจของทั้งสี่ ทำให้นับแต่ที่สองหมัดปะทะกัน พวกมันทั้งสี่ก็เหินพุ่งจากไปไกลด้วยความหวาดผวานับสิบล้านกิโลเมตรแล้ว
คลื่นพลังตกค้างจากการระเบิดยังแผ่อาณาบริเวณอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนนี้บริเวณโดยรอบร้อยล้านกิโลเมตรไม่ต่างไปจากนรกที่แท้จริง เพราะหากผู้ใดสัมผัสกับพลังงานตกค้างเหล่านี้ ก็มีแต่จะถูกความร้อนที่ระอุอย่างสุดแสนกลืนกินเท่านั้น ซึ่งความร้อนระดับนี้ แม้แต่เทพทำลายล้างยังยากที่จะต้านทาน(กำหนดไว้ที่ 950,000 เมกะตันถึงจะต้านทานได้อย่างกล้ำกลืน)
แรงระเบิดที่รุนแรงที่สุดซึ่งเกิดจากมนุษย์สองคนระเบิดสุดยอดพลังใส่กันยังคงอยู่หลังจากผ่านมาหลายชั่วโมง หนำซ้ำยังมีท่าทีที่จะขยายอาณาเขตการทำลายล้างออกไปมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้รัศมีมากกว่าสิบโกฏิกิโลเมตรล้วนไม่เหลือสิ่งใดอีก
ว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
สี่ผู้นำในหกกลุ่มอันเกรียงอยู่ห่างออกไปนับห้าสิบโกฏิกิโลเมตร เฝ้ามองเข้าไปยังศูนย์กลางการระเบิดซึ่งกำลังผันผวนวุ่นวายด้วยคลื่นความร้อนสูงจนแม้แต่ดวงอาทิตย์ในสภาวะปกติเทียบไม่ถึง
ห้วงมิติตรงนั้นมีบิดเบือนเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดนัก
เวลาผ่านไปหนึ่งปี ตอนนี้ซูเปอร์โนวาซึ่งเกิดจากมนุษย์นับจากศูนย์กลางกว้างออกไปนับห้าสิบโกฏิกิโลเมตรแล้ว ในรัศมีนี้ไร้ดวงดาว และไร้สิ่งมีชีวิต เพราะความร้อนจากคลื่นซูเปอร์โนวาลดลงเพียงไม่กี่ร้อยองศาเซลเซียสเท่านั้น
เวลาอีกสิบปีผ่านไป คลื่นความร้อนสีม่วงแดงลดลงไปแล้วสี่ในสิบส่วน
สามผู้นำจากห้าขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ห่างออกไปร้อยโกฏิกิโลเมตร ยังคงเฝ้ามองผลลัพธ์อย่างจดจ่อ
โดยเฉพาะเซียนศักดิ์สิทธิ์ ประมุขแห่งสำนักเซียนปาฏิหาริย์ มันคือผู้ที่คาดหวังอย่างที่สุดว่า หากคลื่นความร้อนเหล่านี้หายไปจนหมดสิ้น แล้วเมฆฟ้าอยู่ในสภาพปางตาย มันคือคนแรกที่จะได้แก้แค้น และชื่อเสียงจะพุ่งสู่จุดสูงสุดจากการสังหารผู้บรรลุพลังนิวเคลียร์กหนึ่งล้านเมกะตันคนแรก
ส่วนอีกสามคนที่เหลือ ได้แก่ มารโลหิต ประธานสภาอักดราซิลและจ้าวหมิงเยี่ย จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิจันทราทมิฬนั้น บนใบหน้าของพวกมันล้วนไร้ระลอกคลื่น แต่หากมองเข้าไปภายในนัยน์ ล้วนสัมผัสได้ว่าพวกมันต้องการปรารถนาที่จะสังหาาเมฆฟ้าเช่นเซียนศักดิ์สิทธิ์
เพราะความอัปยศจากการแพ้ศึก'หนึ่งรุมสี่'ในตอนนั้น ยังคงหลอกหลอนวนเวียนในหัวของพวกมันอยู่
ผ่านไปอีกยี่สิบแปดปี คลื่นความร้อนค่อยหายไป แต่ยังคงมีพลังงานตกค้างอยู่ ซึ่งมีแต่ผู้บรรลุระดับสี่แสนเมกะตันขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถเหยียบย่างเข้ามาในเขตนี้ได้
แต่สี่แสนเมกะตันคือเกณฑ์ระดับต่ำสุด ถึงจะมีพลังนิวเคลียร์สี่แสนเมกะตัน ก็ยังเข้ามาได้แค่ชายขอบเท่านั้น
เซียนศักดิ์สิทธิ์ตาเป็นประกาย มันพุ่งเข้าไปเป็นแรก ตามด้วยมารโลหิตและจ้าวหมิงเยี่ย
ในระยะทางหนึ่งร้อยโกฏิกิโลเมตร สำหรับเทพทำลายล้างต้องใช้เวลามากถึงห้าชั่วโมงถึงจะเดินทางมาถึงใจกลางการระเบิดได้
เซียนศักดิ์สิทธิ์มาถึงคนแรก มันกวาดตามองไปรอบด้านอย่างละเอียด แล้วมันก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะเมฆฟ้าและต้าเทียนฉาง ล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยอยู่ตรงนี้มาก่อน
มารโลหิตและจ้าวหมิงเยี่ยค่อยตามมาถึง จ้าวหมิงเยี่ยเปิดฉากกล่าวเยาะเย้ยว่า
"เป็นอย่างไร มีความแค้นลึกล้ำที่สุด แต่กลับไม่ได้แม้แต่จะสนองความแค้นของตนเองแม้แต่น้อย เหอะ ช่างน่าสังเวทนัก"
เซียนศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่นเสียง แล้วเหินร่างกลับไปยังทิศที่สำนักของตนตั้งอยู่
ส่วนมารโลหิตและจ้าวหมิงเยี่ยเพียงหันมามองหน้ากัน มารโลหิตส่ายหัว ส่วนจ้าวหมิงเยี่ยก็ไม่ได้กล่าวอะไร จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับไปยังฐานทัพของตน
***
ช่วงแรกเริ่มของการเกิดการระเบิดซูเปอร์โนวาจากมนุษย์
ที่ใจกลางของการระเบิด ความร้อนที่พุ่งทะลุนั้นสูงเป็นอย่างยิ่ง ประมาณหลายแสนองศาเซลเซียสได้
ต้าเทียนฉางอยู่ในสภาพถูกเพลิงบรรลัยกัลป์เผาไหม้ไปทั่วทั้งตัว ผิวหนังบางส่วนล้วนดำมะเมื่อม ส่วนพื้นที่แห่งอื่นบนร่างกายนั้น สามารถเห็นกระดูกที่ถูกไหม้จนแทบกลายเป็นธุลี ทว่าถึงแม้จะอยู่ในสภาพปางตายเช่นนี้ ต้าเทียนก็ยังสามารถกล่าววาด้วยการใช้พลังนิวเคลียร์ของตนเป็นการสื่อสารได้
"นี่หรือพลังนิวเคลียร์ระดับหนึ่งล้านเมกะตัน นี่หรือคือสุดยอดความแข็งแกร่งที่มนุษย์ในตอนนี้จะสามารถบรรลุได้ ในตอนนี้ถึงแม้ว่าข้าอยากไขว่คว้าพลังนิวเคลียร์หนึ่งล้านเมกะตันแค่ไหน ก็ไม่สามารถคว้ามันมาได้แล้ว แต่การได้ตายน้ำมือของสุดยอดคนในตอนนี้ ถือว่าสมใจข้าแล้ว และขอฝากเหล่าสหายของข้าด้วย เมฆฟ้า"
กล่าวจบดวงตาของต้าเทียนฉางก็ไร้ซึ่งประกายชีวิตอีกต่อไป
ด้านหน้าห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร เมฆฟ้าลอยอยู่ในพื้นที่อวกาศแห่งนี้ สดับฟังประโยคสุดท้ายของต้าเทียนฉางอย่างเงียบงัน
เขาหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงค่อยๆปล่อยผ่อนออกมา เป็นการถอนหายใจที่ลากยาวเป็นอย่างยิ่ง
ในวันนี้ นอกจากเขาจะได้ปลดปล่อยพลังนิวเคลียร์ระดับหนึ่งล้านเมกะตันที่มีพลังการทำลายล้างอย่างขีดสุดแล้ว ยังสังหารหนึ่งในห้าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัยไปอีกด้วย ตอนนี้อารมณ์ของเมฆฟ้าซับซ้อนเล็กน้อย เพราะเรื่องที่ต้าเทียนฉางได้ฝากฝังไว้นั้น เขาอาจไม่สามารถที่จะทำสำเร็วได้
เพราะตั้งแต่เผชิญหน้า เมฆฟ้าก็สัมผัสได้ว่าความภักดีที่เหล่าสมุนของต้าเทียนฉางมีให้นายของมัน เหนือล้ำยังกว่าที่เขาได้รับเสียอีก
ดังนั้น ในตอนที่เมฆฟ้าจะรวมสองกองทัพเข้าด้วยกัน คงเป็นบางสิ่งที่ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments