CHANGE YOU PART 1 มิตรภาพจากคู่กัด

CHANGE YOU PART 1 มิตรภาพจากคู่กัด

กรุงเทพ ประเทศไทย

ณ บ้านของฉัน

หลังจากกลับมาจากงานมหกรรมหนังสือที่ปารีส

ฉันก็ใช้ชีวิตตามแบบที่ได้บอกกับคุณอรเอาไว้เด๊ะเลย

ฉันนอนตื่นสายมาก

มากแบบกอไก่ล้านตัวเลยก็ว่าได้ เรียกว่าสายก็ดูจะไม่ค่อยจะตรงสักเท่าไหร่

ต้องบอกว่านอนตื่นบ่ายดูท่าจะตรงเสียมากกว่า

ตื่นมาก็ไม่ยอมลุกไปอาบน้ำ

หมกตัวเองให้กลิ่นเหม็นตุอยู่อย่างนั้น กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง

โดยในมือก็ถือไอแพดเลื่อนดูอะไรไปเรื่อย ทั้งมีสาระและหาสาระไม่ได้

หิวก็ลุกไปขนขนมกรุบกรอบสารพัดชนิด ที่ซื้อตุนเอาไว้มากองบนที่นอน

แล้วก็นอนกินจนเศษขนมร่วงเกลื่อนเตียงเต็มไปหมด

เปลือกถุงที่กินหมดแล้วก็ขยำๆ โยนลงตะกร้า

ที่อยู่ลิบๆ ข้างโต๊ะทำงาน ลงบ้างไม่ลงบ้าง

แต่ก็ไม่มีความคิดจะลุกไปเก็บให้มันเข้าที่เข้าทาง

เวลาอาบน้ำคือตอนตะวันตกดินไปแล้ว

ถึงจะได้ฤกษ์งัดตัวเองขึ้นจากที่นอน เดินไปเข้าห้องน้ำชำระความโสโครกที่หมักหมมมาทั้งวัน

เสร็จแล้วถึงจะออกไปหาอาหารมีประโยชน์กินที่ร้านข้างนอก

ก่อนกลับบ้านก็แวะดูหนังเข้าใหม่ที่เมเจอร์สักเรื่อง

และก็กลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ซึ่งยังคงเต็มไปด้วยซากขนมที่กินทิ้งไว้

ดีเท่าไหร่แล้วที่น้องมดน้องแมลงสาบ ไม่ปีนขึ้นมานอนเป็นเพื่อน

นี่คือการพักผ่อนที่ฉันปรารถนา

แต่มันกลับไม่ช่วยให้ ‘ความว่างเปล่า’ ที่กำลังรู้สึกอยู่จางหายไปเลยสักนิดเดียว

จนบางทีเกิดความสับสน ว่าการที่ฉันหยุดเขียนนิยายนั้นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่

คืนนี้ฉันจึงตัดสินใจออกไปลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง

จะว่าใหม่มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว เรียกว่าสิ่งที่ไม่ได้ทำนานแล้วจะดีกว่า

หลังจากลงจากอูเบอร์ที่เรียกใช้บริการ

มายืนบนพื้นหินอ่อนเงาวับของไนต์คลับหรู สายตาของฉันก็กวาดมองไปทั่วบริเวณ

เพื่อมองดูชายหญิงต่างวัยจำนวนมากมาย ที่กำลังยืนออรอคิวเข้าใช้บริการสถานที่แห่งนี้อยู่

แน่นอนว่าฉันไม่จำเป็นต้องไปต่อแถวยาวเหยียดนั่น

เพราะปึกธนบัตรที่อยู่ภายในกระเป๋าคลัตช์ในมือ สามารถเบิกทางให้ฉันได้เดินนวยนาดเข้าไปอย่างสวยๆ

แสงสีเสียงครบครันดูตระการตา บรรยากาศให้ความรู้สึกสนุกสนานอย่างที่ควรจะเป็น

นักท่องราตรีต่างพากันกระดกเครื่องดื่ม และโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม

จนหัวใจเต้นตามเสียงเบสหนักๆ ไปด้วย

“น้องคะ พี่ขออะไรก็ได้ เอาแบบเข้มๆ เลย”

ทันทีที่เข้ามาถึงด้านใน ฉันก็ดิ่งตรงมายังเคาน์เตอร์บาร์

ที่มีบาร์เทนเดอร์หน้าตาหล่อเหลา แถมหุ่นยังขยี้ใจสาวๆ ยืนให้บริการลูกค้าอยู่

ดีนะที่ฉันไม่ใช่พวกบ้าผู้ชาย

ไม่งั้นเด็กหนุ่มวัย 20 ต้นๆ คนนี้ คงถูกฉันหิ้วกลับไปด้วยแน่ๆ วัยกำลังน่าขบกินแบบนี้

อร๊าย~ นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่?

“ได้แล้วครับคุณผู้หญิง”

แก้วทรงสวยถูกมือใหญ่เลื่อนมาตรงหน้าฉัน

พร้อมกับที่เขาส่งรอยยิ้มหวานบาดใจแถมให้มาด้วย เล่นเอาใจฉันสั่นไหวแปลกๆ ทั้งที่มีภูมิต้านทานด้านผู้ชายอยู่พอตัว

แต่กลับเด็กคนนี้

เพียงแค่เขายิ้มและส่งสายอ้อนๆ ให้ ฉันกลับใจอ่อนระทวย

โอ๊ยตายแล้ว~ เด็กมันอ่อยเดี๋ยวก็อร่อยป้าหรอก

“ไม่ต้องทอน ที่เหลือทิป”

ฉันโชว์ทรงเจ๊ใส่ทันที ล้วงหยิบแบงก์พันขึ้นมาวางให้บนโต๊ะ

ทั้งที่ค่าเครื่องดื่มราคาไม่ถึงครึ่งของจำนวนเงิน ก่อนหยิบแก้วเหล้าที่เขายื่นให้ขึ้นถือ

และเดินกรีดกรายไปหามุมสงบๆ นั่งจิบชิวๆ

ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ฉันคงได้มอบความบริสุทธิ์ ที่เก็บรักษาเอาไว้มาร่วม

28 ปีเต็ม ให้หนุ่มรุ่นน้องคนนี้แน่ๆ

ไม่ได้! ฉันจะเก็บซิงไว้ชิงโชค

“ทักครับ”

ในขณะที่ฉันกำลังนั่งตรวจความเรียบร้อยของเครื่องสำอาง

ซึ่งประโคมใส่ใบหน้ามาอย่างจัดเต็ม ผ่านเงาตัวเองในกระจกถือบานเล็กที่พกติดกระเป๋ามาด้วย

ก็ได้มีเสียงบุรุษปริศนาดังขึ้นจากทางด้านขวามือ

เรียกความหงุดหงิดให้ก่อกำเนิดขึ้นในใจเล็กน้อย

ฉันเบนสายตาหันไปมองช้าๆ แต่ไม่ได้หันหน้าไปจนสุด

เพียงแค่ชำเลืองหางตามองอย่างรำคาญเท่านั้น

เจ้าของประโยค ‘ทักครับ’ เมื่อครู่ เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวดี หุ่นดี ว่าง่ายๆ ดูดีไปซะทุกส่วน

ยกเว้นแต่...สีผม มันจะเหลืองไปไหน

อย่างกับเอาขมิ้นยีหัวมายังไงยังงั้น จากตอนแรกที่ดูน่าสนใจ

กลายเป็นว่าดูโลคลาสไปโดยปริยาย

“เป็นจิ้งจกเหรอ?”

“ครับ?”

คนที่ได้ยินประโยคคำถามซึ่งหลุดออกจากปากฉัน

ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกว่าฉันกำลังถามอะไร หรือต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

“หูหนวกหรือสมองพิการ

ฉันถามว่านายเป็นจิ้งจกเหรอ มันตอบยากนักหรือไง?”

เป็นเรื่องปกติอย่างที่เคยบอกไปตอนแรก

ฉันไม่ด่าใครมั่วซั่ว ถ้าใครคนนั้นมันไม่มาสร้างความรำคาญ

หรือทำอะไรให้ฉันไม่พอใจก่อน และตอนนี้ผู้ชายคนนี้กำลังทำมันอยู่ ฉันกำลังรู้สึกรำคาญเขา!!

“เอ่อ...เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”

“แล้วจะทักทำไม รู้จักฉันเหรอ?”

“ก็เปล่าครับ แค่ตอนแรกผมอยากรู้จักคุณ”

แต่ตอนนี้ดูได้จากสีหน้าเขา

เขาน่าจะกำลังรู้สึกไม่อยากรู้จักฉันแล้ว มันแสดงออกมาชัดเจนมาก

“ถามฉันยัง ว่าอยากรู้จักนายไหม?”

“โอเคครับ ผมขอโทษที่เสียมารยาท

ผมว่าผมไปดีกว่า”

ยังดีที่รู้จักมารยาท

รู้ว่าฉันไม่อยากเสวนาด้วยแล้วยอมจากไปแต่โดยดี ถ้ายังดื้อดึงจะอยู่ทำลายบรรยากาศสุดหรรษาของฉันต่อ

แม่ได้ด่าไฟแล่บแน่

“เสียอารมณ์ชะมัด!!”

สบถกับตัวเองจบ ฉันก็ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกจนหมด

ความร้อนของฤทธิ์แอลกอฮอล์ไหลผ่านลำคอลงสู่กระเพาะ ทำให้รู้สึกร้อนวาบไปทั้งร่าง

แถมรสชาติที่ขมจนบาดคอนั่น ก็ทำให้ฉันรู้สึกอยากจะแหวะออกมา

รสชาติก็แย่

แถมยังสร้างความปั่นป่วนให้กับร่างกายอีก ทั้งปวดหัว มึนหัว และเหมือนตาจะพร่าเบลอมองอะไรไม่ชัด

สติสัมปชัญญะมาๆ หายๆ ไม่มีอะไรดีสักอย่างหลังจากที่ได้ดื่ม

ข้อเสียเยอะขนาดนี้แล้วฉันจะดื่มมันเข้าไปทำไมนะ?

ฉันค่อยๆ

ประคองร่างบอบบางของตัวเองออกจากที่นี่ ความสามารถทุกๆ

ด้านเสื่อมถอยอย่างเห็นได้ชัด เดินเซไปเซมา กว่าจะหลุดฝูงชนออกมาจนถึงประตูได้ก็ยากเอาการ

หมับ!!

แต่ในขณะที่กำลังจะก้าวออกจากประตู

ร่างของฉันกลับถูกมือใหญ่ของใครบางคน ฉุดรั้งให้ลอยละลิ่วไปยังซอกกำแพงข้างๆ

แผ่นหลังที่โผล่พ้นจากชุดเดรสเกาะอกแนบชิดไปกับกำแพง

จนสัมผัสได้ถึงความเย็นของผนังสิ่งก่อสร้าง ในขณะที่ด้านหน้า มีร่างหนาของผู้ชายที่พึ่งเข้ามาทักเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

ยืนประชิดจนแทบจะหลวมรวมเข้าไปกับร่างของฉัน

“หน้าตาโคตรสวย แต่ปากแม่งโคตรหมา

ระวังชีวิตจะดับเพราะปากตัวเองนะครับ”

ไอ้บ้าหัวเหลืองเอ่ยกระซิบชิดริมฝีปากของฉัน

ในขณะที่ฉันพยายามบีบตัวเองให้บางที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากสัมผัสโดนร่างกายน่าขยะแขยงมัน

“ปล่อยฉันนะ!” ฉันเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทางก่อนเค้นเสียงสั่ง เพราะกลัวจูบแรกจะโดนช่วงชิงจากระยะประชิดที่ติดกันขนาดนี้

“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่เอาเธอหรอก ปากหมาๆ

แบบนี้ไม่ใช่สเปค”

“แล้วแกต้องการอะไร?”

“เงิน! ปึกที่อยู่ในกระเป๋าเธอ...ทั้งหมด”

“…!!”

นี่สินะ เหตุผลที่มันเข้าหาฉันตั้งแต่แรก ความจริงแล้วมันไม่ได้พิศวาสอะไรกันหรอก

มันอาจจะบังเอิญได้เห็นตอนฉันหยิบเงินทิปให้พนักงานชงเหล้า

แล้วจึงเข้ามาทำทีตีสนิท

“หึ! ไม่มีปัญญาหาเองจนต้องมาปล้นเงินผู้หญิงเลยเหรอ พ่อแม่คงภูมิใจแย่

มีลูกได้เรื่องแบบนี้”

ฉันหันหน้ากลับมาเผชิญกับมัน

ก่อนแค่นเสียงเอ่ยอย่างเหยียดหยาม เรียกความตึงให้กับหน้าหล่อๆ ได้เป็นอย่างดี

“อย่ามัวแต่ปากดี เอามา! ถ้าไม่อยากนอนตายไส้ไหลอยู่ตรงนี้”

ความแหลมคมของบางสิ่ง ทิ่มแทงอยู่บริเวณหน้าท้องแบบราบของฉัน

และเมื่อเหลือบสายตามองลง ก็พบเข้ากับมีดพกขนาดพอดีมือ

ที่สะท้อนแสงไฟแวววาวหยอกล้อสายตา

ฉันรู้สึกหนาวสันหลังวาบ

ดูได้จากสายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมองมาอย่างเรียบนิ่ง

ก็พอจะเดาได้ว่ามันทำจริงอย่างที่พูดแน่ๆ

สายตาของฉันเลื่อนมองรอบกายอย่างหาตัวช่วย

แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ มุมที่ฉันอยู่มันเป็นมุมอับสายตาพอดี

คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ก็คงเข้าใจว่าเราสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่ ทั้งๆ

ที่ความจริงแล้วฉันกำลังโดนปล้น!!

เพราะไร้ซึ่งทางออกแล้ว

ฉันจึงต้องส่งกระเป๋าคลัตช์ราคาแพงระยับของตัวเองให้กับมัน

ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาแต่สันดานเลวไร้ที่ติ

คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ มันรีบหยิบไปถือ

และเปิดล้วงเอาแต่เพียงปึกธนบัตรสีเทาหลายสิบใบออกมา

ก่อนเหวี่ยงสัมภาระที่เหลือของฉันทิ้งลงบนพื้น ไม่ช้ามันก็สาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อร่างกายถูกปล่อยให้เป็นอิสระและรอดพ้นจากอันตราย

ร่างของฉันก็ทรุดฮวบลงนั่งกองกับพื้น หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกกลัวว่ามันจะวาย

ฉันยกมือขึ้นทุบตรงเหนืออกด้านซ้าย เพื่อหวังจะให้มันกลับสู่สภาวะปกติ

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย

ถ้าเป็นในนิยาย สถานการณ์เมื่อครู่ควรจะเป็นฉากของพระนาง

ที่กำลังปะทะฝีปากกันอยู่ ก่อนที่พระเอกจะปล้นจูบแรกจากนางเอก

แต่...นี่มันไม่ใช่!! ฉันไม่ได้ถูกปล้นจูบหรือปล้นสวาทใดๆ ทั้งสิ้น แต่ฉันพึ่งถูกปล้นชิงทรัพย์!!

ไม่มีฉากโรแมนติกใดๆ ไร้ซึ่งฉากหวานซึ้งหรือความวาบหวาม

มีแต่ความตื่นตระหนก หวาดเสียว และน่ากลัว

มือสั่นๆ

ของฉันเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่ร่วงคว่ำหน้าอยู่บนพื้น

ก่อนพยายามกดโทรออกหาคนที่คิดว่าช่วยฉันได้ในตอนนี้

“โทรมาซะดึกดื่นเลยนะคะคุณน้องอิม

หัดมีมารยาท...”

“พี่เอก ช่วยอิมด้วย...”

ไม่ถึง 10 นาที

พี่เอกที่บ้านอยู่ห่างจากสถานที่ที่ฉันอยู่อย่างไกลโพ้น  ก็มาปรากฏกายตรงหน้า

ฉันโผเข้ากอดเขาด้วยร่างกายที่ยังอยู่ในอาการสั่นเทา

ทั้งๆ ที่เคลื่อนย้ายตัวเองให้ออกมานั่งอยู่ในจุดปลอดภัยแล้วแท้ๆ

“ตายแล้วคุณน้องอิม! เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมตัวสั่นหน้าซีดขนาดนี้?”

บุคคลที่บึ่งรถมาหาฉัน

โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมาก รู้เพียงแค่ว่าตอนนั้นเสียงฉันสั่น

และมันมีแต่ความหวาดกลัวเจืออยู่เต็มไปหมด เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล

“อิมโดนปล้นทรัพย์ค่ะ”

ฉันยังคงไม่คลายอ้อมแขน ที่รัดรอบเอวของคนซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้า

พี่เอกเองก็ทำอะไรไม่ถูก เขาเพียงแต่ลูบผมฉันไปมาเบาๆ อย่างปลอบประโลม

“แล้วน้องอิมบาดเจ็บตรงไหนไหม

ได้รับอันตรายหรือเปล่าคะ?”

ร่างสูงพยายามดันร่างฉันออก

ก่อนจับเอียงไปเอียงมาเพื่อดูรอบๆ ร่างกาย สายตากังวลกวาดมองเรือนร่างฉันจนทั่ว

และเมื่อเห็นว่าไม่มีแม้ร่องรอยขีดข่วน ก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“อิมไม่เป็นอะไรค่ะ มันได้เงินแล้วก็หนีไป

ไม่ได้ทำอะไรอิม”

“แล้วน้องอิมแจ้งการ์ด

หรือแจ้งตำรวจหรือยังคะเนี่ย?”

“ยังค่ะ อิมยังไม่ได้แจ้งใครเลย

ตอนนั้นอิมกำลังกลัว คิดอะไรไม่ออก”

“ป่านนี้มันก็คงหนีเตลิดไปไหนต่อไหนแล้วล่ะค่ะ

ดีนะคะเนี่ยยังนึกได้ว่าต้องโทรหาพี่”

“...”

“แล้วน้องอิมพอจะจำหน้ามันได้ไหมล่ะคะ?

เราจะได้ไปแจ้งความกันถูก” เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่นิ่งเงียบมองมือตัวเอง พี่เอกจึงถามต่อ

“จำได้ค่ะ แต่อิมว่าอิมจะไม่แจ้งความ”

เพราะไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวาย

บวกกับไม่อยากพูดคุยกับใครทั้งนั้นในตอนนี้

ฉันจึงเลือกที่จะไม่ทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จบเงียบๆ แหละดีที่สุดแล้ว

“เอ้า! ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ

จะปล่อยมันไปทำไม?”

“อิมไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายค่ะ

ไม่อยากไปโรงพัก ตอนนี้อิมอยากกลับบ้าน” ฉันเงยหน้าทำสายตาอ้อนวอนอย่างร้องขอให้เขาเข้าใจ

และยอมโอนอ่อนตามความต้องการของฉัน และดูเหมือนมันจะสำเร็จ

“โอ๊ย! พี่เอกกี้ล่ะปวดหัวกับคุณน้องอิมจังเลย”

“ถือว่าทำบุญฟาดเคราะห์ครั้งใหญ่ไปละกันค่ะ

อีกอย่างอิมไม่ได้บาดเจ็บด้วย ช่างมันเถอะ”

“ตามสะดวกเลยค่ะคุณน้อง ป่ะ! กลับบ้านกันเถอะ”

ฝ่ามือหนาจับเรียวแขนของฉัน และค่อยๆ

ยกประคองให้ยืนขึ้น พี่เอกกี้พาฉันเดินไปยังรถยนต์ของตน ซึ่งจอดขวางอยู่ด้านหน้าทางเข้าไนต์คลับแบบไม่เรียบร้อย

ดูออกได้ในทันทีว่าเขารีบมามาก

ไม่คิดเลยว่าคนที่กัดกับฉันทุกครั้งที่เจอหน้า

ทะเลาะกันเหมือนคนที่เกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ดูยังไงๆ

ก็ญาติดีกันไม่ได้แน่ๆ ในชาตินี้

กลับเป็นคนที่ฉันคิดถึงยามประสบกับเหตุการณ์เสี่ยงตาย แถมยังพึ่งพาได้ยามลำบากแทบจะในทันที

ต่อจากนี้ฉันคงจะต้องทำตัวดีๆ กับเขาบ้างแล้วแหละ

มิตรภาพดีๆ แบบนี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ

ใช้เวลาไม่นานพี่เอกก็พาฉันมาถึงที่บ้าน

เขาไม่เพียงแค่มาจอดรถส่ง แต่กลับประคองฉันเข้าไปถึงด้านในห้องนอน

สัมภาระของฉันที่พกไปด้วยทุกอย่าง

พี่เอกกี้จัดวางไว้ให้อย่างเป็นระเบียบตามโซนของมัน

แม้กระทั่งรองเท้ารัดน่อง

เขาปลดมันออกจากเรียวขาให้อย่างไม่ถือตัว

ในขณะที่ฉันนอนเป็นผักไร้วิญญาณอยู่บนเตียงเฉยๆ

“อาการมันเป็นยังไงคะน้องอิม นี่คุณน้องพกสติสตังกลับมาด้วยหรือเปล่า?”

ร่างหนาทรุดกายนั่งลงบนพื้นที่ว่างตรงขอบเตียง พร้อมยกชายผ้านวมที่กองอยู่ช่วงเอวฉันขึ้นมาคลุมกายให้

ความอบอุ่นอ่อนโยนของเขาทำให้ฉันเผลอร้องไห้ออกมา

และเมื่อพี่เอกกี้เห็นว่าฉันสะอื้นเขาก็ร้องอย่างตกใจ

“ว๊ายตายแล้ว! คุณน้องอิมร้องไห้ทำไมคะ ยังกลัวอยู่เหรอ?”

ท่าทีลนลานตาเหลือกตาปลิ้นของเขาทำฉันหลุดหัวเราะ

ทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย ฉันกำลังทั้งหัวเราะและร้องไห้

จนคนที่อยู่ตรงหน้าตามอารมณ์ไม่ทัน

“ขอบคุณพี่เอกมากนะคะสำหรับวันนี้ คงจะลำบากแย่ขับรถมาตั้งไกล”

“เฮ้อ~ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณน้องอิมปลอดภัยก็ดีแล้ว”

เรียวนิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกให้ฉัน พร้อมทั้งยิ้มให้อย่างอบอุ่น

อย่างที่ฉันไม่เคยได้รับจากใครนอกจากคุณอร

“อิมดีใจนะคะที่เห็นหน้าพี่

ถ้าไม่ได้พี่อิมคงทำอะไรไม่ถูก พี่เอกอยากได้อะไรตอบแทนสำหรับความดีในวันนี้ไหมคะ

อิมจะให้ทุกอย่าง”

“ไม่ต้องตอบแทนอะไรให้พี่ทั้งนั้นแหละค่ะคุณน้อง”

“ทำไมล่ะคะ?”

“อย่างแรกเลยมันเป็นเพราะหน้าที่

พี่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเรา พี่ย่อมมีหน้าที่ต้องดูแลเราอยู่แล้ว”

“…”

“อย่างที่ 2 ที่สำคัญมากๆ

เลยนะคะ พี่เป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจ ถ้าคุณน้องอิมเดือดร้อนพี่ก็ต้องช่วย

คนสวยไม่ใจร้ายหรอกค่ะ”

พูดจบพี่เอกก็ยกมือปัดผมสั้นๆ ที่ระต้นคอของตัวเองอย่างเชิ่ดๆ

นี่ถ้าเป็นเวลาปกติ ฉันคงด่าเขาว่า ‘มั่นหน้า’ ไปแล้ว

แต่นี่พึ่งจะผ่านช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานมา แล้วเขาก็พึ่งเป็นฮีโร่ขับ BMW สีขาวมาช่วยฉันเอาไว้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ฉันจะเออออห่อหมกตามไปก่อน

“ค่ะ พี่เอกกี้สวยมาก สวยที่สุดใน 3 โลกเลยค่ะ

แต่ถ้าในแดนนรกน่าจะสวยที่สุด” แต่สุดท้ายฉันก็อดที่จะแอบจิกกัดเขาไม่ได้อยู่ดี

“แหม~ พูดดีกับพี่ได้ไม่กี่ประโยคเองนะคะ กัดกันซะละ” เขามองค้อนใส่ฉันอย่างงอนๆ เรียกรอยยิ้มให้ฉันได้มากเลยทีเดียวกับท่าทางนั้น

“สรุปไม่เอารางวัลจริงๆ ใช่ไหมคะ?”

ฉันถามเขาอีกครั้งเผื่อเขาอยากเปลี่ยนใจ

ฉันไม่โกรธหรือมองไม่ดีหรอกหากเขาเรียกร้องอะไร

มันเป็นสิ่งที่ฉันเต็มใจจะให้เขาอยู่แล้ว

“ก็ถ้าจะให้รางวัลสำหรับความดีของพี่ในครั้งนี้จริงๆ

พี่ขอแค่ให้คุณน้องอิมเป็นเด็กดี หัดเชื่อฟังในสิ่งที่พี่บอกหรือขอให้ทำ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะค่ะ”

ไม่คิดเลยจริงๆ นะ

ว่าสิ่งที่เขาจะขอจากฉันจะเป็นเรื่องนี้ มันเกินที่คาดเอาไว้จริงๆ

และดูเหมือนมันจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากสำหรับฉันเสียด้วยสิ

ก็ฉันมันดื้ออ่ะ!

“เอ่อ...เปลี่ยนเป็น HERMES BIRKIN รุ่นลิมิเต็ดที่อยู่ในตู้กระเป๋าอิมแทนละกันนะคะ”

“กรี๊ด!! จริงเหรอคะคุณน้องอิม?”

และดูเหมือนพี่เอกจะถูกใจข้อเสนอใหม่ที่ฉันยื่นให้

นางรีบลุกพรวดและวิ่งเข้าไปในห้องเก็บกระเป๋าของฉันทันที

ก่อนจะถือเดินหมุนตัวออกมาด้วยหน้าตาที่ดูมีความสุขสุดๆ

แน่นอนสิ มันเป็นสิ่งที่ล้ำค้ามากสำหรับฉัน กว่าจะได้กระเป๋าใบนี้มาเลือดตาแทบกระเด็น

ออกอีเว้นท์รอบโลก 3 อาทิตย์ติด ไม่ได้หลับได้นอนขอบตาดำปี๋

ซึ่งก่อนที่จะอ้าปากเอ่ยออกมานั้น

ฉันก็คิดหนักอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้เลือกระหว่างเป็นเด็กดี ฉันยอมเสียเบอร์กิ้นรุ่นลิมิเต็ดดีกว่า

ดื้อเสมอต้นเสมอปลายค่ะ จบนะ?

เลือกตอน
1 INTRO…CHANGE YOU ความในใจของนักเขียน
2 CHANGE YOU PART 1 มิตรภาพจากคู่กัด
3 CHANGE YOU PART 2 ร้านหนังสือประหลาด
4 CHANGE YOU PART 3 ไอ้ชั่ว!!
5 CHANGE YOU PART 4 ยาไมเกรนต้องเข้าแล้วแหละ
6 CHANGE YOU PART 5 น้องมังคุดน้อย
7 CHANGE YOU PART 6 ภารกิจแม่นมอิม
8 CHANGE YOU PART 7 นาทีชีวิต
9 CHANGE YOU PART 8 ฉันเลือกนาย เจ้าทาส!
10 CHANGE YOU PART 9 ทาสหาย
11 CHANGE YOU PART 10 ช่วงชีวิตอันน่าสงสารของคุดน้อย
12 CHANGE YOU PART 11 เสี่ยงตายบ่อยไปนะ
13 CHANGE YOU PART 12 พาไปนั่งรถเล่น หรือว่าพาไปโชกเลือด
14 CHANGE YOU PART 13 สวัสดีความเป็นมนุษย์
15 CHANGE YOU PART 14 แฟน?
16 CHANGE YOU PART 15 การต่อสู้อันดุเดือด
17 CHANGE YOU PART 16 เธอคือ...สิ่งสำคัญ
18 CHANGE YOU PART 17 การพบกันครั้งแรก
19 CHANGE YOU PART 18 อยากเอาทาสไปปล่อยวัด
20 CHANGE YOU PART 19 หึง!!
21 CHANGE YOU PART 20 จ๊วบๆ
22 CHANGE YOU PART 21 รวยครับ ไม่พูดเยอะเจ็บคอ
23 CHANGE YOU PART 22 ถ้าไม่ไหวก็ต้องไปต่อ
24 CHANGE YOU PART 23 ถูกทิ้ง
25 CHANGE YOU PART 24 ความจริงที่มาพร้อมกับการสูญเสีย
26 CHANGE YOU PART 25 คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก แต่กลับคุ้นเคย
27 CHANG YOU PART SPECIAL ความน่าจะเป็น
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 27

1
INTRO…CHANGE YOU ความในใจของนักเขียน
2
CHANGE YOU PART 1 มิตรภาพจากคู่กัด
3
CHANGE YOU PART 2 ร้านหนังสือประหลาด
4
CHANGE YOU PART 3 ไอ้ชั่ว!!
5
CHANGE YOU PART 4 ยาไมเกรนต้องเข้าแล้วแหละ
6
CHANGE YOU PART 5 น้องมังคุดน้อย
7
CHANGE YOU PART 6 ภารกิจแม่นมอิม
8
CHANGE YOU PART 7 นาทีชีวิต
9
CHANGE YOU PART 8 ฉันเลือกนาย เจ้าทาส!
10
CHANGE YOU PART 9 ทาสหาย
11
CHANGE YOU PART 10 ช่วงชีวิตอันน่าสงสารของคุดน้อย
12
CHANGE YOU PART 11 เสี่ยงตายบ่อยไปนะ
13
CHANGE YOU PART 12 พาไปนั่งรถเล่น หรือว่าพาไปโชกเลือด
14
CHANGE YOU PART 13 สวัสดีความเป็นมนุษย์
15
CHANGE YOU PART 14 แฟน?
16
CHANGE YOU PART 15 การต่อสู้อันดุเดือด
17
CHANGE YOU PART 16 เธอคือ...สิ่งสำคัญ
18
CHANGE YOU PART 17 การพบกันครั้งแรก
19
CHANGE YOU PART 18 อยากเอาทาสไปปล่อยวัด
20
CHANGE YOU PART 19 หึง!!
21
CHANGE YOU PART 20 จ๊วบๆ
22
CHANGE YOU PART 21 รวยครับ ไม่พูดเยอะเจ็บคอ
23
CHANGE YOU PART 22 ถ้าไม่ไหวก็ต้องไปต่อ
24
CHANGE YOU PART 23 ถูกทิ้ง
25
CHANGE YOU PART 24 ความจริงที่มาพร้อมกับการสูญเสีย
26
CHANGE YOU PART 25 คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก แต่กลับคุ้นเคย
27
CHANG YOU PART SPECIAL ความน่าจะเป็น

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!