เมื่อฉันกลับมายังห้องนอน การได้เจอกับเขาผู้ชายคนนั้นทำให้ฉันได้เอาแต่คิดถึงหน้าอันคมคาย แววตา งดงามดั่งเพชรนิลจินดาที่แวววาวดั่งดวงดาวอันพร่างพรายสุกสกาวบนท้องฟ้า ยามรัตติกาล แววตาอันน่าหลงใหลใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างกับพระเอกในวรรณคดีไทยเจ้าชายผู้เลอโฉม หัวใจที่เคยแตกสลายอยู่เดิมกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาพลัน
จนฉันสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นแรงอยู่ภายในอก ฉันพยายามจะลืมเรื่องราววันนี้จนที่สุดฉันก็เผลอผล็อยหลับไปจนถึงเช้า
ช่วงเช้าวันต่อมายามฟ้าสาง พี่หญิง พี่แหลงได้มาปลุกฉันให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวก่อนไปทำบุญที่วัด เมื่อฉันได้ยินเสียงทั้งสองฉันจึงพยายยามลืมตาขึ้นมาจากหนังตาอันหนักอึ้งก่อนจะลุกขึ้นมาจากเตียงบิดขี้เกียจไปมา ซ้ายขวา ฉันพยุงตัวเองไปยังห้องนํ้าทำธุระส่วนตัวอาบนํ้าเส็จกลับเข้าห้องเพื่อแต่งตัวตามเช่นเดิม
โดยมีพี่หญิง พี่แหลงช่วยแต่งตัว แต่งหน้าทำผมให้อีกเช่นเคยแต่วันนี้พิเศษขึ้นมาหน่อยนึงมีผ้าอีกผืนพับทับตรงหน้าอกและพาดเฉียงขึ้นไหล่เหมือนสไบสวมเสื้อชุดไตยสีม่วง นุ่งซิ่นผ้าไหมสีคำสีม่วงกรอมเท้า เกล้าผมเป็นมวยประดับ ปิ่นปักผมทองแซมด้วยดอกเอื้องแซะ ฉันจึงเอ่ยถาม
"พี่หญิง พี่แหลงจ๊ะทำไมวันนี้ต้องใส่ผ้าพาดไหล่ด้วยล่ะเห็นเมื่อวานไม่ใส่นี่! " บ่าวใช้ทั้งสองจึงส่งยิ้มให้กันก่อนพี่แหลงจะเอ่ยขึ้น
" ก็เพราะเจ้านางต้องไปวัดไงเจ้าค่ะ ที่ใส่ผ้าพาดไหล่ก็เพื่อให้สุภาพมากขึ้นเหมาะแก่การเข้าวัดทำบุญเจ้าค่ะ " คำถามนี้สร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้ถูกถามอันมาจากความเอ็นดูเจ้านางของตน
" อ๋อออ อย่างนี้นี่เอง แล้วดอกเอื้องแซะที่ปักแซมอยู่บนหัวล่ะจ๊ะ"
ฉันถามบ่าวทั้งสอง ครานี้พี่หญิงจึงพลัดเป็นคนตอบบ้าง
" มีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณว่าหากนำดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและสวยมาแซมกับมวยผมถือเป็นการบูชาขวัญของตน บูชาเทวดาประจำกายที่สถิตเหนือเกล้า บูชาพระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนสถานยามที่ได้เข้าไปกราบไหว้ และเพื่อประดับให้สวยงามแก่ผู้พบเห็นเจ้าค่ะ "
" อ๋อออ ที่แท้ก็ด้วยเหตุผลนี้เอง ขอบใจพี่ทั้งสอง จ้ะ "
เมื่อแต่งตัวเสร็จฉัน พี่หญิง พี่แหลงจึงเดินลงมาหาท่านแม่ ท่านพ่อ และเจ้าพี่อ๋อนแลง ที่ห้องโถงเพื่อรวมตัวกันออกไปทำบุญที่วัด
" อรุณสวัสดิ์ เจ้าค่ะ เจ้าพ่อเจ้าแม่และเจ้าพี่อ๋อนแลง " พร้อมยกมือไหว้ทุกคนที่กำลังยืนรอฉันอยู่ในห้องโถงแห่งนี้
" อรุณสวัสดิ์ เช่นกันจ้ะน้องคำใส " ริมฝีปากบางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากแววตาเปล่งประกายแวววาวสุกสกาวจ้องมองมายังฉัน
นี่มันอะไรกันบ้า! ไปแล้วแค่คำพูดอรุณสวัสดิ์เพียงประโยคเดียวของเขาทำให้หัวใจของฉันสั่นคลอนรวมทั้งรอยยิ้มพิมพ์ใจของเขานั้นด้วย ฉันพยายามข่มใจและความคิดโดยการคุยกับตนเองในสมอง นี่อินฟ้าเธอห้ามยิ้ม เขินออกนอกหน้านอกตาเกินไปเดี๋ยวเขาจะติเตียนได้ว่าผู้หญิงคนนี้ช่างไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาซะเลยะเห็นผู้ชายก็กระดี้กระด๊า
ฉันพยายามหลบตาเขาที่จ้องมองมายังฉันยืนอยู่
" แม่ว่าทุกอย่างพร้อมหมดแล้วเราไปกันเถอะ แม่กับพ่อจะนั่งรถไปด้วยกันเห็นทีลูกต้องนั่งรถไปกับเจ้าพี่อ๋อนแลง กับหญิง แหลงเสียแล้วนะลูก " มหาเทวีคำใสได้พูดขึ้น
" เจ้าค่ะ เจ้าแม่ " เมื่อพูดคุยกันเสร็จทุกคนจึงต่างพากันเดินออกไปยังโรงจอดรถ ฉันเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า Ford รุ่น Model T รถยนต์แบรนด์ดังรุ่นสุดคลาสสิค ซึ่งในช่วงยุคสมัยนี้มีการส่งไปขายทั่วโลก สิ่งที่น่าทึงของรถคันนี้ก็คือพวงมาลัย ของคนขับนั้นเองมีทั้งพวงมาลัยซ้าย พวงมาลัยขวา
เพื่อให้เหมาะแก่การใช้ในแต่ละประเทศนั้นๆ
ฉันยืนนิ่งเม้นริมฝีปาก จับจ้องมองยานพาหนะโบราณคันนี้ซึ่งมันเหมือนกับอยู่ในความฝัน ฉันชอบรถยนต์คลาสสิครุ่นนี้ฉันเคยฝันว่าสักวันฉันจะต้องได้ขับมันให้ได้สักครั้งในชีวิต เบาะที่นั่งทั้งหมดบุด้วยหนังสีนํ้าตาลตัวรถทำจากโลหะ สีดำเงางามทั้งคันพร้อมมีโครงทรงเก๋ๆสี่เหลี่ยม ไฟหน้ารถวงกลมใหญ่ขนานคู่กัน บังโคลนที่ถัดจากบันไดข้างขึ้นมาเป็นทรงโค้งอยู่เหนือล้อที่ยังคงเป็นแบบลวดเป็นซี่ๆ
" น้องเป็นอะไรหรือเปล่า? " เจ้าจายอ๋อนถามอย่างจริงจังด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอินฟ้า
" เปล่า! เจ้าค่ะน้องไม่ได้เป็นอะไรแต่…น้องขอเป็นคนขับรถได้มั้ยเจ้าคะ แค่เจ้าพี่บอกวิธีควบคุมระบบรถมาก็พอและให้พี่หญิง พี่แหลง บอกทาไปยังวัดก็พอเจ้าค่ะ "
เจ้าจายอ๋อนแลง กับบ่าวทั้งสอง ต่างพากันอึ้งกับคำตอบที่ได้จากปากของฉัน ซึ่งใน ณ ช่วงเวลานี้ คือผู้ไม่มีใครขับรถเองเลยสักคนจึงถือเป็นเรื่องแปลกของในยุคนี้ แต่ฉันก็ไม่รีรอคำตอบจากเจ้าพี่อ๋อนแลง ฉันก้าวขึ้นเบาะคนขับทันที อีกฝ่ายจึงไม่สามารถปฏิเสธได้จึงทำตามที่ฉันบอก ภายในอีกแค่ไม่กี่นาทีต่อมาทุกคนที่อยู่บนรถก็รู้สึกทึ่งกับฉันที่สามารถขับรถได้โดยแค่สอนไม่กี่นาทีก็สามารถขับแล่นออกมาบนท้องถนนอันเป็นดินที่ยังไม่ใช่ถนนคอนกรีตหรือราดยางแต่อย่างใด
ก็จะไม่ให้ขับไม่เป็นได้ยังไงล่ะคะก็เล่นได้ขับรถออกไปทำงานทุกวันซะขนาดนั้นตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน
ผ่านมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงในที่สุดพวกเราก็ถึงวัดซึ่งเจ้าพ่อกับเจ้าแม่มาถึงก่อนเมื่อท่านเห็นฉันขับรถมาท่านก็ตกใจเจ้าแม่ได้แต่ถามกับเจ้าพ่อว่าฉันไปหัดเรียนขับรถยนต์มาตอนไหนท่านพ่อก็ได้แต่ยิ้ม พอใจกับสิ่งที่เห็นอย่างพึงพอใจ
ทันใดนั่นเองพอทุกคนเดินลงรถเจ้าแม่จึงพุ่งตรงเข้ามาถามทันควัน
" นี่ลูกไปหัดเรียนขับรถยนต์มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แล้วใครเป็นคนสอน? " เต็มไปด้วยแววตาแห่งความสงสัย
" ฝึกตอนขับมาวัดนี่แหละคะลูกให้เจ้าพี่จายอ๋อนแลงสอน " พร้อมส่งยิ้มให้เจ้าแม่ เจ้าพ่อ
" ขับเป็นก็ดีแล้วลูก เวลาไปไหนมาไหนจะได้สะดวก "
เจ้าพ่อพูดพร้อมแววตาแสนจะภาคภูมิใจในตัวของลูกสาวคนนี้เราทุกคนจึงเดินเข้าภายในบริเวณวัด พี่หญิง พี่แหลง ผ่องสะ และอุ่ง ได้ช่วยกันถือข้าวของที่จัดเตรียมมามาทำบุญ
ลักษณะวัดคล้ายวัดของล้านนาทางภาคเหนือของไทย ขณะที่ทุกคนนั่งอยู่ภายในวิหารวัดพระจึงได้พูดขึ้นกับฉัน
" เพราะผลกรรม และพรหมลิขิต จึงทำให้โยมได้มา
ณะ ที่แห่งนี้..คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันเหรอ ทำบุญเยอะๆนะโยมผลบุญจักได้นำทางโยมให้พ้นเคราะห์กรรม อาตมาก็พูดได้แค่นี้แหละโยม "
ถึงแม้ว่าคนอื่นที่นั่งอยู่ด้วกันจะไม่รู้ว่าหลวงพ่อท่านหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ฉันรับรู้ได้ว่าหลวงพ่อท่านกำลังสื่อถึงอะไรแต่ก็ไม่ทั้งหมดจะมีเวรกรรมอะไรมากกว่าการทะลุย้อนกลับบ้านที่นี่อีกเหรอเนี่ย! มันเหมือนกับว่าฉันกำลังตกอยู่ในฝันร้ายของตัวเองโดยหาทางออกจากฝันร้ายนั้นไม่เจอ
หลวงพ่อได้ให้พร ทุกคนที่อยู่ภายในวิหารแห่งนี้จึงพนมมือขึ้นรับพร้อมๆกัน ต่อด้วยหลวงพ่อรดน้ำมนต์
หลังจากทำบุญเสร็จทุกคนจึงออกจากวัดด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าสถาที่ต่างๆ ณะ ช่วงเวลานี้เป็นยังไงบ้าง ฉันจึงเอ่ยปากขอเจ้าพ่อกับเจ้าแม่ไปเที่ยวชมตลาดชุมชนต่างๆแต่คนที่นี่เขาจะเรียกว่ากาด ( กาด \= ตลาด )
" เจ้าแม่ เจ้าพ่อ ลูกอยากขอไปเยี่ยมชมกาดได้หรือไม่เจ้าคะลูกสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด " ฉันทำสายตายอ้อนวอนเพื่อให้เจ้าแม่ เจ้าพ่อใจอ่อน
" ก็ได้แต่..ลูกต้องให้เจ้าพี่อ๋อนแลง ไปด้วยนะ " มหาเทวีเจ้าฟ้าใสเบนสายตาไปยังเจ้าจายอ๋อนแลง
" ป้าฝากหลานดูแลน้องด้วยนะจ๊ะ " ยิ้มที่อบอุ่นถูกส่งผ่านโดยสายตาของมหาเทวีฟ้าใส
" ได้ขอรับเจ้าป้า หลานจะดูแลน้องคำใสให้ดีที่สุดขอรับ "
พร้อมส่งสายตาอันหวานเยิ้มไปให้กับฉันพร้อมส่งสายตาอันหวานหยาดเยิ้มยดย้อยมาทางฉันแววตาคู่นั้นช่างหวานเหลือเกินเป็นรอยยิ้มที่หวานจับจิตของผู้ที่ถูกมองดังนั้นจึงทำให้ฉัน อ่อนยวบลงทันใด ก่อนแยกย้ายกันขึ้นรถที่ตนนั่งมาและไปตามจุดมุ่งหมายของตน แต่ทว่า..พูดถึงคนขับรถครานี้ฉันต้องให้เจ้าจายอ๋อนแหลงเป็นคนขับเพราะหนทางที่จะไปนั้นไกลกว่าขับจากหอคำมายังวัด
เราทั้งสี่คน จึงนั่งรถไปตามจุดหมายที่ตั้งเอาไว้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments