เจ้าจายต่างเมือง

1 ชั่วยาม ต่อมา

           พี่หญิงกับพี่แหลงได้ วิ่งโร่ขึ้นมาข้างบนและเข้ามาในห้องนอนของเจ้านางคำใส 

 

           " เจ้านางคำใส…เจ้าฟ้าเมืองแสงกับมหาเทวีฟ้าใสให้ข้าเจ้าทั้งสองคน มาเรียกให้เจ้านางไปพบที่ห้องโถงใหญ่เจ้าค่ะ " 

            ฉันที่อยู่ในร่างของเจ้านางคำใสที่กำลังนอนอยู่บนเตียงได้ยินดังนั้นจึงลุกขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้กับบ่าวใช้ทั้งสองคน 

            " ใครคือเจ้าฟ้าเมืองแสงกับมหาเทวีฟ้าใสหรอจ๊ะพี่หญิงพี่แหลง! "   ฉันจึงถามเพราะความสงสัย

      " อ้าว…ก็เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ของเจ้านางไงล่ะเจ้าคะ "

บ่าวใช้ทั้งสองคน พูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายจากนั้น

แหลงจึงพูดขึ้น 

      " โธ่~เจ้านางของอีแหลงไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จมนํ้าในครั้งนี้จะทำให้เจ้านางฟื้นขึ้นมาแล้วจำทุกอย่างไม่ได้เช่นนี้ " 

       พี่หญิงได้เขยิบเข้าหาพี่แหลงแล้วกระซิบบอก

 

       " เจ้านางอาการหนักเอาการอยู่นะถึงได้ลืมได้แม้กระทั่งเจ้าพ่อกับเจ้าแม่ของเจ้านางเอง "

  

        ฉันไม่รู้เลยว่าท่านทั้งสองคือใคร หน้าตาจะเป็นแบบไหนได้แต่นั่งเงียบแล้วส่งยิ้มให้พี่หญิงกับพี่แหลงแบบมึนงงพอส่งยิ้มเสร็จฉันก็ลุกจากเตียงเดินไปหาพี่หญิงกับพี่แหลงแล้วตอบตกลง

      " โอเคร..งั้นไปพบท่านกันเถอะจ๊ะ "ถ้าฉันปฏิเสธไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี ต่อจากนั้นพี่หญิงและพี่แหลงก็ได้เดินนำหน้าออกจากห้องนอน

       

        ฉันเดินลงบันไดตามพี่หญิงกับพี่แหลง  ฉันแอบชำเลืองมองฝาผนังและส่วนอื่นๆของภายในเรือนหลังนี้ฉันได้เห็นภายในตัวเรือนข้างนอกห้องนอนครั้งแรกตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาในร่างนี้

       เรือนหลังนี้เป็นเรือนโคโลเนียลซึ่งได้รูปแบบมาจากเรือนยุโรปซึ่งมีหลายห้องมีสอง ชั้น ผนังเรือนถูกทาด้วยสีขาวและมีชุดเก้าอี้รับแขกแบบยุโรปมีแจกันดอกไม้ประดับประดาตามโต๊ะอย่างสวยงาม  รวมทั้งนาฬิกาแขวนผนังสไตล์ยุโรป เลขโรมัน

       ฉันเบนสายตาเข้าไปยังห้องโถงใหญ่เห็นผู้หญิงวัยกลางคนกับผู้ชายวัยกลางคนสองคน นั่งรอยู่ภายในห้อง เธอสวมเสื้อสีทองเสื้อผ่าหน้าแขนกระบอกเอวสั้นตกแต่ง

         ลวดลายสวยงามด้วยการปักตกแต่งลวดลายตามขอบนุ่งซิ่นไหมคำสีทอง ไว้ผมยาวเกล้าเป็นมวยประดับด้วยปิ่นปักผมที่ทำจากทองคำ

          เขาใส่เสื้อคอกลมแขนยาวสีกากีติดกระดุมผ้าคล้ายไส้ไก่ขมวดเป็นปมพร้อมตกแต่งลวดลายสวมกางเกงขาก๊วยเป้าตํ่าสีกากีทั้งชุดรวมทั้งโพกหัวพันผ้าห้อยก็ด้วย โดยมีบ่าวใช้นั่งรออยู่ด้วยบนพื้นภายในห้องนั้นด้วยและเมื่อได้เห็นหน้าท่านทั้งสองคนชัดๆฉันก็อ้าปากค้าง

      พ่อ…แม่ของฉัน!

    

     " นั่งลงซิลูกแม่กับพ่อและทุกคนกำลังรอลูกอยู่ "

ฉันนั่งลงเก้าอี้ข้างๆท่านทั้งสองทั้งที่ยังจ้อง ' มหาเทวีเจ้ากับเจ้าฟ้า '  ของผู้คนเหล่านั้นไม่วางตา

 

      พ่อ…แม่!  เหมือน…เหมือนพ่อกับแม่ของฉันมากแค่ดูมีสง่าราศรี อำนาจบารมีมากกว่า  ความสงสัยในหัวสมองของฉันมันผุดขึ้นมายังกับดอกเห็ดอยู่เป็นหมื่นล้านแต่ไม่สามารถบอกกับใครได้ฉันเชื่อแล้วว่าทำไมตาฉันถึงเชื่อเรื่องเราทุกคนในชาตินี้ที่ได้เจอกันรักกันเป็นครอบครัวเดียวกันล้วนแต่เคยร่วมทำบุญทำกรรมด้วยกันมา หรือนี่จะเป็นชาติก่อนของฉัน พ่อ แม่ กันนะ!

     …ถึงว่า ท่านทั้งสองถึงได้ชอบวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่เอามากๆแถมยังมียศถาบรรดาศักดิ์อีกต่างหาก ที่แท้ชาติก่อนก็เป็นเจ้าฟ้าเจ้านางของชาวไทใหญ่ นี่เอง แถมพื้นเพแม่ของฉันเป็นคนจังหวัดแม่ฮ่องสอนและไปพบรักกับพ่อที่กรุงเทพท่านทั้งสองจึงตกลงปลงใจกันแต่งงานและใช้ชีวิตครอบครอบอยู่ที่กรุงเทพ ฉันกับพี่สาวเกิดและโตที่กรุงเทพแต่ก็ชอบกลับไปพักผ่อนที่บ้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในช่วงวันหยุดต่างๆเป็นประจำ

      " ลูกหายดีแล้วใช่มัยจ๊ะรู้มั้ยว่าแม่กับพ่อเสียใจแค่ไหนที่เห็นลูกนอนแน่นิ่งหยุดหายใจแบบนั้นแม่คิดว่าจะไม่ได้พูดคุยกับลูกอีกแล้ว มาให้แม่กอดที " 

       ฉันกับแม่ ( ในอดีต ) สวมกอดกัน ท่านใช้มือลูบเส้นผมบนหัวฉันอย่างเบามือ

      " ทีหลังลูกจะทำอะไรก็ต้องระวังให้มากกว่านี้นะลูกรู้ไหมว่าแม่เขาเสียใจมากแค่ไหนที่เห็นลูกเกือบตายแบบนั้น..แต่ตอนนี้ถ้าหายดีก็ดีแล้ว " 

 

       นอกจากหน้าตาเหมือนเสียงยังเหมือนอีกด้วย

      " ยินดีกับมหาเทวีฟ้าใส กับ เจ้าฟ้าเมืองแสง ด้วยนะขอรับ ที่ได้เจ้านางคำใสฟื้นกลับคืนมา " จายปานจิ่งได้พูดยินดีด้วย

       " ขอบใจจ๊ะ เราทั้งสองก็ดีใจมากเช่นกัน  "  

และไพร่พลทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ก็ต่างพากันแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน

       

       " เจ้าพี่เห็นทีเราควรจัดพิธี 'ฮ้องขวัญ ' ให้กับลูกคำใสนะเจ้าคะเพื่อเป็นศิริมงคลและเรียกขวัญกลับมาสู่เจ้าตัวด้วยเจ้าค่ะ "

       " ได้สิงั้นพี่จะให้ปานจิ่งบอกคนอื่นๆให้เตรียมงานวันนี้เลย "  

       เจ้าฟ้าเมืองแสงจึงได้สั่งการแก่บ่าวใช้ทั้งชายหญิงให้ช่วยกันเตรียมงานเรียกขวัญให้แก่ลูกสาวบ่าวใช้ทุกคนจึงต่างพากันรีบไปช่วยเตรียมงานร่วมถึงพี่หญิงกับพี่แหลงด้วย ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีได้แต่ยิ้มและพูดขานรับค่ะอย่างเดียวที่ฉันสามารถทำได้

      "  นี่แม่ก็ให้คนไปเรียกพี่สาวเรากับสามีมาตั้งนานแล้วนะแต่ทำไมยังไม่มากันอีก "

      " สงสัยลูกๆคงน่าจะติดธุระกันอยู่แหละมั้ง "

      " เจ้าพี่ ลูกเหมยคำ ตั้งแต่ออกเรือนกับลูกชายเจ้าของเหมืองอัญมณี นั้นก็ไม่ค่อยมาพบปะกับเราเลยนะเจ้าค่ะ แถมลูกเขยคนนี้ดันขี้เมาเจ้าชู้อีกต่างหากไม่รู้ว่าลูกเราไปทำอีท่าไหนถึงได้หลงรักอยากออกเรือนกับจายเหลิน ได้น้องไม่อยากจะคิดต่อเลยคิดแล้วปวดหัว "

      " พี่สาวเหรอคะ! " ฉันมองหน้ามหาเทวีฟ้าใส

      " ใช่จ๊ะพี่สาวของลูกไง พี่เหมยคำ ไงลูกจำไม่ได้

เหรอโธ่~ ลูกแม่ ถือว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาฟาดเคราะห์ฟาดโศกนะลูกนะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็จำได้เอง "

     

       โอ๊ยยย หัวฉันจะปวดไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับใครหรือว่าอยู่ที่นี้ยาวนานอีกแค่ไหนถึงจะได้กลับสู่ยุคปัจจุบันตอนนี้ฉันรู้สึกลุ้นระทึกตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนลุ้นหวยออกซะอีก

   

      " เจ้าน้อง วันนี้เจ้าฟ้าหาญแลง กับมหาเทวีแสงเฮิน เชียงตุงได้ส่งลูกชายคนโตมาพูดคุยหารือเรื่องการค้ากับทางเรานะ ทำไม..ยังมาไม่ถึงอีก! "

      "จริงด้วยเจ้าค่ะ เจ้าพี่น้องดีใจเรื่องลูกจนลืมไปเลยว่าว่าหลานจะมา "

      " เจ้าพี่อ๋อนแลง จะมานะลูก ตอนเด็กลูกชอบวิ่งเล่นกับพี่เขาตอนพี่เขามาเยี่ยมที่แสนหวีบ่อยครั้ง จนกระทั่งลูกทั้งสองเริ่มโตเป็นหนุ่มสาวจึงได้ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษทำให้ไม่ได้เจอกันอีกเลยลูกคงจะดีใจมากแน่นอนตอนได้เจอกับพี่เขาอีกครั้ง เดี๋ยวไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆนะลูก จะได้เข้าร่วมพิธีกับรอเจอพี่เขา "

      " ค่ะ " คำพูดแสนจะสั้นแต่เต็มไปด้วยความมึน ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงดีคือฉันไม่ได้ขวัญหลุดลอยไปไหนแต่ฉันไม่ใช่ลูกของพวกคุณฉันคืออินฟ้าดีไซเนอร์สาวไฟแรงจู่ๆก็ได้ย้อนเวลากลับมาอยู่ในของร่างลูกของพวกคุณต่างหากล่ะโอ๊ยยย! หัวฉันแทบจะระเบิดออกมาเป็นภาษาเอเลี่ยนอยู่แล้วฉันต้องมาเข้าพิธีฮ้องขวัญ กับรอเจอ

 เจ้าจายอ๋อนแลง อะไรนั้นอีกโอ๊ยยย เวรกรรมของอินฟ้าเอ๊ยยย เวรกรรม..เวรกรรม

     " ขึ้นไปเตรียมตัวเถอะลูกเดี๋ยวแม่จะบอกให้หญิงกับแหลงขึ้นไปช่วยแต่งตัวให้ " 

     พอฉันตอบตกลงพวกท่านก็เดินออกไปจากห้องโถงเพื่อที่จะไปดูการเตรียมงานและบอกให้พี่หญิงกับพี่แหลงมาช่วยแต่งตัวให้ฉัน

     เมื่อพี่หญิงและพี่แหลงได้พาฉันมาอาบน้ำฉันก็ต้องตกใจคือในห้องอาบนํ้ากับห้องปลดทุกข์อยู่ห้องเดียวกันแต่แค่มีฝาผนังกั้นแต่ที่สำคัญคือห้องนํ้าหรือห้องปลดทุกข์มีลักษณะคล้ายคลึงกับของไทยปัจจุบันในต่างจังหวัดแถบชนบทเป็นส้วมแบบนั่งยองๆโดยใช้นํ้าล้างทำความสะอาดและใช้กระดาษทิชชู่เช็ดตูดนั้นเองส่วนห้องอาบนํ้าก็จะมีขันอยู่ในถังที่เอาไว้เก็บนํ้าไว้อาบ

      ฉันจึงเริ่มเอะใจรู้ว่าฉันน่าจะย้อนกลับมาในยุคประมาณปี พ.ศ. 2439 เพราะในยุคนั้นทุกอย่างเริ่มทันสมัยแต่ก็แค่เริ่มอ่ะนะยังไม่ถึงกับว่าทันสมัยซะทีเดียว

ฉันได้คิดคำนวณในหัวนำปีพ.ศ.ปัจจุบันมาลบกับปีที่ฉันได้ย้อนกลับมา ห้ะ! ประมาณ 127 ปี ผมรู้สึกตกใจกับในปี พ.ศ. ที่ฉันย้อนเวลากลับมาเป็นอย่างมาก

      ฉันจับขันตักนํ้ามาราดลงบนบ่าเรื่อยลงมายังลำตัวเพื่อพยายามทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน วิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากจนเกินไปพร้อมกับคิดว่าในเมื่อมาได้มันก็ต้องมีทางกลับได้!

       ดังนั้นฉันจึงรีบอาบนํ้าทำธุระส่วนตัวให้เสร็จแล้วเดินเข้าไปยังห้องนอนเพื่อให้พี่หญิงกับพี่แหลงแต่งตัวให้ 

ฉันได้เลือกใส่ชุดสีชมพูอ่อนนุ่งซิ่นไหมคำซึ่งฉันมีความชอบผ้าซิ่นไหมคำ

          เป็นการส่วนตัวอยู่แล้วตั้งในยุคปัจจุบันพี่หญิงพี่แหลงได้ช่วยกันแต่งตัวแต่งหน้าและลงเครื่องประทินผิว

                 พี่แหลงทำการเกล้าผมให้เป็นมวยแก่ฉันพร้อมใช้

       ปิ่นปักผมที่ทำจากทองมาเสียบไว้กับผมเพื่อทำให้ผมไม่ หลุดแซมดอกเอื้องแซะบนมวยผมด้วย

      แล้วพาฉันลงมาเข้าร่วมพิธีฮ้องขวัญที่ลานกว้างร่มรื่นบนพื้นเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวซึ่งถ้าอยู่คนเดียวน่าถอดรองเท้าไว้แล้ววิ่งเล่นมาก ถัดไปเกือบติดรั้วมีทั้งต้นมะพร้าวที่มีลูกมะพร้าวอยู่บนต้น 

      ต้นไม้น้อยใหญ่ต่างแข่งกันแผ่ขยายกิ้งก้านสาขาอย่างร่มรื่นพร้อมทั้งมีเสียงนกเจื้อยแจ้วเกาะอยู่บนกิ่งของมัน ลมได้พัดมาอย่างเย็นสบายผิว

       ในงานบรรดาเครือญาติ ไพร่พล บ่าวในเรือนต่างพากันมาร่วมงานและได้จัดโต๊ะเก้าอี้ต่างๆไว้พร้อมหมดแล้วผู้ที่เข้าร่วมพิธีฮ้องขวัญ  มีหมอขวัญเจ้าของขวัญ ( อินฟ้า ) ญาติพี่น้องที่เข้าร่วมพิธีเรียกขวัญ อุปกรณ์ประกอบพิธีกรรมมีเครื่องบายศรี (ทำจากใบตองและดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม ประดิษฐ์เป็นชั้นสวยงาม)

     ไข่ต้ม ข้าว กล้วย น้ำ ใบพลู หมากเมี่ยง บุหรี่ 

      ด้ายดิบและด้ายผูกข้อมือ   เมื่อฉันลงมาถึงเจ้าฟ้า

     เมืองแสงกับมหาเทวีฟ้าใสก็ได้ให้หมอขวัญได้เริ่มทำพิธีได้  เลยเพราะถึงฤกษ์ทำพิธีแล้ว

                 หมอขวัญจึงเรียกฉันมานั่งในส่วนที่ได้เตรียมไว้สำหรับเจ้าของขวัญและเริ่มทำพิธีโดยการเริ่มกล่าวคำอัญเชิญเทวดา บทฮ้องขวัญ ต่อมาได้ทำการเสี่ยงทายว่าขวัญมาแล้วหรือยังพอหมอขวัญบอกขวัญมาแล้วจึงได้เอาน้ำมนต์มาพรมให้กับฉันพร้อมทั้งอวยพร้อมให้อยู่เย็นเป็นสุข และใช้สายสิญจน์มามัดมือซ้ายให้ขวัญมา และมัดมือขวาเพื่อให้ขวัญอยู่กับเนื้อกับตัวจากนั้นผู้คนที่มาร่วมงานก็ได้ร่วมกันรับประทานอาหารและฉัน ( เจ้าของขวัญ ) ร่วมทานอาหาร ทานไข่ต้ม ที่ประกอบพิธี

         เจ้าฟ้าเมืองแสง มหาเทวีฟ้าใส ก็ได้พูดคุยระหว่างทานอาหาร  " นี่งัยพี่สาวของลูกและนั้นคือพี่เขย " มหาเทวีฟ้าใสพูด   ฉันก็อ้างปากค้างอีกครั้ง

          

          พี่เอื้องฟ้า  พี่สาวของฉัน!   ไอ้อัสดม ไอ้พี่เขยสารเลวไม่คิดเลยว่านอกจากในปัจจุบันได้เป็นพี่เขยฉันแล้วในอดีตก็ยังตามมาเป็นพี่เขยฉันอีกฉันล่ะเกลียดมันจริงๆ

          " คำใส น้องสบายดีแล้วใช่มัยจ๊ะ ขอโทษนะที่พี่ไม่ได้มาตอนที่น้องฟื้น ( ตอนที่เจ้าฟ้า มหาเทวี เรียกให้ไปพบ ) พอดีพี่ติดธุระด่วนอยู่ แต่..น้องฟื้นก็ดีแล้ว " พร้อมส่งยิ้มมาให้ฉัน

          " ขอบคุณค่ะ " ฉันยกมือไหว้

          " คราวหน้าก็หัดระมัดระวังตัวให้ดีกว่านี้หน่อยนะ! จะได้ไม่ต้องเป็นภาระ และสร้างความทุกข์ใจเสียใจให้กับคนอื่นเขาอีก" 

         " ฉันก็ไม่อยากจะทำตัวให้เป็นภาระ สร้างความทุกข์ใจเสียใจให้กับคนอื่นเหรอกค่ะ แต่เพราะว่ามันเป็นอุบัติเหตุไงค่ะซึ่งอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วคุณไม่รู้เหรอคะนอกจากครอบครัวรวยมีเงิน ทรัพย์สิน แล้วอีกอย่างที่ควรจะมีคือความรู้และมารยาทของการเป็นผู้ดีถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะมีนะค่ะ คุณพี่เขย! " 

           ฉันตอบกลับแบบนิ่มๆแต่เจ็บลึกไอ้นี่มันเลวจริงนอกจากเลวในปัจจุบันแล้วในอดีตก็ไม่เว้นเลวได้ใจจริงๆ

           จายเหลินไม่พอใจอย่างหนักยืนขึ้นจากเก้าอี้แล้วใช้มือทุบโต๊ะอาหารเสียงดัง ปึง! ทุกคนต่างพากันตกใจ สายตาจากโต๊ะอื่นกต่างพุ่งตรงจับจ้องมาที่จายเหลินเป็นตาเดียวกันอย่างพร้อมเพียง

            " นี่เธอกล้าด่าฉันเหรอ! " เขากัดฟันกรอด

            " ใช่…แล้วทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะ? " ดวงตาฉันเข้มแข็งขึ้นอย่างน่ากลัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะตอนนี้ความอดทนของฉันมันได้มาถึงขีดสุดแล้ว

            อัสดม กรามขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน จากนั้นเขาก็ได้กระทืบเท้าจากไปด้วยความโมโห

            " ขอโทษแทนสามีพี่ด้วยนะคำใส เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ด้วยเจ้าค่ะ พอดีเจ้าพี่เครียดเรื่องงานมากเกินไปก็เลยทำให้อารมณ์เสียง่ายน่ะค่ะช่วงนี้ลูกขอตัวกลับคุ้มก่อนนะเจ้าคะ "  

             รีบเดินตามหลังสามีของตนกลับคุ้มไป  เจ้าฟ้าเมืองแสน มหาเทวีฟ้าใส ต่างพากันแปลกใจที่เห็นลูกสาวคนเล็กของตนโต้ตอบกับจายเหลินอย่างกล้าหาญซึ่งปกติแล้วเจ้านางคำใสแต่ก่อนเป็นคนใจดีอ่อนแอใครดุด่าอะไรก็จะไม่ถือสาอยู่แบบเงียบๆแต่มาวันนี้กลับนิสัยเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน

         " อย่าไปสนใจคนพาลเลยนะลูก เดี๋ยวรอ..เจอเจ้าพี่อ๋อนแหลง ดีกว่า เดี่ยวนี้พี่เขาคงจะโตเป็นหนุ่มรูปงามแล้วแน่เลย "

                                     

         " ค่ะ เจ้าแม่ " ฉันได้พยายามพูดตามที่ได้ยินที่เขาพูดกัน  เพื่อให้กลมกลืนกับคนที่นี่ อย่างที่คนเฒ่าคนแก่เคยพูดกันว่า

         ' เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม '  พอทุกคนทานอาหารกันเสร็จเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ก็ได้นำเอาเครื่องบายศรีไปวางไว้ที่หัวนอนในห้องนอนของฉัน  จู่ๆก็ได้มีเสียงฝีเท้าวิ่งตรงมายังห้อง 

  

         " เจ้าจาย อ๋อนแลง มาถึงแล้วขอรับ ตอนนี้รออยู่ในห้องโถงใหญ่ขอรับ  " พร้อมหน้าตาตื่น

        " ลงไปกันเถอะเจ้าน้อง หลานมาแล้ว " 

        " เจ้าค่ะเจ้าพี่  ไปลูกลงไปพบเจ้าพี่ของลูกดีกว่า " ทั้งสองจึงเดินนำฉันลงมายังห้องโถงใหญ่

        " สวัสดีขอรับ เจ้าป้า เจ้าลุง และ… ? " เสียงชายหนุ่มกล่าวทักทายนํ้าเสียงนุ่มนวลอย่างสุภาพน่าฟัง

        " สวัสดีเช่นกันจ้ะ "  ทั้งสองพูดทักทายกลับ

 

        " หลานรัก นี่คือน้อง คำใส ไงจ๊ะเด็กผู้หญิงที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันกับหลานตอนเด็กๆงัยล่ะ แต่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว " พร้อมรอยยิ้มอย่างจริงใจ

        " น้องคำใส นี่โตมางามได้ เจ้าป้า จริงๆนะขอรับ "

พร้อมส่งยิ้ม จ้องมองมายังฉันอย่างไม่วางตา แววตาคู่นั้นทำฉันรู้สึกหัวใจฉันเต้นแรงแทบจะทะลุอกมาข้างนอก

         เจ้าชายเชียงตุงผู้ที่ถูกขนามนามว่าเป็นเจ้าชายที่รูปงามที่สุดในเชียงตุง ณ เวลานี้ ได้เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดความงามของพระราชาธิดาคนเล็กของเจ้าฟ้าเมืองแสง มหาเทวีฟ้าใส แห่งเมืองแสนหวี เจ้าชายได้ส่งร้อยยิ้มแสนหวานปานนํ้าผึ้งให้กับเจ้าหญิง

         " สวัสดี เจ้าพี่อ๋อนแลง ซิลูก " 

         " สวัสดี เจ้าค่ะ เจ้าพี่อ๋อนแลง " 

          ฉันถึงกับยืนอึ้งให้กับผู้ชายคนนี้เขาหล่อ…หล่อมากหล่อเหมือนพระเอกในเทพนิยาย ใบหน้าคมคาย คิ้วเข้มดกดำดวงตามีลักษณะเป็นตาหงส์ ตาเล็ก เรียวยาว หางตายกขึ้น บอกถึงผู้ที่มีสติปัญญาดี กระฉับกระเฉง เป็นผู้มีบารมี มีความสง่างาม ได้รับความเคารพนับถือจากคนรอบข้างอยู่เสมอเขาใส่ชุดไตยสีกากีพันผ้าโพกหัวพันห้อย

          " สวัสดี เช่นกันครับ น้องคำใส ไม่ได้เจอกันตั้งนานโตขึ้นเยอะเลยนะ งามจนพี่แทบจำไม่ได้เสียแล้ว "

          ทำไมฉันถึงได้รู้สึกคุ้นเคย ผูกพันกับเขาแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับพี่ชาวีมาก่อน! ทำไมกัน! ทั้งๆที่ฉันไม่เคยพบหรือเจอเขามาก่อนแท้ๆกลับรู้สึกผูกพันกับเขาอย่างบอกไม่ถูก

           " ป้าให้คนเตรียมห้องพักไว้ให้แล้วนะ  มาเหนื่อยๆ ตอนนี้หลานสามารถไปพักได้เลยนะ เพราะถ้าอยากคุยกับน้องตอนนี้ป้าคิดว่า…เริ่มดึกแล้ว ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่า "

           " คำใส ลูกขึ้นไปนอนได้แล้ว ประเดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสาย แม่จะพาลูกไปทำบุญที่วัดเพื่อสะเดาะเคราะห์ "

           " เจ้าค่ะ เจ้าแม่ เจ้าพ่อ ลูกขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนะเจ้าคะ..เจ้าพี่อ๋อนแลง " 

           อินฟ้าส่งยิ้มแล้วรีบเก้าเท้าขึ้นห้อง ชายหนุ่มก็ได้พยักหน้าเพื่อเป็นการตอบรับแทนคำพูด  ชายหนุ่มมองตามหลังของอินฟ้าอย่างไม่วางสายตา

            เจ้าฟ้าเมืองแสงได้กระแอมเสียง เพื่อให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้กับลูกสาวของตนแค่สองคน เท่านั้นแต่ยังมีท่านทั้งสองอีก  

             " ลุงคิดว่า..หลานไปพักผ่อนที่ห้องเถอะประเดี๋ยวลุงจะให้คนนำสำรับอาหารเย็นไปให้ที่ห้องนะ ลุงกับเจ้าป้าไปนอนก่อนแล้วพรุ่งนี้ไปทำบุญที่วัดกัน " 

             เจ้าฟ้าเมืองแสงได้ยื่นมือตบไหล่หลานชายแบบเบามือ ก่อนเดินขึ้นไปบนห้องกับมหาเทวีฟ้าใส 

    

             " ป้า ของตัวไปนอนก่อนนะจ๊ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ "

               กลับมายังห้องพัก ชายหนุ่มก็ได้เอาแต่นั่งเหม่อลอยคิดถึงหน้าหญิงสาวที่เพิ่งได้พบกันหลังจากไม่ได้เจอกันมานานหลาย 10 ปี   เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนเสียงผู้หญิงพูดขึ้น  

 

            " อาหารมาแล้วเจ้าคะ เจ้าจาย " พร้อมกับเปิดประตูนำสำรับอาหารเข้ามาวางไว้ให้ที่โต๊ะ  ก่อนจะเดินออกไปบ่าวใช้ได้พูด

            " ถ้าเจ้าจายอยากได้อะไรเพิ่มหรือมีอะไรขาดตกบกพร่อง ก็สามารถเรียกบ่าวทุกคนข้างนอก ได้ตลอดเลยนะเจ้าคะ " 

       " ได้ ถ้าเรามีอะไรเดี๋ยวเราเรียกเองไปพักเถอะ " 

เจ้าจายอ๋อนแลง   บ่าวใช้จึงก้าวเท้าออกจากห้องพักของเจ้าจายอ๋อนแลงพร้อปิดประตูให้คืน เจ้าจายอ๋อนแลง จึงเดินไปลงกลอนประตู แล้วมานั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะ 

 

        หลังจากทานข้าวเสร็จจึงได้เรียกบ่าวให้มาเก็บสำรับอาหารออกไปจากห้องพักของตน  

         ในเวลาคํ่าคืนที่มืดสนิท มองไม่อาจเห็นอะไรที่กลางวันสามารถมองเห็นได้...แต่ยังมีแสงระยิบระยับจากดวงดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า  

          เมื่อมองออกไปจากทางหน้าต่างจึงทำให้ผู้ที่มองนั้นรู้สึกเงียบเหงาหว่าเว้ ชวนให้คิดถึงคนอันเป็นที่รัก หรือกำลังตกหลุมรักอยู่ 

           เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องแว่วดังเสนาะหูเจ้าจายผู้เลอโฉมจึงได้แต่งกลอนพรํ่าเพ้อพรรณนา ถึงหญิงสาวที่เพิ่งได้พบกัน  

           แต่หญิงสาวผู้นั้น  กลับได้ครอบครองใจของเจ้าจายเสียแล้ว 

หลงเอ๋ยหลงละเมอรัญจวนจิต     

นั่งนึกคิดถึงนวลน้องกัลยา

จักกินนอนรำพึงแด่กานดา

จะหลับตาข่มจิตคิดถึงนาง

ผิวเจ้างามโสภาดั่งจันทร์ฉาย

เจ้างามตาดุจดั่งบุปผกา

ยามเจ้ายิ้มหวานจิตติดตรึงตรา

สวยหยาดฟ้าทั่วหล้านภาเอย

                       

         

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!