หลังจากที่ได้คุยกับท่านเจ้าอาวาสเรียบร้อย ฉันนั้นก็เลยมีความคิดที่ว่า ช่วงวันที่เหลือของวันนี้ตลอดจนถึงช่วงเวลาทำวัดเย็น จะตั้งอกตั้งใจตั้งมั่น สงบจิตใจในการสร้างบุญกุศลให้มากที่สุด
จะตั้งใจสวดมนต์
จะตั้งใจทำสมาธิ
วันนี้ฉันจะพยายามสำรวมให้มากๆ ถึงแม้สมองและจิตใจ จะไม่เคยสำรวมได้เลยแม้แต่น้อย และเมื่อทำกิจ ครบทุกสิ่งอย่างแล้วก็… จ้ะ!…ตามนั้แหละ เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม เดินออกจากโบสถ์พระพี่เลี้ยงก็เดินกลับมาด้วยนะ
แหมม ช่างมีน้ำใจ รู้ว่าเราขี้กลัว มีน้ำใจมาส่งที่กุฏิด้วย ต้องซึ้งใจ ชริ๊อ้ะ? (ใช่ป่ะ \=ใช่หรือไม่) แต่ก็เอาเถอะ
เมื่อเข้ามาในกุฏิแล้ว เราก็เปิดไฟ กางมุ้ง นั่งทำสมาธิ ที่สำคัญหยิบเอาที่กรวดน้ำหลังจากเจอเจ้าอาวาสเมื่อตอนบ่ายมาทิ้งไว้ที่กุฏิแล้วด้วยน้ำพร้อม คือพร้อมมาก กับการทำภารกิจนาตาชา ในวันนี้ (แล้วก็เกียมสูขิต ที่หน้าผาเหวที่ดาววอเมีย) {ระวังสบงเปิดด้วยนะ น่ากลัวเวอร์ต้องตายแบบเมคอิดแฮปเพ้นเมเบอร์รีนนิวหยวกด้วยนะ}
ถามว่าพอมืดแล้วกลัวไหม!? ก็บอกเลยว่า…กลัวค่ะ กลัวมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทางนี้เป็นทางเดี่ยวที่คิดออกแล้ว เมื่อทำสมาธิ ได้พักนึงฉันก็ต่อด้วยการสวดมนต์ ตามหนังสือสวดมนต์นั้นแหละ ถามว่าบวชมาหลายวันแล้ว จำอะไรได้ซักบทไหม ตอบเลยไม่เลยจ้ะ บทสวดนางชอบจู๊คฉันอะ ท่อนนั้นซ้ำท่อนนี้ แล้วเอาคำต้นไปไว้คำท้ายบ้าง ตัดท่อนนั้นมาปะท่อนนั้น ซิกแซกเก่ง บทสวดหรือจักร์เย็บผ้าก็ไม่รู้ พออยากจะสวดแบบไม่ดูหนังสือ ก็สวดได้ไม่จบ สวดไปสวดมา มันวนกลับมาที่เก่าเฉย คือเก๋มาก อยากสวดจบก็อ่านเอาเถอะ เวลามีน้อย เมื่อสวดมนต์ไปหางตาก็เหลือบมองนาฬิกาไป ก็เห็นว่าเวลาก็ผ่านมาถึงตีหนึ่งเศษๆ แล้ว กลัวว่าจะเลยนัดหมายตีสอง เวลา live in concert ของหลวงพี่เขา เราเลยตัดสินใจ รีบ ท่องแผ่เมตตา และสวดกรวดน้ำ
เท่าที่เคยได้ยิน เท่าที่เคยได้ฟัง คงจะมีแค่บทกรวดน้ำนี้แหละที่พอจำได้ หมายถึงสวดย่ออะนะ
แบบว่า ย่อไป โย้ว ย่อ ย่อ อิอิ ล้อเล่นๆ แซวๆๆ
เสร็จแล้ว ในหัวก็มีคำพูดของยายแหละ ก็ไม่รู้ว่ามันจริงแท้อะไรแค่ไหนนะว่า หลังกรวดน้ำเสร็จ ก็ต้องเอาไปเทลงโคนต้นไม้หรือดิน เพื่อให้น้ำเป็นสื่อกลางน้ำเอากุศลที่เราอุทิศให้ไปยังผู้รับ (เคอรี่เอ็กเพรสเลยจ้า!!!) เราก็เห็นว่าหน้ากุฏิมีต้นไม้อยู่พอดี ไม่ไกล เพราะครั้นจะให้เดินเอาไปเทที่ต้นโพธิ์ใหญ่ของวัด นั้นก็….
เอิ่ม กรุณาดูเวลาด้วย…ห่านจิก…และบรรยากาศต้นโพธิ์ใหญ่ตอนเย็นก็หลอนเหลือทนแล้ว แล้วดูตอนนี้คงไม่ใช่เวลานี้ที่จะไปอะ แหมม…โคนต้นไม้ต้นไหนก็ไปถึงเหมือนกันแหละป่ะ กล้าลงจากกุฏิมาเทกรวดลงดินก็ดีแล้วเนี้ย แม่งเอ่ย เวลาหลวงพี่ก็ใกล้จะมาถึงแล้วด้วย
ข้างในก็จะมา อิพวกข้างนอกก็จะมาวนเวียน แถวนี้ไหมก็ไม่รู้ ที่วัดนี้มันควรจะเป็นที่ปลอดภัยมิใช่รึ ศูนย์รวมชัดๆ ในใจนี้สั่นยิ่งกว่ากลองเพล กลัวจะเจอทั้งนอกทั้งใน กูจะไปทางไหนดีละเนี้ย แค่คิดไปก็กลัวแล้ว แต่ก็คิดไปเดินไป จนเทน้ำลงดินเสร็จ ก็อุทิศตรงจ้ะ จ่าหน้าตรงเลย (กูลืมอุทิศให้แม่ให้ยาย ให้โคตรเหง้าเหล่ากอของกูเลย ส่งตรงถึงหลวงพี่ล้วนๆ เลยนาทีนั้น)
"ข้าพเจ้าขออุทิศ บุญกุศลแห่งความตั้งใจในการ รักษาศีล (ทางกาย ทางใจน่าจะไม่ค่อยมี) ทางวาจา (ไม่นับรวม วาจาทางความคิดนะเจ้าคะ) การสวดมนต์ภาวนา สมาธิและความตั้งใจ ขอกุศลนี้ พระพุทธคุณ โปรดเมตาเปิดทางส่งกุศลนี้ ถึงดวงจิตดวงหนึ่ง ที่ค่อยสวดมนต์ให้ข้าพเจ้าฟังทุกคืน…
(นี้ฉันไม่ได้กวนตีนนะอันนี้ ก็เข้าไม่บอกชื่ออ้า และฉันก็ไม่รู้จักพระเขา จะแจ้งในนี้ว่าอย่างไรอะ จะให้เรียก หลวงพี่ตีสองก็ไม่ได้ปะวะ? และแบบนี้แม่งจะถึงไหมเนี้ย จาหน้าซองไม่ชัดเจนเนี้ย)
ข้าพเจ้าขอให้ท่านผู้รับ ได้พ้นจากความทุกข์ ขอให้ได้รับถึงความสุขสงบ ถึงความสุขจิต ให้ได้ถึงบุญนี้ที่ข้าพเจ้าตั้งมั่นที่จะอุทิศให้ ขอให้พระคุณเจ้า เมตตา เปิดทางส่งบุญนี้ถึง จิตดวงนั้นด้วยเถิด"
และเราก็รินน้ำจนหมด แล้วก็เดินกลับกุติสับแหลก จ้ำแบบสับๆ ยั่วแบบ จีน่าเดอะเฟสไฟนอลวอกค์ กลับกุฏิด่วนๆ จ้า กลัวหลายๆ สิ่งที่อยากได้บุญแต่ไม่ได้รับ มาดักขอลายเซ็น จิน ไม่พร้อมแจกลายเซ็นตอนนี้เลยค่ะ
พอกลับมาก็เอาจริงๆ ก็ยังล้าๆ อยู่นะ คิดว่าไม่สามารถทำสมาธิต่อได้อะ นั่งหลับแน่ๆ เลยเข้ามุ้ง นั่งท่าเทพบุตรกะสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย เพราะจำได้ตอนเวลาเชิญพระมาทำบุญหรือเวลาพระจะออกจากศาลา จบพิธีสวดมนต์ให้พรญาติโยม เหมือนต้องลาด้วยบทนี้
เราก็เลยคิดว่า ถ้าจะเอาให้จบคอนเสร็ปเลย เหมือนกับให้มันครบลูปหลังแผ่เมตตา กรวดน้ำแล้ว ทำหมดแล้ว ก็ควรปิดท้ายด้วยบทนี้ หลังจากจัดท่าทางการนั่งจัดผ้าจัดจีวร เรียบร้อยดีแล้ว ก็พนมมือ หลับตา
(ก็ไม่รู้สวดมนต์มึงจะหลับตาทำไม)
{ปิดตาได้ไม่ฟุ้งซ่านไงอิโง่}
(เอ้อๆ หลับก็ได้ๆ)
และเริ่มสวด บทสวดบูชาพระรัตนตรัย
(คงไม่พิมพ์ให้อ่านนะ สวดบ้างก็ดีนะอิคนที่มาอ่านอะ มีธรรมะในใจกันไว้บ้าง) {ห่วงตัวมึงก่อนเนอะ!}
อะๆ กลับใจๆ ไหนๆ และ ก็จะ สวดให้ฟังนะ
"อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภควันตัง อะภิวาเทมิ". (กราบ) ไม่ต้องมาบอกให้กูสวดแล้วให้กูแปลนะ กูท่องได้นี้ก็เก๋มากและ จบประโยคเราก็ก้มลง กราบ จินตนาการว่า ข้างหน้าคือหิ้งพระ แล้วก็สวดต่อ
"สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
'ภะคะวะตา ธัมโม....' มีอีกเสียงหนึ่ง สวดพร้อมขึ้นมากับตรูด้วย
(อิเห้x! เสียงใคร! ใครรรรร! ใครมาสวดไปพร้อมกับกรู เนี้ยยยยยยย หยุดสวดแล้วลืมตาเลยดีไหม)
{ไม่ได้!!! มึงจะลืมตาตอนนี้ไม่ได้ มึงต้องสวดต่อให้จบ}
(จบแม่มึงสิ อิเห้-!! มันมีเสียงคนอื่นมาอยู่กับกูในนี้ กูอยู่ไม่ได้แล้ว)
{{{ มึงต้องสวดให้ จบ อิสัส!!! }}}
หูย คราวนี้อีสมองซีกนี้ขึ้นเสียงเบอร์แรงมากแม่ ปกตินางยอมตลอด มาตอนนี้นางจัดใหญ่ จัดเต็มกว่ารายการคุณ บุ้ม ปนัดดาไปอีกค่ะ เอ้อ ๆ กูสวดต่อก็ได้
ธัมมัง นะนัสสามิ. (เสียงสวดของหลวงพี่คอรัส ก็ยังคัฟเวอร์ข้าพเจ้าเช่นเดิม เยี่ยวจะราดไหมอิเหี้ย ลืมตาก็ไม่ได้)
{{{ อีกท่อนเดียว มึงก็สวดเส้ อิเหี้-! ธีร์ มึงจะรอพระถังซัมจั๋ง กลับชาติมาอัญเชิญพระไตรปิฎก อีกรอบนึงรึไง!}}}
เอ้อๆ อีกท่อนเดียวๆๆ นาตาชา จะไม่ยอมแพ้ แม่ก็คือแม่
(แม่มึงสิ รีบสวด อิชิบหาย!!)
คือมึงสองคนอยู่ข้างเดียวกันแล้วเหรอ เก๋มาก จริ๊ง จร้ะ!!??
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ.
กราบ กราบแล้ว กุกราบไปแล้ว จบแล้วไง กูสวดจบแล้ว ไม่มีบทอื่นแล้ว เอาไงดี ลืมตาดิ ลืมตาดิ๊
(เหี้-!!! กูก็กลัวอ้ะ!!)
{กูก็กลัววว!!!}
กูไม่กลัวเลยมั่งอิสัสเอ่ย ยังไงมึงก็ต้องลืมตา เอ๊ะ!! มึงๆๆ กูคิดออกละ ไหนๆ ก็หลับตาอยู่ในมุ้งอยู่ละ เอนตัวพับลงนอนแม่งเลยมะ ไม่ต้องลืมตาแม่งเลย หลับต่อไปเลย เยี่ยวๆ จะลืมตาทำไม หลับตายาวๆ ไปเลย
(มึง แล้วถ้ามึงนอนเลยแล้วเขามาสวดใส่หลังหูมึงอีกอะอิเหี้ย จัดใหญ่ไฟกระพริบเลยนะ) เอ้ออออ คิดเก่ง จินตนาเก่งมาก ศิลปะเกรดหนึ่ง แต่ ความจินตนาการเรื่องเห้x ๆ นี้ยืนหนึ่งไปครึ่งทางช้างเผือกไปอีก เอ้าวะ! เอาก็เอา!!
----ค่อยๆ ลืมตา แบบฉากหนังช่องแม่สี ที่นางเอกชอบประสบอุบัติเหตุแล้วตื่นขึ้นในโรงบาล เราจะฟีลลืมตาช้าๆ แบบนั้น ประมาณว่า สวยมาก สวยมากๆ แต่ที่จริงแล้วคือ…กูกลัวอะอิเหี้x แล้วถ้าลืมตาแล้ว เราควรจะแอ๊บนางเอกต่อป่ะ ถามเขาไปว่า ที่นี้ที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย คุณชาวี จริ๊งจร้ะ แระหรี่!!?? ----
ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นหลังจากค่อยๆ ไล่สายตาไป จากพื้นคือ พระอีกรูปนึง นั่งท่าเทพบุตรเช่นเดียวกับเรา หันหน้าเข้าหาเรา ยังพนมมืออยู่ (เราก็ยังพนมมืออยู่นะ) เป็นพระที่ร่างใหญ่กว่าเราประมาณนึง รู้สึกได้เลยว่าตัวหนากว่าเรามากอะ ร่างใหญ่กว่าตัวสูงกว่า ผิวกายขาวมากใสมาก หน้าตางดงามมากด้วย ขาวจนจะเรื่องแสงอยู่แล้ว และเขาก็จ้องมองเราอยู่เช่นกัน รึกูโหลด โหมดนางเอกลืมตาช้าเกินไป เขาเลยจ้องมองกูตั้งแต่ตอนนั้น
จากใจเลยนะ ตอนนี้พูดได้คำเดี่ยว กูเปลี่ยนชื่อ จากธีร์ เป็น ใจเริง เลยคะ ภาพที่เห็นทำใจร่านมากกกกกเลย รูปโฉมน่าหลงไหลจริง ทำไมดูออร่าขนาดนี้ ดีมากอะแม่ ไม่มีอะไรจะดีต่อใจไปกว่านี้แล้ว ในระหว่างที่พิจารณา สายตาสอดสาย มองชอนไช ไปมาอย่างละเอียด พระท่านก็ยิ้มเล็กน้อย
"เราขอบคุณท่าน สำหรับบุญที่อุทิศมาให้ในวันนี้นะ"
ห้ะ!!!
อิเชี้ย อะไรสิ จิ้จร้ะ!!!
กู ...... กุอุทิศให้หลวงพี่ 2 A.M.นะ
หลวงพี่พระเงาตะคลุ่มๆ นะ
ละอันนี้คือไรคะ คุณกิตติคะ!!!
ตรงหน้าที่เห็นนี้มันแตกต่างมาก ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เห็นตอนนี้ ความร่านนำหน้าความกลัวไปชนิดมิไมด์เครื่องบินคองคอร์ดเลยจ้า
(มึง!ๆ กูว่าไม่ใช่เวลาร่านนะ มีจังหวะคุยก็ถามสิ)
"คือ...คือว่า..."
แล้วใบหน้าที่ยิ้มบางๆ เมื่อกี้ ก็หุบยิ้ม จ้ะ! อย่านะ! ให้กูได้ใจเริงก่อนนน น่ากลัวควรพักก่อน ขอชอนชัยให้ชุ่มหัวใจอีกซักนิด ลิดเติ้ลบิดแอนลิดเติ้ลมอ ไม่ได้เหรอ [ใครทันเพลงนี้ มีอายุแล้วนะ!]
"แต่ที่นี้ไม่ใช่ที่ของท่าน ไปซะ!"
เอ้อ...ตัดบทเก่ง ย้ำเก่ง ให้กูถามบ้าง แต่เสียงคราวนี้ก็นิ่มนวนลงกว่าเมื่อตอนนอนสวดครั้งนั้นเยอะมากเลยนะ และสิ่งที่เห็นคือ พระกำลังจากลงไปๆ จางลงไปต่อหน้าต่อตาเลย คุณพระ!!! หมดโปรแล้วรึ ห่านจิก คุยกันท่อนเดี่ยวเนี้ยนะ ยิ่งกว่า บัตรจับมือ ดาราเกาหลีอีก ดอกเอ่ย BNK 49ยังได้ต้องหนึ่งนาที นี้30วิ หลวงพี่นี้แพงกว่าพี่แจ๊คสันหวังอีกเหรอคะเนี้ย
"เดี่ยวท่าน…อย่าพึ่งไป! เรายังไม่รู้จักชื่อท่านเลย"
"ชา"
เสียงที่ได้ยินมีแค่ นั้น แต่ภาพและการอ่านปากสกิลการลิปซิงค์ของเรา พอที่จะอ่านการขยับปากนั้นได้อีกครั้ง เหมือนท่านจะทวนประโยคว่า
เราชื่อ ชา
แล้วท่านก็โปร่งแสงหายไปต่อหน้าต่อตา...ครึ่งวันของตรูนั้น ได้แค่สองประโยคแค่เนี้ยนะ โอ๊ย!!!!
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ใจเริงจะได้เจอหลวงพี่อีกไหม แล้วตกลงที่มาหล่อกับมาแบบไหม้ไฟนั้น คนเดียวกันบ่นี้ โอ๊ย!เยี่ยวจะราด เอาใจช่วยฉันด้วยนะพวกเธอ…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments