ตัดมาทางด้านชายหนุ่มผมเงินควงตำแหน่งมือขวาคนสนิทของบอสวองโกเล่รุ่นที่ 10 รวมด้วยเป็นผู้พิทักษ์วายุของวองโกเล่เดซิโม่ที่เมื่อถูกยิงไปนัดหนึ่งที่อกด้านขวา อาการสาหัสน่าดูแต่ก็สามารถช่วยได้ทันท่วงที ร่างบอบบางนอนอยู่ที่เตียงนุ่มมีสายน้ำเกลือพันระโยงระยาง ใกล้ๆมีชายหนุ่มผมแดงที่กำลังมองร่างที่หลับตาพริ้มอยู่ ดวงตาสีเพลิงมองเด็กหนุ่มอย่างเป็นห่วงโดยไม่ปิดบัง
น่าแปลกใจสำหรับเขา จี คือผู้พิทักษ์วายุและมือขวาที่เยี่ยมที่สุดเขาไม่เคยแสดงอาการเป็นห่วงใครมากขนาดนี้แม้แต่พรีโม่ที่เป็นเพื่อนสนิทแต่กลับร่างบางที่นอนอยู่ตรงนี้ซึ้งกำลังหายใจโรยรินกลับทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดในอกตั้งแแต่แรกพบ
"อืม"เสียงครางเบาๆของร่างบางทำให้จีเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วมือหนาค่อยๆเลื่อนผ้าห่มผืนหนาให้คลุมทับตัวโกคุเดระทำให้เจ้าของผมสีเงินเผยยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและละเมอขึ้นมาว่า"ยัยผู้หญิงงี่เง่า..หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ"ก่อนรอยยิ้มแห่งความสุขจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาแห่งความเศร้า"ยัยผู้หญิงบ้า..ตื่นขึ้นมาสิ..ตื่นขึ้นมา..เธอยังไม่ได้รับคำสารภาพ..ของฉันเลยนะ..ตื่นขึ้นมาสิ"น้ำตาที่ไหลรินทั้งๆที่ตายังปิดอยู่ทำให้จีหยุดชะงักทันที
"ท่าทางจะฝันร้ายสินะ"จียกยิ้มเศร้าๆขึ้นมาขณะจ้องมองอีกฝ่ายและเกลี่ยผมของอีกฝ่ายที่ปิดหน้าผมสีเงินเป็นประกายนั้นพบว่ามันนุ่มลื่นจนน่าสัมผัสอีก
โกคุเดระกลับมายิ้มมีความสุขอีกครั้งหลังจากโดนสัมผัส
"ดูท่าจะฝันดีแล้วสินะ"จียกยิ้มขึ้นมาแต่เขาก็ต้องผละมือออกเมื่อรู้ว่าตนกำลังคิดอะไรบ้าๆอยู่ ความรู้สึกที่อกกระเพือมไหวไม่หยุด นั้นทำให้ผู้พิทักษ์วายุของวองโกเล่พรีโม่ถอนหายใจหนักๆเขาไม่อยากเชื่อหรอกว่า*รักแรกพบ*มันมีอยู่จริง
หากอาการแบบนี้มันเรียกว่า*ตกหลุมรัก*แล้วล่ะก็เขาคงอายน่าดู จี อาเชอร์ ที่ไม่เคยสนใจหญิงสาวนางใดไม่ว่านางจะสวยงามตระการตาหรือสวยงามราวกับฟ้าดิน เขาก็ไม่เคยสนใจแต่กลับคนตรงหน้าเขาที่มีร่างกายสูงโปร่งแม้ใบหน้าจะคล้ายสตรีขนาดไหนก็เถอะ เขากลับตกหลุมรักทันทีที่เห็นร่างนี้
อืม..รู้ถึงไหนอายถึงนั้น
แต่หากเขาอายเขาจะไม่ยอมอายคนเดียวแน่จีคิดพลางมองร่างของโกคุเดระแล้วเหยียดยิ้มมุมปากก็ไม่เลวหากคนตรงหน้ารับผิดชอบร่วมกับเขาคิดได้ดังนั้นใบหน้าคมคายจึงก้มลงไปใกล้ใบหน้าหล่อติดสวยจนได้ยินเสียงลมหายใจของคนตรงหน้า เจ้าของผมสีเพลิงเอาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างเอาแต่ใจ
"รีบๆตื่นขึ้นมารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำได้แล้วเจ้าเด็กน้อย"
ตัดมาฝั่งนักดาบมือหนึ่งของวองโกเล่เดซิโม่ที่ฟื้นขึ้นมาเเป็นคนแรกกำลังพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อไปดูเพื่อนของตนอย่างเป็นห่วงแต่ด้วยอาการสาหัสบวกกับบาดเจ็บที่ขาจึงทำให้ทรุดลงกับพื้นแต่เขาก็ยังงคิดจะไปดูอาการของเพื่อนตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะอาการบาดเจ็บของตนนั้นมากเกินกว่าจะเดินไปได้
"อ่อนแอซะจริง"ยามาโมโตะอดที่จะพึมพำกับตัวเองไม่ได้หากเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็คงปกป้องทุกคนได้หากเขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้เธอคนนั้นคงไม่ต้อง..ตายไป
เหตุการณ์ที่ไม่อยากจดจำถูกฉายเข้ามาในหัวอีกครั้งราวกับม้วนฟิล์มที่ฉายซ้ำไปมาไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะไม่นึกโทษตัวเองที่วิ่งหนีในวันนั้นยามาโมโตะกัดฟันแน่นพร้อมด้วยความคิดฟุ้งซ่านมากมายแต่เขาก็ต้องสดุ้งเมื่อรับรู้ถึงการมาของใครบางคน
แอ๊ด~เสียงเปิดประตูพร้อมร่างของคนที่ยามาโมโตะจำได้ว่าช่วยตนไว้ ชายหนุ่มในชุดญี่ปุ่นโบราณเบิกตากว้างมองร่างบางที่นั่งอยู่ที่พื้นแล้วรีบวางถาดอาหารวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ร่างสูงกว่ารีบเข้ามาพยุงยามาโมโตะทันที
"ท่านจะไปไหนหรือขอรับ"ร่างสูงถามขึ้นคิดว่าอีกฝ่ายอยากจะไปห้องน้ำหรือที่ไหน
"เปล่าหรอกครับคือผมแค่อยากรู้ว่าเพื่อนคนอื่นเป็นยังไงกันบ้าง"ยามาโมโตะยิ้มแห้งตอบ อุเก็ตสึได้ยินดังนั้นจึงถอนหายใจครั้งหนึ่ง พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเพื่อนมากตั้งแต่ตอนลากสังขารตัวเองที่บาดเจ็บหนักเกือบที่สุดเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากพวกเขาตอนอยู่ในปป่าแล้ว
ชายในชุดญี่ปุ่นโบราณช้อนร่างของยามาโมโตะจนยามาโมโตะร้อง"เหวอ"เสียงดังใบหน้าคมปรากฎความตกใจดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองร่างสูงที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้พร้อมประโยคที่ทำให้ร่างบางเงียบลง
"หากเสียงดังจะไปใช่แค่อุ้มนะขอรับ"
เมื่อเห็นว่าร่างเล็กกว่าไม่โวยวายอะไรอุเก็ตสึจึงวางยามาโมโตะไว้ที่เตียงอย่างนุมนวลที่สุดอันที่จริงยามาโมโตะก็ไม่คิดจะโวยวายอะไรหรอกเขาไม่ใช่โกคุเดระและฮิบาริสักหน่อยถ้าเป็นสองคนนั้นต้องโวยวายลั่นปราสาทพร้อมอาวุธครบมือเป็นแน่
"คือ..ขอบคุณที่ช่วยพวกผมไว้นะครับ แล้วคุณเป็นใครครับ"ยามาโมโตะรับชามข้าวมาแล้วไม่ลืมกล่าวขอบคุณที่ช่วยตนและเพื่อนไว้
"ข้ามีนามว่า อาซาริ อุเก็ตสึ ขอรับ"ชื่อที่ถูกเปรยออกมาทำให้ยามาโมโตะเลิกคิ้วสูงขึ้น'ชื่อมันคุ้นๆนะ'
"แล้วท่านล่ะขอรับ"
"ผมชื่อ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ครับ"ยามาโมโตะตอบด้วยรอยยิ้มสบายๆยั้นจึงทำให้อุเก็ตสึเลิกคิ้วบ้าว
"ท่านเป็นคนญี่ปุ่นหรอครับ"
"ใช่แล้วล่ะครับ ผมไม่เหมือนคนญี่ปุ่นหรอครับ"ยามาโมโตะถามอย่างแปลกใจ
"ไม่ใช่หรอกขอรับ เพียงแต่ท่านพูดภาษาอิตาลีได้เก่งมากเลยขอรับ"อุเก็ตสึชมแม้ใบหน้าของอีกฝ่ายจะบ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ่นแท้แต่ภาษาที่อีกฝ่ายใช้กลับทำให้เขาอดชมไม่ได้พอลองมาเปรียบกับตัวเองแล้วภาษาอิตาลียังแปร่งๆจนเพื่อนสนิททั้งสอบบ่นว่าเกือบทุกวันโดยเฉพาะจี
"ก็แน่ล่ะโดนเจ้าหนูฝึกมานี้น่าแถมสึนะยังเกือบปางตายทุกครั้งด้วย"ยามาโมโตะพึมพำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินแต่สีหน้ากลับเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะกลับมายิ้มร่าเหมือนปกติแต่ทว่าแววตายังคงมีความเศร้าหมองอยู่
"คุณก็พูดเก่งเช่นกันนะครับ"ยามาโมโตะชมบ้างถึงอุเก็ตสึจะพูดเปร่งบ้างแต่ก็ดีกว่าตอนที่เขามาอยู่อิตาลีใหม่ๆนั้นและนะ
"เอ่อ..ว่าแต่เพื่อนของผมเป็นยังไงบ้างครับ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ"อุเก็ตสึพูดพรางยิ้มอ่อนโยน"พวกเขาทุกคนปลอดภัยดีขอรับนอนพักอยู่ห้องใกล้ๆกันหากท่านต้องการทานข้าวหมดข้าจะพาไปขอรับ"
"ขอบคุณมากครับ"ยามาโมโตะพูดด้วยความซาบซึ้งใจก่อนจะเริ่มลงมือทานข้าวต้มที่อยู่ในมือขอเขาอย่างรวดเร็ว
ตัดมาทางด้านผู้พิทักษ์เมฆาที่ฟื้นเป็นคนแรกก่อนเดินสำรวจห้องต่างๆแม้จะมีบาดแผลฉกรรจ์มากนักแต่สำหรับเขามันก็เป็นแค่บาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นฮิบาริขมวดคิ้วมองดูของตกแต่งย้อนยุคเหมือนสไตล์อังกฤษสมัยก่อนอย่างนึกสงสัยหากว่านี้คือปราสาททวองโกเล่ก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากมากนักเพราะปราสาทของพวกเขาไม่ได้ตกยุคถึงขนาดนี้
ประตูไม้ถูกเปิดออกจากด้านนอก ฮิบาริหันไปมองร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามา คิ้วสีดำเลิกขึ้นอย่างแปลกใจเนื่องจากไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน ถึงแม้ฮิบาริจะไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่ว่าแค่คนในแฟมมิลี่ฮิบาริจำได้ไม่เคยลืมและยิ่งเป็นคนที่เข้าห้องของผู้พิทักษ์ได้ยิ่งต้องลืมไม่ลง
ทว่าร่างสูงตรงหน้านั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับเขามากแต่จะมีความเป็นชายมากกว่าทั้งเส้นผมสีครีมดวงตาสีฟ้านั้นบ่งบอกถึงเชื้อชาติยุโรปได้อย่างชัดเจนเพราะฉะนั้นความคิดที่ว่าเป็นญาติของฝ่ายใดสักคนจึงพับเก็บไปตามระเบียบแต่อีกฝ่ายใส่ชุดแปลกๆชุดผ้าคลุมยาวสีดำที่ดูเหมือนชนชั้นสูงในสมัยก่อน
"คุณเป็นใคร"ฮิบาริเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชามากๆ ดวงตาสีดำมองดวงตาสีฟ้าอย่างไม่หวั่นเกรงแต่อย่างใด
แหงล่ะ คนอย่าง ฮิบาริ เคียวยะ เคยหวั่นกลัวสักที่ไหนกันล่ะ
"เวลาจะถามชื่อใครต้องบอกชื่อตัวเองก่อนนั้นเป็นมารยาทที่ดี"ผู้พิทักษ์เมฆารุ่นแรกตอบออกไปด้วยเสียงที่เรียบแต่หารู้ไหมว่ามันไปกระตุ้นต่อมความโมโหของเมฆารุ่น 10 เข้าเสียแล้ว
"คุณ..อยากโดนขย้ำสินะ"ฮิบาริถามเสียงเรียบและเย็นชามากขึ้นกว่าเดิมความคิดที่ว่าออีกฝ่ายเป็นคนในแฟมมิลี่บินหายไปอย่างไร้ร่องรอย กล้ามากที่มาท้าเขาแบบนี้คงไม่กลัวตายสินะ
"หึ ข้าไม่สนใจเด็กอย่างเจ้าหรอก"อลาวดี้มองท่าทางอวดดีนั้นของร่างบางแล้ววางข้าวไว้ที่โต๊ะและเตรียมเดินออกไปแต่ทว่า
ฉึบ!!! เคร้ง!!!"ว้าว..คุณเก่งสินะ"ฮิบาริคว้าทอนฟาของตนที่เดินหาตั้งแต่เขาตื่นตวัดใส่อลาวดี้ซึ้งแน่นอนว่าร่างสูงไม่ใช่คนกระจอกจึงหลบได้อย่าเฉียดฉิว
อลาวดี้มองหน้าคนที่คล้ายกันแต่ติดสวยไปหน่อยแล้วส่ายหน้า"ผมบอกแล้วนะว่าผมไม่อยากสู้กับเด็กแบบเจ้า"
"คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"ฮิบาริพูดจบก็พุ่งเข้าใส่อลาวดี้มองท่าทางกระหายการต่อสู้นั้นก่อนจะถอนหายใจหนักๆ ไม่นึกว่าคนที่พรีโม่ฝากให้ไหว้วานจะเป็นคนยุ่งยากอย่างนี้
ฉึบ!!! ขวับ!!! หมับ!!! เสียงแรกคือเสียงที่ฮิบาริฟาดทอนฟาไปที่อลาวดี้เสียงที่สองคือเสียงที่อลาววดี้หลบทอนฟาของฮิบาริจนเกิดเป็นเสียง ทอนฟาจึงวืดตวัดอากาศจนเกิดเป็นเสียงนั้นมันจึงทำให้อลาวดี้คนตรงหน้าคงมีฝีมือไม่น้อยเลยทีเดียวอาจเพราะบาดเจ็บอยู่ความเร็วจึงตกลง ส่วนเสียงสุดท้ายนั้นคือเสียงที่อลาวดี้จับข้อมือฮิบาริไว้ได้
"ปล่อย"เสียงทุ้มตวาดเหวี่ยงใส่คนที่ถือวิสาสะมาจับข้อมือตน อลาวดี้เลิกคิ้วแล้วว่า
"ไม่ปล่อย มีอะไรไหม?"
"ผมจะขย้ำ!"
อลาวดี้ส่ายหน้าเหมือนระอาใจรอยยิ้มมุมปากที่ยากจะได้เห็นจากผู้พิทักษ์เมฆาที่รักอิสระยิ่งกว่าใครปรากฎขึ้นบนใบหน้าหล่อเหล่าที่มักจะเรียบนิ่ง เสียงทุ้มกล่าวด้วยความไม่เย็นชาเหมือนตอนแรก
"เดี๋ยวจะได้รู้ว่าใครจะโดนขย้ำ"
——————————————————————————
เหนื่อยมากคะ☹☹แต่ไปเป็นไรเพื่อนักอ่านที่น่ารักแค่นี้จิ๊บๆ😊😊✌✌
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 46
Comments
เจ้าหญิงโลลิคอนผู้น่ารัก
สนุกมากจริงๆนะอ่านกันด้วยนะคะ😊😊
2023-02-28
1