ผมน่ะจะยึดครองโลกเอง
โลกนี้ไม่สิต้องเรียกว่า "ความเป็นจริงนี้"
มันมักจะมีคนอยู่2ประเภท นั้นคือ
"คนเก่ง"
และ
"คนที่เก่งกว่า"
และ... ลืมไปเลยว่ามี2นี่หว่าแต่ว่า "สิ่งนั้น" ไม่นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ "พวกขี้แพ้" เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ในสังคมที่ปลากินปลาเล็กแบบนี้ยิ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจะมีคนที่ใช้ "พลัง" ข่มคนที่อ่อนแอกว่า ทั้ง กำลัง อำนาจ และ เงินตรา บลาๆ ทุกสิ่งล้วนเอาเปรียบกันได้เสมอ ถึงคุณจะบอกว่ามันต้องมีสักคนที่เป็นพระแม่ส่งมาเกิดแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าพระแม่ของปลอมพวกนั้นล้วนทำแล้วมีแต่ได้ทั้งนั้น เช่น แสร้งทำเป็นดีแล้วได้เงิน บอกคนอื่นว่าไม่ควรฆ่าสิ่งมีชีวิตแต่ตัวเองกับกินสัตว์ที่โดนที่ฆ่าได้อย่างหน้าเฉย
ใน "ความเป็นจริง" ที่เลวร้ายนี้ก็มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่
เคยได้ยินหรือป่าวคนที่อยู่สูงกว่าคนอื่นแต่ดันต้อยต่ำกว่าคนอื่น
"อ้ากกกกกกกกกกกกกก ขอร้องล่ะอย่าเลยนะ
เงินใช่ไหมต้องการแค่นั้น- อึก! อ้ากกกกกกกก"
เสียงกรีดร้องที่เหมือนมาจากคฤหาสน์หลังหนึ่งเหมือนจะมาจากห้องนอนของเด็กชายคนหนึ่ง
...
ช่างหน้าสงสารทั้งที่เป็นชนชั้นสูงแท้ๆกลับต้องมามีสภาพแบบนี้ เด็กที่เพราะทางบ้านนั้นเป็นชนชั้นสูงแต่อ่อนแอมาแต่เกิด หน้าตาก็ไม่ดี ไม่มีใครเข้าข้าง ผมสีดำ นัยตาสีดำสนิทจนคิดว่าในตานั้นมีแต่ความว่างเปล่า
สภาพที่ผอมโซแต่ใส่เครื่องประดับอย่างสวยงามไม่เข้ากับสภาพที่น่าเกลียดและผอมโซเสื้อผ้าที่ทั้งเปียกแต่ก็ดันมีกลิ่นไหม้ในเวลาเดียวกัน
"ทำไมกันล่ะครับ"
"สัญญาไว้แล้วว่าจะปล่อยไปไง"
เด็กน้อยที่น่าสงสารได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมตนต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ริคุ วี ดอว์ล่า ที่ หนึ่ง
เด็กหนุ่มวัย10ปีที่เกิดมาเหมือนจะดีพร้อมแต่กลับถูกที่บ้านแบ่งแยกเพราะมีสีผมเป็นสีดำต่างจากทุกคนใน ตระกูลที่มีแต่ผมสีขาวจนชวนคิดว่าเป็นสายเลือดจริงหรือป่าว แถมยังมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนปกติสามเท่าเลยทีเดียว หน้าตาที่ไม่ได้ต่างไปจากสามัญชนเลยสักนิด
"ฮึก..ฮือออ"
"โอ๊ะดูสิใครกันๆเริ่มงอแงแล้ว น่าๆถ้าแกเจ็บฉันจะทดสอบเวทย์ฮิลไง 55555"
เด็กที่ดูเหมือนจะรู้จัก ริคุ ดีดูเหมือนคิดจะทำอะไรแปลกๆ เหมือนเด็กที่ได้ดินน้ำมันมาใหม่และหัวเราะออกมาแบบไม่น่าไว้ใจ
"ยะ-อย่านะมันอันตรายมากเลยนะขอล่ะ โอยะคุง"
ริคุดูเหมือนจะทำสุดความสามารถเพื่อไม่ให้โดน "ฮิล"
"หาาาาา แกว่ายังไงนะ!!!"
หลังจากที่ได้ยินริคุพูดแบบดูเหมือนเด็กที่ชื่อโอยะดูจะไม่พอใจในอะไรสักอย่างมากๆ
"ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียกฉันว่านายท่านนะ!!"
"อะ-"
"ไม่ต้องปราณีกันอีกแล้ว!"
ทันใดนั้นเองริคุก็รีบตะเกียกตะกายออกมาอย่างรีบร้อนและรีบขอโทษทันที
"ขอร้องล่ะครับท่านโอยะอย่านะ"
แต่เหมือนเสียงตะโกนนั้นไปไม่ถึงโอยะที่กำลังเดือดด้วยความโกธร และตั้งท่าชูมือไปข้างหนึ่งราวจะทำอะไรซักอย่าง
"จงจุติและเผาศัตรูให้ราบไฟร์บอล!!"
ทันใดนั้นเองก็มีไฟที่ก่อตัวเป็นลักษณะวงกลมมาที่ฝ่ามือของโอยะที่เล็งชี้ไปทางริคุ
"ตกใจอะไรกันพวกชนชั้นสูงน่าจะเคยเห็นบ่อยแล้วนิแค่สร้างแผลเพิ่มอีกหน่อยเอง~"
โอยะพูดเรื่องนี้ราวกับเป็นแค่การหยอกล้อ
--แต่ยังไม่ทันที่โอยะจะได้ทำอะไรก็มีเสียงตะโกนจากยามมาห้ามก่อน
"ชิ!ยามหรอในคฤหาสน์ของไอ้สวะพันนี้เนี่ยนะแต่ก็คงต้องไปก่อน"
ก่อนที่โอยะจะจากไปโอยะได้หันมาหาริคุพร้อมขู่ว่า
"ถ้าเจอกันคราวหน้าแกยังไม่มีกาลเทศะอีกละก็ครั้งหน้าจะไม่จบแค่ไฟร์บอลวันนี้ถือว่าแกยังโชคดีไว้เจอกันใหม่ ไ อ้ ขี้ แ พ้ "
ก่อนที่จะโดดลงหน้าต่างชั้น5แล้วตกลงบนเตียงที่ดูเหมือนจะวางไว้ก่อนแล้วมารองรับ
"ปะ-ไปแล้วเจ้าหมอนั่นไปแล้วสินะ"
ริคุรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ตนเองรอดมาจากสถานการณ์แบบนั้นได้จนแทบอยากจะร้องไห้
"เป็นอะไรไปหรือเปล่า-"
"อ้าว"
ยามที่วิ่งมาอย่างรีบร้อนนั้นเพิ่งได้สังเกตว่าคนที่ตนเองมาช่วยเป็นแค่"ข้อผิดพลาด"ในวงศ์ตระกูลเฉยๆ
"แม่งเอ้ยเสียเวลาชิบ"
ยามได้สถบออกมาราวกับคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นแค่สิ่งที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่หลังจากนั้นยามก็ได้เดินจากไป
"เฮ้ออออออออรอดแล้วเรานึกว่าจะตายแล้วซะอีก"
"แบบนี้ก็รู้สึกค่อยยังชั่วหน่อย"
"ค่อยยัง..ค่อยยั-...ยัง"
..........
นี่เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆใน
"ความเป็นจริงที่น่าสนใจแห่งนี้"
เอาล่ะมาดูกันต่อไปเถอะว่าสิ่งที่ น่าสนใจ นี้จะไปยังไงต่อไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments