๐๕.คำสาปหรือกลลวง
ซากินอนหลับอยู่
ยูจิคิดก่อนจะสางผมสีดำประกายม่วงของหล่อนอย่างแผ่วเบา แก้มนุ่มแนบกับตักของเขาทำให้ยูจิหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
“เจ้าจะทำอะไรแม่หนูนี่ล่ะ”
“แค่เฝ้าเธอหลับ แกต่างหากที่ทำท่าจะงาบเพื่อนฉันน่ะสุคุนะ”
“เจ้าต่างหากไอ้เด็กเวร ข้าได้ยินเสียงในหัวเจ้านะเว้ย”
“หา ? อะไรของแก”
“เจ้าคิดว่าอยากได้แม่หนูนี่มาเป็นแฟนเพราะนิสัยดี รูปร่างถูกใจไม่ใช่รึไง”
“แกจะบ้ารึไง ซากิเป็นเพื่อนฉันนะ”
สุคุนะเบะปากก่อนจะร้องเหอะออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
การกระทำของพวกเด็กนี่มันไม่ใช่เพื่อนสนิทกันจะทำได้บ่อยๆสักหน่อย
ปากแข็งกันเข้าไปเถอะ
“ยูจิจะฝึกต่อหรอ” ซากิเอ่ยถามขณะนั่งมองเด็กหนุ่มที่กำลังเลือกหนังพร้อมกอดตุ๊กตาจากไสยเวทของอาจารย์ใหญ่
“อื้อ ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงน่ะ”
ซากกิพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรอีก เมื่อสักครู่โกะโจเดินเข้ามาพร้อมตุ๊กตาจากอาจารย์ใหญ่ เขาสอนวิธีที่จะไม่ให้มันตื่นมาต่อยหน้าคนที่กอดมันไว้ก่อนจะวางหนังสยองขวัญทั้งหมดแล้วเผ่นแนบไปที่ไหนสักที่
มีการทิ้งให้หล่อนอยู่เฝ้ายูจิเพราะหล่อนปล่อยพลังไสยเวทมาตลอดเวลาและซากิเองก็ทำเรื่องขอลาเรียนครึ่งเช้าอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเหมาะแก่การเฝ้าเด็กหนุ่มในช่วงนี้มากที่สุด
แต่เหมือนยูจิต้องการจะฝึกเพิ่มในช่วงเวลาที่หล่อนออกไปฝึกกับพวกโนบาระ
เอาเถอะ ถึงจะเป็นห่วงแต่ก็อยากให้อีกฝ่ายแกร่งขึ้นเพราะอย่างนั้นหล่อนจะะเอาใจช่วยแทนก็แล้วกันนะ
“สู้ ๆ นะยูจิฉันไปฝึกกับพวกโนบาระก่อน”
“ได้เลย ! อั่ก !”
ซากิกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อเห็นยูจิถูกตุ๊กตานั่นต่อยเข้าให้เพราะเผลอหยุดถ่ายเทไสยเวทหล่อนหัวเราะก่อนจะโบกมือลาเพื่อขึ้นไปที่ลานกว้าง
“หายป่วยแล้วรึไง” เมงุมิเอ่ยถามเด็กสาวในชุดสีขาวที่กำลังนั่งอยู่ข้างโนบาระ ซากิพยักหน้าก่อนจะส่ายหน้าเมื่อโนบาระเอยถามว่าต้องการพักเพิ่มไหม
โนบาระนั่นแหละที่ควรจะพักน่ะ ตาแดงขนาดนี้รู้เลยว่าเพิ่งร้องไห้เพราะยังทำใจเรื่องยูจิไม่ได้แน่
เรื่องที่ยูจิฟื้นถูกปิดเป็นความลับ ซากิจึงไม่ได้เอ่ยเรื่องของยูจิอีกพวกโนบาระเองก็คงคิดว่าหล่อนทำใจไม่ได้เลยไม่ได้เอ่ยถึง
“ไงพวกเด็กปีหนึ่ง นั่งหงอยเหมือนมีใครตายเลยนะ”
“มากิ ๆ”
“อะไรแพนด้า”
“ก็มีเด็กปีหนึ่งตายตอนออกปฏิบัติภารกิจจริงๆน่ะสิ”
“ทำไมไม่บอกฉันก่อนหะ ! แบบนี้ฉันก็กลายเป็นรุ่นพี่ไม่มีหัวใจกันพอดี”
เซนอิง มากิหันไปกระซิบกับแพนด้าอย่างหงุดหงิดขณะที่ซากิลุกขึ้นยืนเดินตรงมาหาหล่อนพร้อมโค้งหัวให้เล็กน้อย
“ยูกิโนะ ซากิค่ะรุ่นพี่”
“เรียกฉันมากิก็พอ” เด็กสาวพยักหน้าก่อนจะเดินกลับไปหลบหลังเมงุมิเหมือนหาที่พึ่ง
“นี่รุ่นพี่มากิถนัดใช้อาวุธมากที่สุด ส่วนนั่นรุ่นพี่อินุมากิเขามีวจีคำสาปเลยพูดได้แค่ไส้ข้าวปั้น”
“แซลม่อน” อินุมากิพยักหน้าให้
“ส่วนนั่นรุ่นพี่แพนด้า”
“แค่แพนด้าเฉย ๆ เรอะ” โนบาระโวยวายก่อนที่ซากิจะถอนหายใจเบา ๆ
“ยังไงก็ต้องฝึกกันล่ะนะ”
“ฝึกอะไรคะ” ซากิเอ่ยถามขณะที่รุ่นพี่ปีสองชะงักเมื่อเห็นดวงตาของหล่อน
“เธอเป็นลูกของหมอนั่นหรอ”
“ให้ฉันตายดีกว่าค่ะถ้าได้คนแบบนั้นเป็นพ่อ”ซากิเอ่ยตอบมากิก่อนจะร้องเหอะออกมาเมื่อนึกถึงหน้าโกะโจ
“ก็จริง…”
“ทูน่า”
“ที่เรามาวันนี้เพราะต้องมาซ้อมก่อนวังานสานสัมพันธ์เกียวโต-โตเกียวน่ะ”
“ต่อสู้หรอคะ” ซากิเอ่ยถาม รุ่นพี่ปีสองพยักหน้าก่อนที่แพนด้าจะเป็นคนอธิบาย
“วันแรกเป็นแข่งแบบกลุ่ม วันที่สองแข่งเดี่ยวน่ะปีที่แล้วเราชนะเพราะมีอคคสึ ยูตะอยู่ด้วย”
“พวกเธอจะลงแข่งไหม เพิ่งเจอเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจมาใช่ไหมจะพักก็ได้นะ”
“จะแข่งค่ะ” ซากิเอ่ยตอบแทนปีหนึ่งทุกคน นัยย์ตาสีฟ้าอัญมณีฉายแววเย็นชาครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
“ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกค่ะ”
เพราะหลอนจะปกป้องทุกคนให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้กลโกงอะไรก็ตาม
ครึ่ก !
เด็กสาวผมสีดำประกายม่วงกำมือแน่น แท่งน้ำแข็งผุดขึ้นมารอบตัวหล่อนคล้ายกับครั้งที่ฝึกกับยูจิ ซากิก้มตัวลงก่อนจะวาดมือไปด้านหลัง มือสีซีดของหล่อนเรืองแสงขึ้นมาชั่วครู่ก่อนจะปรากฏเคียวที่ทำจากน้ำแข็งแต่แข็งแรงเหมือนเพชร
ซากิหันไปมองทางขวายกมือขึ้นกันดาบไม้จากมากิที่พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ตอบสนองเร็วดีนี่”
“ค่ะ คงเพราะลางสังหรณ์” หล่อนเอ่ยก่อนจะเหวี่ยงเคียวสีฟ้าใสไปมาอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางสายตาแปลกใจของคนที่เหลือ
พวกปีสองแปลกใจเพราะหล่อนดูใช้อาวุธได้สูสีกับมากิ
เมงุมิแปลกใจที่หล่อนดูบอบบางและป่วยง่ายแต่กลับตั้งรับพลังกำลังของรุ่นพี่มากิที่มีพรสวรรค์ทางร่างกายได้อย่างสบาย ๆ
โนบาระนั่นตกใจระคนตื่นเต้น หล่อนไม่คิดว่าจะได้เห็นระดับพิเศษแบบซากิฝึกซ้อมอะไรแบบนี้
ซากิหอบหายใจก่อนจะใส่ปลอกแขนมาคลุมมือไว้เหมือนเดิมหลังจากซ้อมเสร็จแล้ว
หล่อนเกือบจะตายแล้วจริง ๆ มากิไม่ยอมให้หล่อนพักจนเลยเวลามาถึงบ่ายสอง
สองชั่วโมงเต็มกับการใช้พลังไสยเวทที่เพิ่งจะได้รับมา จนมากิเห็นว่ามือของหล่อนกลายเป็นสีแดงเพราะผลจากไสยเวทนั่นแหละถึงได้ปล่อยให้หล่อนออกมาพัก
“ซากิใช้ไสยเวทนาน ๆ ไม่ได้หรอมือเธอเหมือนหิมะกัดเลยน่ากลัวเป็นบ้า” โนบาระเอ่ยก่อนจะกระดกโคล่าดื่มหลังจากที่พวกหล่อนได้เวลาพักแล้ว
“เปล่าค่ะ มือฉันโดนแดดได้ไม่นานต่างหาก” ซากิเอ่ยก่อนจะดึงปลอกแขนลงเผยให้เห็นมือของหล่อนที่เริ่มจะกลับมาเป็นมือสีซีดเช่นเดียวกับสีผิวแล้ว
“มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ก่อนมองเห็นคำสาปแล้วค่ะ”
“หา ? นี่เธอไม่ได้มองเห็นคำสาปนานแล้วหรอ” มากิเอ่ยอย่างสงสัยขณะที่คนอื่นเริ่มมานั่งเป็นวงกลมเพื่อพูดคุยกัน
“ฉันมองเห็นตอนที่ยูจิกลายเป็นภาชนะของสุุคุนะค่ะ”
หล่อนเอ่ยก่อนจะทำหน้าผะอืดผะอมเมื่อนึกถึงตอนที่ยูจิกินนิ้วของสุคุนะเข้าไป
ไม่ไหว แค่นึกหล่อนก็คลื่นไส้เป็นบ้า เมงุมิกับโนบาระตบบ่าหล่อนอย่างเข้าใจ
หล่อนรู้ว่ายูจิไม่เลือกกิน แต่ไม่ควรกินนิ้วสุคุนะเข้าไปรึเปล่านะ
“แต่เธอใช้ไสยเวทคล่องมาก”
“แซลม่อน”
“อันนี้ดูไม่น่าเชื่อแต่ว่าฉันมีคำสาปอยู่กับตัวค่ะเพราะคำสาปฉันถึงได้ดูเก่งการต่อสู้อะไรแบบนี้”
“อะไรล่ะนั่น” โนบาระเบะปากอดอิจฉาไม่ได้ที่หล่อนได้รับอะไรแบบนี้ไป
“แลกกับการฝันเห็นตัวเองชาติที่แล้วซ้ำ ๆ มันไม่ค่อยคุ้มอ่ะนะ” ซากิเอ่ยก่อนจะถอนหายใจเมื่อนึกถึงความฝนที่หล่อนต้องฝันเห็นมาตลอด
“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ”
“ไม่มากหรอกโนบาระ เห็นตัวเองตายเกือบทุกคืนอ่ะ”
“นั่นมันโคตรแย่ไม่ใช่รึไง !”
ทุกคนตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ ซากิยักไหล่ก่อนจะมองทุกคนเหมือนเป็นเรื่องปกติ
หล่อนมันน่ากลัวเกินไปแล้ว !
“เดี๋ยวฉันจะเล่าเรื่องคำสาปของฉันให้ฟังค่ะ แต่ตอนนี้ฉันต้องไปซ้อมเดี่ยวตามที่อาจารย์โกะโจสั่งแล้ว” ซากิเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นยืนโบกมือลาทุกคนก่อนจะเดินกลับหาพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อคลุมของหล่อนเป็นฮาโอริสีขาว หล่อนหยิบขนมและขวดน้ำใส่กระเป๋าผ้าก่อนจะเดินออกจากห้องพักเพื่อไปห้องใต้ดินที่ยูจิอยู่
แอ๊ด !
“โอ้ะ ! ซากิมาแล้วหรอ อั่ก !”
“หนังนี่น่าเบื่อเป็นบ้าเลยว่ะไอ้หนู”
“ไม่หรอกน่า อั่ก ! ไอ้ตุ๊กตานี่มันอะไรวะเนี่ย !!”
“สภาพดูไม่ได้เลยนะ” ซากิเอ่ยทักทายก่อนจะเดินมานั่งข้างๆยูจิ ยกมือลูบตุ๊กตานั่นเบา ๆ และแน่นอนว่าตุ๊กตานี่นั่งนิ่งเสียจนยูจิเบะปากอย่างหงุดหงิด
ยอมรับว่าอิจฉาซากิที่ควบคุมไสยเวทไได้เร็วมากทั้งที่มองเห็นคำสาปและได้รับพลังไสยเวทมาพร้อมกัน
“ไม่ต้องหงุดหงิดหรอกยูจิ ค่อย ๆ ฝึกไปวันนี้เธอก็เก่งมากแล้ว” หล่อนเปลี่ยนมาลูบหัวเด็กหนุ่มก่อนจะยิ้มให้กำลังใจยูจิพยักหน้า เคลื่อนตัวมานอนตักเด็กสาวอย่างเหนื่อยอ่อน
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เหนื่อยเป็นบ้า ไอ้นี่ก็เอาแต่ต่อยฉันตลอดเลย”
“เจ้ามันกระจอกเองต่างหาก เจ้าเหม่อโดยไม่ควบคุมพลังจะโดนต่อยก็สมควร”
“ปากคอเราะร้ายนะเรา” ซากิหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินสุคุนะบ่นออกมายูจิตบหน้าตัวเองเสียงดังเพื่อไล่สุคุนะ ถึงจะไม่ได้ผลและทำให้หน้าตัวเองแดงเถือกก็ตาม
“ช่างมันเถอะ แล้วฝึกวันนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เหนื่อยมาก รุ่นพี่โหดเป็นบ้าเลย” หล่อนเบะปากก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องวันนี้ให้อีกฝ่ายฟัง ไม่วายหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายถูกตุ๊กตาต่อยเมื่อลืมส่งพลังไสยเวทให้
จนเวลาล่วงเลยมาถึงดึก โกะโจถึงได้เข้ามาดูความเรียบร้อย ซากิเอ่ยปากว่าจะค้างเพื่อดูหนังเป็นเพื่อนยูจิเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด แถมหล่อนบอกรุ่นพี่ไว้แล้วว่าจะขอลาเพื่อฝึกเดี่ยวดังนั้นจะนอนค้างที่นี่ก็ย่อมได้
คราวนี้หล่อนต้องไขข้อสงสัยของหล่อนให้ได้
“ขอคุยด้วยหน่อยสุคุนะ”
“ว่าไงแม่หนู”
“ฉันอยากรู้เรื่องเมื่อพันปีก่อน” คำสาประดับพิเศษเงียบก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง ทำให้หล่อนรู้ว่ามันกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง
“เจ้าจะรู้เรื่องเก่า ๆ ไปทำไม”
“เพราะฉันวานให้อาจารย์โกะโจหาประวัติของตระกูลของฉันจากตระกูลโกะโจ แต่เขาหาไม่เจอ”
“เอ๋ ? แปลว่าซากิเป็นญาติของอาจารย์โกะโจหรอ”
“อื้อ ฉันไล่ดูประวัติครอบครัวฉันน่ะมันมีคนนามสกุลโกะโจเป็นต้นตระกูลน่ะแต่กว่าจะหาได้ก็ยากมาก ต้องนั่งอ่านตั้งแต่แรกเลยล่ะแกะคันจิยากสุด ๆ”
“เพราะต้นตระกูลเจ้าไม่ใช่ภรรยาหลวงแถมคนในเรือนชังหน้าพวกนางอย่างกับอะไร” เป็นคำสาปที่เอ่ยขึ้นมาอย่างหงุดหงิดทำให้ซากิพอเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
“แต่ตระกูลโกะโจไม่มีไสยเวทนี้” หล่อนเอ่ยก่อนจะแบมือออก เกล็ดน้ำแข็งก็รวงหล่นจากมือสีซีดช้า ๆ
“อาจจะมาจากฝั่งพ่อแม่เธอรึเปล่า”
“ไม่หรอกยูจิ ถ้าไม่นับคุณพ่อที่มาจากตระกูลแยกพวกท่านก็ไม่มีไสยเวทเลยฉันถึงได้อยากรู้เรื่องตระกูลฉันจากปากของสุคุนะน่ะ เพราะในฝันฉันเห็นว่าตัวฉันใช้มันได้ทั้งที่มีริคุกันอยู่ด้วย”
“มันเรียกว่าการผ่าเหล่า”
“คะ ?”
“ไม่อย่างนั้นพวกมันจะชังน้ำหน้าเจ้ารึไงซากิ เล่นได้ของที่ใช้งานง่ายมาแบบนี้น่ะ”
ซากิชะงักก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกถึงคำพูดของตัวหล่อนในความฝัน
พวกเราคือผลผลิตที่เกิดมาอย่างผิดจากเดิม พวกเขาชิงชัง หวาดกลัว แต่ต้องใช้ประโยชน์จากเรา ดังนั้นจงอย่าประมาทอย่าได้เผลอไผลไปตามกลลวงที่พวกเขาหลอกเจ้า ซากิ
ดูท่าเรื่องนี้จะได้หนักหนาพอกันกับการช่วยชีวิตอิทาโดริ ยูจิจากเบื้องบนแล้วสิ
TBC.
มาต่อแล้วค่า เย้ ๆ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 28
Comments