ในเรื่องเล่าลึกลับสยองขวัญแทบทุกเรื่องที่มีเมืองหรือหมู่บ้านเล็กๆหรืออาจจะแม้ใจกลางกรุง มักจะมีบ้าน คฤหาสน์หรือโรงแรม อันเป็นสถานที่ต้องห้ามไม่ให้เด็กๆย่างกรายเข้าไปเล่น ในเรื่องราวนี้ก็เช่นกัน นั้นคือ คฤหาสน์เรด เมเปิ้ล ของตระกูลโอ'เมอร์ฟี่…..
คฤหาสน์2ชั้นสไตล์โกธิค มันมีขนาดใหญ่มากพอจะอยู่รวมกันราวร้อยคน ผนังคฤหาสน์ภายนอกมีสีแดงเลือดนก และหลังคาสีไวน์องุ่นแดง พวกเขายังมีสุสานประจำตระกูล ไม่พอที่เพิ่มความน่าสยดสยองและมนต์ขลังให้คฤหาสน์นี้คือหมอกหนารอบๆพื้นที่ของพวกเขาตลอดทั้งปีและยาวนานเรื่อยมาจนเป็นเอกลักษณ์ที่ถ้าเกิดคุณถามเด็ก5ขวบในเมืองนี้ว่านึกถึงคฤหาสน์แห่งนี้นึกถึงอะไร แน่นอนร้อยละ 80 มักจะตอบว่าหมอกหนา
.
.
.
.
เช้าวันหนึ่งหลังสิ้นสุดฤดูหนาว ขณะที่แสงแดดจากดวงตะวันยังส่องได้ไม่ทั่วฟ้า แต่ถึงกระนั้นแสงก็ยังส่องมากพอให้มองเห็นหมอกที่ลงหนายังเมืองตรงหน้าได้ เด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุดูจากใบหน้าน่าจะราวๆ 15 ปี ได้หยุดยืนอยู่หน้าป้าย ‘ราว์นิช ยินดีต้อนรับ’ เขาเสยผมสีบลอนด์ทองเป็นประกายสั้น หยักศก ทรงรองหวีของตนขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กำกระเป๋าหนัง เดินตรงไปตามทางถนนที่แม้จะเป็นทางดินแต่ก็เรียบดูดี ช่างไม่เข้ากับความไกลปืนเที่ยงนี้เสียเลย
เด็กหนุ่มหยุดเดินอีกครั้งเมื่อเขามาอยู่ตรงหน้าบ้านหลังใหญ่สีขาวคลาสสิค 2 ชั้น ที่ชั้น 1 มีระเบียงให้เห็นลานรอบบ้านที่เป็นลานหญ้าที่ตัดอย่างสม่ำเสมอสวยงาม และมีสวนย่อมอยู่ริมรั้วสีขาวเช่นเดียวกับบ้าน เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็เดินเข้าไปในบริเวณบ้าน เขาเดินขึ้นทางบันไดสั้นๆจากนั้นก็เคาะประตูไม้อัดสีขาว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจก็มีชายร่างใหญ่เปิดประตูออกมา การแต่งตัวและหน้าตาของเขาดูภูมิฐาน ผมสีดำรองทรงของเขาถูกเสยไปข้างหลังมันช่างดูเรียบเสมอกันหมดและเงางาม นัยน์ตาสีฟ้าซีด ชายวัยกลางคนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีดำ ทั้งยังมีสายเอี๊ยมหนัง
“โอ้ไง คุณคือ…คนที่จะมาจัดการเจ้านั่นให้เราใช่มั้ยครับ” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น หลังจากสังเกตุเด็กหนุ่มตรงหน้า จากนั้นเขาจึงยื่นมือออกมาเป็นเชิงทักทาย
“ครับ ใช่ครับ คุณวิลลาจย์” เด็กหนุุ่มยิ้มและกล่าวตอบ ก่อนจะยื่นมือไปจับ คุณวิลลาจย์สะดุ้งเล็กน้อยเพราะเล็บบนนิ้วเรียวของเด็กหนุ่มผิวขาวนวลจนเกือบซีดตรงหน้า มันจิกเข้ามาในเนื้อของเขาเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก
.
.
.
“งั้นคุณวิลลาจย์ สรุปก็คือ มีผู้คนที่ทำอาชีพที่ต้องอยู่ใกล้กับป่าพบเห็นตัวประหลาดคล้ายมนุษย์หมาป่าแต่มีหน้าสีขาว มีเขาสี่เขา ยืนสองขาได้ ไม่มีหาง กลุ่มคนที่พบเห็นบ่อยสุดคือจากคนงานในตระกูลโอ'เมอร์ฟี่….งั้นสินะครับ”เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้วล่ะ ปกติฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งอะไรกับพวกนั้น แค่…ช่วงหลังๆมานี้ทุกครั้งเจอไอตัวประหลาดนั้น สัตว์เลี้ยงในฟาร์มจะตายตลอด ศพของพวกมันเละไปหมด เหมือนถูกฉีกกระชากจากกรามของสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่กว่าหมี นับวันจำนวนสัตว์ที่ตายก็มากขึ้น” ชายวัยกลางคนพูดพลางถอนหายใจ
“คุณเลยจ้างผม งั้นสิ”
“ใช่ ขอล่ะ ช่วยเราที อยากได้อะไรฉันจะให้ ถ้าฉันให้ไ--”
“จิ๊ๆ พอแล้วครับ เข้าใจแล้ว….แล้วอยากให้แค่สืบ…..หรือจัดการมันเลยล่ะ” น้ำเสียงสุภาพพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก และเมื่อเขาพูดจบนัยน์ตาสีฟ้าประกายของเขาเกิดเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพันไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาเป็นเช่นเดิม คุณวิลลาจย์ที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกลัวสุดขั้วหัวใจของเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังเก็บอาการ เพื่อเมืองนี้
“ถ้าให้ดีก็….จัดการเลยครับ ถ้าเกิดปล่อยไว้มันอาจจะเปลี่ยนจากสัตว์มาเป็นชาวเมืองก็ได้ ฉันในฐานะนายกเมืองนี้ที่ทุกคนเลือกมาจะปล่อยผ่านไม่จัดการไม่ได้ ฝากจัดการด้วยนะครับ อ้อ เรียกฉันเจฟฟ์ก็ได้” ริมฝีปากที่มีหนวดขึ้นอยู่เหนือเล็กน้อยก็ขยับขึ้น มันช่างเป็นรอยยิ้มสู้ชีวิตเสียนี่กะไร และคุณวิลลาจย์หรือเจฟฟ์ก็ยื่นมือมา แม้เด็กหนุ่มจะสัมผัสลักษณะของรอยยิ้มได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร เขายื่นมือไปจับตอบกับเจฟฟ์ที่ยื่นมือมา และยิ้มกลับไป ทำเอาเจฟฟ์ยิ้มแห้งทันที
หลังจากที่พักดื่มชากาแฟกับเจฟฟ์ เด็กหนุ่มก็เดินออกมาพร้อมแผนที่ในมือ นัยน์ตาของเขากรีดไปมาตามแผนที่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพับเก็บอย่างเรียบร้อยใส่กระเป๋าหนัง และตรงไปยังแหล่งรวมตัวของผู้คน บาร์ นั่นเอง
แม้จะเป็นเรื่องแปลกที่เขาจะไปที่บาร์ตอนกลางวันแสกๆ แต่แน่นอนทุกคนล้วนมีเหตุของตนเองที่จะทำอะไรสััักอย่าง เด็กหนุ่มผมทองผู้นี้เช่นกัััน
กิ๊งๆ
“เฮ้ เดี๋ยวสิตาแก่ฮอบแมน ทำไมชอบมาร้านตอนไม่เปิดอยู่เรื่--” ไม่ทันที่หญิงสาววัยรุ่นตอนปลายจะพูดจบ เธอก็หันจากโต๊ะที่เธอกำลังเช็ด มาเห็นเด็กหนุ่มเจ้าของผมบลอนด์เป็นประกายเสียก่อน
“แย่จริง นี่ผมดูเหมือนตาแก่หรอพี่สาว” ฟิลิปป์พูดพลางหัวเราะเล็กน้อย
“หล่อ เอ้ย ขอโทษนะคะคุณลูกค้า พอดีมักจะมีตาแก่ขี้เหล้ามาร้านฉันตอนกลางวันทุกที” หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มมัดเป็นทรงหางม้า ใบหน้าคมคายสวยมีเสน่ย์ ทั้งยังมีนัยน์ตาสีเขียวน่าดึงดูด .กล่าวตอบกับผู้มาเยือน
“แล้ว…พ่อหนุ่มมีอะไรหรอถึงมาที่นี้ แถมหน้าไม่คุ้นเลย” หญิงสาวกล่าวถาม แน่นอนการที่มีคนต่างถิ่นมาบาร์ตอนกลางวันต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน
“ก็นะครับ ผมถูกจ้างให้มาจัดการ เจ้านั่น” นันย์ตาของชายหนุ่มราวกับคิดไปเองมันกลายเป็นสีเหลืองอำพันชั่วขณะ
“เจ้านั่น? อ๋อ เข้าใจล่ะ เธออยากถามอะไรใช่มั้ย” หญิงสาวพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเด็กหนุ่มทันที
“หัวไวดีนะครับ ก็นั่นแหละ” เด็กหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้
“งั้นมานั่งก่อน” หญิงสาวพูดพลางเดินหลังเคาน์เตอร์บาร์ เด็กหนุ่มเองเดินไปนั่งลงตรงหน้าเธอ
“เรามีเวลาอีกเยอะเลยกว่าร้านจะเปิด ฉันจะตอบเท่าที่ฉันตอบได้” หญิงสาวกล่าวตอนที่ใช้แขนทั้ง2ข้างวางลงบนเคาน์เตอร์
“คงต้องเริ่มจากแนะนำตัวกันก่อนล่ะนะ ฉันเล็กซานดร้า แต่เรียกซานดร้าก็ได้” หญิงสาวนามเล็กซานดร้า หรือซานดร้ากล่าวพร้อมยิ้มให้
“ครับคุณซานดร้า ผมอยากรู้ว่าตระกูลโอ'เมอร์ฟี่นี่ มีภาพลักษณ์ยังไง แล้วช่วงนี้มีอะไรแปลกๆรึเปล่า” เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้น
“ฮ่ะ เจ้าพวกนั้นก็แปลกตลอดทั้งปีทั้งชาติ ส่วนภาพลักษณ์นี่ก็…ตระกูลไฮโซมีแต่ผมแดง ชอบทำตัวแปลกๆลึกลับกันทั้งบ้าน” ซานดร้ากล่าวพลางกอดอก
“โอ้ งั้นคำถามต่อไป นายอำเภอของเมืองนี่จัดการเรื่องเจ้าตัวประหลาดนั้นยังไง”
“นายอำเภอกุสตาฟว์ ตาลุงนั่นก็พยายามในแบบปกติของเขาล่ะนะ แต่นายก็รู้ เรื่องของเรื่องคือมีตระกูลเศรษฐีมาเกี่ยวข้อง กรานด์ฟอร์ดผู้นำตระกูลน่ะ เจ้านายเขา” ประโยคสุดท้ายก้มตัวลงพูดกระซิบเบาๆ เด็กหนุ่มเองก็เอนตัวตาม
“เข้าใจล่ะครับ แล้วมีพวกข่าวลืออะไรบ้างมั้ย เกี่ยวกับเจ้านั่น” เด็กหนุ่มพูดเบาๆ
“จากที่ฉันได้ยินจากลูกจ้ากตระกูลเมอร์ฟี่ตอนที่มานั่งินเหล้าอ่ะนะ ก็…ฉันได้ยินมาว่าเจ้านั่นน่ะ น่าจะเป็นหนึ่งในสองแฝดทายาทตระกูล” เธอกล่าวตอบเบาๆเช่นกัน
“โห นั่นน่าสนใจ ทำไมพวกเขาคิดแบบนั้นหล่ะครับ” เขากล่าวอย่างสนใจ
“คนเก่าคนแก่ที่ยังทำงานอยู่ที่นั่นน่ะ เมื่อ16ปีก่อนที่ทายาทตระกูลจะเกิด พวกเมอร์ฟี่ทำพิธีกรรมบางอย่างที่สวนหลังบ้าน เขายังเล่าอีกว่าคืนวันนั้นทั้งคืนแทบไม่ได้นอนกันดี มันทั้งขนลุก เย็นยะเยือก ลมพัดก็แรง ได้ยินเหมือนเสียงกรีดร้องอะไรบางอย่างทั้งคืนมันอธิบายออกมาไม่ค่อยถูก แต่มันโหยหวนและสยดสยองจนนอนไม่หลับ แถมมันยังติดอยู่ในหัวเขาจนแทบบ้าเก้าเดือนเห็นจะได้ จากนั้นมันก็หายไป คนงานคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์และนอนที่พักเดียวกันใกล้ๆคฤหาสน์ก็ยืนยัน” ซานดร้าเล่าออกมาอย่างไม่ติดขัดราวกับว่าเธอเองอยู่ในเหตุการณ์ก็มิปาน
ทางด้านเด็กหนุ่มที่ได้ยินเรื่องราวก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก แล้วเขาก็ยิ้มออกมา
“ขอบคุณครับคุณซานดร้า หลังจากเรื่องจบคุณอยากได้อะไรตอบแทนรึเปล่า” เด็กหนุ่มกล่าวพลางลุกขึ้น
“ฮึ ไม่ต้องให้เรื่องจบก็ได้ ระหว่างที่เธออยู่ที่นี้ก็แวะมาดื่มอะไรที่ร้านฉันบ้าง จริงสิ เธอชื่ออะไร” ซานดร้ากล่าว เธอพึ่งนึกขึ้นได้หลังจากที่คุยกันยาว ตลอดมานี้เด็กหนุ่มตรงหน้ายังไม่แนะนำตัวเลย
“ผมฟิลิปป์” เด็กหนุ่มหรือก็คือฟิลิปป์หันมากล่าวและยิ้มให้ซานคร้า จากนั้นก็ออกจากร้านไป….
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments