ฝ่าบาทเพคะ
...****************...
...คำเตือน...
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาเองเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะเจาะจงหรือพาดพิงให้ใครหรือสถานที่ใดเสียหายแต่อย่างใด นิยายเรื่องนี้บางอย่างก็มีผิดพลาดหรือแปลกไปจากเดิม เนื่องจากเราแต่งเติมขึ้นมาเองไม่ได้มีอยู่ในความจริงทางประวัติศาสตร์ ถ้าคำบางคำพิมพ์ผิดก็ขออภัยทุกท่าน นิยายเรื่องนี้อาจมีคำพูดการกระทำบางอย่างที่ไม่เหมาะสมหรือรุนแรงเกินไป ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้กรุณาอ่านเพื่อความบันเทิง ความสนุกสนาน ถ้าอ่านแล้วชื่นชอบเราก็ขอขอบคุณ แต่ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบส่วนไหนหรือตรงไหนก็ขออภัยทุกท่าน และเข้าใจหากจะไม่ต้องการอ่านต่อ ขอให้ทุกท่านอ่านอย่างมีความสุข
.
.
.
ฟุบ
เสียงร่างชายชราวัย 67ปี ล้มนอนลงไปบนพื้น ร่างกายส่วนหน้าท้องค่อยๆมีของเหลวสีแดงไหลออกมา ดาบที่เปื้อนของเหลวสีแดงถูกเช็ดด้วยมือของชายหนุ่มวัย 22 ปี ดวงตาเขานั้นจ้องมองอีกฝ่ายไร้ลมหายใจอยู่นิ่งๆ รามกับไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออยู่ในดวงตา ดวงตาของผู้ที่นอนอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงมองอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยความโกรธเคืองแต่ก็ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้นั้นไม่สามารถทำอะไรได้จึงทำได้เพียงจ้องมองด้วยความโกรธ
:อกตัญญู
ชายวัย67ปี พยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการพูดบางสิ่งบางอย่างที่อยากพูดอยู่ในใจออกมา สิ้นคำพูดนั้นลมหายใจก็หายไป ชายร่างสูงค่อยๆแสยะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้
.
อกตัญญู?
.
อยากจะหัวเราะชะมัด
.
ชายหนุ่มเค้นหัวเราะที่ลำคอก่อนที่จะเดินออกไป
.
.
22 ปีก่อน
.
ก่อนหน้านี้มีหญิงสาวคนหนึ่งวัย17ปี ชื่อ จางรั่วรั่ว ได้เสียชีวิตลงเนื่องจากการเกิดอาการหน้ามืดขณะเดินลงบันไดจึงทำให้เสียการทรงตัว แล้วตกบันไดลงมา หญิงสาวคนนั้นลืมตาขึ้นมาพบว่าตนเองนั้นอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยหรือรู้จักและพบว่าตนเองนั้นกลายเป็นเด็กทารกชาย ไม่นานก็ทำความเข้าใจกับตนเองและคนที่นี่ได้ แต่นั้นก็กินเวลามาถึง 5 ปี กลายเป็นว่าหญิงสาววัย17ปี นั้นได้กลายมาเป็นองค์ชายลำดับที่1 ของราชวงศ์ถัง นามว่า หลี่หนานไป๋ ซึ่งแม่ของเขาที่เป็นฮองเฮาก็ได้สิ้นใจลงเมื่อคลอด หลี่หนานไป๋ เขาจึงได้ถูกเลี้ยงดูด้วย กุ้ยเฟย ถึงแม้ว่าจะเป็นแม่เลี้ยงแต่นางก็ดูแลหนานไป๋เป็นอย่างดีเหมือนลูกแท้ๆด้วยเหตุที่ว่านางอายุ30ปีกว่าๆ แต่ยังไม่มีบุตรเลยสักคน
เวลาผ่านไปอีก5 ปี หนานไป๋ก็อายุครบ10 ปี ทุกอย่างก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดี จนกระทั่ง
.
.
วันที่เขาได้ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท
.
หลี่หนานไป๋ได้กลายเป็นองค์ชายรัชทายาท ซึ่งนั่นก็ไม่นับว่าแปลกอะไรเพราะเป็นองค์ชายลำดับที่1 แต่หลังจากนั้นมา ชีวิตของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ทั้งอำนาจที่อยู่ในมือ ภาระหน้าที่ ผู้คนที่ปฎิบัติกับเขา และ
.
.
การลอบสังหาร
.
ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่าอำนาจและไหนจะตำแหน่งของเขาอีก ใครๆก็ต้องการที่จะได้ทั้งนั้น เมื่ออยากได้ แต่ไม่ได้ ก็ต้องแย่งชิง
.
ไม่เว้นแต่พี่น้อง
.
แต่นั่นก็ไม่นับเป็นเรื่องที่ผิดแปลกอะไรสำหรับหนานไป๋ เพราะตัวเขาเองนั้นเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีความโลภและความต้องการอะไรบางอย่างกันทั้งนั้น เขาคิดว่าเรื่องพวกนี้คงไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่จะรับมือได้ แต่เขาคิดผิด
วันหนึ่งที่ลานฝึก เสด็จพ่อของหนานไป๋หรือฮ่องเต้ เขาได้เขามาดูการซ้อมฟันดาบของหนานไป๋
:ยังลงแรงที่ดาบได้ไม่มากพอ
:แต่ถ้าเทียบกับระยะเวลาที่ฝึกซ้อมมา ความเร็วเท่านี้
:ก็นับว่า....ไม่เลว
ฮ่องเต้ได้ตรัสกับหนานไป๋ด้วยแววตานิ่ง ก็ที่หนานไป๋จะได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกตนเอง
:ท่านพี่!!
เสียงนั้นเอ่ยร้องเรียกดังขึ้นมา นั่นคือองค์ชาย6 หลี่เฉิง อีกฝ่ายนั้นวิ่งไปหาผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นท่านพี่ของตนถึงแม้จะไม่ได้มีมารดาผู้ให้กำเนิดเป็นคนๆเดียวกัน ฮ่องเต้เมื่อเห็นดังนี้ก็ยังคงนิ่งอยู่เช่นเดิม องค์ชาย6เมื่อเห็นผู้เป็นบิดาตนเองก็รู้ว่าตนเองเผลอเสียมารยาทไปเสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมที่จะคาราวะและพูดทักทาย ฮ่องเต้เมื่อเห็นดังนั้นก็พยักหน้าไป ก่อนที่จะปัดมือว่าให้อีกฝ่ายนั้นไปอยู่ทางอื่นก่อน หลี่เฉิงเมื่อเห็นดังนั้นก็เข้าใจ และได้เดินไปยังที่ฝึกอีกด้านหนึ่งแล้วหาเลือกธนูและลูกศรยิง
:ดื่มนี่ซะ
ฮ่องเต้พูดบางอย่างพลางหยิบขวดยาที่บรรจุบางอย่างไว้ หนานไป๋เมื่อเห็นดังนั้นก็รู้สึกมึนงงและไม่เข้าใจว่าข้างในขวดนั้นคืออะไร แล้วทำไมต้องให้เขาดื่ม
:เสด็จพ่อ นี่คืออะไร?
หนานไป๋ถามขึ้นด้วยความสงสัย ฮ่องเต้ที่เห็นดังนั้นก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก
:ยาพิษ
หนานไป๋ยืนนิ่งไปชั่วขณะ ในสมองขาวโพลนไม่มีความคิดใดๆ จนสุดท้ายก็เรียบเรียงความคิดและเข้าใจได้
:555เสด็จพ่อ
:ข้าไม่คิดว่าท่านก็มีอารมณ์ขันกับผู้อื่นเช่นกัน
หนานไป๋ได้ข้อสรุป เขาคิดว่าอีกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าพ่อนั้นได้หยอกล้อเขาเพียงเท่านั้น
.
พ่อแบบไหนจะให้ลูกตนเองดื่มยาพิษ
หนานไป๋ได้คิดเช่นนั้น
:หึ อารมณ์ขันงั้นรึ?
:รัชทายาท
ฮ่องเต้เอ่ยเรียกอีกฝ่าย ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาถูกผู้เป็นพ่อเรียกเช่นนี้ แต่หนานไป๋ก็รู้สึกถึงบางอย่างของผู้เป็นพ่อที่เปลี่ยนไปจากเดิม
:ข้าขอถามเจ้า
:หากเจ้าต้องเลือก ว่าจะมอบสิ่งนี้ให้กับผู้ใด
:ระหว่าง
:น้องชายที่เจ้ารัก หรือ
:คนแปลกหน้า
หนานไป๋เมื่อได้ยินดังนั้นก็เกิดความรู้สึกไม่เข้าใจอีกครั้ง
:เสด็จพ่อ...ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด
:ท่านหมายถึงอะไร
ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นดวงตาก็ฉายแววความเย็นชา แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นยกยิ้มที่มุมปาก
:ข้าให้เจ้าเลือก เจ้าก็เลือกมาเถิด
:เสด็จพ่อข้าไม่เข้าใจ
:แต่หากจะต้องเลือกจริงๆ ในภายหน้า
:ข้าเลือกไม่ได้จริงๆ
.
.
.
:เจ้า.....ตัดสินใจไม่ได้?
ฮ่องเต้ได้ตรัสถามขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
:ไม่ใช่ว่าข้าตัดสินใจไม่ได้
.
.
:แต่ข้าจะไม่เลือก
คำตอบของหนานไป๋ทำให้ฮ่องเต้นั้นนิ่งไปชั่วขณะ
:ทำไมเจ้าไม่เลือก?
ฮ่องเต้เอ่ยถามคำถามที่นึกสงสัยภายในใจ
:อย่างแรกข้าจะไม่ทำร้ายน้องตนเอง
:เพราะนั่นคือน้องของข้า
หนานไป๋เอ่ยตอบอย่างมั่นใจและมุ่งมั่น พลางยิ้มเล็กน้อยและมองไปที่น้อง6ของตน
:ถ้าเช่นนั้นแล้วคนแปลกหน้าเล่า?
:ข้อ2 ถึงแม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้า แต่ข้ามีเหตุอันใดที่ต้องทำร้ายเขา?
ฮ่องเต้มองไปที่องค์ชาย6 ก่อนที่จะหันมามององค์ชายรัชทายาท พลางนึกคิดบางอย่างและคำพูดอยู่ภายในใจตนเอง
:เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะไม่ทำร้ายน้องตนเองใช่หรือไม่?
:พะย่ะค่ะ
:แล้วถ้าน้องของเจ้า..
:คิดจะหักหลังและทำร้ายเจ้าล่ะ
:เจ้าจะทำเช่นไร?
.
.
ภายในห้องนอนหรูหราขนาดใหญ่ มีร่างเด็กชายวัย10ขวบ กำลังนอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงนอน ภายในหัวนั้นมีคำถามที่คิดไม่ตก นั่นทำให้ในเวลานี้เขานั้นไม่ว่าจะพยายามข่มตาเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับ ในหัวนั้นนึกถึงแต่คำถามที่ผู้เป็นพ่อนั้นถามเมื่อตอนอยู่ลานฝึก ความคิดในสมองของเขาคิดแต่คำถามเดิมๆ และคำพูดเดิมๆ ในตอนแรกเขาคิดว่าควรจะถามคำถามที่สงสัยและไม่เข้าใจนั้นออกไป แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีอีกฝ่ายก็ได้เดินออกไปไกลกับขันทีคนสนิทเสียแล้ว เขาเอามือก่ายหน้าผากตนเอง เขาคิดว่าในอายุของเด็ก10ขวบ ไม่ควรมาคิดอะไรที่น่าปวดหัวเช่นนี้ ถึงแม้ว่าอายุจริงๆถ้านับรวมกันแล้วเกือบๆ30ปีก็เถอะ หนานไป๋ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เขานั่นคิดออกแล้วว่าสิ่งที่จะทำต่อไปนี้นั่นคืออะไร
.
.
.
.
:องค์รัชทายาท!
ตอนนี้ได้มีนางกำนัลรับใช้คนหนึ่งตกใจขึ้นมาเมื่อเห็นองค์รัชทายาทมาที่ตำหนักองค์ชาย6 ใช่แล้วตอนนี้เขาได้มาอยู่ที่หน้าตำหนักน้อง6ของตน เนื่องจากเขานั้นคิดไม่ออกว่าตนจะทำอะไรดี แต่หากได้ใครสักคนมาเป็นเพื่อนคุยก็คงจะดี ถ้าหากจะมารบกวนเวลานอนขององค์ชาย6ก็แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่หากจะให้ไปรบกวนน้องคนอื่นๆก็คงจะไม่ได้เพราะไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น แต่ถ้าหากมาที่นี่แล้วอีกฝ่ายนั้นกำลังหลับอยู่ แน่นอนว่าเขาจะต้อง
.
.
ปลุกให้อีกฝ่ายมาคุยกับเขา
.
:นี่เจ้าจะตกใจและกลัวอะไร
หนานไป๋เอ่ยพูดกับนางกำนัลตรงหน้าที่กำลังคุกเข่าลงและร่างกายสั่นด้วยความกล้ว
:อ..องค์รัชทายาทมาทำอะไรที่นี่หรือพ..เพคะ
น้ำเสียงสั่นของนางกำนัลทำให้หนานไป๋รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าเขาหน้ากลัวอย่างไร หรือเขาไปทำให้อีกฝ่ายกลัวงั้นหรอ
:ข้ามาหาน้องหก ทำไม?เจ้ามีปัญหาหรือ?
:ไม่ใช่นะเพคะ!!
นางกำนัลรีบเงยหน้าไปมององค์รัชทายาท
:แล้วนั่นถ้วยยาอะไร? น้องหกไม่สบายงั้นหรือ!!
หนานไป๋ถามถึงผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องตนเอง นางกำนัลที่ได้ยินเช่นนั้นก็พูดอ้ำๆอึ้งๆ แต่อยู่ๆหนานไป๋ก็เกิดชะงักขึ้นมาเขารู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นนางกำนัลคนนี้ที่ไหนสักที่ที่ไม่ใช่ตำหนักองค์ชาย6 และเขาก็นึกออกแล้วว่านางคือนางกำนัลรับใช้ของเสด็จพ่อ ด้วยความคิดที่เขามีต่อฮ่องเต้ในตอนนี้ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกแปลกๆว่ามันจะต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ องค์รัชทายาทไม่รอช้ารีบผลักประตูด้านหน้าแล้วเข้าไปหาองค์ชาย6
ภาพตรงหน้านั้นสะเทือนใจของหนานไป๋ไปไม่น้อยเลย นั่นคือเขาเห็นว่าน้อง6ของตนนั้นนอนกระอักเลือกอยู่บนพื้น โดยมีผู้เป็นพ่อนั้นยืนมองด้วยสายตานิ่งๆ และเห็นขันทีคนสนิทกำลังยืนก้มหน้าซีดอยู่ด้านหลังฮ่องเต้ หนานไป๋รีบวิ่งไปหาหลี่เฉิง น้องหกของเขา น้ำตกของเขาร่วงลงมาอย่างอัตโนมัติ
:เกิดอะไรขึ้น!?!?!! น้องหก เจ้า...
:เสด็จพ่อ!!! นี่ท่าน? ท่าน...
ความเสียใจที่เกิดขึ้นทำให้เขาสติหายไปหมด รู้เพียงว่าต้องการที่จะรู้ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
:นี่คือผลจากการที่เจ้าตัดสินได้ไม่เด็ดขาด
:ท่านหมายความว่าอย่างไร?!!!
:เจ้าเป็นถึงรัชทายาท
:หากตัดสินผิดพลาด ไม่เด็ดขาด
:ย่อมต้องมีการสูญเสีย
หนานไป๋มองไปที่ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ เขาเห็นแววตาอันเยือกเย็น และโหดเหี้ยม เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เป็นพ่อจะทำอะไรแบบนี้กับลูกตนเองได้
:น้องหก...เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ..
หนานไป๋เอ่ยถามอีกคนด้วยเสียงที่แผ่วเบา
:เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่ว่านี่เป็นเพียงตัวอย่างที่ข้าต้องการจะให้เจ้าเห็นเพียงเท่านั้น
:ท่านก็เลยถึงกับให้ยาพิษกับเขา...
ฮ่องเต้เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดบางอย่างขึ้นมา
:นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด
:ข้าเพียงอยากดัดนิสัยให้เขานั้นสุขุม เยือกเย็น ไม่ใช่เอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ
หนานไป๋ฟังสิ่งที่ฮ่องเต้ผู้เป็นพ่อของตนพูดมาจนหมด ในใจนั้นรู้สึกโกรธเคือง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขามองไปยังน้อง6ที่ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด ทำได้เพียงมองผู้เป็นพี่ของตน
:ฮึก..
น้ำตาจากที่หยุดไหลไปแล้วก็กลับมาไหลอาบแก้มอีกครั้ง
:ความเสียใจ ความเจ็บปวด ความทรมาน การสูญเสีย
:ทุกอย่างนั้นจะทำให้เจ้านั่นสามารถเติบโตได้ดี
.
.
ได้ดี?
.
งั้นหรือ?
.
.
ใครกันต้องการกัน
.
.
:ทีนี้ถึงตาเจ้าแล้ว
:ดื่มนี้ซะ
ฮ่องเต้หยิบขวดยาให้หนานไป๋ เขามองไปที่อีกคนและน้องตนเองก่อนจะยกขึ้นดื่ม
:ย...อย่า...ด...ดื่ม..
เสียงห้ามปรามอันแผ่วเบาของหลี่เฉิงพูดขึ้นมา เสียงที่แหบแห้งแถบจะไม่มีเสียงนั้นได้เปล่งออก หนานไป๋เขานั้นได้ยินคำพูดนั้นแต่ก็ยังเลือกที่จะดื่ม เพื่อหวังว่าฮ่องเต้จะเห็นแก่ที่เขายอมดื่มยาพิษและปล่อยน้อง6ไป
:เสด็จพ่อ..ข้าดื่มยานี่แล้ว
:อืม เจ้าต้องดื่มทุกวัน
:ข้าจะยอมดื่มทุกวัน
:แต่ท่านสัญญาและรับปากข้าได้หรือไม่..
ฮ่องเต้มองไปที่องค์รัชทายาทด้วยสายตานิ่งๆ ราวกับผู้ที่ไม่มีความรู้สึก
:ว่ามาสิ
:หากท่านสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายน้องหก และน้องของข้ารวมถึงผู้อื่นๆแบบนี้อีก
:ข้า...ข้าจะ...
.
.
.
:ยอมทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ
หนานไป๋พูดเช่นนั้นออกไป เขาหวังว่าจะช่วยน้องๆของตนและคนอื่นๆได้ เขาหวังว่าจะไม่มีใครต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก หวังว่าพ่อของตนจะรักษาคำสัญญา
.
.
แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น
.
.
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา นั้นทำให้เขารู้ว่าตนเองนั้นไม่ควรเชื่อคนๆนี้เลย ทั้งเรื่องต่างๆเยอะแยะมากมายที่เขาได้ไปเจอและรู้มานั่น
.
.
การตายของเสด็จแม่
.
.
.
เรื่องการลอบสังหาร หลังจากถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทได้ไม่นาน
.
.
การหายตัวไปของสาวใช้คนสนิทของเสด็จแม่
.
.
.
.
การตายขององค์ชาย3 หลี่หยางเจียน
.
.
.
การตายขององค์หญิง4 หลี่ชิวชิว
.
.
.
.
พระสนมเสียนเฟยที่ผูกคอตนเอง ซึ่งเกิดจากการเสียใจที่องค์ชาย3 และองค์หญิง4จากไป
.
.
.
และ
.
.
.
การตายที่หาสาเหตุไม่ได้ของน้องหก
.
.
.
ทุกอย่างที่กล่าวมา
.
.
.
ล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสด็จพ่อ
.
.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments