ถ้ำน้ำพวกนี้ โบราณเขาว่าเป็นเมืองลับแล หรือเมืองบังบด อาจจะมีทางเข้าออกที่ซ้อนมิติ
กันอยู่ เป็นปากทางเข้าเมืองพญานาค อย่างที่ฉันเคยเข้าไปที่ถ้ำดินเพียง หรือวัดถ้ำศรี
มงคล จ. หนองคาย ที่เขาว่าเป็นถ้ำพญานาค ฉันเคยได้ไปเดินอยู่ในถ้ำมาครั้งหนึ่ง ก็รู้สึก
ว่า ติดไฟเดินสะดวกขึ้น แต่ก็ยังต้องคลานลอดอยู่ดี เพราะลักษณะถ้ำเป็นโพรงที่มีลักษณะ
เหมือนรูงอยู่มากมาย แถมเพดานและผนังก็ดูราบเรียบเหมือนมีอะไรเลื้อยเข้าออกประจำ
แถมมีน้ำไหลเอื่อยๆ นิดหน่อยแฉะๆ อีกด้วย ชาวบ้านบอกว่าเป็นถ้ำพญานาคและทางเข้า
เมืองบาดาล หรือเมืองลับแล
ชาวบ้านที่ค้นพบถ้ำนี้อย่างเป็นทางการ คือลุงคำสิงห์ เกศศิริ เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 2530 ได้
เข้ามาถากถางทำไที่นี่ อยู่มาวันหนึ่งก็ได้เห็นสัตว์ป่าออกมาเดินหากิน และตกลงหลุมไป
พร้อมๆ กับมีค้างคาวบินออกมาจากหลุม ก็เลยนึกเอะใจว่าน่าจะมีถ้ำอยู่ข้างในแน่ๆ จึงได้
ลงไปสำรวจเจอโพรงถ้ำเป็นห้องและคูหามากมาย แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่
จนวันหนึ่ง
ได้มาทำไร่แถวนี้อีกและเผลองีบหลับไป ฝันไปว่า มีพญานาคตัวสีเหลือง
ใหญ่ยาวขึ้นมาจากแม่น้ำโขง บอกให้ช่วยเฝ้าดูแลรักษาถ้ำเพราะเคยเป็นคนเฝ้าถ้ำแห่งนี้มา
ก่อนเมื่อชาติที่แล้ว ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้สนใจ เพราะไม่เชื่อและไม่ยอมทำตาม แต่จากนั้นไม่กี่
วันก็เป็นไข้ป่า รักษาหมอปัจจุบันเท่าไหร่ก็ไม่หาย เลยไปหาหมอนั่งทางในเขาบอกว่าให้ไป
ขอขมาพญานาค พอทำตามก็หาย นับจากนั้นเลยมาช่วยดูแลถ้ำ คอยพาคนลงไปเที่ยวชม
ถ้ำ
ถ้ำ นี้ไม่ใหญ่โต แต่ยาวมาก แม้อาจจะไม่ยาวเท่าถ้ำหลวงนางนอน ลุงคำสิงห์เล่าว่า มีอยู่
ครั้งหนึ่งได้ร่วมไปกับคณะสำรวจเป็นเวลาถึง 6 วัน ซึ่งพิสูจน์ว่า เส้นทางในถ้ำดินเพียง
สามารถไปสู่แม่น้ำโขงได้จริง แต่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ นักท่องเที่ยวไม่สามารถไปได้ เพราะ
การเดินทางไปยังจุดนั้นยังอันตราย มีช่องทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปมามากมาย อาจทำให้
พลัดหลงได้ง่ายๆ อีกทั้งขนาดของเส้นทางก็แคบมาก ไม่สามารถยืนหรือเดินเข้าไปแบบ
ธรรมดาได้เลย จะต้องก้มตัว มุด ลอด หมอบ คลาน ไปตลอดทาง เรียกว่าต้องเคลื่อนที่ไป
ให้เหมือนกับงูก็ว่าได้ (แล้วจะเข้าไปเพื่อ?)
ฉันเคยไปกราบหลวงปู่เย็น ที่วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน จังหวัดเลย ซึ่งวัดนี้เป็นโบราณ
สถาน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี๊ พ.ศ. 2300 มีหลวงปู่เย็น เจ้าอาวาส จำพรษาอยู่เพียงรูปเดียว
อายุประมาณ 90 แล้ว หลวงปู่เป็นตำรวจเก่า เคยเป็นสันติบาล เล่าว่าปลอมตัวแทรกตาม
หมู่บ้านเพื่อปราบคอมมินิสต์ เคยวิสามัญคนมาแล้วมากมาย แต่ได้เกษียณอายุราชการ
และบวชถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตอนมีการเฉลิมฉลองครบรอบพระ
ชนมวาร เพราะหลวงปู่เกิดปีเถาะปีเดียวกัน แล้วก็ไม่ได้สึกอีกเลย
ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีรอยพระพุทธบาทโบราณอยู่ ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นโบราณ
สถาน ตั้งแต่ พ.ศ. 2478 ฉันเคยคุยกับพระอาจารย์นิพนธ์ เจ้าอาวาสวัดศาลาน้อย และวัด
สมเด็จภูเรือมิ่งเมืองที่ใหญ่โตสวยงามมาก ท่านเคยมาสวดทั้งคืนที่นี่ ท่านบอกว่า เทวดา
เยอะมากบนนี้ ในกุฏิหลวงปู่ มีหินผลึกสีเหลือง ก้อนใหญ่มาก ถ้าเราอยากทราบอะไร ให้
กำหนดจิตอธิษฐานสิ่งที่ต้องการทราบ แล้วยกหินเสี่ยงทายดู ก็เป็นไปตามนั้น แปลกดี
ตามตำนาน เขาว่า มีทางเข้าเมืองบาดาลหรือเมืองพญานาคบนวัดนี้ ฉันเคยถามหลวงปู่ว่า
ในวัด มีพญานาคหรือไม่ หลวงปู่ตอบว่า มี หลวงปู่เคยธุดงค์ขึ้นไปบนเขา ไปเอาแร่ผงๆ สี
เงินๆ อย่างหนึ่งลงมา บอกว่า ถูเข้าไปในข้อเข่า สักพัก จะซึมเข้าผิว ทำให้แข็งแรง หลวงปู่
ยังเดินเหินได้คล่องกว่าคนที่อายุน้อยกว่ามาก ฉันเลยลองเอาผงแร่นี้มาลองถูมือดู
ผลลัพธ์ก็แปลกนะ ถูไปถูมาสักพัก ผงนี้กลายเป็นน้ำมันและก็ซึมเข้าผิวหนังไปหมด แต่มือ
ก็ยังมีประกายระยิบระยับอยู่นาน ฉันถามว่าคือผงอะไร หลวงปู่บอกว่า "ขี้เหล็กไหล" สี
เงินๆ ซึ่งตามตำนานของเขานี้ ชื่อก็บอกแล้วว่า ภูควายเงิน
หลวงปู่เล่าว่า เคยเข้าธุดงค์ไปในถ้ำดินเพียงสมัยยังหนุ่มกว่านี้ และได้เคยเดินออกไปทะลุ
ประเทศลาวได้ด้วย เจอห้องโถงมีหินรูปร่างแปลกๆเยอะ มีห้องต่างๆ มากมาย มีสมบัติด้วย
แต่ปัจจุบันทางไปประเทศลาวได้สร้างเจดีย์ปิดไว้แล้ว
ถามท่านว่า แล้วเราจะลงไปอีกได้หรือไม่
หลวงปู่ตอบสั้นๆ ว่า ใครจะไปต้องเป็นพระปฏิบัติเท่านั้น.....
เพราะ....
ถ้ำนี้
ไม่ธรรมดา !!
———————————————————————จบ—————————————————————
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 3
Comments