ทั้งสองรวมใจกันอีกครั้ง เพื่อเดินทางไปยังคฤหาสน์
การเดินทางเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากพวกปีศาจ มีการกระจัดกระจายไปทั่วทั้งเมืองโบราณแห่งนี้
ตัวเมืองนั้นไม่ใช่อุปสรรคใหญ่เนื่องจาก เป็นเมืองสมัยก่อน จึงไม่มีการวางโครงที่ซับซ้อนเพียงแต่ต้องใช้ความเข้าใจถึงจะเดินทางได้สะดวก
เอ็นและยูเมะก็เดินทางโดยที่ไม่มีปีศาจตัวไหนรู้ตัว อาจเป็นเพราะความสามารถในการรับรู้ภัย ประสบการณ์ และวิชา ทั้งคู่จึงมาถึงที่หน้าประตูทางเข้าของประสาทได้โดยที่ไม่มีใครรู้
ประตูหน้าทางเข้านั้นเป็นประตูบานใหญ่ที่ถูกแกะสลักอย่างดี ถ้าจะให้เทียบกับประตูทั่วไปแล้ว มันแสดงได้ถึงสถานะที่เหนือกว่าคนทั่วไปอย่างชัดเจน
บานซ้ายและบานขวาถูกตกแต่งให้เป็นลักษณะกองทัพนางฟ้าอันแสนสวยงามส่วนอีกด้าน เป็นปีศาจเพียงตนเดียวแต่กับโดดเด่นและดูทรงพลังทัดเทียมกับเหล่าเทวดาและนางฟ้า
นางฟ้าผู้ที่เกรียงไกรที่สุดมอบดาบให้อีกฝ่าย ส่วนปีศาจมอบก้อนดำปริศนาที่มีลักษณะเหมือนกุหลาบให้
ประตูที่ใหญ่โตขนาดนี้ ท่าเป็นเอ็นคนก่อนคงไม่อาจเปิดได้ แต่เมื่อเขาได้ค้นพบความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง ประตูทั้งสองบานจึงถูกเปิดได้อย่างไม่ยากเย็น
เมื่อชายหญิงได้เหยียบเท้าเข้าคฤหาสน์ สัมผัสแรกที่ได้รับรู้กับเป็นไออุ่นจากข้างในนั้น พร้อมแสงไฟที่สว่างออกมา
สิ่งต่อมาที่เห็นคือ การจัดเก็บภายในกับสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบอย่างยิ่ง ราวกับที่แห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
จะเป็นพวกปีศาจธรรมดาก็คงไม่เพราะในรัศมีของคฤหาสน์ ไม่มีปีศาจตนใดกล้าเข้ามายังที่แห่งนี้
อาจเป็นไปได้ว่ามีพวก ปีศาจระดับสูงอาศัยและคอยดูแลความเป็นไปอย่างเงียบๆ
เอ็นพยายามเดินอย่างช้าๆเพื่อสังเกตและระวัง แต่ในทางกลับกันยูเมะมีอาการมองรอบตัวตลอดเวลา ราวกับว่ายังคงกลัวและกังวลในสถานที่ๆน่ากลัวและไม่คุ้นเคย
"บ้านผีกับพื้นที่ล้างเธอ ยังผ่านมาแล้วเลย อีกแค่นิดเดียวเธอก็ได้กลับบ้านแล้ว"
"แต่ว่านี่มันไม่เหมือนกันน่ะ ในคฤหาสน์นี่มันน่ากลัวจะตาย"
เอ็นเดินนำทางให้เธอเล็กน้อย เนื่องจากตัวของเขารู้เป้าหมายที่ไปเป็นอย่างดี
"ฉันไปต่อไม่ไหวแล้วเอ็น ขาฉันมันไม่ไหวแล้ว"เธอหยุดเดินพร้อมกับขาที่สั่นจนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้
"เธอนี่ก็น่ะ"เมื่อพูดเสร็จเอ็นก็แบกเธอขึ้นกลางหลังพร้อมกับค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆโดยไม่ได้ตอกย้ำอะไรเพิ่ม
"ขอโทษน่ะ มีแค่เรื่องผี ที่แคบ และมืดนี่ล่ะที่ฉันกลัวสุดๆ"
"ถ้าวันใดวันหนึ่งขาดฉันไปเธอจะทำไงยังไงเนี้ย"
"....."เธอไม่ตอบกลับ
เอ็นพยายามเค้นบทสนทนาออกมาเพื่อทำให้เธอคลายกังวลแต่ว่าเขากับนึกได้แต่เรื่องที่เป็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ในใจ จึงเอ่ยถามเพื่อความสบายใจส่วนตัว
"นี่ยูเมะหลังจากกลับไปได้เธอจะทำยังไงต่อ แบบว่าอยู่ประเทศฉันต่อแล้วค่อยกลับบ้านเกิดเธอเหรอ"
"จริงๆแล้วฉันทะเลาะกับที่บ้านฉันมาน่ะ"
"ว่าไงน่ะทะเลาะกัน?"
"คือฉันอยากจะย้ายมาอยู่กับนายแบบเต็มตัวแล้ว แต่ที่บ้านเกิดฉันมันบ้านนอกมาก เขาเลยอยากให้ฉันแต่งกับคนที่เขาเลือกให้"
"คงทำใจยากสิน่ะ"เอ็นพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
"มันไม่สำคัญแล้วล่ะว่าจะกลับ ไม่กลับน่ะ ฉันแค่อยากอยู่กับนายให้นานๆก็เท่านั้นล่ะ"เธอแนบตัวชิดติดกับแผ่นหลังของเอ็น แก้มนิ่มๆกระทบกับแผ่นหลัง จนได้ยินจังหวะของหัวใจ
"ถ้าพูดที่สวนสนุกฉันร้องไห้จริงนะเนี้ย"
"อย่าร้องไห้สิ ยังไงเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหมล่ะ"ยูเมะพูด้วยน้ำเสียงที่แสนจะอบอุ่น
"นั้นสินะ ฉันเองก็จะยอมแพ้ไม่ได้"เอ็นเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
ในที่สุดทั้งสองก็เข้ามายังห้องนั้งเล่นขนาดใหญ่ ห้องหนึง
ไฟที่ล้อมรอบห้องต่างมืดดับสนิท ตรงหน้ามีเตาผิงไฟ แผ่แสงออกมาจนเผยให้เห็นกระจกบานหนึ่ง ที่มีขนาดสี่คูณห้าเมตร ตั้งอยู่หน้าเตาผิง
พร้อมโซฟาและโต๊ะกลมตัวหนึ่ง ขนาดของมันค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกระจกทั่วไปที่มีไว้ส่องตัวเอง
เงากระจกซึ่งสะท้อนมุมมาที่เอ็นและยูเมะ เอ็นสังเกตเห็นใบหน้าของเขาและเธอในกระจก
แต่ในชั่วพริบตามันกับฉายภาพสะท้อนให้เห็นชายจากด้านหลังอีกคน
เอ็นหันกลับไปมองด้านหลังทันทีแต่นั้นก็สายเกินไป
ชายปริศนาสูงเกือบสองเมตรถีบทั้งคู่กระเด็นเข้ามาในห้องโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
เมื่อจังหวะของศีรษะกระแทกเข้ากับพื้น ไฟในห้องกับจุดประกายติด ส่องสว่างไปทั่วห้อง
ชายปริศนาเดินเข้ามาพร้อมปิดประตูด้วยปลายเท้าอย่างแรง
"นี่แกเป็นใครทำไมฉันถึงจับชีพจรแกไม่ได้"
ชายปีศาจปริศนาสวมชุดผ้าสีเหลืองอ่อน ปลายแขนทั้งสองกว้างเหมือนกับชุดของคนจีนสมัยโบราณ
ชายดั่งกล่าวกอดอกพร้อมอธิบายถึงสาเหตุอยู่ในมุมมืด โดยที่ไม่เห็นหน้าตา
"ข้าเองก็ผ่านการฝึกตนมาไม่ใช่น้อยไม่แปลกหรอก ที่แกจะจับชีพจรไม่ได้"
เมื่อเอ็นได้ยินก็อึ้งไปนิดหนึง ก่อนจะต้องตกใจอีกครั้งเมื่อชายคนดังกล่าวเดินออกมา จนแสงไฟจากเตาผิง เผยหน้าจริงของเขา
"เคอร์!"
"เขาเป็นใครเหรอเอ็น"
"เขาเป็นญาติห่างๆของฉันเอง เคยได้ยินว่าเขาฝึกวิชาการต่อสู้อย่างหนักจนกระดูกแตกร้าวเลยล่ะ"เอ็นหันไปพูดกับยูเมะพร้อมยังอธิบายเพิ่มอีกว่า
"เคยได้ยินอีกว่า หายตัวไปฝึกตอน อายุ สิบเจ็ด ปี ดูถ้าแล้วจะไปอยู่กับปีศาจสินะ"
"อ่านเกมได้ถูกต้อง ฉันได้พบกับปีศาจมากมายในแดนต้องห้ามที่ท่านพ่อได้เคยบอก เมื่อได้เจอสิ่งที่มีเป้าหมายเดียวกันอุดมการณ์เหมือนๆกัน ไม่แปลกที่ฉันจะหันหลังให้มนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นแกก็ต้องมาตายที่นี่แล้ว"
เคอร์ สำรวมกายบางอย่าง ทันใดนั้น ร่างกายของเขากับเปลี่ยนสภาพ
"วิชา แก่นแห่งสันดาน" วิชาแก่นแห่งสันดานคือการที่ผู้ใช้ ดึงอารมณ์ทั้งห้าออกมา เป็นนิสัยจากภายในโดยตรงซึ่งหมายถึงการที่มนุษย์ได้ใช้ร่างกายเชื่อมต่อกับพลังธรรมชาติโดยตรง
เอ็นดูมีท่าทีลนลานเมื่อได้เห็นวิชาแก่นแห่งสันดานของเคอร์
"อะไรกันแค่นี้ก็ตกใจแล้วเหรอ อันนี้น่ะแค่เบื่องต้นเท่านั้น ข้าเรียกมันว่า สันดานแห่งมักใหญ่ไร้คู่ต่อกร"
ภายนอกของชายที่ชื่อเคอร์ เปลี่ยนสภาพไปอย่างมาก
เริ่มจากศีรษะที่มีลายอักขระสีดำมากมายที่เพิ่มขึ้น ส่วนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือแขนและขา
ลักษณะแขนของเคอร์ตอนนี้เหมือนกับ เหยี่ยว,แร้ง พร้อมฉีกกระชากศัตรู
ขาของเขายืดยาวสูงกว่านกทั่วไป เท้าถูกแยกออกเป็นสี่ทางพร้อมกรงเล็บยาวแหลมคม ดั่งอินทรีผู้ทรงอำนาจ
แผ่นหลังมีก้อนเนื้องอกออกมา พร้อมกับพัฒนากลายเป็นปีกน้อยๆ เหมือนกับปีกของ'นกตีสอง'
"ตกใจล่ะสิ"
"ถ้าฉันต้องฝึก แล้วหน้าตาเป็นแบบแกขอไม่ฝึกดีกว่าว่ะ"เอ็นตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่กวนตีน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments