"เฮ่ฉันได้กลิ่นมนุษย์แถวนี้" ฝุตๆ "ฉันว่าใช่"
"ไม่หรอกน่ามันก็แค่กลิ่นศพใหม่ๆ นั้นล่ะ อย่าได้ไปสนใจเลย เราไปออกล่าข้างนอกกันดีกว่า"
"งั้นเหรอ แต่ว่าท่านคนนั้นย้ำว่าให้เรารอแค่ในตัวเมือง"
"ช่างมันสิ ไอเจ้านั้นมันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเราแอบหนี"
"ถ้าอย่างนั้นแกก็นำข้าไปเลย"
เสียงเคลื่อนตัวดั่งสัตว์ร้ายตัวใหญ่ได้ผ่านทั้งคู่ไป
ผ่านไปได้สักพักเอ็นรวบรวมสมาธิ พร้อมก้าวขาสำรวจป้อมดังกล่าว
วืด .. 'เกือบไปแล้วในป้อมนี้มีหลุมด้วยงั้นเหรอเนี่ย'ด้วยผลจากความมืดเอ็นก้าวขาขวาอย่างไม่ระมัดระวังจนเกือบ ตกลงไปในหลุมที่ใหญ่ประมาณหนึง
แต่เมื่อมองลงไปกลับเห็นแสงจากอัญมณีส่องแสงออกมาจากภายในกล่อง
'เมื่อกี้เหมือนจะเห็นกล่องบางอย่าง ความรู้สึกที่ถูกเรียกหานี่มันอะไรกัน บางทีถ้าฉันจะลงไปดูก็คงไม่เสียหาย'เมื่อตัดสินใจได้ เอ็นจึงค่อยๆหย่อนตัวลงภายในหลุม
เอ็นค่อยๆเปิดหีบใบเล็กอย่างระมัดระวัง 'นี่มันหินสีเขียว ชิ้นเดียวกับในพ็อคเก็ตฉัน'
เอ็นจึงรีบหยิบหินในพ็อคเก็ตขึ้นมาเปรียบเทียบ
สองหินก้อนเท่าหัวนิ้วโป้งผสามรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ภายในหลุมเกิดแสงวาบช่วงหนึ่ง ก่อนที่เอ็นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
'ความรู้สึกปวดหัวนี่มันอะไร เจ็บเป็นบ้าเลย อ๊าก!'เอ็นใช้สองมือกุมขมับทั้งสองข้างพร้อมกับความเจ็บปวดบางอย่างที่แสนรุนแรง
แล้วในตอนนี้ภาพตรงหน้ากลับกลายเป็นสีขาว สว่างไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา แม้แต่ตัวเขาเองก็คิดว่าบ้าไปแล้ว
ทันใดนั้นเสียงบางอย่างก็เข้ามาสัมผัสถึงตัวเขา
ความเจ็บปวดค่อยๆเลือนหายไปพร้อมกับภาพแสงสีที่ตามมาอย่างสมจริง
เอ็นได้เห็นความทรงจำของผู้ครอบครองหินปริศนาคนก่อนหน้าเขาทั้งหมด
ในใจเขาคิดว่าบางคนใช้ชีวิตได้ไร้สาระมากมาย บางคนเป็นขุนนางชั้นสูงเอาแต่กินเที่ยวเล่นกับผู้หญิงไปวันๆ บางคนก็เป็นอัศวินที่ถูกฆ่าในสงครามทั่วไป
แต่มีเพียงสองคนที่ทำให้เอ็นรู้สึกน่าตื่นเต้นและเขาจดจำได้ คนแรกเป็นลอร์ดชั้นสูงคนหนึ่งที่หัวก้าวหน้าช่างประดิษย์และวางแผนแต่น่าเศร้าที่ชีวิตถูกคนบางกลุ่มเอาเปรียบจนเอาชีวิตไม่รอด แต่ผลงานที่เขาค้นพบนั้นเป็นทฤษฎีที่อัศจรรย์มากอย่างเช่นหินแห่งความทรงจำก้อนนี้
ส่วนอีกคนเป็น เป็นผู้ถือครองคนสุดท้าย เป็นอัศวินคนหนึ่งที่มีอายุน่าจะเจ็ดสิบห้าปี
ด้วยความสามารถของหินก้อนนี้ มันอาจพลิกหน้าสงครามได้ เขาจึงนำแยกออกเป็นหลายๆส่วนแล้วนำไปซ่อน
เมื่อเขาได้ดูประวัติของผู้ถือครองทั้งหมดเขากลับฟื้นมาในที่แห่งหนึ่ง
'ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนกัน เหมือนความเจ็บปวดจะหายไปด้วย'เอ็นตื่นมาบริเวณกลางห้อง
เอ็นรวบรวมแรงที่เหลือลุกขึ้นมา สาดสายตาไปทั่วบริเวณห้อง
'ห้องนี้มันห้องอะไรกันอย่างกับห้องฝึกตนของพวกวรยุทธ์เลย' ภายในห้องนี้ประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลายต่อหลายๆอย่างเท่าที่ตาของเอ็นจะเห็นได้ ไม้ซุงสำหรับซ้อมหมัดที่เห็นได้จากหนังทีวี อาวุธไม้ชนิดต่างๆแบบครบเซต ดาบ,ขวาน,กระบองยาว,กระบองสั้น,กระบองสามท่อน เรียกได้ว่ามีให้ฝึกกันทุกแบบ นอกจากนี้มันยังมีสระน้ำที่ปลูกดอกบัวจนเต็มสระ หน้าต่างบานใหญ่ที่แปะพร้อมกับยันต์เทพ นักรบสักองค์
ทันใดนั้นประตูบานหนึ่งในห้องก็เปิดออก
มีเด็กชายคนหนึ่งเปิดประตู พร้อมกับมีชายสองคนเดินตามหลังมา
'ว่าแต่ฉันมาทำอะไรที่นี่กันไม่เคยเห็นจะจำได้เลย'
ชายคนแรกเป็นชายแก่อายุร่วมๆหกสิบปีได้ สวมชุดเครื่องแบบ พร้อมกับยศมากมายที่ประดับประดาอยู่บนหน้าอกอย่างหาญกล้า
ชายคนที่สอง เป็นชายที่เอ็นรู้จัก เขานั้นจงเกลียดจงชังคนๆนี้ที่สุด พ่อแท้ๆของเขา
ชายทั้งสองเริ่มสนทนาถึง อนาคตของเด็กตัวน้อยๆคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า
ส่วนเด็กคนนั้นก็ทำการฝึกไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรทั้งคู่
"ท่าน ฟูจินคิดเห็นอย่างไรบ้างกับลูกของข้า เขาพอจะมีสิทธ์ได้เป็น ผู้กอบกู้ตามคำทำนายไหม"
"ถ้าดูจากการวางตัว กิริยาต่อหน้าข้า ถือว่าเป็นเด็กที่เงียบผิดปกติไปเสียหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นความสามารถในการต่อสู้กลับตรงกันข้ามนับเป็น หนึ่งไม่เป็นสองรองใครเลยละ"
คุณพ่อยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะถามอีกว่า
"ถ้าอย่างนั้นลูกของข้า จะได้เป็นสิน่ะ"
"อย่าอวดดีไปศิษย์ข้า คิดแค่ว่าความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวจะใช้ได้ในโลกงั้นเหรอ ฉันละสงสารเด็กที่มีพ่ออย่างนายจริงๆ"
คำพูดดั่งกล่าวทำให้คนเป็นพ่อหยุดหายใจไปช่วงหนึ่ง
"นี่เจ้าหนูเอ็น มานี่สิ"
"ครับ"เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายอย่างที่สุด
"ฉันจะประกาศตรงนี้เลยว่า เจ้าหนูนี่ยังไม่มีคุณสมบัติ จะเป็นอะไรทั้งนั้นตราบใดที่ยังไม่เข้าใจถึงความสุข เพราะขนาดตัวเองยังไม่มีความสุข แล้วจะไปมอบความสุขและความหวังให้ใครเขาได้ ตัดใจซ่ะเถอะ ทอส!ศิษย์ข้า"
ชายแก่เดินออกไปโดยที่ไม่แม้แต่จะสบตาลูกศิษย์ของเขาแม้แต่น้อย
ทอสล้มคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรุนแรงสีหน้าของเขา บ่งบอกถึงความสิ้นหวังโดยแท้
'สมน้ำหน้า ชอบวางท่าดีนัก'เอ็นในวัยหนุ่มไม่มีแม้แต่ความเมตตาให้
ทอสเริ่มบ่นพึมพำอะไรบางอย่าง
"ท่านพ่ออย่าเสียใจไปเลยครั้งหน้าก็ยังมีอยู่ ยังไงอาจารย์ฟูจินก็ยังไม่ตายสักวันเขาคงใจอ่อน"เด็กน้อยพูดออกไปด้วยความซื่อๆ
"แกจะไปรู้อะไร ไอเด็กไร้ประโยชน์ ฉันฝึกแก เลี้ยงแก เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งผู้กอบกู้ แต่แกที่วันๆไม่ต้องทำอะไรยังจะมีหน้ามาอวดรู้อีก"เสียงตะโกนดังไปทั่วทิศทาง
แม้แต่เอ็นที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ยังสั่นกลัวจนเนื้อเต้น ด้วยสัญชาตญาณ แต่ในทางกลับกันตัวเขาในวัยเด็กกลับตั้งท่าต่อสู้ ด้วยอาการสั่นไม่หยุด
"ให้ออกตามหาความสุขเหรอ แกได้กินข้าวทุกสามมื้อโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร นั่นก็เป็นความสุขแล้วไม่ใช่เหรอ"เขาพูดพร้อมกับออกหมัดใส่เอ็นอย่างเต็มกำลัง ถึงแม้เอ็นจะเบี่ยงหมัดออกไปได้หนึ่งครั้ง แต่แล้วก็มีหมัดหนึงซัดเข้าเต็มใบหน้า
"มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ ฉันก็ให้แกได้ใช้ในห้องนี้ ยังจะขออะไรอีกกกกก" ทอสตะโกนพร้อมกับต่อยหมัดตรงเข้าใส่ที่ใบหน้าของเอ็น ถึงแม้เอ็นจะตั้งการ์ดได้แข็งแรงมากเพียงใด แรงของเด็กก็ไม่อาจต้านได้
หมัดของทอสกระแทกใส่หน้าของเอ็นจนนอนล่วงไปกับพื้นโดยไม่สามารถทำอะไรได้
ทอสหายใจออกเพียงเล็กน้อยก่อนจะใช้เท้ากระทืบลงไปบริเวณท้องและซี่โครงของเอ็นอย่างรุนแรง
เอ็นในวัยโตถึงกลับหลบสายตาไปมองทางอื่น
'หมดคำจะจำกัดความจริงๆ เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงได้เกียจแก'
หลังจากโดนทำร้ายร่างกายอยู่อีกสักพัก เหล่าคนใช้และแม่เอ็น ก็ออกมา
เหล่าคนรับใช้รีบพุ่งตัวเข้าไปห้ามแต่กับคุณแม่ ท่านทำได้แค่ร้องไห้สวยๆ พร้อมกับรอผลที่จะตามมา
'ท่านแม่ ข้าขอบคุณในความดีที่ทำให้ข้ายังเป็นคนดีและเมตตาทุกสิ่ง แต่กับความอ่อนแอของท่านก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวข้า'
ในระหว่างที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดอย่างที่สุด
"เอ็น รีบตื่นเร็วๆสิ เอ็นนนน"เสียงของยูเมะตะโกนทะลุเข้ามา โดยที่แม้แต่เอ็นก็ไม่อาจเข้าใจได้
ภาพของโลกกลายเป็นสีดำสนิท แล้วทุกสิ่งก็หยุดเคลื่อนไหว
'ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วถึงความทรงจำที่ร่างกายนี้ได้ปิดบังเอาไว้ ตอนนี้ฉันจะต้องออกไปจากอดีตบ้าๆพวกนี้แล้ว'
เมื่อ สามนาทีก่อนหน้า หลังจากการผสานตัวของหินแห่งความทรงจำจนเกิดแสงสว่างขึ้นมา
"เอ็นเกิดอะไรขึ้นนะ"ยูเมะเริ่มเดินออกตามหาเอ็น
"นั้นมันแสงอะไรกัน"
"ฉันบอกแกแล้วไงว่ามันมีกลิ่นเนื้อมนุษย์จริงๆ"
ตึ่ง! "เป็นอย่างที่คิดไว้เลย เอาล่ะ ไอพวกมนุษย์ถ้าพวกแกอยู่ในนั้นละก็จงเตรียมตัวตายได้เลย"
ตึงๆๆ เสียงประตูที่ถูกปีศาจกระแทกอย่างแรง มันดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับรอยแยกของประตู
ยูเมะยืนขึ้นพร้อมกับใช้ปากการ่ายเวท
เหล่าเศษหินและไม้ต่างๆ ถูกทำให้ลอยกับพื้นอย่างเบาหวิว ยูเมะโบกสะบัดปากกาแล้วชี้ไปยังหน้าประตู
เศษไม้และหิน ถูกสั่งให้ก่อตัวรวมกันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของประตู
การกระทำเช่นนี้พอจะยืดเวลาไปได้แค่ หนึ่งนาทีเท่านั้น
เสียงหายใจของปีศาจก็ดังกังวาน ภายในตัวป้อม มันหลบซ่อนอยู่ในเงามืดแม้แต่ยูเมะเองที่ใช้ดวงตาสีฟ้าก็ไม่อาจมองหามันเจอ
เพียงไม่กี่อึดใจ การโจมตีก็ได้เริ่มขึ้น
เจ้าปีศาจพุ่งตัวเข้าโจมตีทางด้านหลังของยูเมะแบบไม่ทันตั้งตัว
มันคงเป็นภาพสยองหากยูเมะไม่ได้สร้างม่านพลังเอาไว้
การโจมตีของมันถูกหยุดชะงัก กลางอากาศพร้อมกับรอยแผลไหม้ที่สร้างความเสียหายให้มันไม่ใช่น้อย
รูปร่างของมันบัดนี้ได้แสดงตัวออกต่อสายตาของยูเมะ
ลักษณะภายนอกของมันเหมือนกับ กอริลลาขนดำขนาดใหญ่ที่สวมชุดเกราะไว้กับตัว พร้อมกับสายสะพายที่มีอาวุธปืนห้อยอยู่กับตัว เล็บมือคม ใบหน้าโกรธเกรี้ยว
"เป็นมนุษย์ที่ใช้เวทมนตร์ได้งั้นเหรอ น่าสนใจจริงๆ" เจ้าปีศาจยืนสองขาพร้อมกอดอกคุย
ยูเมะไม่รอช้ายิงพลังงานเวทตรงเข้าไปใส่เจ้าปีศาจ เพียงการตั้งการ์ดแบบง่ายๆพลังเวทก็สลายไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้ผล
"ดูถ้าแล้วอุปกรณ์สื่อกลางของเจ้าจะอ่อนแอมากเลยน่ะ" เจ้ากอริลลาพูด
โครม! เสียงของประตูที่ถูกเสริมแกร่งโดนถล่มพังทลายไม่เป็นชิ้นดี
"อย่าดูถูกพวกมัน เป็นไปได้ว่ามันอาจใช้เวทมนตร์ขั้นที่สูงกว่าที่พวกเราคิดก็ได้" ปีศาจอีกตนพูดเตือนขึ้นหวังให้อีกตัวระวัง
"แค่ผู้หญิงเผ่ามนุษย์จะทำอะไรเราได้" เจ้ากอริลลาพูดขึ้นพร้อมกับควักอาวุธปืนขึ้นมา
ปังๆๆๆๆๆๆเสียงปืนดังสนั่น ก้องไปมาภายในป้อม
เจ้าบ้านั้นสาดกระสุนจนหมดแม็กกาซีนโดยหวังฆ่ากันโดยไม่ทันตั้งตัว
ยูเมะสร้างม่านพลังอีกครั้งแต่ครั้งนี้เป็น ม่านกำแพงเพลิงความร้อนสูง
กระสุนที่ยิงเข้ามา หลอมละลายกลายเป็น โลหะเหลวสีเหล็กไร้ค่า
"บ้าน่า"ปีศาจตัวที่สอง ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจระดับหนึง
ยูเมะยืนขาสั่นพร้อมท่าทีอ่อนแรง หายใจออกดัง "เฮือก"
เจ้ากอริลลาไม่รอช้าเปลี่ยนแม็กกาซีนหวังยิงซ้ำอีกครั้ง
ยูเมะที่เห็นจังหวะอันเหมาะสมจึงรวบรวมสมาธิแล้วปลดอาวุธปืนของเจ้าปีศาจกอริลลาขณะที่มันวางใจ
แล้วสวนกลับด้วย โลหะเหลวที่เกิดจากกระสุนของมัน
ยูเมะทำการเปลี่ยนรูปทรงโลหะให้คล้ายเข็มขนาดเล็ก แล้วโจมตีกลับไปอย่างทันควัน
ครั้งนี้มันได้ผลดีเนื่องจากสิ่งที่ยิงออกไปเป็นโลหะแข็งแถมยังมุ่งเป้าไปยังจุดที่อ่อนแอ
เหล็กแหลมที่โจมตี ได้มีเส้นหนึ่งวิ่งเข้าใส่ดวงตาเจ้ากอริลลาได้สำเร็จ
มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
เจ้ากอริลลากระโดดถีบตัวออก เพื่อหลบซ่อนอยู่หลังหิน
"ไอ้บ้า ถ้าฉันพร้อมอีกละก็พวกแกตายแน่"
ปีศาจตัวที่สองเมื่อเห็นเพื่อนถูกโจมตีจึงคิดสวนกลับ มันจึงใช้ปีกสีดำพัดเหล่าฝุ่นผงบริเวณนั้นใส่ ยูเมะเพื่อหวังบดบังวิสัยทัศน์
แล้วหันการโจมตีไปที่ชายหนุ่มที่นอนสลบอยู่นอกระยะการต่อสู้
มันบินผ่านยูเมะไปด้วยความเร็วสูง
ยูเมะที่ไม่ทันสังเกตจึงปล่อยให้มันบินผ่านไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
แล้วเมื่อเธอได้ใช้ดวงตาสีฟ้ามองไปยังที่ทิศทางที่เจ้าปีศาจบินไป เธอจึงเห็นเอ็นนอนหมดสติในหลุม
การตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็ว เธอสร้างแส้เวทมนตร์ขึ้นมาแล้วฝาดเข้าไปในทิศทางของศัตรู
เจ้าปีศาจที่แต่เดิมก็ระวังทุกฝีก้าว มันจึงดีดตัวออกทันที
เจ้าปีศาจถึงกับหนังตากระตุก พร้อมกับสีหน้าที่ไม่สู้ดี เมื่อเจ้าแส้เวทมนตร์ที่โจมตี กลับข้ามผ่านมันไป
ถึงแม้มันจะตามความคิดของยูเมะทัน แต่นั่นก็สายไปแล้ว เมื่อแส้ได้รัดเข้ากับเอวของเอ็น
ไอจึงกระชากตัวของเขา กลับเข้ามาหาเธอ
เธออ้าแขนรับร่างอันไร้สติของเอ็นไว้ ด้วยแขนทั้งสองข้าง
เมื่อเอ็นอยู่ในอ้อมกอดของเธอได้สำเร็จ
เจ้าปีศาจกอริลลาที่รักษาตัวจนเสร็จแล้ว เตรียมตั้งท่ากระโดดเข้าจู่โจมแบบครั้งก่อน
ยูเมะรวบรวมพลังเวทครั้งสุดท้ายด้วยมือที่สั่นไปมา บวกกับปากกาที่เริ่มมีรอยแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัด สร้างโดมหินขนาดใหญ่ป้องกันทั้งคู่ ด้วยความแข็งแกร่งของโดมนั้น แม้เจ้ากอริลลาจะทุบสุดกำลังมันก็ไม่สะเทือนมากนัก แต่ขณะเดียวกันปากกาเวทมนตร์ที่เป็นสื่อกลางในการใช้เวท ที่เธอพกมา ขณะนี้มันได้แตกหักคามือของเธอไปเสียแล้ว
"เอ็นตื่นสักทีเถอะ เอ็นนนนนนนนนนนนนนนนนนนน"
ในเวลาที่ไร้ซึ่งแสงสว่างและไฟแห่งความหวัง
หยดน้ำตาจำนวนหนึ่งตกกระทบไปที่ใบหน้าของเอ็น
ดวงตาของเอ็นกระตุกเล็กน้อยก่อนที่จะลืมตามอง
"เกิดอะไรขึ้น หลับไปแค่นิดเดียวทำไมเธอถึงร้องไห้ละเนี่ย"เอ็นนอนหงายหน้าบนตักของยูเมะด้วยสีหน้าที่มึนงง
"เอ่ะ หน้าเธออยู่ตรงนี้รึเปล่าฉันมองไม่เห็นเลย"เอ็นยื่นมือไปมากลางอากาศอย่างช้าๆพลางค้นหาใบหน้าของเธอ
ยูเมะจับมือของเอ็นพร้อมกับยื่นใบหน้าของเธอเข้าประกบกับฝ่ามือ
สัมผัสที่เนียนเรียบและละเอียดอ่อนของใบหน้า หยดน้ำตาอันเย็นชื่นทำให้เอ็นรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้
เอ็นปาดน้ำตาของเธออย่างแผ่วเบาพร้อมกับรอยยิ้มที่คุ้นเคย
"มายิ้มอะไรกันละเจ้าบ้า เราจะตายกันในอีกไม่กี่นาทีแล้วนะ"เธอพูดพร้อมกับสีหน้าที่กลั้นน้ำตาไว้
ตึ่ง! เสียงของการโจมตีดังทะลุเข้ามายังถึงภายใน เป็นสัญญาณถึงความเงียบสงบได้จบลง
เนื้อของโดมเกิดรอยแตกร้าวจนแสงลอดทะลุเข้ามาเป็นเส้นเล็กๆ
เอ็นลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดเสื้อผ้าไปมา โดยที่หันหลังให้กับยูเมะ
"ยูเมะเธอยังจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม?"
"จำได้สิ แต่ว่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสถานการณ์ตอนนี้เลยนะ"ยูเมะหันมองไปยังแผ่นหลังของเอ็น
"ตั้งแต่วันแรกที่ฉันได้เจอเธอ ฉันก็หวังเพียงสิ่งเดียวมาโดยตลอด"เอ็นกำหมัดแน่นพร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้า
"นั่นก็คือ เธอจะไม่ต้องมาร้องไห้เสียใจกับโชคชะตาแบบนี้อีก"เอ็นพูดด้วยน้ำเสียงที่เน้นเป็นพิเศษพร้อมกับชกหมัดเข้าหากำแพงโดม
แรงหมัดของเอ็นสามารถทำ โดมแตกร้าวอย่างรุนแรง
ในไม่ช้า โดมแห่งนี้ก็กลายเป็นเพียงเหมือนเปลือกไข่ไก่ที่แตกออกมา
เอ็นปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของปีศาจทั้งสอง ด้วยท่าทีพร้อมต่อสู้อย่างกล้าหาญ
"นี่คุณ รู้ใช่ไหม ขืนสู้ไปก็ไม่มีทางชนะได้"ยูเมะกล่าวเตือนด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง
เอ็นไม่พูดอะไรพร้อมกับเดินออกไปอย่างช้าๆ
พร้อมเข้าหาเจ้ากอริลลาที่กำลังจ้องมองเขาอยู่อย่างใกล้ชิด
เจ้ากอริลลาก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า"ดูท่าจะมั่นใจมากเลยสินะเจ้ามนุษย์"
ระยะห่างทั้งสองใกล้กันมาก เพียงลมหายใจแรงๆของเจ้ากอริลลา ก็เข้าพัดจนผมปลิวได้
ในจังหวะที่ทั้งสองจ้องมองหน้ากันอย่างไม่กะพริบตา
เจ้ากอริลลาใช้ร่างกายอันใหญ่โต กระโดดขาคู่
"อะไรกัน มันหายไปไหน"เจ้ากอริลลาสัมผัสได้ว่าเป้าหมายของมันที่หายไป
ตึ่งๆๆๆ เจ้ากอริลลาทุบอกด้วยความโมโหพร้อมกับขู่ศัตรู
"เมื่อสักครู่มันยังยืนอยู่ตรงหน้าเราอยู่เลยแล้วมันจะหายไปไหนได้"เจ้าปีศาจตัวที่สองเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเช่นเดียวกับเพื่อนของมัน
"ถ้าตามหาฉันล่ะก็ อยู่นี่แล้วไง"เอ็นพูดสวนกลับในขณะที่ปีศาจทั้งสองไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเขา
สายตาของปีศาจทั้งสองมองไปยังทิศทางของเสียง
เอ็นไม่รอม้าใช้ฝ่ามือโจมตีเข้าสันคอ ด้วยความแม่นยำสูง
อานุภาพของการโจมตีนั้นรุนแรงนัก จนเจ้ากอริลลาหัวเขาทรุดลง พร้อมทิ้งตัวลงแนบพื้น
สีหน้าเจ้ากอริลลาเหลือกตาบน น้ำลายไหลเป็นสายธาร
ปีศาจร่างนกไม่รอช้าพุ่งเข้าหาเอ็นพร้อมกรงเล็บสีดำทมิฬหวังปลิดชีพในครั้งเดียว
ฝ่ามือของเจ้าปีศาจพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว
เก็บเส้นผมจำนวนหนึ่งไปได้
เอ็นพลิกตัวพร้อมเตะเสยคางไปหนึ่งที แต่อีกฝ่ายก็หลบได้แบบเกือบเอาตัวไม่รอด
ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างดุเดือด
สิ่งที่เกิดขึ้นทำเอายูเมะสับสนไม่ใช่น้อย
เอ็นจากชายธรรมดาบ้าๆของเธอ กลับกลายเป็นคนที่พึ่งพาได้ในตอนนี้
ยูเมะทำหน้าครุ่นคิดคิดถึงสาเหตุที่เอ็นเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่มีคำตอบใดเลยที่เขามาในหัวของเธอ
ยูเมะจึงใช้ดวงตาสีฟ้า ความสามารถเฉพาะตัวเผ่าเธอ
ภายในดวงตาสีฟ้านี้ เธอจะเห็นพลังงานชีวิต พลังเวท พลังอื่นๆ เธอสังเกตเห็นพลังงานชีวิตของเอ็นไหลออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับเป็นกิ่งไม้ที่แตกแยกงอกใบออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
'เอ็นชอบพูดอยู่บ่อยๆว่าพ่อแท้ๆชอบฝึกอะไรแปลกให้เขาบางทีมันอาจเป็นสิ่งนั้น'
ยูเมะเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เอ็นเคยพูดนั้นหมายถึงอะไร และนั้นคือกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาเหนือกว่าใครๆในด้านวิถีชีวิตและการต่อสู้
ตัวของเอ็นได้ฝึกวิชาการต่อสู้ หรือเรียกว่าการฝึกตน สิ่งนี้ทำให้เอ็นมีพลังภายในและร่างกายที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่เด็กโดยเขาไม่รู้ตัว
เมื่อเธอเข้าใจในข้อสงสัยทั้งหมด เธอจึงหยุดคิดพร้อมกับโฟกัสไปที่การต่อสู้
เพียงไม่นานเจ้าปีศาจนกก็ตกอยู่ในมือของเอ็น เขาบีบคอมันไว้แน่นจนในที่สุดเจ้านั้นก็หมดสติไป
"ทำไมถึงไม่ฆ่าละ"ยูเมะกล่าวด้วยความกังวล
"เพราะว่าเจ้าพวกนี้ทำอะไรเราไม่ได้แล้วเพราะงั้น ฉันจึงไม่อยากฆ่าพวกมัน"เอ็นกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เรียบเฉย
"แต่ว่ามันฆ่ามนุษย์น่ะ"
เอ็นนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะปัดเข้าประเด็นอื่น
"ตอนนี้ฉันเจอทางออกจากที่นี่แล้ว"เอ็นยื่นมือให้ยูเมะ
"แล้วเราจะออกจากที่นี่กันอย่างไร"เธอจับมือของเอ็นพร้อมพยุงตัวเองขึ้น
"เราจะเข้าไปยังปราสาทหลังใหญ่นั่น ผ่านสิ่งที่เรียกว่า กระจก 4 มิติกัน"
"กระจก 4มิติ ที่ใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตสินะ"
"แต่มันก็มีข้อจำกัดอย่างหนึ่งคือมันจะต้องให้ผู้มีพลังเวทกำหนดพิกัดมัน"
"เรื่องนั้นฉันเข้าใจดี แต่คุณไปเอาความรู้พวกนี้มาจากไหนกัน"
"ฉันเอามาจากความทรงจำของคนก่อนหน้านี้"เอ็นเปิดพ็อคเก็ตให้ยูเมะดูอีกครั้ง
ก้อนอัญมณีที่แต่เดิมมีขนาดเล็กแต่ตอนนี้มันได้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นจนพอดีกับพ็อคเก็ต
"ถ้าฉันบอกว่ามันคืออัญมณีแห่งความสงจำที่สมบูรณ์แล้วเธอจะเชื่อไหม"
ยูเมะพยักหน้าขึ้นลงแสดงถึงความเข้าอกเข้าใจ
"แล้วเธอยังใช้เวทมนตร์ได้ไหม"
"ไม่ได้หรอกเอ็น อุปกรณ์ที่เป็นสื่อกลางพลังของฉันมันพังไปแล้ว"
"ไอเจ้าปากกานั่นนะเหรอ"
เธอพยักหน้าขึ้นลง "มันเป็นของที่ทำขึ้นมาแบบง่ายๆนะ ไม่แปลกหรอกหากที่พอใช้จริงจะพังลง"
"งั้นทุกอย่างก็ลงตัวหมดเลยสิน่ะ โดยเฉพาะการที่เธอเล่นยิงปืนอัดลมเก่งเกินมนุษย์นะ"
"ฮ่าๆ ความแตกจนได้"เธอหัวเราะกลบเกลื่อนด้วยใบหน้าที่เขินอายพร้อมกับพงกหัวเบาๆ
"ไม่เคยคิดเลยน่ะว่าเธอจะทำเรื่องสุดยอดแบบนี้ได้ด้วย โคตรเจ๋งเลย"เอ็นพูดพร้อมกับจับมือทั้งสองของยูเมะ
เธอเผยยิ้มที่ตรงออกมาจากหัวใจพร้อมกับสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยน
แม้เอ็นอยากจะยื้อเวลานี้ไว้แต่มันก็ถึงเวลาที่ต้องไปกันต่อ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments