อวสารโลกเก่า
'ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง' เอ็นมองไปยังปฏิทินตั้งโต๊ะ '24/4/2020'
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมยืดเส้นยืดสายไปมา
"จะได้เจอกันแล้วนะ" เอ็นพูดในขณะที่ดูรูปภาพใบหนึ่ง ที่มีชายหนุ่มและหญิงสาวอยู่ด้วยกัน
เอ็นลุกขึ้นเดินตรงไปที่ปลายเตียงพร้อมจัดเก็บสัมภาระของตนอย่างเรียบง่าย ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป
การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากประเทศแห่งนี้ ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คนเดินทาง จึงทำให้โครงสร้างแผนผังตัวเมืองดูผิดแปลกจากเมืองยุคสมัยใหม่ที่มีความสะดวกและคล่องตัวสูง
เมื่อเอ็นมาถึงที่หมาย เขากับยืนอยู่บริเวณตรงหน้าสวนสนุกแห่งหนึ่ง โดยเขาได้แต่ลำลึกถึงอดีตในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขา
เอ็นเริ่มเปลี่ยนจากการยืนมานั่งที่เก้าอี้ บริเวณจุดพักผ่อน
เขาเริ่มแสดงอาการไอออกมาเพราะเนื่องจากการทำงานหนัก โดยแลกกับเงินที่ไม่มากนัก
เอ็นมองก้มหน้าในขณะที่นั่งรอใครบางคนอยู่ แม้ว่าโดยเนื้อแท้เขาจะเป็นคนที่เกลียดการรอ แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้เขาสามารถรอได้
"สวัสดีเอ็น ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นล่ะ คงคิดถึงเค้ามากเลยละสิ" เสียงพูดของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตรงต่อหน้าเขา
ในมุมมองสายตาของเอ็น มีหญิงสาวผิวขาวเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ผมตรงดำยาว เธอสวมเสื้อเปิดไหล่สีเนื้อไม้อ่อน มันช่วยให้เห็นแล้วสบายตา
แถมยังทำให้ร่างดูเล็กบางมากขึ้น กระโปรงที่ใส่ก็เป็นกระโปรงดำอย่างดี ตัดกับเสื้อและผิวที่ขาวผ่อง จนใครๆเห็นต้องมีหยุดมอง 'ข้อมือสวมกำไลเงินวาววับ มีลวดลายของดอกมะลิ'
ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นใคร เพียงแค่เห็นกำไลจากข้อมือ เอ็นไม่รอช้ารีบเข้าสวมกอดเธออย่ารวดเร็ว
"คิดถึงมากเลยละ รอเธอมาตลอด" สีหน้าของเอ็นเหมือนเด็กน้อยที่พลัดพรากจากแม่ไปนาน และตอนนี้คุณแม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่พูดออกมาได้ยากเพราะเป็นเรื่องของคนสองคน ที่บุคคลภายนอกไม่อาจเข้าใจ
ทั้งคู่ไม่รอช้ารีบจูงมือกันเข้าไปยังสวนสนุก โดยทิ้งความเศร้าไว้ด้านหลัง
เมื่อเล่นเครื่องเล่นไปได้สักระยะเอ็นก็ได้พายูเมะไปเครื่องเล่นอันหนึ่งที่ไม่ว่าคู่รักคู่ไหนก็ต้องเล่น
"นี่เอ็นจะเข้าไปจริงๆเหรอ เค้ากลัววววววววว"
"อะไรกัน ของแบบนี้นี่แหละที่คู่รักเขาเล่นกัน"
ยูเมะสะบัดหน้าหนีพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเครื่องเล่นอื่น
เอ็นไม่แม้แต่จะรีรอ รีบพายูเมะเข้าไปทันที
"ใจร้ายอ๊ะ ถ้าเค้าตายขึ้นมาตัวเองจะรับผิดชอบเค้ายังไง"
"อะไรนะ ใครจะตายไม่มีหรอก"
เมื่อเอ็นและยูเมะได้เหยียบเท้าเข้าบ้านผีสิง ตัวของยูเมะก็เริ่มสั่นด้วยความกลัว
แต่กลับเอ็นเขามีสีหน้านิ่งเฉย พร้อมกับเดินนำหน้า
ยูเมะได้แต่ร้อง"กรี๊ด"ส่วนเอ็นก็ได้แค่ร้อง"โว้ว"ในบ้านผีสิง
อึกๆ นี่คือเสียงของเอ็นตอนดื่มน้ำ หลังผ่านบ้านผีสิงมาได้
"ไหนคุณบอกไม่กลัวผี"
"ใครบอกกลัว ฉันแค่ตกใจเสียงต่างหาก"เอ็นปฏิเสธพร้อมกับรีบดื่มน้ำตาม
"กลัวเสียหน้าละสิ"
"อายุก็ยี่สิบกันแล้วจะกลัวเสียหน้าทำไม ฉันว่าเรารีบไปเล่นเครื่องเล่นอื่นกันดีกว่า"
ทั้งคู่ต่างพากันไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะ รถไฟเหาะ และอื่นๆ
ละแล้วเวลาแสนสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองนั่งลง บริเวณสำหรับรับประทานอาหารบ่าย
"ยูเมะเธอช่วยเล่าเรื่องประเทศบ้านเกิดของเธอให้ฉันฟังหน่อยสิ"เอ็นถามพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้โดยที่ไม่ละสายตาไปจากเธอ
"ช่วง 3ปี ที่ฉันกลับไปอยู่ ที่นั่นมันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่สนุกและแปลกใหม่สำหรับฉันมากเลย ทั้งๆที่ฉันเองก็เกิดที่นั้นแท้ๆแต่กับลืมไปหมด ฮ่าๆ"
เธอเล่าประสบการณ์ด้วยอารมณ์ที่สนุกจนแม้แต่คนฟังอย่าง เอ็นยังรู้สึกสนุกตาม
"ฉันเห็นเธอพิมพ์มาบ่อยมากเรื่องปรากฏการณ์ รุ้งพรจันทร์ มันคืออะไรเหรอ"เอ็นหยิบโทรศัพมือถือ พร้อมกับเผยข้อความในแชทเก่า ที่พูดถึง รุ้งพรจันทร์ ให้ยูเมะดู
ในขณะที่เธอกำลังเตรียมอธิบาย เอ็นก็ได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มกับพนักงานเสิร์ฟ
"รุ้งพรจันทร์ มันคือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก แต่สำหรับบริเวณที่ฉันอาศัย มันจะเกิดขึ้น ทุกๆ 2 เดือน"เธอกางมือไปมาเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของมัน
"มันเป็นปรากฏการณ์ที่สวยมากเลยละ แสงของท่านพระจัทร์ที่กระทบละอองน้ำละอองฝน เกิดเป็นรุ้งสีขาวเงินโค้งสวยไร้มลทิน ขนาดของมันใหญ่มากราวกับท่านพระจันทร์จะเคลื่อนเข้ามาใกล้โลกเลยละ"เธอลุกจากเก้าอี้พร้อมสาธยายความสวยงามและยิ่งใหญ่จนลืมเนื้อลืมตัวไปเลย
เอ็นมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนและความเอ็นดูในตัวเธอ ก่อนที่จะจับมือแล้วค่อยๆทำให้เธอมานั่งติดเก้าอีกอีกครั้ง
ครั้งนี้ยูเมะเปลี่ยนบทสนทนามาเป็นเรื่องของเอ็นแทน
"เป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ ได้ข่าวว่าข้าวของเครื่องใช้ในประเทศนี้แพงขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยใช่ไหม"
เอ็นที่ได้ยินถึงกับอึ่ง เขาพยายามตอบอยู่สักพักจนในที่สุดก็พูดว่า
"ใช่ ตอนนี้ทุกอย่างแพงขึ้นจริงๆ ตารางเวลาทำงานตอนนี้ก็แปดวันหยุดครั้งหนึง แถมไม่พอกินพอใช้เลย" เอ็นพูดพร้อมกับเกาหัวเบาๆ
เมื่อพูดเสร็จ พนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารที่สั่งมาวาง
อาหารเหล่านี้แม้จะไม่หรูแต่ก็แฝงไปด้วยความรัก
"จะดีเหรอเลี้ยงข้าวเค้าในสภาวะแบบนี้"เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่กังวล
"เธอเป็นแฟนฉันนะ เพื่อเธอฉันเลี้ยงข้าวได้น่า"
ทั้งคู่จ้องตากันด้วยความเขินอยู่สักพัก ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหาร
"จะว่าไปพอดูอาหารดีๆแล้วนี่มันของโปรดเค้าหมดเลย ขอบคุณค่ะ"
"ไม่ต้องขอบคุณก็ได้"
แม้ภายนอกจะดูจริงจังตลอดเวลาแต่การแสดงออกด้านความรักนั้นชัดเจน
ทั้งสองเรื่มรับประทานอาหาร ต่างฝ่ายต่างทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
“เครื่องรางนั่นยังไม่เคยถอดออกเลยเหรอ” ระหว่างที่รับประทานอาหาร ยูเมะก็ทักถึงเครื่องรางคล้ายสร้อยคล้องคอของเอ็น
“มันเป็นเครื่องรางของพ่อเลี้ยงที่ให้ฉันมา จริงๆมันเปิดพ็อกเก็ตได้ด้วยนะ” เอ็นถอดเครื่องรางที่คอออกพร้อมเปิดส่วนที่เป็น พ็อกเก็ตออกมา
แสงจากหินสีเขียวอ่อนเมื่อกระทบแสง มันจะส่องแสงเจิดจ้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ว้าว สวยจังเลย พ่อเลี้ยงเธอเป็นคนแบบไหนกันน่า ถึงซื้อของแบบนี้ให้ลูกชาย”
“อย่างน้อยก็ท่านก็ดีกว่าพ่อแท้ๆของฉันละนะ” เอ็นเหลือบสายตามองไปทางอื่นในขณะที่หน้าตรงไปที่ยูเมะ
“ไม่เอาน่าเราตัดสินใจกันแล้วว่าจะไม่พูดถึงพ่อเธอนะ” เธอจับมือเอ็นทันทีที่รู้ว่าเจ้าตัวเอ่ยถึงชื่อบิดา
“ขอโทษที เอาละทานข้าวกันต่อเถอะ” เอ็นตักช้อนเข้าปากแล้วเคี้ยวข้าวเหมือนกับว่าเขาลืมเรื่องเมื่อครู่
หลังจากทานข้าวจนอิ่มหนำ เขาก็ต่อด้วยเครื่องเล่นเบาๆ
"นี่!เล่นยิงปืนอัดลมกันแข่งกันดีกว่า"
"ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะชวนฉันเล่นเกมแบบนี้ด้วย ถ้าท้ามาก็จัดไป"เอ็นตอบรับคำชวน พร้อมชูมือขอปืนอัดลมสองกระบอกจากเจ้าของร้าน
ยูเมะยิ้มราวกับเป็นสัญณาณให้เอ็นเริ่มก่อน
กระสุนปืนมี 6 นัด ในหนึ่งรอบ
เอ็นตั้งสมาธิอย่างหนัก หวังคว้าคำชมจากปากยูเมะ ปัง!
"เกือบโดนล่ะเชียว" หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังต่อ ปัง!
"ว๊าย"ยูเมะลุ้นเชียร์จนเก็บอาการไม่ได้
ปัง! "โดนแล้ว โดนแล้ว"ยูเมะพูดเชียร์แต่ว่าตุ๊กตาตรงหน้ากลับไม่ล้ม
'โดนแล้วแต่ว่าทำไมมันไม่ล้ม สงสัยไอเจ้าของร้านมันติดเทปกาวไว้แน่เลย'
ปัง!ปัง!ปัง!
'บ้าน่า โดนไปตั้ง 3 นัด เต็มๆ แต่กลับไม่ล้มเลยเหรอ'เอ็นเดินไหล่ตกแล้วจดจ้อง ไปที่การยิงปืนของเธอ
ยูเมะสอดมือข้างซ้ายเก็บเข้ากระเป๋า แล้วใช้มือขวาเล็งตรงไปที่ตุ๊กตาตัวที่ใหญ่ที่สุด
ปัง! "อุ๊บ" ลูกปืนอัดลมหมุนผ่านหัวตุ๊กตาไปแบบเฉียดๆ ใครเห็นก็รู้ว่าไม่โดนแต่ตุ๊กตากับหล่นลงฐานรับ
มันแปลกและง่ายดายราวกับใช้มือดันอย่างแผ่วเบา
เอ็นขยี้ตา สองรอบก่อนจะถามเธอว่า "ทำได้ไงแค่มือเดียวด้วย"
เจ้าของร้านถึงกับเปลี่ยนจากงานบริการลูกค้ามาตั้งใจมองเธอเป็นพิเศษ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เธอยิงติดกันทั้งห้านัด โดยที่ยิงออกไปล้วนโดนอย่างน่าอัศจรรย์
เจ้าของร้านจ้องมองพวกเขาเป็นพิเศษเมื่อเห็นการยิงอันสุดยอดของยูเมะ
เขาจึงเดินมาหาโดยตรง "คุณทั้งสอง..."
คำพูดที่ยังไม่ครบของเจ้าของร้าน ทำเอ็นเนื้อเต้นเพราะในหัวของเขาเต็มไปด้วยเรื่องลบๆ
"คุณทั้งสอง ผมขอยินดีด้วยครับ"คำพูดเต็มๆจากปาก ทำให้เห็นหายใจออกมาได้อย่างสะดวก
"คุณผู้หญิงท่านนี้ได้ยิงถูกตุ๊กตาเป็นตามรหัสลับลุ้นโชคของทางร้าน ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาตลอด 15 ปีของเกมเรา"
"รางวัลของพวกท่านก็คือ กระดิ่งมงคลครับ"
กระดิ่งแกว่งมือรูปร่างแปลกตา มันทั้งใหญ่และพกพาได้ยากกว่าปกติ แต่ด้านของการดีไซน์มันช่างดูเก่าและมีราคามาก หากอยู่ในมือนักวิชาการหรือพิพิธภัณฑ์
"แค่กระดิ่งเองเหรอ"ยูเมะพูดออกมาด้วยความไม่เกรงใจ
"อ่า กะแล้วว่าต้องพูดแบบนี้"เจ้าของร้านอุทานขึ้นทันทีหลังจากได้ยินที่ยูเมะพูด
"กระดิ่งนี่ เป็นของมงคลเพียงไม่กี่ชิ้น แถมผมยังได้ยินมาอีกว่า มันถูกสร้างเมื่อพันกว่าปีก่อนเพื่อใช้ในพิธีแต่งงาน"
"ขอความหมายโดยย่อด้วยครับ"
"มันคือกระดิ่งสำหรับให้คู่ชีวิตไงละครับ"
"ผมว่าคุณทั้งคู่เหมาะสมแล้วที่จะได้มันไป"
"...."
"...."
เอ็นและยูเมะต่างเขินหน้าแดงทั้งคู่ราวกับพึ่งเคยจูบกัน
"บ้าเอ๊ยร้อนเป็นบ้าเลย ใครมันไปเร่งดวงอาทิตย์ให้ร้อนเนี่ย"
"หนูขอรับไว้แล้วกันค่ะ"
"ระวังนะครับราคามันสูงมากเลยแถมหายากอีกด้วย"
จนในที่สุดเวลาก็พรบค่ำ
เอ็นและยูเมะ ยืนอยู่หน้าบริเวณรถบัสรับส่ง เพื่อที่จะออกจากสวนสนุกและแยกย้ายกันไปที่พักของแต่ละคน
"เอ็นตอนที่ฉันมาที่นี่ฉันได้ยินเรื่องของ การหายตัวไปของคนย้านนี้ด้วยล่ะ"เธอยื่นโทรศัพท์ให้เอ็นดู
แต่เอ็นกลับปฏิเสธโดยที่ยังไม่ดูอะไร
"ก็แค่ข่าวปลอมหรือไม่ก็ข่าวที่กรุขึ้นมาเพื่อกลบเรื่องการเมือง"
"ถ้าฉันหายตัวไปนายจะไม่สนใจบ้างเลยเหรอ!"
"เรื่องคนหายกับความเป็นห่วงเธอมันคนละเรื่องกันเลยนะ แล้วทำไมถึงเอามารวมกันได้ล่ะ" เมื่อเอ็นพูดออกไป ยูเมะก็ถึงกับมีสีหน้าที่บอกบุญไม่รับ
ในระหว่างที่ทั้งสอง รอรถบัส ทั้งคู่กับเงียบใส่กัน
"เฮ่ เรื่องเป็นห่วงผมก็เป็นห่วงจริงๆนะ แต่คนหายมันก็คนละเรื่องเลย อย่าทำเหมือนผมผิดสิ"
ทั้งคู่เงียบใส่กัน โดยมีแต่เอ็นที่แสดงอาการกระวนกระวายออกมา
ยูเมะหยิบกระดิ่งขึ้นมาเขย่าเหมือนกับมีข้อความจะสื่อแต่นั่นก็ยากเกินจะเข้าใจ เพราะเธอสะบัดเพียงสามถึงสี่ครั้งก็เก็บเข้ากระเป๋าอย่างเดิม
ในระหว่างนั้นเองกลับมีรถบัสใหม่และแปลกตาขับผ่านมา
เอ็นและยูเมะคิดว่าเป็นรถบัสที่ทางสวนสนุกจัดขึ้นจึงไม่ได้แปลกใจอะไรแล้วรีบขึ้นหาที่นั่งโดยทันที
เมื่อเข้าไปในรถบัสคันนี้กลับไม่มีผู้โดยสารใดหลงเหลืออยู่ ทั้งที่ทั้งมาและไปจะมีคนนั้งเต็มตลอด
แต่ทั้งคู่ก็หัวเสียเกินกว่าจะพยายามเข้าใจ ความหมายของภาพตรงหน้า
รถเมล์ขับออกไปเรื่อยๆตามทางปกติ
จนกระทั่ง คนขับกลับลุกขึ้นมาจากที่นั่งคนขับแล้วเดินมาหาทั้งสอง รถแล่นไปเองเหมือนพวงมาลัยจะหมุนได้อิสระราวกับมี A.i คอยช่วย
“ท่านผู้โดยสาร บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะได้ไปยังดินแดนแห่งความตาย” คนขับรถถอดหมวกพร้อมกับกลายร่างอย่างสยดสยอง
“เฮ้ยๆ เรื่องบ้าอะไรเนี้ย” เอ็นอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างสุดขีด
สิ้นเสียงคำร้อง เจ้าปีศาจก็พุ่งทำร้ายเอ็นโดยทันที
มันใช้มือที่แข็งแรงพร้อมกับเล็มอันแหลมขมหวังจะตะปบคอของเอ็น
เอ็นสามารถรับมือ กรงเล็บที่ตะปบครั้งแรกได้อย่างหวุดหวิด
จากนั้นการโจมตีที่สองก็ตามมาเอ็นทำได้เพียงยื่อปีศาจเอาไว้และมีท่าทีจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของมันเสียแล้ว
แต่ทันใดนั้น ยูเมะกลับล้วงกระเป๋าของเธอพร้อมกับปากกาเล็กๆสั้นๆ ชี้จ่อเข้าไปตรงใบหน้าของเจ้าปีศาจ
เปรี้ยง! แสงจากปลายปากกาพุ่งออกตรงเป็นเส้นเข้ากระแทกหน้าของมันอย่างจัง
เพียงแต่แสงที่พุ่งออกมาจากปากกาทำได้แค่ให้มันถอยหลังทิ้งระยะออกไป พร้อมขากรรไกรล่างที่โยกไปมา
มันแยกเขี้ยวใส่ทั้งที่กรามล่างยังบาดเจ็บ
ดวงตาจ้องขู่อาฆาตแน่วแน่ไม่โอนเอียง
ยูเมะเริ่มร่ายคาถาอีกครั้ง เธอยิงแสงที่เมื่อครู่ได้ทำร้ายเจ้าปีศาจอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ดวงตาของเธอเปล่งแสงประกายสีฟ้าออกมา พร้อมกับสีผมที่มีการเหลื่อมระหว่างดำกับฟ้าสว่างเป็นระยะๆ จำนวนที่ยิงออกมาไม่อาจประมาณได้ลำแสงสีฟ้าเหล่านั้นถาโถมประเคนใส่เจ้าปีศาจอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
บนรถบัสการเคลื่อนไหวของมันถูกจำกัดอย่างเห็นได้ชัด
เพียงไม่นานจำนวนลำแสงที่มากมายก็สามารถทำให้เจ้าปีศาจไม่อาจทรงตัว พร้อมกระเด็นถอยหลังออกไปทางกระจกหน้ารถ
เอ็นแปลกใจกับภาพตรงหน้าจนล้มตัวลงกระแทกกับพื้น จากนั้นความคิดหลายอย่าง ก็เข้ามาตีกันภายในหัวในช่วงสั้นๆ แต่สุดท้ายแล้วเอ็นกับคิดว่า 'สุดยอดไปเลย นี่แฟนฉันยิงลำแสงออกมาได้ด้วยว่ะ'
ยูเมะยื่นมือมาหวังพยุงช่วยเอ็นให้รีบลุกโดยไว
“อย่ามัวแต่มองหน้ากันสิ ลุกขึ้น! ตอนนี้เราต้องรีบหนีได้แล้ว” ยูเมะคว้ามือของเอ็นไว้อย่างเหนี่ยวแน่นที่สุดเท่าที่ในชีวิตจะทำได้
เธอรีบพาเอ็นออกมาจากรถบัสคันนั้นโดยทันที
ฟ้ามืดในคืนพรบค่ำแสนธรรมดา บัดนี้มันกลายเป็นคืนที่อันตรายถึงชีวิต
สถานที่ๆอยู่ ณ ตอนนี้ ห่างไกลจากตัวเมืองเป็นอย่างมาก รถบัสเมื่อครู่ที่ได้นั่งกลับเป็นหนอนขนาดยักษ์ มันมีรูบางอย่างพร้อมกับพ่นแก๊สในอากาศ จนภาพในสมองสับสนเป็นรถบัสอีกครั้ง
ในขณะที่วิ่งกันสุดชีวิต ในดินแดนประหลาดที่ไร้ซึ่งต้นไม้และแสงไฟ มีเพียงแต่หินสีน้ำตาลที่ตั้งเด่นไปมา
พร้อมกับมีเสียงกรีดร้องของปีศาจที่น่าสะอิดสะเอียนคอยประกอบฉาก
ยูเมะสร้างแสงไฟจากปลายปากกาด้วยเวทบางอย่าง พร้อมกับจูงมือวิ่งนำโดยที่เอ็นก็ไม่รู้ว่าเธอนำพาไปไหน
"เธอมีพลังวิเศษด้วยเหรอ แสดงว่าเธอก็รู้เรื่องพวกสัตว์ประหลาดนั่นใช่ไหม" เอ็นถามเพื่อคลายความสงสัยที่พุ่งเข้าหา
ยูเมะหยุดวิ่งพร้อมกับหันหน้ามองรอบตัวไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดอันตราย
“คุณรู้ไปจะทำอะไรได้” เธอมองไปที่เอ็นพร้อมกัดฟันไปมา พร้อมกับสีหน้าที่คนทั่วไปคงคิดว่าเธอกำลังโกรธ
แต่ในสายตาของเอ็นเธอกำลังเจ็บปวดจนแทบจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
“นี่เธอกำลังกลัวสินะ ถ้ายังไม่พร้อมจะอธิบายก็ไม่เป็นไร”
“ขอโทษด้วย ที่ฉันเอาแต่สร้างปัญหาให้คุณ ฉันแค่กลัวความจริงที่ฉันเก็บซ่อนไว้”
“ฉันเองก็เหมือนกันเพราะอย่างนั้นเราถึงอยู่ด้วยกันได้ไงละ”
ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้ในเวลาอันสั้น เอ็นที่เห็นว่าเธอเริ่มควบคุมอารมณ์ได้แล้ว
จึงถามออกไปว่า"สถานที่แห่งนี้ทั้งมืดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น แล้วเธอกำลังพาพวกเราไปไหนกัน" ยูเมะเช็ดน้ำตาที่ปริ่มออกมาก่อนที่จะเริ่มพูด
"ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆด้วยดวงตาคู่นี้ ฉันเห็นพลังงานชีวิตบางอย่างกำลังเรียกเราอยู่"
ยูเมะเปลี่ยนนัยน์ตาของตนให้เป็นสีฟ้าสว่างออกมา
เอ็นแม้จะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ไม่อยากถามออกไปตรงๆจึงตั้งประเด็นไปที่จุดหมาย
"แล้วเราใกล้ถึงที่นั่นรึยัง"
"ในตอนนี้เราใกล้ถึงสถานที่แห่งนั้นแล้ว"ยูเมะหันกลับไปมองยังสถานที่แห่งนั้นที่เธอบอก
ทั้งสองรีบออกตัววิ่งอีกครั้งโดยได้แต่ภาวนาให้รอดพ้น
'เสียงร้องจากปีศาจและผู้คนที่ตะโกนร้องขอชีวิตดังระงมไปทั่ว พวกเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เราอยู่ไหน หรือจริงๆแล้วที่นี่ อาจเป็นนรก'เอ็นพยายามทบทวนและเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเขาเอง
"นี่ไงเรามาถึงแล้ว"ยูเมะยิงเวทของเธอออกไปในขณะวิ่ง ก้อนพลังงานเล็กๆที่ส่องสว่างแทน หลอดไฟหรือคบเพลิง พวกก้อนเหล่านี้ต่างทำหน้าที่ส่องสว่างนำทางได้อย่างดีเยี่ยม
"โบราณสถานใช่ไหม"เอ็นหันไปพูดกับยูเมะด้วยความตกใจ เพราะเกือบทั้งชีวิตไม่ได้มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตข้างนอกมากนัก
สถานที่แห่งอารยธรรมโบราณ ซึ่งถูกทิ้งร้างให้เป็นซากปรักหักพัง
เหล่าก้อนอิฐ ล้วนเก่าแก่จนดูออกได้ด้วยตาเปล่า
นอกจากกำแพงและสิ่งปลูกสร้างต่างๆในอีกฟากไกล มีคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งสูงใหญ่เหนือสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด
'การออกแบบที่นี่ ทำออกมาได้ดีมากเลย'
ในระหว่างที่ได้มีโอกาสชื่นชมของโบราณ
ยูเมะกลับกระชากแขนเอ็นจนความคิดของเขาหลุดหายไป
"แย่แล้วข้างหน้ามีปีศาจกำลังรุมกินบางอย่าง หลบทางนี้เร็ว"ยูเมะพูดพร้อมกับลากเอ็นเข้าไปในตัวป้อมแห่งหนึงที่ใกล้ตัวที่สุด มันทั้งดูมั่นคงและเอื่อต่อการหลบซ่อน
ทั้งคู่ต่างหายใจออกดัง"เฮือก"ก่อนที่จะรีบควมคุมเสียง
ในป้อมแห่งนี้นั้นทั้งมืด อากาศข้างในมีกลิ่นเน่าบางอย่างที่ยากเกินจะอธิบายได้
"อุ๊บ" ยูเมะเอามือปิดปากอย่างไว พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ปิดปาก กุมหน้าท้องเอาไว้ เธอเริ่มคตตัวงเองทันที
"ไหวไหม"เอ็นเขาไปประคองเธอพร้อมถามด้วยความเป็นห่วง
"ถึงกลิ่นมันจะแย่แต่ฉันไม่เป็นไร ว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรเหรอ"
"อืมไม่รู้สิ ฉันเคยฝึกแปลกๆกับพ่อแท้ๆของฉันมาเยอะ บางทีการอดทนกับกลิ่นไม่พึงประสงค์และการต้านพิษอาจเป็นสิ่งที่เขาสอนมาให้"
ยูเมะนอนพิงกำแพงพร้อมท่าทีที่ไปต่อไม่ไหว ก่อนจะใช้เวทบางอย่างทำให้เธอดูจะไม่รับรู้กลิ่นใดๆ
ในจังหวะนั้นเอง มีปีศาจสองตัวที่อยู่นอกป้อมสนทนากันเสียงดัง จนเล็ดลอดเข้าหูของทั้งคู่
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments