บทที่ ๑

“กริ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียน

ผมสะดุ้งตื่น ผละตัวเองออกจากหนังสือที่เปิดค้างไว้ ‘นี่เราเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน…’ เฮ้อ ค่อยโล่งใจหน่อยที่ช่วงบ่ายของวันนี้ไม่มีการเรียนการสอน ไม่อย่างนั้นผมได้ถูกหมายหัวว่าเป็นเด็กเกเรตั้งแต่วันแรกแน่ ๆ ผมรีบเก็บหนังสือยัดเข้ากระเป๋าและรีบเดินออกจากห้องสมุดมุ่งตรงกลับบ้านอย่างที่เคยทำเป็นประจำ บรรยากาศหลังเลิกเรียนเป็นช่วงเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่กระจุกอยู่หน้าประตูโรงเรียน ผมรีบเดินลัดเลาะผ่านอาคารเรียนหลังใหญ่ ทางเดินแคบ ๆ เพียงแค่หนึ่งคนผ่านแต่ไม่ทันที่ผมจะผ่านเข้าไปเสียงเรียกจากใครบางคนก็ทำให้ผมหยุดชะงัก

“เฮ้ย! เฮ้ย! ไอ้เด็กใหม่” เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งซึ่งผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร เขายืนโบกไม้โบกมือให้ผม ผมค่อย ๆ หันหน้ากลับไปตามเสียงเรียก ซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ กรงเล็บสีดำ โผล่ออกมาจากด้านหลังของเพื่อนคนนั้น

“เอ๊ย” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะข้างหลังของเขามี หมาป่าลำตัวสีดำดวงตาสีแดง มันกำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน ตั้งแต่ส่วนกลางลำตัวลงไปมันจมหายลงไปในเงา น่าแปลกที่สิ่งมีชีวิตปริศนาที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลับไม่มีใครสังเกตเห็น ‘เฮ้ย ทำไมถึงไม่มีใครเห็นมัน’ เกิดคำถามในใจมากมายแต่ไม่ทันที่จะได้หาคำตอบหมาป่าตัวนั้นมันก็กระโดดออกจากเงาแล้วพุ่งมาทางผม ‘ขอให้มันเป็นเพียงแค่ฝัน ขอให้มันเป็นเพียงแค่ฝัน’ ผมนั่งลงแล้วยกแขนขึ้นมาบังพร้อมกับหลับตาลง

“ม่านพลังแห่งผู้พิทักษ์ บา รี โอ โล่” ผมได้ยินเสียงพึมพำภาษาที่ไม่คุ้นหูจากเด็กชายผิวเข้มคนหนึ่ง ในมือของเขามีกิ่งไม้ขนาดพอดีมือ มันกำลังส่องสว่างราวกับว่ามีหลอดไฟนีออนสีเขียวประดับอยู่ แต่จู่ ๆ ก็มีกำแพงโปร่งใสปรากฏขึ้น มันกั้นระหว่างใบหน้าของผมกับกรงเล็บของหมาป่าสีดำตัวนั้น คล้ายกับว่าสติของผมได้ขาดขายไป ผมจองตากับหมาป่าตัวสีดำนัยน์ตาสีแดงแม้จะมีกำแพงโปร่งใสกั้นไว้แต่ลมหายใจเหม็นสาบเน่า ๆ ที่มันพ่นออกมาโดนหน้าของผมมันเป็นของจริงแน่นอน

“ครึ๊ก! ครึ๊ก! ครึ๊ก! ครึ๊ก!” เสียงกรงเล็บข่วนกำแพงโปร่งใส หมาป่าสีดำอ้าปากงับเขากับกำแพงใส่ ผมรู้สึกว่าสิ่งที่กั้นผมไว้น่าจะเป็นม่านพลังอะไรสักอย่าง แรงกัดทำมันเกิดรอยร้าว

“ยืนนิ่งทำซากอะไรอยู่ มึงอยากตายหรือไง รีบเผ่นดิวะ!!!” คำพูดที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นักของคนที่มาใหม่ ทำเอาผมตื่นจากภวังค์ ผมไม่รีรอ วิ่งหน้าตาตื่นไปหาต้นเสียงอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนเพื่อนร่วมชั้นที่เรียกผม มองตามผมอย่างงวยงง ผมวิ่งมาหยุดอยู่ข้าง ๆ นักเรียนผิวเข้ม คนที่พูดภาษาแปลก ๆ คนนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเขาทำให้ผมรอดพ้นจากการโจมตีจากเจ้าสิ่งนั้นมาได้

“ขอบคุณมากครับ เจ้านั้นมันเป็นตัวอะไรครับ” ผมกล่าวขอบคุณพร้อมยิงคำถามใส่เด็กชายผิวเข้ม คำพูดของผมขาด ๆ หาย ๆ เพราะความเหนื่อย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมา

“เออ เก็บไว้ค่อยขอบคุณตอนไอ้หมานั้นตายเถอะ อย่าถามมากตอนนี้รักษาชีวิตมึงไว้ก่อนเถอะ” คนผิวเข้มพูดสวน

หมาป่าตัวนั้นกระโจนตามหลังผมมาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้ามันอ้าปากกว้าง จู่ ๆ ลูกไฟสีม่วงก็ปรากฏ ‘เฮ้ย ไฟ อยู่ ๆ จะมีไฟออกมาจากปากหมาป่าได้ยังไง นี้ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า’ คำถามมากมายวนอยู่ในหัวของผม สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันคืออะไรกันแน่

“ม่านพลังแห่งผู้พิทักษ์ บา รี โอ โล่” นักเรียนชายผิวเข้มบ่น พึมพำภาษาที่ผมไม่คุ้นหูอีกครั้ง ม่านพลังโปร่งใสปรากฏขึ้น แต่ครั้งนี้ มันกลับไม่ได้ผลเหมือนอย่างเคย เปลวไฟสีม่วงที่พ่นออกมาจากหมาป่าสีดำตัวนั้นกำลังละลายกำแพงโปร่งใส่

“แม่งเอ๊ย ม่านพลังนี้แพ้ไฟวะ” เด็กชายผิวเข้มสถบ

“เอาไงต่อละครับ”

“ถามได้เผ่นดิวะ” เมื่อม่านพลังใช้การไม่ได้แผนต่อไปคือการวิ่งเพื่อรักษาชีวิตเด็กชายผิวเข้มออกวิ่งเป็นคนแรก ส่วนผมไม่รอช้ารีบสับเท้าวิ่งตามเขาไปตอนนี้ปริมาณอะดรีนาลีนที่อยู่ในร่างกายของผมคงสูงปรี๊ดเพราะตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยคิดว่าจะต้องวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตแบบนี้มาก่อน พวกเราวิ่งมามันจนสุดทาง กำแพงสูงหลังโรงเรียนทำให้เราไม่สามารถไปต่อได้ หมาป่าสีดำสูงราวสองเมตรมันกระโจนเข้ามาพร้อมกับกางกรงเล็บอันแหลมคมหมายจะปลิดชีพพวกเราทั้งสอง

“ฮึบ!” ผมกลิ้งหลบพ้นกรงเล็บของมัน คว้านหาอาวุธใกล้ตัวแต่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ผมมีเพียงกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลังเท่านั้น ผมถอดมันออกแล้วเหวี่ยงใส่หน้าหมาป่าเต็มแรง “แกว๊ก! กรรช์!” แสงสีทองสว่างวาบออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับเสียงร้องอันโหยหวนของมัน

กรามด้านซ้ายของหมาป่าเกิดแผลเหวอะจนเห็นเขี้ยวแหลม ๆ ที่อยู่ด้านใน ปากแผลของมันเต็มไปด้วยของเหลวสีดำที่พุ่งกระฉูดออกมา กลิ่นสาบคาวของเหลวสีดำที่ไหล่ออกมาคงเป็นเลือดแต่ปกติแล้วเลือดของหมาป่าต้องเป็นสีแดงสิ แต่นี่ทำไมเป็นสีดำละ

“ในกระเป๋ามึงมีอะไร เอามันออกมาสู้ดิวะ” เด็กชายผิวเข้มเร่งเร้าผมอย่างร้อนรน

ผมเปิดกระเป๋าหนังสือเล่มนั้นที่ได้มันมาจากร้านหนังสือเก่ากำลังเปล่งแสงสว่าง ผมหยิบมันขึ้นมา ‘นี้มันเป็นไปได้ยังไงกันทำไม่จู่ ๆ หนังสือเล่มนี้ถึงมีแสงสว่างออกมาได้’ ผมแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ร่างกายของผมชุ่มไปด้วยเหงื่อ หมาป่าตัวนั้นมองมาที่หนังสือในมือของผมแล้วถอยหลังไปเล็กน้อย มันแหงนหน้าชูคอขึ้นมองฟ้าแล้วส่งเสียงหอน “บรูว บรูว บรูววววว”

นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงหมาป่าหอนจริง ๆ ผมรู้ได้ในทันทีว่า นี่คงไม่ใช่สัญญาณที่ดีแน่ ผมหันหน้าไปมองเด็กชายผิวเข้มในมือของเขายังมีกิ่งไม้ที่ส่องสว่างอยู่ หลังสิ้นเสียงหอน หมาป่าที่ถูกผมทุบจนเป็นแผลเหวอะอ้าปากพร้อมกับกำลังจะพ่นไฟอีกครั้ง ก้อนพลังงานสีดำขยายใหญ่อยู่ในปากของมัน จากนั้นลูกไฟดำทมิฬก็พุ่งตรงมาทางผม โชคดีที่ผมพอจะเดาทิศทางของลูกไฟไว้แล้ว กลิ้งหลบลูกไฟได้อย่างหวุดหวิด ลูกไฟสีดำนั้นโดนเข้ากับเงาของพุ่มไม้ด้านหลัง

“นั้นมันเกิดอะไรขึ้นครับ”

“กูก็ไม่รู้โว้ย”

เด็กชายผิวเข้มตอบอย่างลนลานเมื่อภาพที่เห็นคือ พุ่มไม้ที่เป็นเจ้าของเงาหายไปราวกับว่ามันไม่เคยอยู่ตรงนี้มาก่อน ผมตกอยู่ในห้วงความคิดหากถูกไฟสีดำนั้นเผาเข้า ผมคงหายไปด้วย หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา อาจจะเป็นเพราะปริมาณอะดรีนาลีนที่กระตุ้นการสูบฉีดของเลือด

“ทำอะไรสักอย่างดิวะ ไอ้หน้าจืด” เสียงของนักเรียนผิวเข้มดึงสติผมกลับมา

“จะให้ผมทำอะไรละ ผมก็ไม่รู้ต้องทำอะไรเหมือนกัน”

“ทำแบบที่มึงทำตะกี้ไง ซวยจริง ๆ นี้มึงเป็นผู้ถูกเลือกจริงเปล่าวะ”

“ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ ” ผมก้มหน้าลงยอมรับชะตากรรมตอนนี้ลูกไฟลูกที่สองจากหมาป่าตัวนั้นกำลังพุ่งมา

“เอ้อ! เออให้มันได้อย่างนี้ ดวงกูแม่งซวยจริง ๆ เพลิงกัลป์แห่งห้วงเวลาล้านราตรี เฟ โอ โร ไฟ เออร์” เด็กชายผิวเข้มบ่นพึมพำจากนั้นเขาก็พูดภาษาที่ผมไม่รู้จักอีกแล้ว แต่จู่ ๆ ปลายกิ่งไม้ที่เขาถือก็มีแสงพร้อมกับลูกไฟเท่าลูกบอลพุ่งออกมา มันชนเข้ากับไฟของหมาป่าแต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเมื่อไฟสีดำกลืนกินไฟจากเด็กชายผิวเข้มจนหายไป

“ฉิบหายแล้วไง มึงรีบทำอะไรสักอย่างดิ เสกอะไรมาก็ได้ คาถาอะไรก็ได้ทำแบบที่มึงทำกับปากมันหน่ะ” เด็กชายผิวเข้มเร่งเร้าผมให้ผมเสกคาถา แต่ผมจะทำอะไรได้ละนี่มันเรื่องบ้าอะไรผมยังไม่รู้เลย ผมก้มหน้าหลับตาในมือถือหนังสือเก่าเล่มนั้นแน่น ผมภาวนาให้มีพลัง หรืออะไรสักอย่างโผล่มาช่วยผม

‘ข้า สามารถช่วยเจ้าได้’ แว่วเสียงดังก้องขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งหนังสือในมือมีแสงสว่างสีทองเปล่งออกมา ผมค่อย ๆ เปิดหนังสือด้วยมือที่สั่นเทามันปรากฏอักขระอักษรประหลาดเป็นภาษาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่จู่ ๆ อักขระเหล่านั้นเลือนหายแล้วปรากฏขึ้นมาใหม่เป็นภาษาที่ผมเข้าใจ ‘เฮ้ย!’ ตาผมเบิกโพลงเมื่อตัวอักษรเหล่านั้นร้อยเรียงเป็นภาษาไทยที่ผมสามารถอ่านได้

“ตัวตนผู้หลับใหลในยามที่แสงแห่งปฐมกาลดับสูญ โดร อา กีส มัส ” เมื่อผมอ่านตัวอักษรสุดท้ายในหน้ากระดาษจบ เหล่าตัวอักษรในหน้าหนังสือเหล่านั้นก็ลอยขึ้นไปในอากาศราวกับมีชีวิต มันรวมตัวหมุนวนเป็นวงกลม แล้วเปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมาพร้อมกับการปรากฏตัวของกวาง!!!

ผมยืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี้ผมทำอะไรลงไป พระเจ้าผมต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ กวางสีทอง ก้าวออกมาจากกลุ่มแสง มันมีนัยน์ตาสีเขียวมรกตดุจน้ำทะเล ร่างกายของมันสูงพอ ๆ กับหมาป่า แถมยังมีเขาที่สวยงาม กวางทองย่อเข่าแล้วก้มหัวให้ผมเล็กน้อย ก่อนที่มันจะเข้าประจันหน้ากับหมาป่า แต่จู่ ๆ หมาป่าอีกสองตัวก็กระโจนออกมาจากเงามืดหลังพุ่มไม้ แม้ว่ารูปร่างของมันจะเล็กกว่าตัวแรกแต่แววตาของมันยังคงแฝงไปด้วยความมุ่งร้าย ถ้ามองในมุมผู้ล่าและเหยื่อ ฝั่งเราเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด คราวนี้พวกหมาป่าพุ่งความสนใจไปที่กวางสีทองที่เปรียบเสมือนเหยื่อ อันแสนโอชะของพวกมัน

“เยี่ยมมากไอ้หน้าจืด มึงเสกเหยื่อล่อดี ๆ มาให้พวกหมาป่าแทะเล่นอ่ะนะ” นักเรียนผิวเข้ม พูดจาเยาะเย้ยผม

ผมยิ้มเจื่อน ๆ นึกในใจ ไอ้คนนี้สรุปมันมาช่วยหรือมันมาซ้ำเติมผมกันแน่ สถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก พวกเรายังคงเป็นรองต่อพวกหมาป่า พวกมันไม่รอช้าหมาป่าตัวแรกเริ่มเปิดฉากการต่อสู้ แผลเหวอะข้างแก้มเริ่มสมานจนเกือบหายเป็นปกติแล้ว มันพุ่งกระโจนเข้าใส่กวางสีทอง คมเขี้ยวของมันฝังลงที่ขาหน้า กวางไม่ปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ มันโต้กลับด้วยการกระทืบลงไปที่กลางหัวของหมาป่า พร้อมกับใช้เขาฟาดซ้ำลงไปอีกที ตอนนี้สัตว์ทั้งสองตัวเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง

“ตั้งใจหน่อยดิวะไอ้หน้าจืด มึงเพ่งสมาธิไปที่กวางนั้นซะ ขืนยังเหยาะแหยะแบบนี้พวกเราแพ้แน่” เด็กชายผิวเข้มพูดเสียงดัง

ผมพยักหน้ารับฟังสิ่งที่เด็กชายผิวเข้มแนะนำ เราจะแพ้ไม่ได้ มีปริศนาอีกตั้งมากมายที่ผมยังไม่รู้ ผมพยายามเพ่งสมาธิไปยังกวางสีทองร่างกายของมันเปล่งแสงสว่างขึ้นมาเล็กน้อย คราวนี้มันใช้เท้าคู่หลังถีบกลับเต็มเหนี่ยว หมาป่าตัวหนึ่งถูกลูกหลงเข้าจนร่างของมันสลายหายไป

หมาป่าที่เหลืออีกตัวมันหาจังหวะที่กวางหันหลังแล้วกระโจนเข้าจู่โจมด้วยขาคู่หน้าพร้อมกับฝังกรงเล็บอันแหลมคมลงบนลำตัวของกวาง

“เฮือก!” ผมทรุดตัวลง

“เฮ้ยเป็นอะไรวะ” เสียงเด็กชายผิวเข้มตกใจเมื่อเขาเห็นเลือดของผมซึมออกมาจากข้างลำตัว เขาประคองตัวผมขึ้นหมาป่าที่เหลือกำลังพุ่งเป้ามาเล่นงานพวกเราแทน ผมที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่มีแรงที่จะหนีคมเขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันได้แน่ สถานการณ์เลวร้าย กว่าที่คิดไว้ คราวนี้ผมอาจจะต้องตายจริง ๆ แล้วก็ได้ ก่อนที่หมาป่าทั้งสองจะพุ่งเขามาตะปบ เด็กชายผิวเข้มชูกิ่งไม้แห้งขึ้นแล้วร่ายคาถา

“ม่านพลังแห่งผู้พิทักษ์ บา รี โอ โล่” กำแพงโปร่งปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง ม่านพลังกั้นระหว่างพวกเรากับหมาป่าทั้งสอง

“ตอนนี้กู ทำได้แค่ป้องกัน ส่วนมึง รีบคิดหาวิธี มาจัดการกับพวกมัน!” คำพูดที่เหนื่อยหอบ บ่งบอกถึงกำลังที่จะหมดลง ผมปล่อยให้เขาป้องกันอย่างเดียวไม่ได้เราต้องสู้กลับแต่มันจะมีวิธีไหนนี่สิ ความรู้สึกเจ็บตรงชายโครงซ้ายของผมทุเลาลงบาดแผลที่เคยมีเลือดออกสมานแล้ว ผมรู้สึกประหลาดใจกับแผลที่มันสมานได้เอง แต่เอาไว้ก่อนผมมองออกไปที่กวางสีทอง มันยืนตระหง่านอยู่ด้านนอกม่านพลัง แผลบนลำตัวที่ถูกหมาป่ากัดก็สมานแล้วเช่นเดียวกัน หรือว่านี้คือสิ่งที่เชื่อมโยมผมกับมันไว้ กวางสีทองจ้องมองมาที่ผมราวกับว่ามันจะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของผมได้

“กรี๊ช!” กวางสีทองส่งเสียงที่เล็กแหลมออกมา ผมเดาว่ามันคงจะเป็นเวทมนตร์สักบท แสงสีเงินออกมาจากปากของกวางมันแผ่ขยายเป็นวงกว้างคล้ายคลื่นเสียงสะท้อน รัศมีของคลื่นเสียงแผ่กระทบโดนพวกหมาป่า ร่างกายของพวกมันเลือนรางขาดหายเป็นส่วนๆ เหมือนกับภาพในโทรทัศน์ที่ถูกคลื่นแทรกรบกวน พวกมันกระโดดหนีจากคลื่นเสียง เกาะกลุ่มรวมตัวกันที่ด้านหลังแล้วชูคอขึ้นส่งเสียงหอน

“บรูว บรูว บรูวววว” เกิดการปะทะกันระหว่างคลื่นเสียง เสียงร้องของกวางสีทองและเสียงร้องของหมาป่าหักล้างกัน เมื่อพลังของกวางสีทองไร้ผลบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไป กลุ่มเมฆสีดำค่อย ๆ เคลื่อนตัวเขามาบดบังดวงอาทิตย์ แหล่งกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวถูกบดบังม่านราตรีค่อย ๆ คืบคลานเข้ามามันเปลี่ยนกลางวันกลายเป็นกลางคืนพระจันทร์สีเลือดค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาให้เห็น

“เกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นกลางคืนละครับ”

“กูก็อยู่กับมึงเนี่ยะจะไปรู้เรอะ!”

“ทำไงกันดีครับ พวกหมาป่าพวกนั้นมัน” ผมชี้ไปที่กลุ่มก้อนสีดำ มันเกิดจากการรวมตัวกันของหมาป่า เมื่อแสงจันทร์สีแดงสาดส่องลงมารูปร่างของมันก็เด่นชัด กลุ่มก้อนสีดำสลายกลายเป็นหมาป่าตัวสูงใหญ่นัยน์ตาสีแดง มันส่งเสียงหอนที่แฝงไปด้วยคลื่นแห่งความตาย ผมยืนตาค้างตัวแข็งทื่อ มือเย็นเฉียบ ‘หรือว่านี่คือร่างจริงของมัน!’

“ซวยชะมัด มึงไปทำอีท่าไหนว่ะ ไอ้ตัวเป้งแบบนี้ถึงหมายหัวมึงได้” สีหน้าและแววตาของคนที่เคยช่วยผมต่างบ่งบอกถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี

“ผม ไม่ รู้ ครับ” ผมพยายามเปล่งคำพูดออกมาอย่างลำบาก

“เออกู ซวย เองแหละที่ช่วยมึง มึงเป็นหนี้กูจำไว้ แต่เราต้องรอด ออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน ไม่งั้น เราทั้งคู่ จบเห่แน่”

กวางสีทองของผม ตอนนี้กลายเป็น ลูกกวางตัวน้อย ๆ ไปเสียแล้ว เมื่อเทียบขนาดกับหมาป่าเงาร่างใหญ่ยักษ์นั้น ผมใช้ความพยายามเฮือกสุดท้ายในการเพ่งสมาธิไปที่มัน ‘ไหวไหมครับขอร้องละช่วยพวกผมอีกสักครั้งเถอะ’ กวางสีทองมันตอบรับคำขอของผม มันพุ่งเข้าหาหมาป่าแล้วใช้เขากระแทกเข้าที่กลางลำตัว หมาป่าเงาระเบิดโทสะ คลื่นพลังสีดำแผ่กระจายออกมาเสียงร้องคำราม ครั้งนี้มันช่างทรงพลังและรุนแรง ความกลัวกำลังคืบคลานเข้ามา ผมรู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม ขาของผมอ่อนระทวยจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ แสงสีทองในตัวของกวางกำลังริบหรี่

“ยอมแพ้ซะ แล้วมาเป็นเหยื่อของข้าเจ้าฝืนโชคชะตาของเจ้าไม่ได้หรอก...” เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงพูดของหมาป่าเงาร่างยักษ์ ผมไม่รู้มาก่อนว่ามันพูดภาษาของมนุษย์ได้ มันบอกให้ผมยอมแพ้ให้กับโชคชะตา แต่ประโยคสุดท้ายของมันขาดหายไป แววตาดุร้ายนั้นจ้องเขม็งมาทางผม

“ไม่ ผมไม่มีทางยอมแพ้” นั่นคือคำตอบของผม ส่วนกล้าหาญที่ซ่อนอยู่ลึกภายในใจของผมบอกให้สู้ กวางสีทองเปล่งแสงสว่างออกมาเล็กน้อย มันสลายหายไปก่อนที่หมาป่ายักษ์ตัวนั้นสะบัดหางใส่

“นี้ เจ้ากล้าปฏิเสธ วกะ ผู้นี่อย่างนั้นหรือ ฮึ ข้าคือตัวแทนแห่งการล่า อสูรลำดับที่สิบเอ็ด ถ้าอย่างนั้นก็จงลิ้มรสความตายซะ!” หมาป่าขู่แยกเขี้ยวสิ้นเสียงคำรามอันดังก้อง ผมรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ขยายอยู่รอบ ๆ ตัว

ท่ามกลางสถานการณ์อันคับขันนี้ ทันใดนั้น เสียงอันไพเราะของผู้มาใหม่ก็ดังขึ้น

“ลำนำแห่งแสงสว่างจงขับขาน จงขับไล่ความมืดมิดกลับสู่ห้วงแห่งอนธการ อิ อา เร่ ลู มิ นัส อัส ตรา นิม” สิ้นเสียงขับขานมหาเวทอันไพเราะของหญิงสาวผู้มาใหม่ เวทมนตร์บทนี่เปรียบเสมือนบทสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าแห่งแสง กลุ่มก้อนแสงสว่างปรากฏขึ้นเหนือหัวหมาป่า “แกร กรรช์ ย๊าก!” หมาป่าร้องออกมาไม่เป็นภาษา แสงสีขาวนวลเปล่งประกาย มันเปรียบดั่งก้อนเพลิงที่ร้อนแรงสำหรับหมาป่าเงา ตอนนี้ร่างของมันกำลังถูกแผดเผา เธอผู้นี้เป็นใครกัน หมาป่าเงากำลังจะพ่ายแพ้ ให้กับเด็กผู้หญิงคนนี้

ผมยืนตะลึงเมื่อร่างของหมาป่าเงาถูกแสงสีขาวชำระล้าง ร่างกายที่สูงใหญ่ของมันค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมกับก้อนแสงสว่าง แต่ก่อนที่มันจะดับสลายไป มันได้ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเคียดแค้น

“จงจำไว้! นี้แค่จุดเริ่มต้น ข้าจะตามล่าเจ้า ช่วงชิงโชคชะตาของเจ้า วันหนึ่ง ความมืดจะกลืนกินหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า” ผมนิ่งฟังข้อความปริศนาเหล่านั้น ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามา เรี่ยวแรงที่เคยมีพลันหายไปก่อนทุกสิ่งจะมืดดับพร้อมกับสติของผมที่เลื่อนลางและหลุดลอยเหมือนกับว่าโดนถูกสับสวิตช์

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!