บทที่3 ความสับสน

บทที่3 ความสับสน

...ผมมองออกไปที่หน้าต่างดูแล้วยังไม่มีท่าทีของฝนที่จะหยุดตกเลย กลับยิ่งตกแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ ทำไงดีละจะให้พี่เขากลับต้องโดนฝนอีกแน่ หรือจะให้พี่เขานอนที่นี่ดี ผมคิดตัดสินใจวนไปวนมาจนได้คำตอบ ให้พี่เขานอนที่นี่ก่อนจนกว่าฝนจะหยุดตก

เสียงปลดล็อกประตูพร้อมเปิดออก ผมหันไปมองถึงกับต้องกลั้นขำ แต่ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือภาพที่ตรงข้ามกับความเป็นพี่เขาที่ผมรู้จัก ผมที่ไม่เป็นทรงเพราะเพิ่งสระผม เสื้อสีชมพูกางเกงลายการ์ตูนสีฟ้าอ่อนที่ใส่ออกมาทำให้ จากลุคลูกประธานบริษัทเนี๊ยบๆ กลายเป็นลุคหนุ่มเกาหลีน่ารัก

“มันดูเป็นยังไงอ่ะ ตลกหรอ” พี่รักถามด้วยน้ำเสียงสงสัยนิ่งๆ ไม่ได้มีอารมณ์ที่ไม่ดีในน้ำเสียง

“ดูน่ารักดีไปอีกแบบฮะ ไม่ตลกเลยฮะ”

“งั้นพี่ขอตัวกลับเลยนะ”

“ไม่ได้ฮะ! พี่ต้องรอให้ฝนหยุดตกก่อน เดี๋ยวน้ำเสร็จแล้วจะจัดที่นอนให้พี่นะฮะ”

ผมพูดแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและรีบอาบด้วยความเร็ว กลัวว่าพี่เขาจะหนีกลับตอนผมอาบน้ำ

หลังอาบเสร็จเปิดออกมายังเห็นพี่เขานั่งอยู่บนที่นอน ค่อยโล่งอกนึกว่าจะหนีกลับบ้านและ แต่สายตาที่พี่เขามองมาที่ผมมันดูแปลกๆ มองด้วยสายตาตะลึงบวกอึ้งๆ ยังไงบอกไม่ถูก พอผมถามว่ามีอะไรหรือเปล่า พี่เขาก็หันหน้าหนีไปทางอื่นแล้วบอกว่าเปล่า

ผมก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ แล้วก็บอกให้พี่เขานอนบนที่นอนของผม ส่วนผมจะไปนอนที่ห้องคุณยาย แต่พี่เขาบอกว่าทำไมต้องไปรบกวนคุณยายด้วย นอนด้วยกันนี่แหละพี่นอนไม่ดิ้นหรอก

ห้ะ!!!นอนด้วยกันหรอ

ผมคิดอยู่สักครู่ จึงตอบตกลงพี่เขาไป

“ผมนอนฝั่งนี้ ส่วนพี่นอนฝั่งนั้นนะฮะ”

ผมนอนฝั่งซ้ายใกล้กับหน้าต่างส่วนพี่เขานอนฝั่งขวาข้างๆ โต๊ะวางโคมไฟ ถึงจะแบ่งว่าใครนอนฝั่งไหนแต่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกฮะ เพราะเตียงนอนผมมีขนาดสามจุดห้าฟุตเอง ขนาดนอนคนเดียวกำลังพอดี ถ้านอนสองคนยังไงก็ต้องเบียดกันแน่ถ้าไม่นอนตะแคง

เอาว้ะ...นอนก็นอน

ปิดไฟเลยมั้ยเสียงพี่เขาถาม ผมเลยพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่าฮะ หลังจากนั้นไฟก็ดับลง แต่ห้องก็ไม่ได้มืดมากด้วยเพราะแสงสายฟ้าจากข้างนอกและเสียงฟ้าที่ดังสนั่นอยู่เป็นระยะ ผมกลัวมากจนนอนตัวสั่นเกร็ง

“กลัวหรอ”

พี่รักเห็นผมตัวงอใต้ผ้าห่มพร้อมกับอาการตัวสั่นเลยถามผมว่ากลัวหรอ ผมเลยพยักหน้าตอบ

ซักพักก็มีความรู้สึกว่าพี่รักขยับเข้าใกล้ๆ ผมแล้วเอามือมาโอบกอดผม แล้วพูดปลอบผมว่าไม่ต้องกลัวนะเดี๋ยวพี่จะอยู่ข้างๆ เอง

ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาก็เช้าแล้วมองไปข้างๆ ก็ไม่เห็นพี่รักแล้ว เลยลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่างไม่เห็นรถหน้าบ้าน คิดว่าพี่รักคงกลับแล้วละ

หลังจากอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เดินลงมาข้างล่าง เพื่อลงมากินข้าวเพราะเมื่อคืนแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยตอนนี้จึงหิวมากๆ พอลงมาก็เดินตรงไปที่ห้องครัว แต่พบว่าคุณยายกำลังนั่งคุยกับพี่รักอย่างสนุกสนาน

“อ้าวตื่นแล้วหรอลูก มานั่งเร็วพี่เขารอกินข้าวอยู่”

“รอหรอฮะ...”

“ใช่จ๊ะ พี่เขาตื่นตั้งนานแล้ว ยายจะเอาข้าวให้กินเขาบอกว่ารอบันทึกก่อน ยายเลยนั่งคุยเป็นเพื่อนพี่เขาระหว่างรอบันทึก”

ระหว่างที่คุณยายกำลังคุยกับผม พี่เขานั่งอมยิ้มเหมือนคนที่กำลังมีความสุขมาก ผมสงสัยว่าทำไมเขาถึงยิ้มแบบนั้น

ละความสงสัยก่อนก็แล้วกันเพราะตอนนี้ผมหิวมากแบบ ก ไก่ล้านตัว ผมรีบเดินไปนั่งที่โต๊ะและกินข้าวทันที

หลังกินข้าวเสร็จพี่รักก็ขอตัวกลับ คุณยายให้ผมเดินไปส่งพี่เขาที่รถและบอกให้ขอบคุณเขาด้วยที่มาส่งผมเมื่อคืน ผมทำตามที่คุณยายบอกโดยเดินไปส่งพี่รักที่รถ

“ทำไมรถพี่รักถึงมาจอดตรงนี้ล่ะฮะ”

“อ๋อ เมื่อเช้าหลังตื่นพอเจอคุณของบันทึก ท่านเลยให้พี่ขยับรถเข้ามาจอดในโรงรถอ่ะท่านบอกข้างนอกแดดมันแรงเดี๋ยวรถร้อน พี่ก็เลยเอามาจอดตามที่คุณยายท่านบอก”

“เรามีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีพี่ขอตัวกลับก่อนนะ”

เมื่อกี้พี่เขาเรียกผมว่าเราอย่างนั้นหรอ!?

ผมทั้งสงสัยและงงพร้อมกันในเวลาเดียวกัน แล้วพี่รักก็ขึ้นรถและขับออกไปปล่อยให้ผมยืนสงสัยและตั้งคำถามมากมายในหัว

เอ๊ะหรือว่า...พี่เขาจะ...ไม่ๆ คิดอะไรอยู่เนี่ยบันทึก

ผมคุยกับตัวเองพร้อมกับเดินกลับเข้าบ้าน

“พี่เขากลับแล้วหรอลูก”

ด้วยเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้ผมเดินเหม่อจนไม่ได้ยินคำถามของคุณยายที่ถาม

“บันทึก...บันทึก...บันทึก”

“ฮะคุณยาย”

“เป็นอะไรลูก ทำไมเหม่อแบบนี้ละ”

“เอ่อ เปล่าฮะ คุณยายมีอะไรหรือเปล่าฮะ”

คุณยายพูดถามผมอีกครั้งว่าพี่รักกลับแล้วหรอ ผมจึงตอบคุณยายไปว่ากลับแล้วฮะ แล้วเดินขึ้นขึ้นไปบนห้องทบทวนคำพูดของพี่รัก ผมสับสนกับความรู้สึก ณ เวลานี้มาก

เอ๊ะ...หรือผมกำลังรู้สึกชอบพี่เขาให้แล้ว

หรือผมจะไปขอคำปรึกษากับคุณยายดี ถ้าปล่อยไว้แบบนี้หัวสมองของผมระเบิดแน่ ลองไปปรึกษาคุณยายดีกว่าเพื่อสิ่งที่ผมคิดอยู่มันจะไม่ใช่อย่างที่คิด

ผมเดินลงบันไดเพื่อไปขอคำปรึกษาคุณยายเกี่ยวกับความรู้สึกแปลกๆ ของผมที่มีให้พี่รัก ณ ตอนนี้

“คุณยายฮะผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยฮะ”

“ได้สิลูก จะถามอะไรยายละ เกี่ยวกับเรื่องความรักหรือเปล่า”

สิ่งที่คุณยายพูดทำให้ผมรู้สึกเขินขึ้นมาเฉยเลย ทั้งที่ผมแค่กำลังจะมาปรึกษาเกี่ยวกับความรู้สึกที่หาข้อสรุปไม่ได้ของผมเท่านั้นเอง

ไม่!...เรานี่นะจะชอบคนใจร้ายอย่างนั้นได้

“เอ่อ...คือ...ผมรู้สึกแปลกๆ เวลาอยู่กับพี่รักอะฮะ คุณยายเคยรู้สึกแบบนี้มั้ยฮะ”

“ไหนลองบอกยายซิว่าไอ้ความรู้สึกแปลกๆ เป็นยังไง”

“เออ...ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรง ไม่กล้าสบสายตา บางทีก็แอบยิ้มให้พี่เขาโดยไม่รู้ตัว อาการแบบนี้หมายความว่าไงหรอฮะ”

หลังจากที่คุณยายฟังผมเล่าความรู้สึกให้ฟัง ก็ยิ้มแบบมีเลศนัยบางอย่าง แล้วบอกกับผมว่าเรื่องบางเรื่องการหาคำตอบของความสงสัย ด้วยตนเองมันอาจจะได้คำตอบที่ดีกว่าให้คนอื่นบอก ถ้าบันทึกได้คำตอบนั้นแล้วอย่าลืมมาบอกยายด้วยนะว่าความรู้สึกนั้นมันหมายความว่าอย่างไร พูดจบคุณยายก็ลุกจากเก้าอี้ไปรดน้ำต้นไม้ข้างบ้านปล่อยให้ผมงงอยู่เหมือนเดิม

เสียงแชทดังขึ้น

[ไลค์ :บันทึกโอเครมั้ย เมื่อคืนเราขอโทษแทนพี่รักด้วยนะ]

[บันทึก :ไม่เป็นไรเราโอเครแล้ว]

[ไลค์ :รู้มั้ยพอเราเป่าเค้กเสร็จอยู่ๆ พี่รักก็ขับรถออกไปเลย เราคิดว่าพี่รักน่าจะโกรธที่เราต่อว่าที่ทำให้บันทึกต้องกลับบ้านอ่ะ เพิ่งจะกลับมาเมื่อไม่นานนี้เอง]

[บันทึก :ไลค์ควรไปขอโทษพี่รักนะ ยังไงเขาก็เป็นพี่ไลค์นะ เราไม่ได้โกรธพี่รักแล้วล่ะ]

[ไลค์ :ขอบใจนะที่เตือนสติเราอ่ะ เราก็ว่าเราทพูดแรงเกินไปจริงๆ แหละ]

[ไลค์ :อ้อ เรามีเรื่องจะเล่าให้ฟังด้วยนะบันทึก ตอนที่พี่รักลงจากรถใส่ชุดใครมาด้วยก็ไม่รู้ อยากให้บันทึกเห็นชุดจังเลยสีและลายน่ารักมาก เราเห็นยังอดขำไม่ได้เลย]

[บันทึก :จริงหรอฮ่าฮ่าฮ่า]

ผมฟังที่บันทึกเล่าก็อดขำในใจไม่ได้ อยากจะบอกไลค์ไปว่าชุดที่เห็นของเราเองและก็เป็นคนเลือกให้พี่เขาเองกับมือด้วย

“บันทึกทึกมากินข้าวลูก”

คุณยายเรียกไปกินข้าวเย็น ผมลุกจากที่นอนเดินลงไปที่โต๊ะอาหารเพื่อกินข้าว ยังไม่ทันจะตักข้าวเข้าปากก็มี่เสียงกดกริ่งพร้อมกับเสียงเรียกอยู่หน้าบ้าน เสียงมันคุ้นมากๆ เหมือนเสียงพี่รักเลยฮะ แต่ไม่น่าใช่หรอกพี่เขาจะมาทำไมอีกล่ะ

คุณยายลุกจากโต๊ะเพื่อไปดูว่าใครเป็นคนเรียกอยู่หน้าบ้าน ประเดี๋ยวเดียวก็เหมือนมีเสียงคุยกันเดินเข้ามาพร้อมกัน ผมเลยหันไปมองกะจะถามคุณยายว่าใครเรียก ก็พบว่าเป็นพี่รักกำลังเดินมากับคุณยาย

“พอดีพี่ผ่านมาแถวนี้พอดี เลยซื้อขนมมาฝาก”

“อ๋อ…ขอบคุณฮะ”

ผ่านมาแถวนี้นี่นะ แล้วทำไมต้องแวะมาด้วยผมเริ่มไม่เข้าใจกับสิ่งที่พี่เขาพยายามทำอยู่ มันมีอะไรแอบแฝงมั้ยนะ

“ไหนๆ ก็มาแล้วอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ” คุณยายพูดชวนพี่เขา พร้อมเดินไปเอาจานมาเพิ่ม

“กำลังหิวพอดีเลยฮะ งั้นขอฝากท้องที่นี่ซักมื้อนะครับ”

“ต่อไปจะมาฝากท้องอีกเท่าไหร่ยายก็ไม่ว่าหรอก ยายอนุญาต”

พี่รักอมยิ้มแล้วหันมามองผม อาการแปลกๆ นั้นกลับมาอีกแล้วหรือว่าเราชอบพี่รักจริงๆ โอ้ยหัวจะปวด ผมรีบกินข้าวให้เสร็จเร็วๆ เพื่อที่จะได้ลุกจากโต๊ะกินข้าวแล้วขึ้นห้อง จะได้ไม่เห็นหน้าพี่รักเพราะมันทำให้ผมทำตัวไม่ถูก

“อิ่มแล้วฮะ งั้นผมขอตัวก่อนนะฮะ”

“ทำไมกินน้อยจัง...อิ่มจริงหรือแกล้งอิ่มเพื่อหลบหน้าพี่”

เห้ย หรือว่าพี่เขาจะรู้ทันเรา ไม่หรอกพี่เขาจะรู้ความคิดเราได้ไง

“เปล่าซะหน่อยผมอิ่มจริงๆ ฮะ”

ผมพูดเสร็จก็รีบเดินขึ้นห้องทันที หัวใจผมเต้นแรงจนมันแทบจะทะลุออกมาข้างนอก

หรือพี่เขาจะชอบเรา หึ้ย...ไม่ใช่หรอกมั้งพี่เขาเนี่ยนะจะมาชอบเรา ปกติเขาชอบผู้หญิงหนิเขาคงไม่มาชอบผู้ชายแบบเราหรอก

ความคิดผมมันวิ่งพล่านในหัวเต็มไปหมด ผมนอนคิดทบทวนกับเหตุการณ์ที่เจอจนเผลอหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ พอสดุ้งตื่นมาและนึกได้ว่ายังไม่ได้อาบน้ำจึงลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำซึ่งเวลาประมาณตีห้ากว่าๆ ผมตัดสินใจแต่งตัวเพื่อเตรียมไปมหาลัยแทน

เวลาประมาณเจ็ดโมงกว่าขณะที่ผมกำลังกินข้าวเช้าอยู่ เสียงกริ่งก็ดังขึ้นผมจึงลุกขึ้นไปดูเห็นพี่รักยืนอยู่หน้าบ้าน ผมตกใจประหม่าทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่เดียวว่าจะออกไปดีมั้ย จึงตัดสินใจเดินออกไปแล้วถามว่าพี่เขามาทำไม

“พี่รักมาทำไมหรอฮะ”

“บันทึกไม่อยากให้พี่มาหรอครับ”

“เปล่าฮะแต่ผมแค่สงสัยว่าทำไมเดี๋ยวนี้พี่รักถึงต้องมาบ้านผมบ่อยจัง หรือว่าบังเอิญผ่านมาทำธุระแถวนี้อีก”

“แหม แซวพี่หรอครับ เปล่าหรอกพี่ไม่ได้บังเอิญผ่านมาหรอก แต่พี่ตั้งใจมารับเรานั้นแหละ”

“มารับหรอฮะ! แล้วมารับไปไหนหรอฮะ”

“ก็มารับไปมหาลัยน่ะสิ แล้วเราเตรียมตัวเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วเราไปกันเลยมั้ย”

ผมอึ้งกับคำตอบที่ได้ยินทำตาปริบๆ ก่อนจะบอกพี่เขาไปว่ายังกินข้าวไม่เสร็จ จึงชวนพี่เขาเข้ามาในบ้านก่อน...

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!