บทที่2 ตบหัวแล้วลูบหลัง
...
หลังจากนั้นผมก็ลงจากรถ และเดินตามพี่รักเข้าไปในบ้านข้างนอกว่าสวยแล้วข้างในสวยกว่าอีก
“บันทึก...”
ไลค์เรียกผมพร้อมแนะนำผมกับพ่อแม่ ผมยกมือไหว้พร้อมพูดสวัสดีและเอาขนมที่คุณยายทำยื่นให้แม่ของไลค์ พูดบอกว่าเป็นของฝากจากคุณยาย
หลังเอาขนมให้แม่เสร็จ ไลค์ก็จูงมือผมไปที่สระน้ำข้างบ้านพร้อมถามผมว่าเป็นอย่างไรบ้างพี่รักทำอะไรให้หรือเปล่า และกล่าวขอโทษที่ไม่ได้ไปรับด้วยตัวเองโดยให้เหตุผล ยังจัดเตรียมของไม่เสร็จเพราะอยากลงมือทำเองเลยช้า ผมบอกกลับไปว่าไม่เป็นไรพร้อมยิ้มให้
“เดี๋ยวบันทึกหาอะไรกินก่อนเลยนะ เราขอไปดูคนอื่นๆ ก่อนนะ”
“ได้ ไลค์ไปเถอะ”
ผมมองไปรอบๆ เห็นอาหารที่เรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด ทั้งบาร์บีคิว ข้าวผัด สปาเก็ตตี้และอื่นๆ อีกเยอะแยะ
ว้าวอาหารน่ากินจัง บาร์บีคิวดูท่าทางน่าจะอร่อย ลองชิมดีกว่า
ผมหยิบบาร์บีคิวมาใส่จานสองไม้ แล้วหยิบหนึ่งไม้กัดเข้าปากแต่ยังไม่ทันจะเคี้ยวเสร็จก็มีเสียงพูดลอยมาจากข้างหลัง กินให้คุ้มนะ ผมค่อยๆ หันไปมองพบว่าคือพี่รัก
“หยุดกินทำไมละ กินเยอะๆ จะได้คุ้ม”
“พี่รักหมายความว่าอย่างไรหรอฮะที่ว่าคุ้ม”
“ก็ที่มางานไม่ใช่เพื่อมากินอย่างงั้นหรอ ถ้าตั้งใจมางานวันเกิดเพื่อนตัวเองจริงก็ต้องมีของขวัญมาให้เจ้าของวันเกิดด้วยสิ”
ผมเงียบไม่ตอบอะไรพี่เขากลับ หันหน้ากลับวางจานบาร์บีคิวลงแล้วเดินเข้าไปในบ้านหาไลค์ทันที เพื่อจะให้การ์ดและขอตัวกลับทันที
“แม่ฮะไลค์อยู่ไหนหรอฮะ”
“อืมไปไหนแล้วนะ เมื่อกี้แม่ยังเห็นเดินอยู่แถวนี้อยู่เลย”
“เออติ๋มเห็นเจ้าไลค์มั้ย”
คุณแม่ถามหาไลค์กับคุณป้าแม่บ้านให้ผม ซึ่งคุณป้าแม่บ้านได้บอกมาว่าเพิ่งเห็นเดินขึ้นไปข้างบนน่าจะอยู่ในห้อง แล้วหันมาถามผมว่าจะไปมั้ยคะเดี๋ยวป้าพาไป ผมตกลงแล้วเดินตามคุณป้าแม่บ้านขึ้นไปข้างบน
“ถึงแล้วคะ ถ้างั้นป้าไปก่อนนะ”
“ฮะ ขอบคุณนะฮะที่พามา”
ผมเคาะประตูเรียกพอไลค์ได้ยินเสียงผมก็เปิดประตูออกมา
“อ้าวบันทึกเองหรอ เข้ามาก่อน”
“ไลค์เราขอกลับก่อนนะ อ่อเรามีของขวัญมาให้ด้วย เราทำเมื่อคืนนี้อ่ะอาจจะไม่ได้สวยมากนะ”
“หูย…ขอบคุณมากเลยนะอุตส่าห์ทำเองเลย แค่ซองก็สวยแล้วเดี๋ยวเราเปิดอ่านตอนหลังเป่าเค้ก”
ไลค์พยายามพูดอ้อนให้ผมอยู่ต่อ เห็นสายตาที่มองมาที่ผมเพื่ออ้อนวอน เลยทำให้ผมใจอ่อนอยู่ต่อตามที่ไลค์ขอ
“แล้วทำไมบันทึกถึงอยากขอกลับก่อนละ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกไลค์ เราแค่…รู้สึกไม่ค่อยสบายแค่นั้นอ่ะ”
“บันทึกไม่สบายหรอ”
ไลค์แสดงอาการเป็นห่วงผมมาก บอกให้ผมนอนลงบนเตียง บอกผมรอแป็ปนึงนะเดี๋ยวไปเอายามาให้ และก็ลงไปเลยโดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ
ระหว่างที่ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงก็มีเสียงคนเปิดประตูเข้ามา ผมเลยบอกออกไปว่าเดี๋ยวนอนพักซักแป็ปก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เพราะคิดว่าไลค์คงเอายามาให้ พอลุกนั่งและหันกลับไปมองพบว่าไม่ใช่ไลค์
แต่เป็นคุณป้าแม่บ้าน พร้อมถามแน่ใจหรอคะ งั้นป้าวางยาไว้ตรงนี้นะคะ เพื่ออาการไม่ดีขึ้นจะได้ทานยา แล้วมีอะไรเรียกป้าได้เลยนะคะ
“อ่อ ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวพักซักแป็ปก็ดีขึ้นแล้วฮะ”
ผมทำเป็นนอนต่อ คุณป้าแม่บ้านก็เดินออกไป ยังไม่ถึงห้านาทีก็ได้ยินเสียงเปิดประตูอีก
ไลค์มาแล้วแน่เลย ผมพูดเหมือนตอนแรกที่พูดกับคุณป้าแม่บ้านเลยฮะ แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลยลุกแล้วมองแล้วหันไปเหมือนเดิม พบเป็นพี่รักมองมาด้วยสายนิ่งเย็นชาแล้วบอกผมว่าเลิกแสดงได้แล้ว ถึงคนอื่นจะดูไม่ออกแต่ผมดูคุณออก
“ถามจริงเถอะทำไมต้องทำตัวแอ็บแบ๊วด้วย ไม่อึดอัดหรอ ผมรู้นะว่าตัวตนคุณไม่ได้เป็นแบบที่ทุกคนเห็น”
“อ่อ แล้วจะบอกอะไรให้นะ สิ่งที่ทำอยู่สำหรับผมถ้ามันเหนื่อยก็เป็นตัวเองเหอะ เห็นแล้วอึดอัดแทน”
คำพูดที่ออกมาจากปากพี่รักทำให้ผมรู้สึกโกรธมาก
“หรอฮะ ขอบคุณนะฮะที่บอก แต่ก่อนที่พี่จะว่าใครก็ควรรู้จักคนนั้น ให้ดีซะก่อน”
คำพูดและเสียงของผมที่บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่โกรธมากๆ
ในขณะที่ในห้องเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นของผมกับพี่รัก ไลค์ก็เปิดประตูเข้ามา ผมเดินไปหาไลค์แล้วบอกขอตัวกลับก่อนนะและรีบเดินออกทันที
“เดี๋ยวก่อนสิบันทึกมีอะไรอีกหรือเปล่าทำไมเปลี่ยนใจไม่อยู่อีกแล้วละ”
“ไม่มีอะไรหรอก ให้เรากลับเถอะนะ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ
“งั้นก็ได้ให้เราไปส่งมั้ย”
“ไม่เป็นไรถ้าเจ้าของวันเกิดไม่อยู่ใครจะเป่าเค้กละ”
หลังพูดจบผมก็ลงบันไดและเดินออกจากบ้านแล้วเดินเท้าจากบ้านไลค์เพื่อที่จะกลับ
“พี่รักทำอะไรบันทึกเนี่ย ทำไมถึงเปลี่ยนใจกลับบ้านอีกแล้วละ บอกมานะ”
“ก็ดีแล้วนิคนอะไรมางานวันเกิดเขาแต่ไม่เอาของขวัญอะไรมาเลยกะจะมากินอย่างเดียว เลิกคบได้ก็เลิกคบนะคนแบบนี้อ่ะ”
“พี่รักรู้ได้ไงบันทึกไม่เอาของขวัญมาให้ไลค์”
ไลค์เดินไปหยิบโปสการ์ดที่ผมทำ แล้วชูให้พี่รักดู
“นี่ไงของขวัญที่บันทึกให้ไลค์ รู้มั้ยว่าการที่ให้โปสการ์ดที่เขียนถึงความรู้สึกที่ออกมาจากใจเพื่อมอบให้ใครซักคนเป็นของขวัญเนี่ย มันสื่อถึงความจริงใจกว่าการซื้อของซะอีก”
ไลค์ผิดหวังกับพี่รักจริงๆ ปกติพี่จะเป็นคนที่มีเหตุผล ไม่ตัดสินคนที่ภายนอกแต่กับบันทึกพี่กับโคตรไม่มีเหตุผลเลยรู้ป้ะ ไลค์พูดด้วยความผิดหวังกับการกระทำของพี่ตัวเอง
ระหว่างกำลังเดินอยู่ฟ้าก็มืดตั้งเค้ามาผมคาดการณ์ว่าอีกซัก
ครู่ฝนคงจะตก จะมีอะไรแย่อีกมั้ยเนี่ยวันนี้
หลังเดินจนมาถึงป้ายรถเมล์ฝนก็ตกลงมาพอดี โชคดีนะเนี่ยที่ผมถึงป้ายรถเมล์ก่อนไม่งั้นเปียกแน่นอน
ฝนตกหนักมากจนผมมองไม่เห็นเลยว่ารถที่กำลังมาเป็นสายอะไร ขณะรอยิ่งนานฝนก็ตกแรงขึ้นเรื่อย พร้อมลมที่พัดมาทำให้ผมหนาวขึ้นมาทันที แต่อยู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าป้ายรถเมล์
มีผู้ชายกางร่มและค่อยๆ เดินจากรถมาทางผม ยิ่งใกล้ยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ผมตกใจเล็กน้อยเพราะ คนที่ออกมาจากสายฝนที่ตกกระหน่ำจนแทบมองมาเห็นแม้แต่รถที่แล่นบนถนน คนนั้นคือพี่รัก ผมสงสัยหลังจากตกใจขึ้นมาทันทีว่าพี่เขามาทำไม
“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
น้ำเสียงที่ได้ยินต่างไปจากทุกครั้ง ดูปกติไม่เย็นชาและมีความนุ่มนวลเบาๆ ด้วย
“ไลค์ให้มาหรอฮะ ไม่ต้องลำบากไปส่งผมหรอกฮะ เดี๋ยวผมกลับเองได้”
“เปล่าพี่มาเองไลค์ไม่ได้บอกพี่หรอก”
“ไม่อ่ะฮะ ผมจะกลับเอง”
ผมยืนยันที่จะกลับเอง พูดจบพี่เขาก็มานั่งข้างผมและบอกว่าได้ งั้นพี่นั่งเป็นเพื่อนจนกว่าเราจะขึ้นรถเมล์ ผมไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้จริงๆ เมื่อไม่นานมานี้ยังด่าว่าผมแอ็บอยู่เลย มาตอนนี้กลับมาทำเป็นดีด้วย
“น่าจะรอนานเลยนะฝนตกแรงขนาดนี้ เขาคงจอดพักที่ป้ายอื่นอยู่แหละ”
“งั้นพี่ก็กลับก่อนสิฮะ จะมานั่งรอทำไม”
“ก็พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะรอเราขึ้นรถไปก่อนถ้าเรายืนยันที่จะกลับเอง”
เสียงจามดังพร้อมกับมีอาการจมูกบี้ๆ เหมือนหายใจไม่ค่อยสะดวก
พี่รักเหมือนเริ่มไม่ค่อยสบายเลย เราจะเอาไงดีเนี่ยถ้าดื้อไม่ไปกับเขา พรุ้งนี้เขาต้องนอนซมไม่สบายแน่นอน
“พี่รักฮะ บันทึกตัดสินใจให้พี่ไปส่งก็ได้ฮะ”
อยากจะโกรธเขานะ แต่พอเห็นอาการแบบนี้แล้วโกรธไม่ลงจริงๆ กลับสงสารสะมากกว่า
หลังยอมให้พี่เขาไปส่งผมก็ขึ้นซึ่งพี่เขากางร่มเดินไปส่งผมขึ้นก่อนแล้วตัวเองค่อยเดินขึ้น ระหว่างทางพี่เขามีอาการคัดจมูกไอและจามตลอดทาง อาการน่าเป็นห่วงมาก
พอถึงบ้าน ผมรู้สึกสงสารพี่เขาจัง ที่พี่เขาเป็นแบบนี้เป็นเพราะผมหรือเปล่านะ ทำให้เขาโดนละอองฝนจนทำให้เป็นแบบนี้ ผมเลยตัดสินใจชวนพี่เขาเข้าบ้านเพื่อพักกินชาก่อน ดูพี่เขาไม่น่าจะขับรถกลับไหว
“พี่รักฮะ ลงไปดื่มชาก่อนมั้ยฮะ ดูพี่ไม่ค่อยสบาย ฝืนขับรถจะอันตรายเอานะฮะ”
“ไม่เป็นไร พี่ขับไหว”
“แต่บันทึกดูไม่น่าไหวนะ ถ้าพี่ไม่ลงบันทึกก็ไม่ลงจากรถพี่เหมือนกัน”
พี่รักมองหน้าผม ทำสีหน้าคิดทบทวนคำพูดของผม ก่อนที่จะตอบรับคำชวนของผม
พอเข้ามาในบ้านก็พบกับคุณยายที่นั่งรอที่เก้าอี้ไม้โยกตัวโปรด เมื่อคุณยายเห็นพี่รักก็ถามขึ้นมาคำแรกว่าไม่สบายหรือเปล่าลูก แล้วบอกให้พี่รักนั่งลงที่โซฟาก่อน จึงจูงมือผมไปที่ห้องครัวเพื่อชงชาคาโมมายล์ให้พี่รักดื่ม มันช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอจามลดน้ำมูก จากนั้นผมก็นำมาให้พี่รักดื่ม
“ดื่มชาคาโมมายล์ก่อนสิฮะ จะได้รู้สึกดีขึ้น เดี๋ยวบันทึกไปเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้พี่รักก่อนนะฮะ”
“เตรียมให้พี่ทำไมอ่ะ”
“คุณยายให้พี่รักอาบน้ำที่นี่ก่อนอะฮะ ท่านบอกว่าถ้าไม่รีบอาบน้ำจะป่วยไม่สบายกว่าเดิม”
พอพูดเสร็จผมก็เดินขึ้นห้องไปเตรียมชุดให้พี่รัก ผ้าขนหนูผมมีผืนใหม่อยู่แต่แต่เสื้อกับกางเกงนี่สิ พี่รักจะใส่ได้มั้ยนะตัวผมเล็กกว่าพี่เขาอยู่ประมาณหนึ่ง ผมลองหาเสื้อและกางเกงที่ดูใหญ่กว่าปกติ
งั้นเอาชุดนี้แล้วกัน เป็นเสื้อยืดสีชมพูฟรีไซส์กางเกงนอนลายการ์ตูนสีฟ้าอ่อนที่คุณยายซื้อให้ผมแต่มันผิดไซส์ เขาจะโอเครหรือเปล่านะก็มีแค่ชุดนี้อ่ะที่พี่เขาน่าจะใส่ได้
“บันทึกลูกเปิดประตูให้ยายหน่อย ยายพาพี่เขามาอาบน้ำ”
“ฮะคุณยาย” ผมเปิดประตูออกแล้วเห็นคุณยายกับพี่รักหน้าประตู สีหน้าพี่รักดูงงๆ เล็กน้อย คุณยายพูดฝากดูแลพี่เขา แล้วก็ขอตัวไปนอนก่อนเฉยเลย
ทำไมคุณยายทำกับบันทึกแบบนี้เนี่ย!! ผมนี่ทำตัวไม่ถูกเลยฮะได้แต่เชิญพี่เขาเข้ามาในห้องก่อน
“เข้ามาก่อนสิฮะพี่รัก”
“อ่อ...ครับ” เสียงพูดที่กระตุกและท่าทางเหลอหลาเล็กน้อย ตามด้วยเดินเข้ามาในห้องผม
“ห้องน่ารักดีนะ”
เมื่อกี้นี้คือคำชมใช่มั้ยหรือผมหูฝาดไปเอง คนอย่างพี่เขาพูดอะไรที่ดีๆ เกี่ยวกับผมเป็นด้วยหรอ ทำไมผมรู้สึกดีแปลกๆ กับคำพูดเมื่อกี้ของเขานะ
“ขอบคุณฮะ อ้อผมเตรียมชุดไว้ให้อยู่ในห้องน้ำแล้วฮะ ห้องมันไม่ได้ใหญ่เหมือนที่บ้านพี่ ลำบากนิดนึงนะฮะ”
“อืมไม่เป็นไรครับพี่อาบได้ อ้อ...แล้วก็ขอบคุณด้วยนะที่เตรียมชุดให้พี่ งั้นพี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดเสร็จเขาก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments