พวกเราทั้งคู่ต่างจ้องมองตากันราวกับแค้นสั่งสมกันมานานเป็นปี ทั้งที่แค่พึ่งจะรู้จักกันเมื่อกี้นี่เองแท้ ๆ ไม่มีใครพูดอะไร ก่อนที่ทั้งบัซและผมจะพุ่งเข้าหากันพร้อมออกอาวุธที่พัฒนากันเป็นชุดใส่กัน
เสียงของไม้แข็ง ๆ ดังกระทบกันดังสนั่น ดาบในมือบัซถูกดาบที่หักของผมบล็อกไว้ได้เช่นเคย ไอนี่มันเจ็บแล้วไม่จำหรือว่าชอบยึดติดกันนะ ความเก่งอันดับสิบของชั้นเรียนนี่มันได้รับมาได้ไง ผมคิดในใจพร้อมเหวี่ยงฟาดดาบอีกเล่มใส่เขาสวนทันที
โพละ!! ทันทีที่มันกระทบโดนขาบัซก็ทรุดลงไปเล็กน้อยพร้อมทำหน้าเจ็บปวดขึ้นมา อะไรว่ะแค่ฟันขาเองนะเฟ้ยเอ็งจะรีบออกอาการเร็วเกินไปแล้ว แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะทางผมเองก็หัวร้อนเอาเรื่องเหมือนกันจนไม่ออมแรงใส่อีกฝ่ายด้วย บัซรีบผละดาบออกจากผมพร้อมถอยไปก่อน
จังหวะนั้นผมก็คงไม่ใช่คนดีทื่จะรอให้เขาได้ตั้งหลักหรอกนะ ผมวิ่งตรงเข้าไปพร้อมแทงดาบในมือออกไปอีกครั้ง ทางบัซที่เห็นก็ยกดาบขึ้นมาบังตนเองไว้
"ดาบน่ะมันใช้ฟันนะ ถ้าจะขยันการ์ดก็ไปถือโล่ไม่ดีกว่าเหรอ ?"
ผมพูดพร้อมพุ่งแทงให้ดาบกระแทกใส่ดาบของทางนั้นแบบเต็มแรง ถึงจะป้องกันการโจมตีได้ก้เถอะ แต่แรงกระแทกที่โถมมาล้วน ๆ มันหักล้างไม่ได้นะเออ ซึ่งนั้นก็ทำให้บัซถึงกับเซจนเสียหลักเกือบจะหงายหลัง เมื่อเป็นแบบนั้นมือทั้งสองข้างผมก็ไม่รอช้าทิ้งดาบทั้งสองเล่มออกจากมือ พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมยกแขนขวาขึ้นสูงตั้งฉากในระดับเดียวกับลำคอของศัตรู
เพราะไม่ได้คิดว่าจะเป็นทหารหรือนักรบถึงไม่ชอบจับดาบ แต่อย่าลืมสิว่าผู้ชายน่ะฝึกไว้ป้องกันตัวก็คงดูเท่ไม่น้อยใช่มั้ยล่ะ ผมใช้แขนกระแทกอัดใส่ทั้งคนทั้งดาบไปพร้อม ๆ กัน พร้อมใช้ขาขวาเกี่ยวกับไปทางทางด้านหลังขาของบัซ จากนั้นก็ทุ่มตัวเต็มที่งัดอีกฝ่ายจนลองไปนอนกองกับพื้นได้
ทุกคนอ้าปากค้างในทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ไม่มีใครพูดอะไรเพราะกำลังตกใจที่จู่ ๆ ชายที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือดาบไม่เป็นสองรองใครในรุ่นเดียวกันนั้น จะถูกทำให้หมดสภาพภายในระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบวินาทีแบบนี้ โดยไอ้บ้าไหนก็ไม่รู้ที่นอกจากจะไม่มีใครพูดถึงแล้ว เขาคนนั้นก็ยังไม่มีทั้งความโดดเด่นในด้านใดให้เชยชมจากคนรอบข้างด้วยซ้ำไป
แต่เมื่อเห็นแบบนี้ก็ทำให้นึกออกได้อย่างหนึ่งเรกกะที่เห็นแบบนี้ก้พอจะสัมผัสได้ ว่าเพื่อนสนิทของเขานั้นมี 'เล่ห์เหลี่ยม' ซ่อนเอาไว้มากมาย ภายใต้ความจืดจางนั้นทำให้ไม่มีใครคิดจะสนใจหรือจับตาดู เพราะแบบนั้นหากมองให้ละเอียดจริง ๆ ล่ะก็ถึงจะรับรุ้ได้
"ก็สมกับเป็นลูกพ่อค้านักการเมืองขึ้นมาหน่อยแล้วนี่นายน่ะ"
เรกกะที่เห็นเพื่อนรักชนะก็ผลักอกคนของห้อง A ออกไป ก่อนที่จะวิ่งมากอดคอผม คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มออกมา อะไรกันล่ะนั้นฟังดูเหมือนคำด่ายังไงม่รู้นะเนี่ย ไม่นานเสียงปรบมือก็ได้ดังขึ้นจากคนที่ดูการต่อสู้เมื่อครู่นี้ แม้แต่อาจารย์ที่ดูอยู่ห่าง ๆ ก็ทำแบบนั้นก่อนจะเดินเข้ามาชมผมอีกด้วย
"ไม่เห็นนายเคยบอกฉันเลยนะว่าสู้กับเขาด้วยน่ะ"
"ก็เธอไม่เคยถามนี่ โอ๊ยเจ็บปากจัง"
เมื่อพักเที่ยงมาถึงพวกเราก็มานั่งในโรงอาหารขนาดใหญ่ของโรงเรียนเหมือนทุก ๆ วัน แต่จะต่างออกไปก็เพราะมีสายตามากมายมองมาที่ผมมากขึ้น อ่อไม่เคยเห็นคนมีรอยช้ำบนหน้ากันรึไงฟ่ะไอ้พวกนี้นี่
พวกเรานั่งทานข้าวกลางวันกันสี่คนเป็นปกติ มารินที่นั่งตรงข้ามกับเรกกะก็มองผมด้วยแววตาเป็นประกายกว่าปกติ ถ้าให้เปรียบก็จะเหมือนสุนัขที่เห็นกระดูกอย่างไรอย่างนั้น เธอรีบถามผมทันทีว่าทำแบบนั้นได้ยังไงไปแอบซุ่มเรื่องต่อยตีตั้งกะตอนไหน
"เห็นนายไม่ชอบวิดาบฟันดาบก็นึกว่าไม่ถนัดหรือขี้เกียจแท้ ๆ ที่ไหนนายคมในฝักจริง ๆ นะเนี่ย"
"ก็ธรรมดา ๆ ไม่ใช่รึไง แต่เพราะฉันขี้เกียจนั้นแหละเลยไม่ชอบน่ะ อีกอย่างฉันอยากทำงานเบื้องหลังแบบพวกพ่อค้าหรือขุนนางอะไรแบบนี้ไม่เหมือนกับนายหรอกนะเรกกะ"
เรกกะก็ยังคงพูดชมผมราวกับตัวเองเป็นแม่ยกลิเก โดยมีมารินคอยเออออห่อหมกตามให้ตลอด ไอ้สองคนนี้นี่เวลานี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว ถึงแม้ปกติก็มักจะเข้ากันได้ดีอยู่แล้วก็เถอะ
""เห...ไม่สนใจที่จะเป็นอัศวินสักหน่อยเหรอ ฝีมือของนายน่ะฉันขอบอกเลยว่าหากได้ออกงานประกวดฝีมือ หรือทำผลงานจนเข้าตากรรมการแล้วล่ะก็ดวงเรื่องผู้หญิงของนายมันจะพุ่งขึ้นสูงมาก ๆ เลยนะคิดตรงนี้ดูสิ"
"...ทำไมฉันต้องทำอะไรแบบนั้นเพื่อให้คนมาชอบด้วยล่ะ เป็นพ่อค้าแล้วมีเงินก็สามารถทำให้คนมาชอบก็ได้ไม่ใช่รึไง ?"
"คิดแบบนั้นไม่ได้ดิเพื่อน ถ้านายมองแบบนั้นแสดงว่าตอนนี้นายไม่มีคนที่ชอบอยู่ในใจอย่างนั้นเหรอ ไม่เคยคิดอยากจะทำตัวให้คนคนนั้นมาสนใจบ้างรึไงกัน"
คำพูดของเรกกะเสียดแทงเข้ามาในใจผมเต็ม ๆ แน่นอนว่ามันทำให้สะดุ้งเฮือกอย่างแรงจนไม่อาจจะเถียงได้ มีสิคนที่ชอบน่ะแต่ว่าฉันพึ่งจะโดนปฏิเสธมาไง ตอนนี้ถ้าจะบอกว่าจิตใจของเราเป็นยังไงมันก็...
"ใช่รึเปล่าไรซ่าฉันพูดถูกมั้ย ?"
จู่ ๆ เรกกะก็ถามไรซ่าที่นั่งตรงข้ามผม เธอที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานข้าวเที่ยงก็เงยนหน้าขึ้นมามองเรกกะอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงหันมามองผมเล็กน้อย
พับผ่าสิมองเราเล็กน้อยเนี่ยนะ นั้นสินะก็เธอไม่ได้มีความรู้สึกชอบเราเลยนี่ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรที่จะไม่อยากจะมองหน้าผม ไรซ่าพยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มพูดบ้าง
"ใช่แล้วล่ะ การพยายามเพื่อใครสักคนน่ะเป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ พยายามเพื่อคนที่ชอบฟังแล้วก็ดูโรแมนซ์ไม่เบา ยิ่งหากเจ้าตัวได้รับรู้ว่ามีคนพยายามเพื่อตัวเองมากขนาดนั้นล่ะก็เขาจะหันมามองบ้างแหละ"
"พูดได้ดีมากไรซ่า เห็นมั้ยล่ะเอ็กซ์เซ่นายน่ะควรจะ..."
"เธอมีคนที่ชอบแล้วงั้นเหรอไรซ่า ?"
จู่ ๆ การสนทนาก็ตึงขึ้นมาซะอย่างนั้น ไม่ใช่ผมหรือเรกกะหรอกนะ แต่เป็นมาริยต่างหากที่โพล่งขึ้นมาถามเพื่อนสนิทของเธอ เอ่อ นิสัยเสียของยัยนี่เผลอลั่นออกมางั้นเหรอเนี่ย ใช่...สิ่งที่ไรซ่าพูดออกมานั้นเราเองก็อยากจะลองถามกลับไปแบบนั้นดูบ้าง แต่มันไม่ควรที่จะถามก็เท่านั้นเพราะมันดูจะเสียมารยาทเกินไป
แต่ใครจะคิดล่ะว่ามารินนั้นจะเป็นฝ่ายถามกันแบบโต่ง ๆ
หรือว่ามารินเองก็จะรู้อย่างงั้นเหรอ ?
"ทำไมถึงได้ถาม..."
"ฉันอยากรู้น่ะเพราะไรซ่าเองก็พูดออกมาแบบนั้น แสดงว่าที่ไรซ่าฝึกดาบมาตลอดนี่ก็เพราะมีคนที่ชอบอย่างนั้นเหรอ ?"
เชี้ยยยยยยยย!! ตรงโครต ๆ ตรงยิ่งกว่าถนนเมืองไทยอีก คำถามนั้นถูกถามด้วยน่ำเสียงที่จริงจังเป็นอย่างมาก โดยมันทำให้ทั้งผมและเรกกะต้องเป็นฝ่ายนั่งรอฟังด้วยเช่นกัน
"มะ ไม่ใช่นะมารินเองก็รู้นี่ว่าพ่อฉันเป็นอัศวินองคลักษณ์ของฝ่าบาทนะ ฉันเองก็อยากจะเป็นเหมือนกับท่านพ่อถึงได้ขยันซ้อมดาบไงล่ะ"
จะว่านั้นเป็นคำตอบที่ดีได้มั้ยนะ เพราะเรารู้สิ่งที่อยู่ในใจเธอแล้วถึงได้คิดว่านี่มันก็แค่การคอบเพื่อเลี่ยงเท่านั้น
รักสามเศร้าแบบนี้โครตเจ็บปวดชะมัด เอ๊ะ หรือสี่เศร้ากันนะถ้านับรวมเราเข้าไปด้วย มารินที่คิ้วขมวดก็นิ่งเงียบไป แต่ไม่นานเธอก็กลับมายิ้มร่าเหมือนเดิม
"นะ นั้นสินะสมกับเป็นไรซ่าเลยล่ะ ขอโทษนะที่จู่ ๆ ก็ถามอะไรที่เสียมารยาทแบบนั้นน่ะ"
"ไม่เป็นไรก็เราเป็นเพื่อนกันนี่"
"ไรซ่า..."
"มาริน"
ว่าแล้วจากนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากันก่อนที่จะกอดกัน พร้อมขอโทษอีกฝ่ายถึงเรื่องเมื่อสักครู่ เหอะ ๆ ก็ดีที่ผลของมันไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด เรกกะที่เห็นก็ยิ้มออกมาเหมือนกันกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
ทว่า...
"ขอนั่งด้วยได้มั้ยเอ๋ย ?"
"ดะ เดี๋ยวสิลูเวียร์ทำไมถึงนั่งก่อนที่จะถามแบบนั้นล่ะ"
น้ำเสียงที่คุ้นเคยของเด็กสาว พร้อมสัมผัสอันนุ่มนิ่มที่แนบกับแขนขวา กลิ่นหอมที่ไม่ได้มาจากน้ำหอมแต่เป็นกลิ่นสบู่ลอยแตะจมูก ใกล้โครต ๆ ความนุ่มนิ่มระดับนี้ สิ่งที่ภายในหัวนึกได้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ...
'หน้าอกไงล่ะ!!'
ลูเวียร์เด็กสาวผู้เป็นรองหัวหน้าห้องของเรานั้นเอง จู่ ๆ เธอและหัวหน้าห้องพร้อมคุณเลขาก็มาที่โตีะของเรา แต่ลูเวียร์นั้นก็นั่งลงข้าง ๆ ผมพร้อมเบียดผมเอาไว้ด้วยวงแขนของเธอที่คล้องรอบแขนของผม
รุกหนักเกินไปแล้ว!!
"เอ่อ คุณลูเวียร์ครับมันโดนผมอยู่นะครับ"
"หือ เอ็กซ์เซ่ไม่ชอบหน้าอกเหรอ"
"เปล่าครับชอบมากเลยต่างหาก"
"ความในใจมันหลุดออกมาแล้วนะเพื่อน"
เรกกะยิงมุกต่อทันทีแต่แน่นอนว่านอกจาพวกเราสี่คนแล้ว มีอีกสองคนที่ไม่ขำด้วยซึ่งก็คือไรซ่าและมาริน
เอ่อ...
"แล้วพวกหัวหน้าห้องมาหาผมนี่มีอะไรรึเปล่าครับ ถ้าเรื่องงานดูเหมือนจะต้องรอวันจันทร์เลยนะครับ สภานักเรียนช่วงนี้เขาปิดห้องจนถึงพรุ่งนี้"
"เปล่าค่ะ ไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรอกค่ะ คือฉันแค่ตามลูเวียร์มาเท่านั้น"
"งั้นคุณลูเวียร์คงมีธุระ..."
"ไม่มี แค่อยากมานั่งกับนายเฉย ๆ น่ะ เมื่อกี้นายเท่มากเลยนะเอ็กซ์เซ่ ตอนที่นายซัดหมอนั้นคว่ำทำเอาใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเลย"
นี่คือผมกำลังถูกจีบอยู่ใช่รึเปล่านะ เพื่อนของเธออีกสองคนก็นั่งลงถัดจากลูเวียร์ต่อทันที ทำให้ตอนนี้โตีะของพวกเรามีคนนั่งคุยด้วยกันถึงเจ็ดคน ต่างจากทุก ๆ วันที่ผ่านมา หากมีคนเรียกเรกกะหรือมารินพวกเราก็จะเหลือสามคน เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ปกติที่จะมีการมาขอนั่งด้วยอย่างในตอนนี้
"ใช่มั้ยล่ะลูเวียร์ ฉันเองก็ดีใจสุด ๆ ไปเลยตอนนั้นเอ็กซ์เซ่เท่สุดยอดไปเลยล่ะ"
เรกกะพูดเสริมทันทีเหมือนเขาจะดีใจนะที่มีคนมาชมผมแบบนี้
"ฉันก็เหมือนกันค่ะแบบว่า...เอ็กซ์เซ่คุงดูเท่สุด ๆ ไปเลย นอกจากใจดีแล้วไม่คิดเลยว่าจะมีมุมแบบนี้ด้วย"
คราวนี้หัวหน้าห้องพูดชมผมบ้าง แต่เธอนั้นกลับหน้าแดงขึ้นพร้อมแสดงความเขินอายออกมา หัวหน้าสาวที่จริงจังคนนั้นกำลังเขินงั้นเหรอ ?
"ใช่ ๆ"
คุณเลขาของห้องพูดสั้น ๆ สนับสนุนความคิดเห็นของทุกคน โดยที่เธอนั้นไม่ได้หันมามองพวกเราด้วยซ้ำ เพราะเอาแต่สนใจอาหารตรงหน้าเสียมากกว่า แถมตรงหน้าของเธอนั้นยังมีถาดอาหารที่มีอาหารหลายอย่างที่มีปริมาณเยอะเกินกว่าสามคนทานซะอีก
แหม!! ถ้าทุกคนชมแบบนี้ทางนี้ก็เขินแย่สิ ผมที่มีความสุขจากคำชมก็ยิ้มแก้มปริอย่างมีความสุข จนเผลอหันมามองมารินกับไรซ่าโดยบังเอิญ
มารินแก้มพองป่องคิ้วขมวด อันนี้คืออาการของคนที่กำลังงอนผมในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก โดยเธอมักจะแสดงออกแบบนี้ราวกับว่าเป็นเด็กถูกแย่งของเล่นชิ้นสำคัญไป พอเข้าใจได้เพราะความสนิทมาก ๆ ของพวกเราเป็นสายสัมพันธ์ที่เกินกว่าคำว่าเพื่อนไปเล็กน้อย ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
แต่ไรซ่านั้นไม่ใช่เธอไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาแบบมาริน เพราะเธอมักจะไม่พูดกับผมเลยเดายากว่าเธอคิดอะไรอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะดูออกว่าเธอก็ไม่พอใจลูเวียร์ที่มานั่งกับพวกเราด้วย
แล้วทำไมถึงจ้องผมด้วยแววตาจิกกัดแบบนั้นล่ะครับ ผมทำอะไรผิด!!
ทว่าอาการของไรซ่านั้นดูเหมือนจะมีคนรับรู้ได้ด้วยอีกคน ซึ่งก็คือลูเวียร์เธอเหลือบมองไรซ่าด้วยหางตาพร้อมยิ้มออกมาราวกับนึกอะไรออก
"นี่เอ็กซ์เซ่ฉันคิดว่าพวกเรามาลองคบกันดูดีมั้ย ?"
"พรูดดดดดดดดดด"
"ง่ะ!!"
"เดี๋ยวสิลูเวียร์"
"ไม่เบานี่เพื่อน"
เรกกะแกเป็นบ้าอะไรฟ่ะขยันชงเก่งจริง ๆ นะวันนี้น่ะ ผมที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสะอึกทันทีเมื่อถูกลูเวียร์ถามแบบนั้นโดยไม่ตั้งตัว คุณหัวหน้าห้องรีบโวยวายทันที มารินที่นั่งอยู่อีกฝากก็ส่งเสียงร้องเพราะกำลังช็อกในสิ่งที่ได้ยิน
"มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือครับคุณลูเวียร์พวกเราพึ่งจะคุยกันจริง ๆ จัง ๆ ไม่กี่วัน..."
"ฉันไม่มีเสน่ห์พอสำหรับนายเหรอ ?"
"ไม่เลยครับแต่ว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นคือว่า..."
"งั้นทำไมต้องปฏิเสธล่ะ หรือว่าเธอมีคนที่ชอบแล้วเหรอ ?"
คือถ้าตอบว่ามีล่ะก็คงถูกถามแน่ ๆ ว่าเป็นใครจะตอบส่ง ๆ ก็ไม่ได้ด้วย จู่ ๆ เหงื่อก็แตกพลั่กขึ้นมาซะอย่างนั้น ทุกคนเองก็ต่างเหมือนจะรอคำตอบของผมอีกด้วย เฮ้ยอยากรู้อะไรกันขนาดนี่เนี่ยทุกคนนนนนนน
"เคยมีครับแต่ว่าตอนนี้ไม่..."
"งั้นฉันผิดเหรอที่ถามนายน่ะ เอาหน่าไม่เสียหายสักหน่อย ตอนนี้นายเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงขึ้นเรื่อย ๆ หากว่านายดูดีมากไปกว่านี้ สาว ๆ คนอื่นจะมาคาบนายไปกินก่อนเอาได้ อีกอย่างเลยนะเอ็กซ์เซ่..."
"ครับอะไรเหรอครับ ?"
ลูเวียร์เว้นช่วงคำพูดไปเล็กน้อย พร้อมขยับตัวมากระซิบที่หูผมเบา ๆ ภาพนั้นทำให้เกิดอิมแพ็คกับคนทั้งโต๊ะ แต่ว่าสำหรับผมคำพูดที่เธอกระซิบบอกต่างหากที่ทำให้เกิดความลำบากภายในใจ
"ฉันจะไม่มองนายว่าเป็น 'สำรอง' หรือ 'เผื่อไว้' ในสายตาหรอกนะ ฉันมองออกหรอกน่าว่านายคิดยังไงกับไรซ่าแล้วไรซ่าคิดกับนายแบบไหนน่ะ"
"..."
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments