เป็นตัวประกอบทั้งทีแต่จะขอให้เพื่อนนางเอกอย่างเธอมีความสุขให้ดู!!
"เพราะว่าฉันน่ะชอบเรกกะที่สุด แต่ว่าก็ไม่อาจจะหักหลังเพื่อนรักคนสำคัญด้วยเหมือนกัน"
นั้นคือคำตอบที่ผมได้รับเมื่อได้สารภาพความรู้สึกให้กับสาวที่ชอบ ใช่แล้วผมโดนปฏิเสธกลับมาอย่างสุภาพ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร
"งั้นเหรอ ขอโทษนะที่ดันทำให้เธอลำบากใจแบบนี้ซะได้"
"ไม่เป็นไรหรอกฉันก็ไม่ได้รังเกียจในส่วนนี้ของนาย แต่ก็ดีใจนะที่ยังมีคนคิดจะมาชอบสาวไร้เสน่ห์แบบฉัน ได้เวลาแล้วล่ะงั้นขอตัวก่อนนะ"
ร่างนั้นวิ่งผ่านผมไปท่ามกลางแสงแดดที่ค่อย ๆ หายไปยามอาทิตย์อัสดง ภายในห้องเรียนที่ไร้ซึ่งผู้คน บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความเงียบเหงากำลังกัดกินจิตใจของชายหนุ่มให่จมสู่ความสิ้นหวัง
ซะเมื่อไหร่กันล่ะ!!!
"เฮ้ออออออ"
ชายหนุ่มในชุดนักเรียนวัย 18 ปี ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า แม้จะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่นี่ก็เป็นอีเวนต์สำคัญที่เกิดขึ้นในชีวิต แม้จะถูกปฏิเสธแต่สำหรับเขาแล้วมันคือจุดเริ่มต้นต่างหาก
บุคคลที่เขาได้สารภาพรักไปนั้นก็คือ 'ไรซ่า' เด็กสาวผมสั้นสีน้ำตาลลุคทอมบอย ผู้เป็นหนึ่งในที่นิยมจากคนทั้งโรงเรียน ต่างกับเขาที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นให้น่าจดจำเลยสักนิด
ชายหนุ่มรีบหยิบกระเป๋านักเรียนของตนขึ้นมาสะพายไว้ด้านหลังพร้อมห่ออุปกรณ์อันยาวที่มัดเก็บเป็นอย่างดี ก่อนที่จะเดินออกจากห้องเรียนไปอย่างเงียบ ๆ
สวัสดีครับ ชื่อของผมคือ 'เอ็กซ์เซ่' เขียนเป็นภาษาอังกฤษก็คือ 'EXE' ตัวละครพิมพ์นิยมของนิยายหลาย ๆ เรื่องแต่ผิดไปหน่อยก็ตรงที่ ไม่ได้เก่งเทพหรือมีพรสวรรค์เหนือมนุษย์แต่อย่างใด ดังนั้นการที่จะมีใครสักคนมาชอบก้เปรียนเสมือนเป็นการฝันกลางวัน การเรียนก็กลาง ๆ กีฬาก็สามัญชนหน้าตาก็ถูไถ แต่ติดตรงที่ว่ามีเงินในระดับหนึ่งเนื่องจากทางบ้านนั้นมีธุรกิจค้าขาย ผมอาศัยอยู่กับน้าสาวและลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง
อะ ๆ แต่เดี๋ยวก่อนถึงจะดูกระจอก แต่เพื่อนผมนั้นคนละขั้วกับผมเลย อัธยาศัยดีหน้าตาหล่อเหลา เรียนดีกีฬาเด่นแถมยังมีสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์อีกด้วย ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะประสบความสำเร็จ อัจฉริยะโดยแท้จริง ถึงแม้จะฟังแล้วทำให้ชีวิตผมดูแย่ลงไปอีก แต่เพื่อนคนนี้ก็สนิทกับผมมากอย่างบอกใครเรียกได้ว่าเพื่อนรักเลยก็ว่าได้
ใช่แล้วล่ะเพราะมีหมอนั้นอยู่ผมถึงได้ต้องมาอยู่ในสภาพอกหักแบบนี้ แต่ผมไม่โทษเขาหรอกนะเพราะนั้นมันก็เปรียบเสมือนการแพ้แล้วพาลคนอื่น ผมยอมรับในคุณค่าของตัวเองที่ด้อยกว่า...
ใช่แล้วผมมองดูแล้วชีวิตนี้ผมไม่มีทางเป็นตัวเอกได้อย่างใคร ๆ เขา แต่ว่ามันก็มีสิ่งที่ผมสามารถทำได้อยู่เช่นกัน สิ่งที่ผมคนเดียวเท่านั้นที่จะทำได้
"กลับมาแล้วครับ"
"โอ้ ยินดีต้อนรับกลับ ทำไมวันนี้ถึงเลิกช้าล่ะ ?"
ทันทีที่มาถึงบ้านก็ได้คำทักทายจากพี่สาวบุญธรรม ที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟารับแขกอย่างสบายใจ เธอคนนี้มีมีอายุห่างกับผมประมาณสามปี เรียนจบแล้วตอนนี้ทำงานเป็นนักธุรกิจค้าขายในเมือง
ผมเหลือบมองเธอจากด้านหลังของโซฟา วันนี้เธอใส่เสื้อกล้ามตัวบางสีเทาซึ่งเปิดเผยเนื้อตัวพอสมควร จากมุมนี้สามารถทำให้เห็นภูเขาสองลูกที่กลมกลึงเบียดเสียดกันอยู่ในเสื้อได้อย่างชัดเจน ผมล่ะแปลกใจจริง ๆ ทั้งที่เธอทั้งสวยเก่งหุ่นก็ดีแถมยังฉลาดหัวการค้าแบบสุด ๆ แต่กลับยังไม่มีแฟนหรือคิดจะแต่งงานสักที ทั้งที่ถึงวัยที่จะออกเรือนแล้วแท้ ๆ แต่กลับเลือกที่จะอยู่บ้านเล็ก ๆ ภายในเมืองหลวงอันแสนวุ่นวาย
"พอดีผมไปสารภาพรักกับสาวที่ชอบมาน่ะครับ"
"เอ๋ เอาจริงดิ แล้วเป็นไงบ้างสำเร็จมั้ย ?"
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของผมไปแบบนั้น ร่างของเธอก็เด้งตัวตั้งตรงหันกลับมามองผมด้วยสายตาเป็นประกาย
"อกหักสิครับพี่ถามมาได้นะ"
"ก็คิดแล้วล่ะนะว่านายต้องแห้ว ฮ่าฮ่า ก็ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่านายน่ะต้องพยายามให้มากกว่านี้"
"ครับ ๆ จะพยายามกับชีวิตให้มากกว่านี้ครับ งั้นผมขึ้นไปพักสักครู่นะ เดี๋ยวจะลงมาทานข้าวเย็น"
"อา...ถ้าไม่ไหวล่ะก็คืนนี้มานอนให้พี่สาวคนนี้ปลอบก็ได้นะ"
"ตายดีกว่าครับถ้าจะต้องทำแบบนั้น"
ผมตอกกลับไปพร้อมรีบวิ่งหนีขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกหนังสือที่อีกฝ่ายปามานั้นกระแทกใส่หน้า
ไอ้การพยายามน่ะมันไม่ใช่สิ่งไม่ดีหรอกนะ ทุกคนล้วนอยากให้ตัวเองนั้นดีขึ้นเสมอ แต่ว่าไม่ใช่ว่าจะต้องพยายามทุกเรื่องสักหน่อย...
แล้วเราอยากจะพยายามในเรื่องอะไรดีล่ะ ? ผมถามตัวเองทันทีเมื่อเข้าในห้องนอนของตัวเอง ที่ภายในห้องนั้นมีหนังสือมากมายตั้งเรียงกันเป็นตับ ในโลกยุคนี้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือเทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้นมีแต่หนังสือนี่แหละซึ่งเปรียบเสมือนขุมทรัพย์สำคัญที่ใช้บอกฐานะทางครอบครัว ถึงแม้ว่าผมเองก็ไม่ได้รวยมากมายอะไรนัก แต่ว่าทุกคนก็ดูเหมือนจะไม่เสียดายเงินที่ซื้อหนังสือมากมายมาให้ตัวผมได้อ่าน แม้ว่าราคาต่อเล่มนั้นจะมากพอขนาดที่ใช้ซื้อข้าว 5-6 มื้อได้สบาย ๆ ก็ตาม
คิดไปคิดมาผมที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความเหนื่อยล้า จนกระทั่งได้ยินเสียงของเงินเหรียญกลิ้งตกลงลงบนพื้น
"หือ..."
ผมรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมกับก้มตัวลงไปหยิบเหรียญนั้นขึ้นมา แล้วจู่ ๆ ในหัวของผมก็นึกอะไรได้ขึ้นมา
"ใช่แล้ว สิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุดในแบบของเรา"
แสงสว่างแห่งความหวังผุดขึ้นมา ราวกับพระเจ้านั้นได้ตอบรับคำร้องขอของผมที่อ้อนวอนต่อพระองค์ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เชื่อในเรื่องนั้นเลยก็ตาม
... ...
ใช่แล้วสิ่งที่ผู้คนเปรียบเปรยมันว่าเป็นดั่งพระเจ้า เพราะหากไม่มีมันชีวิตก็คงลำบากหรือไม่ก็ต้องอดตาย
"นั้นสินะ ตัวเราในโลกก่อนก็ถนัดเรื่องนี้นี่นา หึหึ"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments