แม่มดของเหล่าอสูร (The Witch Of Beasts)
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทุกพื้นที่ ศพมากมายเกลื่อนเต็มสนามรบครั้งสุดท้าย เปลวไฟแผดเผาศพเหล่านั้นจนแยกใครไม่ออก รวมถึงร่างของข้าก็เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะทรมานมากแค่ไหนสายตาของข้าก็ไม่อาจละไปจากสุดสนามรบเบื้องหน้า
สุดสายตาของนางคือแม่ทัพของฝ่ายศัตรูในชุดเกราะสีทองสะท้อนแสงสุริยัน ปีกสีขาวสยายกว้างราวกับจะโอบอุ้มได้ทุกสิ่ง องอาจ โดดเด่น เฉกเช่นเดียวกับพระเจ้า
'พระเจ้างั้นหรือ ไม่มีทาง ไม่ใช่...พวกมัน ข้าจะไม่มีวันให้จบเช่นนี้'
'ต้องกลับไป...'
"เฮือก!" นางสะดุ้งตื่น เหงื่อไหลท่วม ยังสัมผัสได้ถึงลมร้อนโอบล้อมรอบตัวเหมือนในความฝันนั้น ก่อนมันจะค่อยๆ สลายไป
"ฝัน...หรือ แต่ฝันจะได้กลิ่นเนื้อไหม้ชัดขนาดนี้เลยหรือ"
ก๊อกๆๆ
"เลดี้โลวเควียม ดิฉันขออนุญาตเข้าไปนะคะ"
"อืม เข้ามาได้"
"อีก 2 ชั่วโมง จะเริ่มบททดสอบแล้วค่ะ" สาวใช้ประจำคฤหาสน์พ่อมดและแม่มดดราเกีย หรือกองกำลังมนตราสังกัดราชวงศ์มังกร เข้ามาเตือนนางเกี่ยวกับบททดสอบสำคัญในวันนี้
"ขอบใจมาก"
"เลดี้ดูสีหน้าไม่ดีเลย ให้ดิฉันเตรียมยาไว้ให้ดีไหมคะ"
"ไม่เป็นไร ข้าสบายดี" ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่นางยังคงนึกถึงความฝันเมื่อครู่อยู่ แต่คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ วันนี้เป็นวันสำคัญ จะให้ความคิดสับสนวุ่นวายนี้มารบกวนสมาธิไม่ได้
เกลเดเลียให้สาวใช้ออกไปไม่จำเป็นต้องอยู่ดูแลนางระหว่างเตรียมตัว ร่างระหงลุกออกจากเตียงมีเพียงชุดผ้าบางๆ ปกปิดเรือนร่างสูงเพรียว ผมสีทองเปล่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์ปล่อยยาวละแผ่นหลัง มีเขาสีขาวม้วนไปด้านหลังงอกออกจากกลุ่มผมนุ่ม ดวงตาสีทองที่วันนี้ดูจะหม่นกว่าทุกวัน ผิวขาวออกคล้ำเล็กน้อยเพราะนางมักออกไปฝึกกลางแดดอยู่เสมอ ทว่าก็เนียนละเอียดอย่างคนที่บำรุงผิวดี ตามร่างกายปรากฎให้เห็นลวดลายประกายสีทอง ทั้งสีตา และลวดลายเหล่านี้คือสิ่งบ่งบอกถึงพลังเวทย์ธาตุแสงอันบริสุทธิ์ที่นางครอบครอง
หลังอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ นางแต่งตัวและออกจากห้องพัก มุ่งหน้าไปยังห้องโถงหลักสำหรับทำบททดสอบเพื่อเลื่อนขั้นเป็นแม่มดหรือพ่อมด ผู้ที่จะเป็นพ่อมดแม่มดจะต้องบรรลุพลังเวทมนตร์แขนงใดก็ตามถึงจุดสูงสุด โดยจะมีบททดสอบที่คอยวัดระดับพลังเวทมนตร์ และวันนี้คือวันทดสอบครั้งสุดท้าย ถ้าผ่านนางจะได้รับการยอมรับให้เป็นแม่มดแห่งมนตราสุริยัน
ณ ห้องโถงหลัก รอบด้านเป็นกระจกฉลุลายหลากสีสะท้อนแสงสีรุ้งเข้ามาในห้อง ในห้องโถงไม่มีของตกแต่งอะไรเลย มีเพียงกลางห้องที่มีแท่นยกสูงกว้างเกือบครึ่งห้อง บนแท่นมีบุรุษหน้าตาหล่อเหลายืนรออยู่ เขามีผมสีเงินกับเขาเกลียวโค้งขึ้นข้างบนสีน้ำตาล ชุดเกราะสีเงินประดับผ้าคลุมสีดำปักลายสัญลักษณ์ตระกูลเต็มยศที่เขามักใส่ในพิธีสำคัญเท่านั้น เมื่อเห็นเกลเดเลียเดินเข้ามา รอยยิ้มอ่อนโยนก็ถูกส่งให้ลูกศิษย์คนโปรดทันที
"เกลเดเลีย โลวเควียม เจ้าพร้อมสำหรับบททดสอบนี้หรือไม่" โดยไม่รอช้าเขาก็เอ่ยถามเพื่อเริ่มบททดสอบ
"ข้าพร้อมแล้วค่ะ อาจารย์" เพราะไม่ได้เจออาจารย์เสียนานมาเจอเขาตอนนี้นางแอบรู้สึกทำตัวไม่ถูก ยิ่งเขายิ้มยิ่งทำตัวไม่ถูก หล่อเกินไปแล้ว!
"ดี ถ้าอย่างนั้นเริ่มบททดสอบได้"
พลังของธาตุแสงคือช่วยเยียวยารักษาบาดแผลทั้งภายนอกและภายใน ฟื้นฟูสภาพจิตใจ สลายคำสาป สร้างภาพมายา การบรรลุพลังขั้นสูงสุดเพื่อเป็นพ่อแม่มดนอกจากจะต้องทำทุกอย่างได้ชำนาญแล้ว ยังต้องสามารถชักนำจิตใจผู้อื่นได้ ซึ่งเกลเดเลียผ่านมาได้ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงบททดสอบการชักนำจิตใจเท่านั้น
เซกอส อาจารย์ของเกลเดเลีย หยิบม้วนอัญเชิญออกมาจากแหวนมิติ ม้วนกระดาษสีขาวที่มีรูปม้ายูนิคอร์นซ้อนทับด้วยตราวงแหวนสำหรับอัญเชิญ เพียงกางม้วนอัญเชิญออกแล้วถ่ายพลังเวทลงไป ตราอัญเชิญก็เปล่งแสง เบื้องหน้าของเขาพลันปรากฎร่างม้ายูนิคอร์นสีขาวพิสุทธิ์ ก่อนจะกลายร่างเป็นสตรีหน้าตางดงามผมสีขาวยาวเป็นลอนสลวยมีเขาสีเขียวประดับเถาวัลย์เป็นเกลียวกลางหน้าผากในชุดคลุมสีขาวพลิ้วไสว ยูนิคอร์นมีพลังประจำเผ่าที่ช่วยป้องกันการแทรกซึมจิตใจที่สูงในระดับหนึ่ง จึงเหมาะสำหรับบททดสอบนี้ และเรเชียเองก็มีประสบการณ์ในการเป็นผู้ทดสอบให้กับเหล่าพ่อมดแม่มดธาตุแสงมาก่อนด้วย
"เรเชีย ฝากด้วยนะ ไม่ต้องอ่อนข้อให้เพราะเห็นเป็นลูกศิษย์ข้าล่ะ" เขากล่าวเช่นนี้เพื่อหวังจะคลายความตื่นเต้นให้ลูกศิษย์ด้วยส่วนหนึ่ง
"ถ้าข้าอ่อนให้ ลูกศิษย์เจ้าคงไม่พอใจแล้วมาหักเขาข้าแน่ๆ" เรเชียรู้ใจสหายของเธอดีจึงตอบพลางหัวเราะเสียงใส
"ข้าจะพยายามเต็มที่ค่ะ" นางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางยิ้มรับความปราถนาดีของทั้งคู่
"ถ้าเจ้าพร้อมก็เริ่มได้เลย" เรเชียหยุดหยอกเย้าแล้วทำท่าทางจริงจัง
"ค่ะ" เกลเดเลียตอบ พลางไขว้มือไปด้านล่าง ปลายนิ้วทั้งห้ากลางออก นางปล่อยพลังเวทไหลสู่พื้น ประกายแสงสีทองค่อยๆ ไหลไปทางร่างของเรเชีย ก่อนจะเลื้อยพันไปตามปลายเท้าที่มีลักษณะเป็นกีบม้าสีขาวสะอาดของนาง
ดวงตาของเกลเดเลียเปล่งแสงสีทอง การชักนำจิตใจคือการประสานพลังหลายอย่างเข้าด้วยกัน ไม่ได้มีรูปแบบตายตัวว่าต้องทำอย่างไร เพราะจิตใจแต่ละคนย่อมต่างกัน
นางเริ่มจากเวทมนตร์ที่ทำให้จิตใจสงบขั้นนี้ไม่ยากนัก ขั้นตอนที่ยากคือต่อจากนี้ที่ต้องทำให้อีกฝ่ายเห็นภาพหลอนที่จะทำให้ทำตามคำสั่งและต้องให้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับภาพที่เห็นไปพร้อมกัน แต่ข้อจำกัดของธาตุแสงคือส่งผลเป็นอารมณ์ด้านบวกเท่านั้น
'ต่อไป สร้างภาพหลอนและอารมณ์ร่วม'
ระหว่างควบคุมเวทนางรู้สึกถึงพลังที่ต่อต้านอย่างชัดเจน
'นี่คือพลังป้องกันทางจิตสินะ แข็งแกร่งจริงๆ'
เกลเดเลียเพิ่มพลังขึ้นเพื่อเจาะปราการทางจิตนี้ ทันใดนั้นประกายสีทองในดวงตาก็เริ่มอ่อนแสงลง
"อึก!" เกลเดเลียร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพลางกุมหัวแล้วทรุดตัวลงไป
"เกล!" เสียงอาจารย์ดังเข้ามาในโสตประสาท แต่นางไม่สามารถตอบกลับได้ ความรู้สึกเจ็บที่ราวกับถูกกรีดแทงไปทั่วร่างเหมือนพลังเวทกำลังปั่นป่วน แต่มันไม่ควรเกิดขึ้นกับนางที่ฝึกฝนพลังเวทจนอยู่ในระดับสูงแล้ว อาการแบบนี้ไม่ต่างกับตอนที่เพิ่งปลุกพลังเลยสักนิด
"เกล เกิดอะไรขึ้น เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เซกอสถามด้วยความเป็นห่วง เรเชียเองก็ดูกังวลไม่น้อยกับอาการของนาง
"...ข้าไม่เป็นไรค่ะ" ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่น้ำเสียงของนางกลับแหบแห้ง สีหน้าซีดลงเรื่อยๆ
"วันนี้พอแค่นี้เถอะ เจ้ากลับไปพักก่อนดีกว่า"
"แต่ว่า!....ค่ะ" ถึงจะอยากให้ผ่านบททดสอบครั้งนี้แค่ไหน แต่ตอนนี้นางไม่ไหวแล้วจริงๆ ขืนฝืนมากไปกว่านี้อาจจะยิ่งอันตรายกว่าเดิม และอีกอย่าง...มันอาจจะเกี่ยวกับความฝันก็ได้
"ไม่ต้องเสียใจไปเกลเดเลีย เจ้ามาถึงขั้นนี้ได้ในอายุเท่านี้ ก็นับเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งแล้ว เมื่อเจ้าพร้อมค่อยทดสอบอีกรอบก็ได้" นางเป็นลูกศิษย์ที่เขาภูมิใจมาก และเขาเชื่อว่าไม่มีใครจะทำได้ดีเท่านางแล้ว ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวนี้ไม่ควรทำให้นางต้องรู้สึกแย่เลย
เกลเดเลียพยักหน้าเบาๆ ไม่ตอบอะไรก่อนจะค่อยๆ ลุกออกจากห้องโถงไปโดยมีเซกอสคอยพยุงไปส่งถึงหน้าห้อง
"เลดี้ เป็นอย่างไรบ้างคะ" สาวใช้คนเดิมรีบเข้ามาช่วยพยุงนางทันทีที่เห็นร่างบางถูกพาออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
"เป็นบททดสอบที่ยากกว่าที่ข้าคิดเลยใช้พลังจนหมดเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ผ่าน เจ้าช่วยพาข้ากลับห้องพักหน่อย" นางเลือกที่จะโกหกออกไปแทนที่จะต้องมาอธิบายความจริง และอาจารย์ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร เขาคิดว่าบอกเหตุผลนี้ไปคงจะดีกว่า
"ค่ะ"
เซกอสกลับมาในห้องโถงเพื่อจะอัญเชิญเรเชียกลับ แต่นางเดินเข้ามาหาเขาก่อน
"เซกอส ข้ามีเรื่องต้องบอกเกี่ยวกับศิษย์ของเจ้า"
"อะไรรึ" เซกอสหยุดแล้วหันมาตามน้ำเสียงของเรเชียที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไร
"เมื่อครู่ตอนนางกำลังใช้พลังเพื่อสร้างภาพหลอนและชักนำอารมณ์ข้า นางทำได้ดีทีเดียว ข้าต้องใช้พลังสร้างเกราะป้องกันทางจิตเพิ่ม ไม่อย่างนั้นคงแทบไม่สามารถต้านนางได้เลย"
"นั่นเป็นเรื่องดีทีเดียว ถ้าอย่างนั้นมันผิดพลาดที่ตรงไหนกันนะ" เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ตอนได้ฟังคำชมถึงลูกศิษย์ตัวเอง ก่อนจะตีหน้าเครียดทันทีเมื่อนึกถึงผลลัพธ์ในการทดสอบครั้งนี้
"นั่นล่ะ ตอนที่ข้าเพิ่มพลัง นางเองก็คงเพิ่มด้วย ตอนนั้นข้ารู้สึกได้ถึงความรู้สึกหนึ่งที่นางมอบให้ ทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น"
"....."
"ความกลัว"
หลังจากเกลเดเลียกลับมาถึงห้อง นางนั่งนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ดูท่าจะไม่ใช่แค่ฝันเสียแล้ว แต่สิ่งที่นึกออกมีเพียงความทรงจำเลือนลางไม่ปะติดปะต่อ กับเรื่องการทำสงครามเท่านั้น
'หรือจะเป็นฝันบอกอนาคตกันนะ ในบันทึกประวัติศาสตร์ก็มีผู้ที่เห็นอนาคตผ่านความฝันอยู่เหมือนกัน แต่ว่ามันก็รู้สึกชัดเจนเกินไป ตอนตื่นข้ายังรู้สึกถึงกลิ่นไหม้และร่างกายที่ร้อนราวกับถูกเผาอยู่เลย'
เกลเดเลียคิดพลางเดินไปที่กระจก ดวงตาสีทองอร่ามของนางตอนนี้กลายเป็นสีทองหม่นที่บางทีก็เห็นประกายสีดำได้ลางๆ บนร่างกายเริ่มปรากฎลวดลายประกายสีดำ นางเริ่มรู้แล้วว่าสาเหตุที่นางทรุดไปที่ห้องโถงหลักนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร
'การตื่นของพลัง พลังนั้นคงจะเป็น......"
ไม่รอช้านางเค้นพลังให้ไหลไปรวมกันที่ฝ่ามือ ปรากฎประกายแสงสีทองก่อน ตามมาด้วยควันสีดำทมิฬ
"ธาตุมืด" นางหยุดใช้พลังทันที ไม่ใช่เพราะตกใจหรือกลัว แต่ช่วงที่พลังเพิ่งตื่นนั้นควรให้ร่างกายได้ปรับสมดุลก่อนจะดีกว่า
'ทำไมจู่ๆ ข้าถึงมีพลังนี้นะ เพราะมีฝันอนาคตนั่นรึ จึงต้องมีพลังเพิ่มเพื่อรับมือสู้ในสงครามนั้น เพราะในฝันพลังของข้านอกจากช่วยรักษาแล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลย พลังการชักนำจิตใจก็ใช้ไม่ได้ผลกับเทพที่มีธาตุหลักเป็นธาตุแสงด้วย'
"เรื่องพลังนี้ไม่ใช่ปัญหาเท่าไรนัก แม้จะทำให้การทดสอบต้องยืดเยื้ออกไปเพราะข้าต้องฝึกพลังธาตุใหม่ให้ชำนาญก่อน แต่ปัญหาคือสงครามที่จะเกิดขึ้นต่างหาก"
'ในอนาคตพวกเทพจะบุกแดนอสูร สงครามนั้นอสูรเราเสียเปรียบมากเพราะเผ่าอสูรใช้พลังเวทไม่ได้ แม้พวกเขาจะมีพลังที่เป็นเอกลักษณ์ประจำเผ่าแต่ก็ไม่อาจสู้กับพวกเทพได้มากนัก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้แพ้สงครามในที่สุด'
"แต่ว่า...สาเหตุที่พวกนั้นก่อสงครามคืออะไรกันนะ"
อสูรโดยเฉพาะมังกรไม่ค่อยสุงสิงกับเผ่าอื่นนัก ความจริงแต่ละเผ่าก็ไม่ค่อยติดต่อกันอยู่แล้วด้วย ไม่คิดว่าจะมีสาเหตุอะไรที่ทำให้ต้องต่อสู้จนสูญเสียกันทั้งสองฝ่ายเลย นางคิดว่าถ้าจะเตรียมตัวสำหรับสงคราม การรู้ต้นตอก่อนอาจช่วยให้รับมือได้ดีขึ้นก็ได้
"เรื่องสืบหาต้นตอสงครามก็ปัญหาหนึ่ง เตรียมตัวรบก็ปัญหาหนึ่ง ในเมื่อยังไม่มีเบาะแสก็ทำสิ่งที่ทำได้ก่อนดีกว่า"
ก๊อกๆๆ
"เลดี้ ดยุกอัสไคล์ต้องการพบท่านที่ห้องอาหารค่ะ"
'อาา...เมื่อสักครู่เกิดเรื่องนั้นขึ้นเขาคงเป็นห่วงแย่'
"บอกท่านอาจารย์ด้วยว่าข้าจะรีบไป ขอเวลาเปลี่ยนชุดสักครู่"
"ค่ะ"
หลังบอกสาวใช้ไปนางก็รีบไปเปลี่ยนชุดทันที คราวนี้นางเลือกชุดที่มิดชิดเพื่อปกปิดลวดลายสีดำบนร่างกาย เรื่องพลังใหม่นี้ถ้าผู้อื่นรู้เข้าคงไม่ดีแน่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ณ ห้องอาหาร เซกอสสั่งให้คนครัวประจำคฤหาสน์ตั้งโต๊ะรอไว้สำหรับศิษย์ของเขาเพราะตอนเช้านางต้องไปทดสอบก่อนคงไม่มีเวลารับอาหารเช้าแน่
"ท่านอาจารย์ ข้ามาแล้ว" เกลเดเลียเดินเข้ามาที่ระเบียงมุมโปรดของพวกเขา ตอนนี้อาจารย์ของนางเปลี่ยนมาใส่ชุดลำลองธรรมดาแทนชุดเกราะอัศวินเมื่อตอนทดสอบ ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูอ่อนโยนขึ้น และ....ดูกล้ามแน่นขึ้นด้วย นางโชคดีจริงๆ ที่ได้เขาเป็นอาจารย์ เพราะว่าเขาเก่งมากน่ะ แรกเริ่มมันมาจากการที่พ่อของนางต้องการให้นางเรียนการต่อสู้ควบคู่ไปกับเวทมนตร์ ดังนั้นดยุกเซกอส อัสไคล์ซึ่งเป็นทั้งแม่ทัพและพ่อมดก็เหมาะพอดี ดยุกเซกอสเป็นผู้ปกครองดัสชีอัสไคล์ เมืองหน้าด่านที่ติดกับพรมแดนอาณาจักรปีศาจ ที่นั่นมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีและยังติดกับเมืองเมบริกที่อยู่ในการปกครองของท่านตา ทำให้ตอนนั้นท่านแม่ก็แย้งอะไรไม่ได้กับการส่งนางไปต่างเมืองที่ไกลเช่นนั้นเพราะเมืองโลวเควียมนี้อยู่ติดกับเมืองหลวง
'แต่ข้าคิดว่าการที่ท่านพ่อส่งข้ามาฝึกกับท่านอาจารย์เป็นเพราะดยุกเซกอสแทบไม่มีอำนาจอะไรในราชสำนักมากกว่า ถึงแม้เขาจะเป็นแม่ทัพดูแลปราการอันสำคัญแต่เขาก็ถูกผูกด้วยพันธะที่ไม่อาจทรยศได้ องค์จักรพรรดิจึงไม่ต้องกังวลว่าเขาจะทรยศ นั่นทำให้พระองค์ไม่จำเป็นต้องแยแสดยุกผู้นี้'
แต่เกลเดเลียเคารพท่านอาจารย์มาก เขาสอนนางหลายอย่าง ทั้งการเมือง การค้า และกลยุทธ์ต่างๆ นางมีความสามารถพร้อมเช่นทุกวันนี้ก็เพราะเขาจริงๆ
"อาการของเจ้าดีขึ้นหรือยัง"
"พอได้พักสักครู่ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ"
พวกเขาสนทนากันเพียงเล็กน้อยก็พักการสนทนาไว้ก่อนแล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหารตรงหน้า
"ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการทดสอบกัน" เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเซกอสก็เปิดประเด็นทันที
"....." นางเงียบไปอย่างชั่งใจว่าควรจะบอกเขาดีหรือไม่ เขาเป็นคนที่นางเชื่อใจมากยิ่งกว่าพ่อของนางเสียอีก และหากมีเขาคอยสนับสนุนมันก็คงจะง่ายขึ้น นางเพียงแค่กลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายหากต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้
'แต่ว่า...ในฝันนั่นเขาอยู่เคียงข้างข้าเสมอ แม้แต่ในตอนนั้นก็ตาม'
"เกล เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอไม่ว่าเรื่องใด" เขาเอ่ยขึ้นมาราวกับรู้ความคิดของนาง
"นั่นล่ะค่ะที่ข้ากังวล" นางยิ้มอ่อนใจ แต่กลับรู้สึกเปี่ยมล้นในใจเหลือเกิน
"เมื่อคืนข้าฝันค่ะ..." นางเล่าเรื่องพลังใหม่และความฝันเกี่ยวกับสงครามให้ฟัง โดยละเรื่องจุดจบที่นางเห็นเอาไว้
"นี่...เป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีกนะ แล้วเจ้ามีแผนหรือยังล่ะ" เขาไม่มีท่าทีที่คิดว่านางโกหกสักนิด แต่ถ้าเป็นเขาที่พูดออกมานางก็คงเชื่อเช่นกัน
"ค่ะ ข้าคิดว่าตัวแปรสำคัญคือการปลุกพลังเวทให้กับอสูรเผ่าอื่นค่ะ ดังนั้นข้าจึงจะไปพบแนวร่วมคนสำคัญสักหน่อย"
"หืม ใครกัน?"
"องค์หญิงมาบีเวียน"
มาบีเวียน เซน ดราคูเลียส ทายาทลำดับสามแห่งราชวงศ์มังกร ราชวงศ์ที่สถาปนาตนเป็นผู้ปกครองแห่งเหล่าอสูร
"ทำไมถึงเป็นองค์หญิงสามล่ะ" เขาเองก็คิดว่าองค์หญิงมาบีเวียนอาจจะเป็นผู้สนับสนุนที่ดี มารดาของนางเป็นหลานสาวของผู้นำเผ่าไซเรน ถึงแม้พระนางจะสิ้นพระชนม์ไปแล้วแต่อำนาจนั้นก็ตกลงในมือของบุตรสาว องค์หญิงเองก็เข้าหาประชาชนได้ดีกว่าทายาทองค์อื่น แต่เรื่องการปลุกพลังให้อสูรเผ่าอื่นก็เป็นอีกเรื่อง ไม่แน่ว่าองค์หญิงจะร่วมด้วย
"หากความฝันนี้เป็นเรื่องจริงองค์หญิงจะร่วมด้วยแน่นอนค่ะ ข้าคิดว่าลองหน่อยก็ไม่เสียหาย"
"ก็ดี ได้ถือโอกาสพิสูจน์ไปด้วย เช่นนั้นข้าก็ไม่ขัด อีก 1 เดือนจะมีงานเลี้ยงของพระชนนีเฮลีน เป็นโอกาสเหมาะที่จะได้พบองค์หญิงโดยที่ไม่มีใครสงสัย หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไรก็บอกได้เสมอ"
"ขอบคุณค่ะ"
" จริงสิ เจ้าจะกลับตระกูลเลยหรือไม่"
"พรุ่งนี้ท่านพ่อจะกลับจากการทำงานต่างเมือง ข้าว่าจะเข้าไปพบเขาค่ะ" หลายเดือนมานี้นางเก็บตัวฝึกอยู่ที่คฤหาสน์ดราเกียแห่งนี้ นานทีก็ไปอยู่สนามฝึกกับอาจารย์ แทบไม่ได้กลับตระกูลเลยทำให้ไม่ได้พบท่านพ่อมานานแล้ว เขาเองก็ไม่ค่อยว่างเพราะต้องรับคำสั่งองค์จักรพรรดิไปทำงานที่ต่างเมือง แต่ดูเหมือนช่วงหลังมานี้คงจะเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อปกปิดอะไรบางอย่างเสียมากกว่า ดูเหมือนนางจะต้องเตรียมตัวมากสักหน่อยแล้วกับการกลับตระกูลครานี้
"ข้าคิดว่าท่านพ่อปิดบังอะไรสักอย่างกับข้า และมันอาจส่งผลกับแผนการทั้งหมดนับจากนี้ หากเขาขวางทางข้าจริง ข้าคงต้องเอามันกลับมา อำนาจของเขาน่ะ"
"เจ้าไม่ใช่เด็กน้อยในวันวานที่ร้องไห้เพราะถูกพ่อพามาทิ้งให้ฝึกกับข้าแล้วสินะ" เซกอสยิ้มรับคำของนางทั้งยังไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่นางจะทำเลยสักนิด เขาสืบจนพอจะรู้มาบ้างว่ามีอะไรแปลกๆ การให้นางกลับไปคงทำให้รู้อะไรมากขึ้นและช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรต่อ
"อาจารย์ นั่นมันผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว ท่านลืมๆไปเสียบ้างก็ได้" คิดถึงทีไรนางก็อายทุกที อีกอย่างนางจะเป็นเหมือนเดิมได้อย่างไร
"ข้าคงเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่ท่านแม่เข้าสู่นิทราอันเป็นนิรันดร์นั่นแล้ว" นางมองออกไปนอกระเบียง หวนนึกถึงเหตุผลที่นางตั้งใจฝึกและทุ่มเททุกอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด
"สักวันเจ้าจะทำได้แน่นอน ศิษย์ข้า ข้าขอพรจากพระเจ้าเสมอให้ทุกสิ่งที่เจ้าปราถนานั้นเป็นจริง" ฝ่ามือหยาบกร้านและเต็มไปด้วยแผลเป็นนับไม่ถ้วนยื่นมาลูบใบหน้านางที่เปรอะด้วยน้ำตาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
"ถ้าเช่นนั้นข้าขอให้คำอธิษฐานของท่านมอดไหม้ในเพลิงสวรรค์"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
ŚĤĂM3Ł3ŚŜ
ปังๆๆ
2023-01-24
0