ป่าอาถรรพ์

นักอ่านทุกท่านเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับป่าดงพญาเย็นดงพญาไฟมาแล้ว เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของพ่อบีในสมัยป่ายังเป็นดงพญาเย็นอยู่ พ่อบีมีพี่น้อง5คนส่วนพ่อของบีเป็นบุตรชายคนโต มีน้องอีกสี่คนได้แก่ บุญมี,บุญสม,บุญยัง,บุญตา ครอบครัวของพ่อบีอยากจนมาก 

อดเมื่อกินเมื่อก็มี  ปู่บีรู้สึกว่าครอบครัวตัวเองจะไม่รอดแน่ เงินค่าจ้างก็น้อยไม่พอเลี้ยงครอบครัว  ปู่จึงมีความคิดว่าถ้าเข้าไปในอยู่ป่าน่าจะรอด ครอบครัวคงไม่อดตาย ปู่คิดมาหลายวันแล้วตกลงกับย่าว่าจะไปอยู่ในป่าดีกว่า

ในขณะที่ลูกๆก็ต้องติดตามพ่อแม่ไปแต่ส่วนบุญยังไม่ได้ไปด้วย เพราะมีครอบครัวแล้ว จึงไม่ได้เข้าป่าไป  พอได้ตั้งรกลากแล้ว ปู่ซึ่งเคยเป็นพรานป่ามาก่อนจึงสอนวิชาของพรานป่าให้ลูกๆเช่นคาถาอาคมต่างๆ

คนที่มักจะสนใจในวิชาของปู่คงเห็นจะเป็นใครไปมิได้  ก็พ่อของบีนั้นแหละครับ ส่วนน้องๆก็ไม่อยากเป็นพรานแค่หาของป่าไปขายก็พอแล้ว พื้นที่ป่าแห่งนี้เงียบน่ากลัวยามค่ำคืนเสียงนกเสียงอีบ่างเสียงมันร้องมายังต้นไม้ต้นนี้สักพักก็ไปอีกต้น ปู่กับพ่อบีชอบไปล่ามันมาขายบ้างกินบ้างเพื่อปากท้อง

​

วันนั้นพ่อบีเล่าให้ฟังว่าเคยไปล่าสัตว์ตรงโป่งที่สัตว์มักจะมากินดินโป่ง   คือดินโป่งเป็นดินที่มีแร่ธาตุรถเค็มพวกสัตว์มักชอบ มักจะพบได้ในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดงดิบ พ่อบีไม่ได้มาล่าสัตว์ตรงโป่งนี้นะครับ แค่มาตัดไม้ไปทำฝืน 

พ่อบีได้ใช้มีดเหน็บอาวุธประจำกายตัดกิ่งไม้ ไม่สูงมากครับสูงประมาณเอวฟันครั้งแรกถึงกับแปลกใจเพราะว่ากิ่งไม้มีประกายไฟตนคิดว่าอาจจะโดนหินเลยแหวกกิ่งไม้ดูถึงกับสะดุ้ง เพราะว่าหลังพุ่มไม้นั้นเป็นดินโป่งเก่า

พ่อบีเห็นถ้าไม่ดีเลยรีบกลับบ้านทันที พอตกดึกพ่อบีได้ฝัน ฝันเห็นตัวเองกำลังฟันกิ่งที่อยู่ในน้ำ พอฟันหนึ่งครั้งมีเสียงดังเหมือนฟันไปโดนขวดแก้วหรืออะไรสักอย่างฟันครั้งที่สอง มีดก็เด้งกลับ และแล้วก็มีบ้างอย่างออกมาจากในน้ำ  สิ่งนั้นเองคือ กบตัวใหญ่มาก

กบมันคาบแก้วอยู่มันมีอยู่ห้าตัวแต่มีหนึ่งตัวแก้วมันแตก ตัวที่แก้วแตกนั้นมันพูดออกมาว่า 

​

"ไอ่ห่ามึงมาฟันแก้วที่ปากกูทำไหม กูอยู่ของกูดีๆ เดียวเทิดมึงกูจะเอามึงให้ตายเลย ไอ่นี้วอนซะแล้วแก้วกูแตกหมดเลย"

พ่อบีสะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นมาเหงื่อนี้เปียกท่วมตัวเต็มไปหมด พอรู้สึกตัวอีกทีก็แค่ฝันไปเอง แล้วพ่อบีก็นอนต่อ พอเช้ามาปู่เลยมาถามพ่อว่า

"เมื่อคืนเหมือนมีอะไรวิ่งลงมาจากป่าด้านโน้นเสียงคล้ายกับกบร้องแต่พื้นดินสะเทือน เมื่อวานเองไปทำอะไรมา"

"พ่อก็ตอบไปว่า"เออเมื่อวานผมไปตัดไม้ทางป่าด้านนั้นแหละไปฟันโดนกิ่งไม้ข้างโป่งเก่านะพ่อ คงไม่มีอะไรหรอกมั่งพ่อ"

ปู่ "อ้าวงานเข้าแล้วมึงโป่งแถวนั้นมันเฮี้ยนจะตายมันจะเอามึงถึงตายนะสิโว้ย เร็วๆเรียบไปขอขมาเดียวจะไม่ทันการ"

เมื่อคุยกันเสร็จแล้วปู่ก็พาพ่อไปขอขมา ตกดึกพ่อบีก็ฝันเรื่องเดิมกบทั่งห้าตัวมาเหมือนเดิม แต่ท่าทีที่เปลี่ยนไปเหมือนจะให้อภัยแล้ว กบตัวที่โดนพ่อบีฟันก็พูดขึ้นมาว่า

 "เออกูก็นึกว่าใครเป็นมึงนี้เอง เออถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็กูเอาตายแน่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะมึง ใช้เวรใช้กรรมบ้างรึยัง เออมึงคงสบายใจสินะ อยู่กับพวกกูคงจะเบื่อ เออๆแล้วอย่าไปฟันปากใครเค้าอีกล่ะ "

สิ้นเสียงนั้นพ่อบีก็ตื่นขึ้นจากความฝัน สิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันของพ่อบีนั้นคืออะไรไม่แน่ชัดว่ากบตัวนั้นหมายความว่าอย่างไร  อย่างไรก็ตามนะครับเรื่องราวของพ่อบีก็ยังมีอีกหลายเรื่องเลยคับ

สวัสดีครับนักอ่านทุกท่านเคยได้ยินเรื่องผีกองกอยกันมารึยังครับ  ถ้าเคยอ่านฟังแล้วหรือยังไม่เคยผ่านหูผ่านตา กองกอย เป็น ผีป่าชนิดหนึ่ง มีลักษณะรูปร่างไม่เป็นที่ปรากฏชัด แต่โดยมากจะอธิบายว่าเป็นผีที่มีขาข้างเดียว เคลื่อนที่โดยการกระโดดไปด้วยขาเดียว และส่งเสียงร้องว่า "กองกอย ๆ" อันเป็นที่มาของชื่อ

โดยคำว่า "กอย" ตามนิยามของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายว่า "น. คนป่าพวกหนึ่ง ตัวดำ ผมหยิก อยู่ในแหลมมลายู เงาะ ก็เรียก"

เชื่อว่า ผีกองกอยจะดูดเลือดจากหัวแม่เท้าของคนค้างแรมในป่า วิธีการป้องกันคือ ให้นอนไขว้ขาหรือชิดเท้ากันทั้งสองข้างและอย่านอนเอาขาหรือเท้าออกนอกเต็นท์นอน

​

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เคยเล่าว่า เมื่อครั้งท่านไปธุดงค์ในป่าดิบทึบในแขวงคำม่วน ประเทศลาว พร้อมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านทั้งสองได้เคยผจญกับฝูงผีกองกอยด้วยในเวลากลางคืน โดยผีกองกอยนี้มีรูปร่างเหมือนเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี มีรูปร่างผอม แต่พุงป่อง ผิวคล้ำ ผมเผ้ารุงรัง จมูกบี้แบน มีอาวุธถือมาในมือคล้ายหน้าไม้หรือธนูอันเล็ก ๆ ส่งเสียงร้อง "ก๋อย ก๋อย ก๋อย" พยายามจะเข้ามาทำร้ายท่านทั้งสอง แต่ทว่าท่านได้นั่งสมาธิ และด้วยปาฏิหาริย์ พวกผีกองกอยไม่อาจทำอะไรท่านได้ และจนถึงรุ่งเช้า ผีกองกอยก็ยอมแพ้ และขอขมาท่าน และได้นิมนต์ท่านทั้งสองไปยังที่อาศัยของพวกตน ท่านจึงพบว่าแท้จริงแล้ว ผีกองกอยฝูงนี้คือ คนป่าเผ่าข่าระแด มีพฤติกรรมล่าและฆ่ามนุษย์ที่ล่วงล้ำถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกตน และเอาเนื้อมากินกัน 

ชาวภูไทที่อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร มีความเชื่อว่า ผีกองกอยเป็นผู้หญิงผมยาวแดง มีใบหน้าเรียวแหลม บ้างก็ว่ามีรูปร่างลักษณะเหมือนลิง แต่มีขนาดเล็กกว่าลิงหรือลิงลมเสียอีก และเชื่ออีกว่า ผีกองกอยเป็นผีที่มีครอบครัว บ้างก็อาศัยอยู่ในถ้ำหรือโพรงไม้ ออกหากินโดยจับปลากินตามลำห้วยหรือแม่น้ำ บางครั้งก็ขโมยปลาหรือข้าวของของผู้คน อีกทั้งยังเชื่อว่า ผีกองกอยชอบเดินถอยหลัง และพูดอะไรที่ตรงข้ามกับความจริงเสมอ อีกทั้งยังเชื่ออีกว่า ผีกองกอยมีทรัพย์สินสมบัติสะสมอยู่มาก ซึ่งบางครั้งหากไปพบทรัพย์สมบัติหรือปลาตกอยู่กลางทางหรือในป่าโดยไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของ ห้ามเก็บมา เพราะอาจเป็นผีกองกอย ผีกองกอยจะตามมาทวงคืน โดยอาจจะทำร้ายมนุษย์ด้วยการล้วงควักตับไตไส้พุงกินเป็นอาหารได้ในเวลาหลับ เช่นเดียวกับผีปอบ ซึ่งผู้ที่ถูกผีกองกอยล้วงควักอวัยวะภายในไปกินนั้น จะเสียชีวิตเหมือนนอนหลับปกติ เรียกว่า "ใหลตาย"

ผีลักษณะแบบเดียวกับผีกองกอย มีความเชื่อกระจายทั่วไป ยังมีในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเชื่อว่า มีคนป่าเผ่าหนึ่งมีขาข้างเดียว ไม่มีสะบ้าหัวเข่า ที่จีนก็มีความเชื่อว่า มีปีศาจชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ตามภูเขา มีขาเดียว ตัวเล็ก แต่ผมยาว ตาโต หูแหลม มักขโมยอาหารหรือสิ่งของของคนเดินทาง เมื่อถึงวันตรุษก็มักเข้ามาอาละวาดในหมู่บ้าน เชื่อว่านำมาซึ่งความอัปมงคล และใครจับต้องตัวมันจะเผชิญกับโชคร้ายหรือเจ็บไข้ได้ป่วยหรือ แม้แต่ผีขาเดียว ที่ไปไหนมาไหนด้วยวิธีการกระโดด ของทวีปยุโรปก็มี หรือเจียงซือ ผีดิบดูดเลือดของจีน ที่ปรากฏในวัฒนธรรมร่วมสมัยหลายประการ ก็มีลักษณะคล้ายผีกองกอย จนบางครั้งถูกเรียกกันว่าผีกองกอยก็มี บนเกาะมาดากัสการ์ ในมหาสมุทรอินเดีย ใกล้กับทวีปแอฟริกา มีความเชื่อเรื่องสัตว์ประหลาดที่อยู่ในป่าเรียกว่าคาลาโนโร่ เป็นสัตว์ที่ยืนด้วยสองขาเหมือนมนุษย์ มีขนเต็มตัวสีน้ำตาลแดง ไม่ใส่เสื้อผ้า แต่มีความสูงเพียง 3 ฟุต และมีเท้าที่กลับหลังเหมือนผีกองกอยตามความเชื่อของชาวภูไท เชื่อกันว่าเป็นสัตว์ดุร้าย สามารถฆ่ามนุษย์ได้ด้วยกรงเล็บที่มือที่แข็งแรงด้วยการควักไส้

มีการอ้างถึงกองกอยในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น อ้ายย่องตอด ในพระอภัยมณี

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://th.m.wikipedia.org/wiki/กองกอย

ผีกองกอยจะมีลักษณะแบบนี้นะครับ

​

อันนี้ตามความเชื่อนะครับ แต่ไม่ใช่ผีจีนแบบนี้นะ  

​

เอาล่ะครับเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า  เรื่องราวของพ่อบีนั้นอยู่ในวัยหนุ่ม ออกป่าล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัว มีครั้งหนึ่งพ่อได้ออกไปล่าสัตว์ไปกับเพื่อนชาวกะเหรี่ยงอีกหนึ่งคน ทั้งสองชวนกันไปในป่าที่ไม่เคยไป  หวังว่าจะได้สัตว์ใหญ่ เผื่อจะได้มาแบ่งปันกัน

ทั้งสองได้เตรียมอาวุธประจำตัว พ่อบีก็ได้เตรียมอุปกรณ์ในการเข้าป่าครั้งนี้ ทำเหมือนเช่นเคยที่ตนเคยได้ออกล่าสัตว์กับปู่ของบี  เมื่อพร้อมแล้วทั้งสองได้ออกเดินทางตอนเช้าตรู่    การเดินทางค่อนข้างลำบากต้องใช้มีดถางกิ่งไม้เพื่อเป็นทางเดิน 

เมื่อถึงจุดที่ต้องพักดื่มน้ำ เพื่อให้หายเหนื่อย เพื่อนชาวกะเหรี่ยงได้ทำสัญลักษณ์เพื่อจะได้ไม่หลงป่า ส่วนพ่อบีก็นำอาหารมาสู่เพื่อน เสร็จแล้วทั้งสองก็เดินทางต่อ จนมาถึงลำธารน้ำ  น้ำใสมากเลยครับ  พ่อบีและเพื่อนชาวกะเหรี่ยงได้ตักน้ำใส่กระบอกไม้ไผ่   

พอได้ล้างหน้าล้างตาพ่อบีเลยบอกเพื่อนไปว่าอย่าเสียเวลาเลยรีบไปเดี๋ยวจะค่ำ   เมื่อถึงที่พักทั้งสองคนก็จัดแจงกันว่าทำหน้าที่อะไรบ้าง  คือที่พักจะเป็นไร่ข้าวโพดเก่าที่ชาวกะเหรี่ยงทิ้งไว้ เป็นลานกว้างๆแล้วมีแค่กระท่อมที่ชาวกะเหรี่ยงเอาไว้เก็บข้าวโพด

​

ใกล้ค่ำแล้วสองคนก็คุยกันผลัดเปลี่ยนเวรยามเพื่อละแวกระวังภัยเผื่อมีคนหรือสัตว์จะได้บอกให้อีกคนรู้ทันที  คนที่เข้าป่าเค้ามีกฏต้องห้ามอยู่เหมือนกัน เช่นห้ามส่งเสียงดัง ห้ามพูดเรื่องเสือหรือเรื่องผีสางและที่สำคัญเลยห้ามพูดลบหลู่ พูดจาไม่ดี เวลาตัดฝืนห้ามลากฝืนให้แบกเอาเพราะว่าผีป่านั้นจะเข้ามาหาตัวได้

ป่าในตอนกลางคืนนั้นมีเสียงแมลงร้องหาคู่ ดังก้องไปทั่ว สัตว์ป่าเช่นชะนีก็ร้อง ผัว...ผัว....ผัว  ในขณะที่เสียงร้องของเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย จู่ๆก็พากันเงียบเหมือนราวกับว่านัดกันเงียบเสียงเลย  พ่อบีที่เฝ้ายามเห็นว่าเกิดเรื่องแปลก ก็เลยสะกิดเพื่อน  เพื่อนก็ไม่ตื่น คร่าวนี้แหละมีเสียงดังมาจากชายป่าดังมากเสียงดังคล้ายก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งลงมาหาทั้งสอง 

พ่อบีเริ่มกังวลไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่พอได้สตินึกถึงคำของพ่อตัวเองว่า  ในป่าแห่งนี้มีผีอยู่อาศัยอยู่ป่าแห่งนี้นั้นก็คือผีกองกอย การที่เราจะป้องกันนั้น จะต้องเอาปลายเท้าของเราชี้ไปบนฟ้าหรือยกให้สูงเข้าไว้ พ่อก็ทำตามที่พ่อตนได้บอกไว้แต่พ่อสะกติบอกเพื่อนให้ตื่นก็ไม่ยอมตื่นราวกับว่าถูกมนต์สะกด

ในขณะที่พ่อบียกปลายเท้าอยู่นั้นเหมือนมีใครเอามือมาลูบคลำจากหัวไล่ขึ้นไปจนถึงลำตัว  พ่อบีรู้สึกกลัวมากแต่ก็ได้แค่นิ่งเพราะว่าไม่เห็นตัว  ไม่มีเงาอะไรเลยมีแต่เสียงร้องเบาๆ  "กอย....กอย.....กอย" แล้วมือที่ลูบคลำก็หายไป พ่อบียังทำท่าอยู่แบบนั้นจนถึงเช้า  พ่อบีจึงมาปลุกเพื่อนชาวกะเหรี่ยง

แต่สิ่งที่พ่อเห็นเพื่อชาวกะเหรี่ยงไม่หายใจ ตัวนี้ซีดตาเบิกโพลงเหมือนคนไม่มีเลือดอยู่เลย  พ่อบีได้แต่เสียใจว่าจะทำยังไงดี ในขณะที่เสียใจอยู่นั้นก็ได้มีเสียงเรียกพ่อบี  นั้นคือปู่ของบีมาตามแล้วก็พ่อของเพื่อนชาวกะเหรี่ยง ทางครอบครัวก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้เอาความ  ก็ได้นำร่างผู้เสียชีวิตไปทำตามพิธีกรรมทางกะเหรี่ยง   หลังจากนั้นพ่อไม่ไปในป่าแถบนี้อีกเลย   

เรื่องผีกองกอยก็มีเพียงเท่านี้นะครับ เรื่องของพ่อบีที่ได้เจอยังมีอีกเรื่องนะครับ คือเรื่องนี้จะทำให้พ่อบีต้องย้ายออกมาจากป่ากันทั้งหมดเลย  ติดตามต่อในตอนหน้านะครับขอบคุณครับ.......

..........................TBC..........................

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!