เด็กชายบี เป็นเด็กที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีพี่น้องสองคนและอยู่กับพ่อและแม่ บีไม่ค่อยพูดจากับใครเอาแต่อยู่ในบ้านเพื่อนๆที่อยู่บ้านใกล้ๆก็มาชวนไปเล่นตามประสาเด็กแต่บีก็ไม่สนใจ จนมาวันหนึ่งมีพี่สองคนที่อยู่บ้านข้างๆ ผู้ชายชื่อเข้มผู้หญิงชื่อโจ๊กอายุราวๆเดียวกันซึ่งห่างจากบีประมาณสี่ปี ซึ่งบียังอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่4 ส่วนพี่สองคนนั้นอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่2
เข้ม
"บีๆไปปันจักรยานกันไหมพี่โจ๊กก็ไปด้วยนะ"

บี
"ไปปั่นจักรยานแถวไหนครับผมไปด้วยคนสิ"
โจ๊ก
"ก็ว่าจะปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านนี่แหล่ะไปๆเดี๋ยวค่ำซะก่อน"


ทั้งสามคนก็ได้ปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านจนมาได้ครึ่งทาง เส้นทางนั้นจะต้องผ่านวัดในหมู่บ้านซึ่งเป็นวัดที่อยู่ติดกับโรงเรียนที่ทั้งสามคนนั้นเรียนอยู่

บี
"พี่...พี่...พักก่อนได้ไหมผมเหนื่อยหิวน้ำด้วยไม่ไหวแล้ว"
เข้ม
"ปั่นได้ครึ่งทางก็เหนื่อยแล้วอ่อนจริงๆเลย...เองเอาไปอีกนิดเดียวก็ถึงโรงเรียนและ ไปกินน้ำที่โรงเรียนกัน"
โจ๊ก
"เออเราว่ารีบไปเห่อเดี๋ยวมันจะมืดค่ำเอา"
แล้วเด็กทั้งสามก็ได้ผ่านประตูวัดทิศเหนือแล้วออกก็ปั่นจักรยานผ่านพระพุทธรูปองค์ใหญ่



บี
"พี่...พี่...เอ่อ...คือว่าแถวนี้ดูหน้ากลัวเนาะ ผมว่าพระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว..เอ่อ.จะไม่มีแสงแล้ว..."
เข้ม
"อะไรของเองว่ะเดียวก็บ่นหิวน้ำเหนื่อยข้าจะปล่อยให้เองนอนซะเลยดีไหม"
โจ๊ก
"เอาน่าน้องมันยังเด็กดูแลมันหน่อย มาเดี๋ยวพี่อยู่ข้างหลังเอง บีอยู่ตรงกลางนะ"
บี
"ครับพี่"
เมื่อทั้งสามคนมาถึงโรงเรียนแล้วก็ได้ไปยังตู้กดน้ำของโรงเรียนดื่มจนอิ่ม ทั้งสามคนก็รีบปั่นออกจากจุดนั้น และในขณะเดียวนั้นเอง ได้มีลมพายุพัดมาตรงจุดที่ทั้งสามยืนอยู่จนทั้งสามคนนั้นต้องเอามือปิดหน้าปิดตาเพราะว่าพายุขนาดเล็กนั้นได้พัดฝุ่นเข้ามาด้วย แต่ก็แป๊บเดียวพายุก็หายไป จากนั้นทั้งสามคนได้ปั่นผ่านหน้าต้นมะม่วงต้นใหญ่ซึ่งอยู่กลางโรงเรียน ต้นมะม่วงนั้นใหญ่เท่ากับสี่คนโอบได้เลยครับ ประวัติความเป็นมายังไงไม่ทราบนะครับ แต่ว่าต้นมันใหญ่จนปกคลุมบริเวณอาคารเรียนหนึ่งอาคารเรียนได้เลยละครับ


ทั้งสามคนก็ได้ออกจากประตูโรงเรียนแล้วก็หยุดอยู่หน้าประตูโรงเรียน
เข้ม
"เอ่อ...พึ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากลองอะไรสักอย่าง"
โจ๊ก
"ลองอะไรเข้ม"
เข้ม
"ก็เราไปบวชภาคฤดูมาใช่ป่ะ อยากจะลองคาถาเรียกผีที่ไปเจอตอนไปทำความสะอาดในกุฎิไม้เก่า เป็นหนังสือเก่าๆ แต่พออ่านได้ลองดูไหม"
โจ๊ก
"เห้ย...จริงหรอเข้มไม่น่าเชื่อ"

บี
"พี่..พี่..จะเรียกผีมาหรอผมกลัวนะ"
โจ๊ก
"หนูไม่ต้องกลัวนะบีมีพี่อยู่ทั้งคน ไอ้เข้มมันขี้โม้ไม่จริงหรอก"
เข้ม
"เอ่อ..ค่อยดู...จากนั้นเข้มก็ได้ประนมมือบ่นพึมพำพึมพำสักพักหนึ่ง นั้นไงตรงนั้น"
พูดไม่ยังทันขาดคำเข้มก็ชี้ไปในโรงเรียน เมื่อบีหันไปตรงจุดที่เข้มชี้ ซึ่งก็คือต้นมะม่วงกลางโรงเรียนบีถึงกับอึ้งในสิ่งที่บีเห็น ผู้หญิงสูงตัวยาวเท่ากับลำต้นของต้นมะม่วงซึ่งสูงเท่าตึกสองชั้นผมยาวแขนยาวแล้วก็ชี้นิ้วมาทางบี แล้วพูดว่า"ออกมาแล้วนะ"แล้วก็หัวเราะฮาๆ...ฮาๆ...


บี
"ผะผะผะ...ผี..พะพะพี้พี่..."
ในขณะที่บีกำลังหันไปหาพี่ๆ บีได้เห็นพี่เข้มพี่โจ๊กปั่นหนีบีอย่างสุดแรง
บี
"พี่....รอผมด้วยโห้...ไม่รอผมเลย พี่หยุดก่อนผมปั่นไม่ไหวแล้วรอผมก่อน"
เข้ม
"เห้ยหยุดรอไอ้บีก่อน เห็นไหมเชื่อหรือยังบอกแล้วไงว่าของจริง"
โจ๊ก
"ใครจะไปรู้ว่ะว่าผีมีจริง...เต็มเต็มเลยน่ากลัวมากเลยไม่คิดว่าจะเรียกมาได้ป่ะ ไปกันเถอะกลับบ้านกันคงไม่มีอะไรแล้วแหละ บีหนูอยู่ข้างหน้าเลยจะได้ไม่ต้องกลัว อย่าไปบอกแม่เองนะเดี๋ยวพวกพี่จะโดนด่าเอา"

บี
"ครับผมกลัวมากเลยรีบกลับเถอะครับ"
หลังจากที่ได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าผีนั้นทุกคนก็เก็บเรื่องเป็นความลับซึ่งก็กลัวผู้ใหญ่ท่านจะว่าเอานั้นแหละครับ
สวัสดีครับ เรื่องของต้นมะม่วงนี้ก็ยังไม่มีใครพบเจอวิญญาณของต้นมะม่วงแต่อย่างใดครับ มีการบอกเล่าถึงต้นมะม่วงต้นนี้จากทางแม่ของบีเอง


แม่บีเล่าว่าเมื่อสมัยก่อนตอนที่แม่บียังเป็นเด็ก ต้นมะม่วงต้นนี้ยังเป็นต้นเล็กๆอยู่เลยครับ ต่อมาแม่บีก็ได้เข้าสู่วัยรุ่น ทางหน่วยงานก็ได้มีการสร้างโรงเรียน ที่อยู่ข้างวัดแห่งนี้เป็นโรงเรียน ต้นไม้ต้นนี้ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยมา
บีได้เข้าสู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในโรงเรียนก็ได้จัดกิจกรรมวันสำคัญ มีการเล่นกีฬาชิงเงินรางวัล ทางคุณครูของบีได้ให้พวกเพื่อนๆของบีทั้งหมดมาช่วยงานคุณครู


เพื่อที่จะได้จัดงานให้ทันก่อนถึงวันงาน ครูเลยไหว้วานนักเรียนชายห้องของบีและอีกห้องหนึ่งมานอนที่โรงเรียน เผื่อว่าจะมีใครมาขโมยของ
หลังจากเลิกเรียนบีก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมสำภาระเพื่อที่จะไปนอนที่โรงเรียน เสร็จแล้วบีก็ออกเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนระยะทางก็ประมาณ3กิโลด้วยจักรยานของพ่อ
ปั่นไปถึงโรงเรียนพระอาทิตย์ก็เริ่มคล่อยตกพอดี บีก็ได้ไปพบเพื่อนๆที่มาถึงกันก่อนแล้ว บีและเพื่อนๆ ก็พากันปรึกษา ว่าพรุ่งนี้ใครมีหน้าที่อะไรกันบ้าง


หลังจากปรึกษาเสร็จแล้วหัวหน้าห้องก็พูดมา
"เห้ยๆตอนเย็น กูเห็นครูสังคมดื่มเหล้าเหลือว่ะ อยู่แถวโต๊ะหินอ่อนข้างต้นมะขามมีใครจะไปเอามากินไหม"


บีได้ยินก็รีบเสนอตัวเองกับเพื่อนอีกคนไปเอาเหล้าขวดนั้นมา เพื่อนบีไปด้วยกันชื่อหิน หินเป็นเพื่อนสนิทกับบี ก็พากันออกจากห้องวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นห้องที่พักกันอะนะครับ
ทางเดินค่อนข้างที่จะมืด หินได้เตรียมไฟฉายมาพอดี


หิน
"บีกูว่ามันน่ากลัวอยู่นะ "
บี
"จะกลัวทำไมวะเรามาสองคนไฟฉายก็มีตรงต้นมะขามก็มีไฟ แค่ตรงช่วงนี้มันมืดเอง"
หิน
"เออ กูไม่ได้กลัวกูกลัวมึงวิ่งหนีมากกว่า มึงชอบเห็นผี ตลอดเลยนี้"
บี
"เออ อย่าพึ่งพูดเลยรีบไป"
ในขณะนั้นลมก็พัดแรงความเย็นก็เข้ามา ทำให้บีกับหินถึงกับมองหน้ากัน แล้วทั้งสองก็เดินมาถึง ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียง ปัง...ปัง...บีกับหินถึงกับตกใจ


บี
"อะไรว่ะ เสียงอะไรอ่ะ"
หิน
"อ่อเสียงลูกมะม่วงตกใส่โรงจอดรถ ทำเอาตกใจหมด เจอไหมล่ะเหล้าอะ"
บี
"เออ...เจอแล้วแม่งอยู่ใต้กระถางต้นไม้ กูว่าแล้วหายังไงก็ไม่เจอ"
หิน
"ป่ะ เดียวพวกมันหาว่าเราไปนาน"
ทั้งสองก็ได้กลับไปยังที่พัก พอถึงหน้าห้องแล้วบีกำลังจะบิดลูกบิดประตู บีและหินก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากทางที่พวกเค้าไปหยิบขวดเหล้ามา บีก็หันไปยังต้นเสียงนั้น
บีถึงกับตกใจตาค้าง สิ่งที่เค้าเห็นเป็นผู้หญิงชุดขาว เหมือนกับเมื่อ4ปีที่แล้วเลย แต่ถ้าว่าหินกำลังจะหันไป บีที่ได้สติกลับมาก็ได้ดึงแขนของหินเข้าไปในห้อง
หินก็ได้ถามบีว่า "เสียงอะไรใครหัวเราะ"
บี
"เสียงหัวเราะหรอ ก็ผีอ่ะดิ "
หิน
"กูกำลังหันไปมองเลยแม่งดึงกูซะก่อน"
บี
"ก็ไม่อยากให้มึงเห็นมันน่ากลัวมาก"
ทั้งสองก็นำเรื่องนี้มาเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนๆก็สนใจกันใหญ่ นำเรื่องผีแต่ละคนมาเล่าสู่กันฟัง แต่บีก็ไม่มาร่วมวงกับเพื่อนๆด้วย เพราะว่าบียังไม่หายกลัวกังเหตุการณ์ที่เห็น
พอเช้ามาก็ได้แยกย้ายกันกับไปบ้านเพื่อที่จะมาโรงเรียนอีกครั้ง สิ่งที่บีเห็นก็ยังไม่ทราบว่าผีผู้หญิงในชุดขาวนั้นเป็นใคร แล้วต้องการอะไรจากบีกันแน่


TBC.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 6
Comments