.
ฝึกหัด
ฉันมานั่งเอ๋อหรือนั่งโง่ๆอยู่คนเดียวในศาลาหน้าตำหนักขององค์ชายใหญ่วันนี้ท่านพี่เถาหรันเฉียวและพี่เถาหรันซางออกไปทำธุระนอกเมืองฉันเลยต้องมาคนเดียว(แต่มีข้าราชบริวารและทหารคอยรับใช้คอยอารักษ์ขาอยู่)ความรู้สึกมันคล้ายๆกับโดนพ่อแม่ใช้ให้ไปทำอะไรคนเดียวเวลาพวกท่านไปทำงานอะไรยังไงยังงั้นเลย
เอาล่ะๆฉันจะค่อยๆเล่าสถาณการณ์เมื่อวานให้ฟังคร่าวๆ เสิ่นเฉียวพาฉันขึ้นห้วยตีลังกาหกคะเมนลงโลงเข้าร้านนั้นออกร้านนี้พาไปชิมขนมเสี้ยวพระจันทร์บอกเลยว่าอร่อยมากหมอนั้นเห็นฉันชอบเลย(แอบ)ซื้อติดมือมาให้ฉันด้วยตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกนะพอมาถึงจวนหมอนั้นก็พูดแค่คำว่า อ้ะ แล้วก็ยัดถุงขนมใส่มือฉันจากนั้นก็เดินจากไปแบบเก๊กๆ อยากจะบ้าตายกับความประสาทของหมอนี่
แล้วฉันมีข่าวดีจะบอกด้วยแหละ แถ้นแถ้นนนน》》
เมื่อวานมีการคัดเลือกเจ้าเมืองน้อยซึ่งฉันก็ถูกสั่งให้ไปด้วยซึ่งฉันผ่านบททดสอบไปอย่างง่ายดายเพราะอะไรน่ะหรอเพราะฉันเป็นคนเขียนบทไงล่ะคำตอบต่างๆฉันรู้หมดแต่ในความโชคดีย่อมมีโชคร้ายตามมาเชื่อเถอะว่าอีองค์ชายทั้งหลายของจักวรรดิ์เทียนโฮก็ต้องผ่านเหมือนกันซึ่งนั้นแหละคือปัญหาฉันเพราะถ้าฉันเจอหน้าเสิ่นหยางขึ้นมาฉันจะต้องปั้นหน้ายังไงดีแถมต้องหาวิธีรับมือกับองค์ชายใหญ่องค์ชายรองและก็....องค์ชายสาม
บรึ่ยยย~ คิดแล้วขนแขนสแตนอัพหมด●~●
ฉันมองป้ายในมือแล้วรู้สึกหดหู่มากเพราะฉันสุมจับได้ป้ายขององค์ชายใหญ่ซึ่งนั้นก็แปลว่าตลอดการฝึกนี้ฉันจะต้องกินนอนเล่าเรียนเพียรวิชาคู่กับองค์ชายเรื่องนี้ฉันก็รู้อยู่แล้วนั้นแหละแต่มันก็อดรู้สึกท้อใจในโชคชะตาที่(ฉัน)กำหนดไว้ไม่ได้ บอกเลยว่าอยากจะเอาหัวโขกกับต้นเสาให้สมองเสื่อมไปซ่ะ
ในเวลานี้ฉันกำลังนั่งรอหน้าตำหนักองค์ชายเพื่อรอเขาออกมาจะได้ออกเดินทางขึ้นไปฝึกบนเขาสเวียนตูพร้อมกันสาเหตุเพราะเขาคือคู่ฝึกของฉัน แต่ให้ตายเหอะโรบิ้นเขาเป็นผู้ชายแท้ๆแทนที่เขาจะมารับฉันแต่กลับให้กุลสตรีอย่างฉันไปหาเขาหน้าตำหนักรู้มั้ยว่าการนั่งรถม้ามันไม่ได้หรูหราอย่างที่คิดมันสั่นสะเทือนจนอยากจะลงไปถอดล้อออกซ่ะแล้วที่แย่กว่าการสั่นสะเทือนนั้นคือการเมารถม้านี่แหละ
"องค์หญิงสามท่านดีขึ้นรึยังขอรับ"
"อืม ดีแล้วล่ะ" ฉันตอบคนขับรถม้าไปส่งๆ บอกเลยตอนนี้ฉันเวียนหัวมากแถมไอ้องค์ชายสัปปะรังเคนั้นยังลีลาเอาโล่ไม่ยอมออกมาสักทีนี่ฉันก็นั่งรอมาเกือบๆสองชั่วโมงแล้วนะ
จะว่าไปฉันยังไม่เคยเห็นองค์ชายใหญ่เลยจะหล่อมั้ยนะ><
"องค์หญิงสามขอโทษที่ให้ท่านรอนาน"
โว้ยยย ทำไมมาไม่ให้สุ่มให้เสียงไอ้องค์ชายบ้า!
"ไม่เป็นไรๆ" ฉันตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตา
"ท่านเป็นอะไรหรือ"
"ข้าเมารถม้านิดหน่อยไม่มีอะไรหรอก"
"ไหวหรือไม่"
"ทำไมจะไม่ไหว" ฉันตอบพร้อมเปลื่ยนท่านั่งแล้วเงยหน้ามองเจ้าของเสียง พอฉันเห็นหน้าเขาวินาทีนั้นฉันอยากจะกรี๊ดให้โลกเหวี่ยงแตกออกเป็นเสี่ยงๆเพราะเขาหล่อมากพี่น้องตระกูลนี่หน้าตาดีจังว่ะเขาขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนที่ยิ้มให้ฉัน จะละลายแล้วค่าาา~
นี่ฉันเผลอจ้องหน้าเขานานจนเขารู้ตัวแล้วรึเปล่า○~○
"ข้าเข้าใจที่ท่านจะจ้องข้าแบบนั้นเพียงเพราะท่านไม่เคยพบข้าเลยไม่ชิน"
"แต่สายตาของท่านทำให้ข้าลำบากใจองค์หญิงสาม"
"ดังนั้นตอนนี้ท่านห้ามใจท่านไว้ก่อนเพราะหลังจากนี้ท่านจะได้มองหน้าข้าจนเบื่อเลยทีเดียว"
ไอบ้า! พูดซ่ะฉันดูแย่
ฉันรีบผลักหน้าเขาออกไปเบาๆเมื่อเขาโน้มหน้าลงมาไกล้ฉัน เขาอมยิ้มนิดหน่อยก่นที่จะยืนกลั้นขำ ไอ้อาการกลั้นขำจนหน้าแดงของเขาทำให้ฉันจะเสียการทรงตัวจนหน้าฉันจะแดงตามแล้วล่ะผู้ชายคนนี้ขี้เล่นชะมัด
"ท่านช่วยหยุดกลั้นขำสักทีจะได้มั้ยองค์ชาย"
"ข้าเปล่า"
"ท่านกลั้นขำจนหน้าแดงมากแล้วล่ะ"
"เหรอ งั้นที่เจ้าหน้าแดงเพราะกลั้นขำเหมือนกันเหรอ"
ฉันเงียบไม่ตอบคำถามพยายามจะหลบสายตาเขาบอกเลยตอนนี้ฉันเขินมากๆ
"ข้าไม่แปลกใจเลยที่องค์ชายหลายจักวรรดิ์อยากพบตัวท่านองค์หญิงสาม" เขากอดอกมองฉันแล้วยักคิ้ว
"เพราะอะไรกันถึงอยากเจอข้า"
"เพราะท่านงดงามสมคำล่ำลือไงล่ะองค์หญิง ในยุทภพนี้หากใครได้ท่านเป็นชายาคงอวดจนไม่มีวันเบื่อเลยทีเดียวล่ะ"
โหห ปากหวานซ่ะด้วยฉันรีบก้มหน้าหลบตาเขาเพราะตอนนี้ฉันเขินทนแทบจะขิตอยู่แล้วชวนเขาเปลื่ยนเรื่องคุยดีกว่า เรื่องอะไรดีๆคิดสิยัยสมองถั่ว
"เมื่อไหร่จะออกเดินทางล่ะ" เยส! เรื่องคุยใหม่เพิ่งคิดออกเมื่อกี้สดๆเลยนะ
"ข้าก็รอท่านอยู่นี่ไง"
"อ้าว องค์ชาย"
"5555 ดูเจ้าทำหน้าสิเหวอเชียว"
ไอเราก็รอตั้งนานทำไมไม่บอกฟร้ะว่ารอฉัน!
"งั้นไปเถอะ"
ฉันตั้งท่าลุกขึ้นแต่แล้วก็เซจนจะล้มลงไปกองกับพื้นเพราะอาการหน้ามืดแต่ดีที่แขนยาวๆขององค์ชายตวัดมารับฉันไว้เลยไม่ล้มลงไป โอ้ยจะมาสำออยอะไรเอาตอนนี้ฟร้ะ!
"ว้ายย! องค์ชายใหญ่ท่านทำอะไร"
ฉันตกใจถึงขั้นเอ๋อกินเลยทีเดียวเมื่อองค์ชายอุ้มฉันในระยะใบหน้าไกล้มากจนขนาดที่เขาหายใจรดหัวฉันเลยแหละ○~○
"ท่านจะล้มอยู่แล้วไม่รู้ตัวรึไง"
"ข้ารู้ แต่ข้าไหว"
"แค่แรงหายใจท่านยังอ่อนเลย" แหม พูดซ่ะเห็นภาพ
คงต้องปล่อยเขาเลยตามเลยเพราะเถียงไปฉันก็คงไม่ชนะเขาหรอก รู้สึกเหนื่อยใจกับคนตระกูลชั้นสูงแบบพวกนี้จัง¡~¡
เขาอุ้มฉันขึ้นมารถม้าตลอดทางที่อุ้มฉันเอามือปิดหน้าไว้ตลอดเพราะอายคนอื่นไม่รู้จะปั้นหน้ายังไง ตายๆคนอื่นต้องว่าฉันอ่อยองค์ชายเสิ่นหรันแน่เลยแกนะแกเถาเมิ่งเหยียนร่างกายจะสำออยอะไรขนาดนี้□~□
"เมิ่งเหยียนเป็นอะไรเหรอพี่ใหญ่"
"หน้ามืดน่ะ สงสัยนางจะเพลียจากที่โดดแสงมากๆ"
"แล้วนางดีขึ้นรึยัง"
"ค่อยยังชั่วอยู่"
"ขอข้าขึ้นไปดูได้รึเปล่า"
"ข้าว่าเจ้าอย่าเสียเวลาเลยควรรีบไปพบคู่เจ้าก่อนที่จะโดนอาญา"
ฉันนั่งฟังเสียงองค์ชายใหญ่กับผู้ชายอีกคนคุยกันฉันไม่แน่ใจหรอกว่าใครเพราะฉันกำลังหลับตาอยู่แต่ฟังจากเสียงน่าจะเป็นองค์ชายสี่หรือไอ้เสิ่นหยางนั้นแหละ
"แต่ข้า..."
"หรือเจ้าอยากให้ชิงชิงโวยวายเจ้าก่อน" เอาเลยสู้ๆ องค์ชายใหญ่^^
ชัดเจนพี่เณรบุณเป็นไปตามคาดองค์ชายเสิ่นหยางจริงๆด้วยที่ฉันรู้เพราะอะไรน่ะเหรอ เหอะเพราะตามบทที่ฉันเขียนไว้คู่ของชิงชิงคือองค์ชายรองแต่องค์ชายรองไม่ชอบหน้าชิงชิงเลยผลักให้องค์ชายสี่แทนเป็นไงล่ะเยื่ยมยอดจริงๆเอาล่ะถึงเวลาได้ฤกษ์ออกรถ(ม้า)สักทีT^T
"เดี๋ยวขอรับองค์ชาย!! " โว้ยอะไรอีกฟร้ะ!
แล้วฉันก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ว่าต้องมีอะไรมาขัดขวางไม่ให้ฉันออกรถม้าอีกแน่ๆสวยไม่ปลื้มแล้วนะ
"มีอะไร"
องค์ชายใหญ่หันไปตอบเสียงเรียบพร้อมเปิดม่านออกแล้วมองหน้าคนในตำหนักอย่างกับจะกินเลือดกินหัวฉันล่ะเพลียกับองค์ชายจริงๆเพคะ
"ฮ่องเต้มีรับสั่งให้องค์ชายพาองค์หญิงไปพบที่วังกลางเพื่อฟังคำอวยพร"
"คนอื่นล่ะ"
"เช่นกันขอรับ"
"อืม นายรถ"
"ขอรับองค์ชาย"
"ออกรถไปวังกลาง"
"ขอรับ"
อะไรน่ะ! วังกลางหรอกไม่เอาฉันไม่ป๊ายยยยยยย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments