เซียวเหยียนและหลินต้งที่ได้ฟังก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยกับซวนอวี้ด้วยสีหน้าสงสัย
"แบบนั้นมันจะไม่รังแกไปหน่อยเหรอ?"
ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะหลินต้งที่สามารถจัดการสัตว์วิญญาณได้อย่างแน่นอน และเซียวเหยียนที่มีวรยุทธมากมายจนทำให้สัตว์วิญญาณหมื่นปีขึ้นไปยากที่จะจัดการ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซวนอวี้ที่มีพลังกายสูงมากจนเมื่อครึ่งปีก่อน เขาสามารถต้านรับและแลกหมัดกับสัตว์วิญญาณแสนปีอย่างวานรยักษ์ไททันได้
ถึงแม้จะไม่สามารถจัดการมันได้แต่ก็ทำให้มันเจ็บหนักเหมือนกัน จนกระทั่งตอนนี้วานรยักษ์ไททันก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขตที่พวกเขาอาศัยอยู่
ซวนอวี้ที่ได้ยินคำพูดของทั้งสองก็เผยรอยยิ้มออกมา
"อย่าคิดเรื่องพวกนั้นเลย หากต้องการต่อสู้เราก็แค่ลดระดับพลังลงสักเล็กน้อย"
เมื่อทั้งสองได้ฟังก็พยักหน้าเข้าใจ หากการต่อสู้มันดูไม่เป็นธรรมงั้นก็แค่ลดระดับลง เท่านี้พวกเขาก็สามารถต่อสู้กับผู้อื่นโดยไม่ถือว่ารังแกเด็ก
หลินต้งสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะถามกับซวนอวี้
"นี้ร่างหลัก เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกข้าจะขอแยกทางกับเจ้าเพื่อไปฝึกฝนน่ะ"
เซียวเหยียนที่อยู่ข้างๆก็หยักหน้าตามด้วยเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่สามารถเข้ากับพวกเขาได้
ซวนอวี้ที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วเป็นปม เขาจำไม่เห็นได้ว่าเจ้าพวกนี้มันเคยอยากออกห่างจากเขา เพราะการฝึกฝนใกล้ๆกับเขาจะทำให้การบ่มเพาะก้าวหน้าได้เร็วกว่าปรกติ เขามองไปที่ทั้งสองก่อนจะถามออกไป
"แล้วพวกเจ้าจะไปที่ไหน?"
"ใจกลางป่าชิงโต่วน่ะ"
ซวนอวี้ที่ได้ฟังก็มีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าใจกลางป่านั่นมีทะเลสาบแห่งชีวิตอยู่ ซึ่งเหมาะกับทั้งสองเป็นอย่างมาก
"เห้อ พวกเจ้าไปเถอะ"
"ขอบคุณร่างหลัก"
ฟุบ!!
ร่างของทั้งสองหายไปเหลือไว้เพียงซวนอวี้ที่ยืนครุ่นคิดกับตนเอง ในเวลานี้ตัวของเขาต้องการที่จะสร้างกองกำลังขึ้นมาเพื่อเป็นฐานในการทำสิ่งต่างๆ เพราะการเป็นวิญญาณจารย์ไร้สังกัดแบบนี้มันทำให้เขาจะถูกเล็งจากพวกกองกำลังใหญ่ๆได้
"เอาล่ะมาเริ่มสร้างร่างแยกสัก3หมื่นตัวกันก่อนแล้วค่อยเดินทางไปยังเมืองสั่วทัว"
3วันต่อมา
พื้นที่มิติส่วนตัว
ผู้คนนับหมื่นกำลังยืนอยู่ต่อหน้าซวนอวี้ โดยทุกคนล้วนเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีแม้แต่การบ่มเพาะ แต่มันจะไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วเพราะทั้ง3หมื่นคนตรงหน้าของเขา ล้วนมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนที่ยอดเยี่ยม
"เอาล่ะพวกเจ้าจงฝึกฝนต่อไปซะ เมื่อใดที่ทุกอย่างพร้อมพวกเจ้าจะได้ออกไปสู่โลกภายนอก"
หากจะถามว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหนล่ะก็ มันก็คือมิติส่วนตัวของซวนอวี้ที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยความสามารถพิเศษบางอย่าง คล้ายๆกับการสร้างโลกใบเล็กเหมือนกับพวกเทพยุทธ์7ดาว
ด้านนอก
ซวนอวี้เดินออกมาจากมิติส่วนตัวก่อนจะหันไปทางนึง เพลิงสีฟ้าได้รวมตัวที่หลังของเขาจนกลายเป็นปีกขนาดยักษ์ ก่อนซวนอวี้จะดีดตัวขึ้นฟ้าและบินไปทางเมืองสั่วทัวทันที
ด้วยความเร็วระดับนี้ของเขาคาดว่าจะถึงในอีกไม่กี่วัน เมื่อถึงตอนนั้นก็คงได้เวลาสนุกสนานของเขาแล้ว เขานั่นมีความลับสุดยอดที่แม้แต่พวกร่างแยกก็ยังไม่รู้ นั้นก็คือตอนนี้ตัวของเขาสามารถใช้ดาบพิชิตสวรรค์ได้ถึง5ชั่วโมงต่อวัน
เท่ากับว่าต่อให้ทั้งแดนเทพต้องการสังหารเขา พวกมันก็ต้องทนลับพลังของดาบพิชิตสวรรค์ไปอย่างน้อย5ชั่วโมง ซึ่งเวลาขนาดนั้นต่อให้จะมีเทพสักแสนตนก็ไม่อาจรอดไปได้
บนท้องฟ้า
ซวนอวี้มองไปยังทิศทางตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่หากใครมาเห็นรอยยิ้มนี้คงเต็มไปด้วยความกลัว เพราะมันแฝงไปด้วยจิตสังหารและแรงกดดัน
"รอก่อนเถอะ สักวันข้าจะต้องอยู่เหนือทุกสิ่ง"
คำพูดของซวนอวี้ทำให้ท้องฟ้าที่สดใสกลายเป็นมืดครึ้มทันที ราวกับว่าสวรรค์นั้นกำลังฟังคำพูดของเขา สายฟ้ามากมายพุ่งตรงมายังร่างของซวนอวี้บนท้องฟ้า แต่พวกมันกลับไม่สามารถสร้างบาดแผลอะไรได้เลย
"เหอะ ด้วยพลังเพียงเท่านี้กลับคิดจะหยุดข้ารึ รอข้าก่อนเถอะไอสองเทพจอมแหกกฎ วันตายของพวกเจ้ากำลังจะมาถึงแล้ว"
ด้านหลินต้ง
ตอนนี้ตัวของเขาและเซียวเหยียนได้แยกออกจากกันแล้ว เพราะตัวของเซียวเหยียนสัมผัสได้ถึงพลังที่เหมาะกับเขามากกว่าตึงแยกออกไปสำรวจ ซึ่งหลินต้งก็ไม่ได้ห้ามอะไร
"ข้างหน้านั่นสินะ"
เขารีบรีดเร้นพลังหยวนออกมาจนถึงขีดสุด แน่นอนว่ามันจะต้องเกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างแน่นอน แต่เพื่อไม่ให้เขาถูกคนอื่นนำเขาจึงต้องใช้ทะเลสาบแห่งชีวิตเพื่อการฝึกฝน เพราะหากฝึกฝนอยู่ที่นั่นสัก2-3ปีเขาอาจจะสามารถก้าวไปสู้ระดับเนี่ยผานขั้นที่9ได้
แต่ในตอนที่หลินต้งกำลังคิดกับตนเองอยู่นั่น เสียงของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างมังกรดำที่พุ่งเข้ามาทางเขา
"มาแล้วสินะ"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 11
Comments