ในปีคริสต์ศักราช 476 อารยธรรมโรมันที่มีอิทธิพลแผ่ขยายออกไปจนกระทั่งจักรวรรดิโรมันล่มสลายลงไปในที่สุดเมื่อพวกชนเผ่าเยอรมันเข้ายึดกรุงโรม จากการล่มสลายของกรุงโรมจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ทางการเมืองเศรษฐกิจ และสังคม ความอ่อนแอของประชา ความอดอยากและขาดที่พึ่งพาซึ่งเป็นปัญหา เรื่องโจรผู้ร้าย
เนื่องในช่วงสงครามเนื่องจากช่วงเวลานี้ก่อนเข้าสู่ ยุคมืด (Dark Ages) หญิงสาวผมสีแดงที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างได้เอ่ยขึ้นว่า
"ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยพวกมนุษย์ก็มีดีแต่สร้างความวุ่นวายทั้งนั้น"
"เพราะงั้นความโกลาหลอย่าง ข้า ก็ต้องค่อยเฝ้าดูพวกมนุษย์"
"น่าเบื่อจริงๆเลยนะ"
หญิงสาวผมสีแดงที่มีหูราวกับหนู? ได้เฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างที่ก่อให้เกิดความโกลาหลอย่างไม่จบไม่สิ้นจนตัวเธอน้่นเองก็เบื่อเช่นกันที่เธอตัองมาเฝ้าดูการกระทำอันซ้ำซากจำเจของสิ่งชีวิตที่เรียกว่า "มนุษย์" ก่อนที่หญิงสาวที่หยิบลูกเต๋าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วทอยออกไป...
"4 กับ 3 งั้นเหรอ..."
"คราวนี้จะเป็นยังไงต่อนะ..."
"หญิงสาวผมสีแดงได้หายตัวไปยังอีกสถานที่นึง..."
ในปี คริสต์ศักราช 476–1453 ปีใดปีหนึ่ง ได้เกิดเมืองคอนสแตนติโนเปิลที่มีความเจริญเรืองรุ่งอย่างมากในช่วงนั้นและเป็นที่มีการเปลี่ยนแปลง อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมโรมันไปสู่อารยธรรมและยังมีลักษณะที่เป็นสังคมในระบบฟิวดัล หรือสังคมที่เรียกว่า สังคมศักดินาสวามิภักดิ์
หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่มีกิ๊บติดผมคล้ายนกของนกฮูกพร้อมผ้าคลุมสีน้ำตาลเหมือนกับนกฮูกในคราบของมนุษย์ได้โผล่ออกมาจากที่ไหนสักที... ทำให้หญิงสาวผมสีแดงตกใจเป็นอย่างมาก จึงรีบตั้งรับการโจมตีจากหญิงสาวสีน้ำตาลคนนั้นทันทีโดยอัตโนมัติ...
"โอ้ยๆ... เจ็บจังเลย"
"เอ๊ะเจ้าลูกนั่นนี่น่า\~"
หญิงสาวผมสีน้ำตาลรีบลุกขึ้นแล้วมุ่งตรงไปยัง ผลไม้ ชนิดนึงที่เธอเคยเจอและทานไปเมื่อครั้งก่อนที่จะเดินทางมายังที่แห่งนี้ โดยเธอเด็นมันมาทานโดยไม่ทราบว่ามีหญิงสาวอีกคนนึงอยู่ด้วยแถมยังเตรียมตั้งรับการโจมตีของตนอยู่ห่างๆ...
"เธอเป็นใครน่ะ!?"
หญิงสาวผมสีแดงตะโกนถามหญิงสาวผมสีน้ำตาลพร้อมด้วยท่าทีที่ระแวงเล็กน้อย เพราะหญิงสาวรับรู้ได้ว่าผู้หญิงที่อยู่หน้าตนไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอนแม้ว่าจะทำตัวเพี้ยนๆต่อหน้าตนเองก็ตาม เพราะมีบางอย่างที่หญิงสาวผมสีแดงรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างในตัวเธอ...
"เอ๊ะ!? ชั้นเหรอ? หรือว่าใคร?"
"ใช่สิ ตอบคำถามชั้นมาสะ!!"
"มุเมย์!!"
"...แล้วเธอมาทำอะไรที่นี้!?"
หญิงสาวผมสีแดงยังคงระแวงในตัวตนของมุเมย์อยู่จึงได้ตะโกนถามย้ำไปอีกที และถ้าไม่ได้คำตอบที่เธอต้องการก็พร้อมจะเข้าโจมตีทันที.. แต่หญิงสาวก็ต้องเหว๋อไปทันทีหลังจากที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลคนนั้นไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำแต่สนใจผลไม้ที่อยู่ด้านหลังตน
"เอ๋... ไม่รู้เหมือนกัน"
"ชั้นรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว.."
"เอ๊ะนี้ หลบหน่อยสิชั้นขอไอ้เจ้าลูกนั่นที่อยู่ด้านหลังเธอหน่อย!!"
"ห๋า?"
มุเมย์ วิ่งเข้าไปหาหญิงสาวผมสีแดงโดยไม่มีท่าทีที่จะโจมตีใดๆ เพื่อที่เธอจะไปเด็นผลไม้ชนิดนึงที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาวผมสีแดง ก่อนที่หญิงสาวจะลดการป้องกันลดเพราะเห็นว่า มุเมย์ ไม่มีอันตรายต่อเธอก่อนจะถามมุเมย์เกี่ยวกับผลไม้นั่น...
"นี้เธอชอบเจ้านี่เหรอ?"
"ใช่ ชอบมากๆเลยล่ะ"
"อ่า.. เจ้านี่มันชื่อว่า เบอร์รี่น่ะ"
"เบอร์รี่สินะ\~"
"แล้วเธอล่ะ?"
มุเมย์ที่ได้รู้ว่าสิ่งที่ตนเจอครั้งแรกและกำลังจะเด็นมากินตอนนี้นั้นคือต้น "เบอร์รี่" จึงค่อยๆเงยหน้าถามชื่อของหญิงสาวผมสีแดงด้วยรอยยิ้มเป็นการตอบแทนที่บอกชื่อเบอร์รี่ที่ตนชอบ
"เบย์..."
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ เบย์!"
"เอาล่ะต้องไปกันแลัว"
เบย์ จับมือของมุเมย์ไว้พร้อมกับหยิบลูกเต๋าออกมาทอยอีกครั้งเพื่อไปยังปีต่อไปหรือจะย้อนหลังไปก็สามารถทำได้... ซึ่งลูกเต๋าคือสื่อในการใช้พลังของเธอ มุเมย์ที่ถูกเบย์จับมือก็สงสัยว่าเบย์จะพาตนไปไหนจึงได้ถามออกไปก่อนที่ทั้งสองก็ได้หายตัวไป...
"เอ๊ะ!? จะไปไหนเหรอ"
"4 กับ 3 อีกแล้วงั้นเหรอ.."
"ช่วยไม่ได้สินะ..."
"ทั้งสองได้หายตัวไปยังในอีกปีนึง... "
ในปีคริสต์ศักราช 1945-1991 ในช่วงสงครามเย็น เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงทำให้เกิดความขัดแย้ง ทางอุดมการณ์ทางการเมืองของ 2 อำนาจอภิมหาอำนาจ ก็คือสหรัฐอเมริกา ผู้นำค่ายประชาธิปไตยและสหโซเวียตผู้นำคอมมิวนิสต์ เพื่อแข่งขันเกี่ยวกับลัทธิความเชื่อทางการเมืองซึ่งเป็นประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้ทำสงครามเหมือนสงครามโลก ที่ผ่านมาแต่จะใช้การโฆษณา เป็นหลักในการหาพันธมิตร หรือการขยายอำนาจ และประเทศที่มีอิทธิพลประเทศเล็กๆ การขยายอำนาจต่างๆ
"เห๋... ปีนี้ไม่มีสงครามสินะ"
"พวกมนุษย์คงจะเริ่มเบื่อหน่ายกับสงครามแล้วสินะ"
"แต่ก็เป็นสงครามทางความคิดสินะ"
"ใช่ไหมเบย์?"
มุเมย์ที่มองดูอยู่ข้างๆจึงได้เอยถามเบย์ไป... พร้อมกับถือขนนกฮูกไว้ในมือ ซึ่งเป็นสื่อในการใช้พลังของเธอโดยที่เธอเองก็นั่งเฝ้าดูการกระทำของมนุษย์ข้างๆเบย์ เบย์ที่สงสัยเกี่ยวกับพลังของมุเมย์และเห็นขนนกฮูกจึงอดใจที่จะถามมุเมย์ไม่ได้
"ก็ถูกนะ..."
"แต่ว่าเธอมีพลังอะไรกันแน่น่ะ? มุเมย์"
เบย์ที่รู้สึกสะกิดใจตั้งแต่ตอนแรกที่พบกันว่า มุเมย์ ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ เพราะสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่คล้ายๆ กับพลังเวทย์ของเธอ และยังสามารถรับรู้ได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้คือเหตุการณ์อะไร โดยที่เบย์ยังไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม...
"ฉันคือ... อารยธรรม"
"ผู้ปกป้องอารยธรรมของมนุษย์"
มุเมย์จับมือเบย์และใช้พลังของเธอวาร์ปไปยังปีอื่นก่อนที่จะมีเสียงจากต้นไม้ในบริเวณแถวนั้นส่งเสียงออกมา... เหมือนกับว่าธรรมชาตินั่นรอให้ทั้งความโกลาหลและอารยธรรมไปจากพื้นที่ป่าแห่งนี้... โดยที่มีหญิงสาวผมสีเขียวเดินออกมาจากต้นไม้ไปยัง ลูกเบอร์รี่ที่ร่วงอยู่...
"มุเมย์ กับ เบย์สินะ..."
"ผู้ปกป้องอารยธรรม กับ ความโกลาหลสินะ.."
"จะให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
หลังจากหญิงสาวพูดจบก็ได้หายตัวเข้าไปในป่า ก่อนที่เสียงจากฟากฟ้าจะดังขึ้นราวกับว่าเป็นการตอบรับสิ่งที่หญิงสาวผมสีเขียวพูดออกมา แล้วกาลเวลาล่วงเลยผ่านพ้นไปจากอดีตสู่ปัจจุบัน ที่สามารถรับรู้ได้ทุกอย่างผ่าน สายธารแห่งกาลเวลา...
"...มุเมย์"
"ชั้นจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้ว..."
ณ ห่วงอวกาศอันกว้างใหญ่... หญิงสาวผู้ได้นามว่า "ผู้ชี้นำแห่งอวกาศ" ได้ลอยว่ายอยู่ใจกลางสูญญาณพร้อมกับหญิงสาวที่มีนาฬิกาอยู่บนหัวที่จู่ๆก็โผล่ออกมาจากไหนไม่รู้จึงทำให้ ผู้ชี้นำแห่งอวกาศดีดนิ้วเสกโต๊ะเก้าอี้ขึ้นมาให้หญิงสาวคนนั้นนั่ง พร้อมกับน้ำชา...
"แปลกใจนะที่เธอมาถึงที่นี่น่ะ"
"ผู้ควบคุมกาลเวลา"
"ไม่สิ โครนี่"
หญิงสาวผู้ได้นามว่า "ผู้ควบคุมกาลเวลา" โครนี่ยกชาที่ผู้ชี้นำแห่งอวกาศเสกมาหมาดๆ ขึ้นมาพร้อมกับจิบเล็กน้อยก่อนที่จะวางถ้วยชานั่นลงกับโต๊ะด้วยสีหน้าที่จริงจัง ก่อนจะพูดออกไป แต่กลับถูกซานะต่อว่าว่าจริงจังมากเกินไปไม่สมกับเป็นเธอเลย
"เธอเองก็สบายน่าดูนะซานะ"
"ไม่สิ ผู้ชี้นำแห่งอวกาศ"
"เธอเนี้ยนะ อย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้นสิ"
"ทำหน้าแบบนั้นตลอดไม่ได้นะรู้มั้ย"
ซานะ ผู้ชี้นำแห่งอวกาศได้พูดติดตลกกับโครนี่ โดยไม่แยแสร้งว่าโครนี่จะคิดกับการกระทำของเธอเช่นไหร่ เสมือนตอนแรกที่เธอได้เจอกับ "พระเจ้า" โครนี่เองก็รู้ว่าซานะเป็นคนยังไงจึงไม่ได้ถือสาอะไรมากก็ที่ทั้งสองจะเข้าสู่บทสนทนาที่จริงจัง...
"มาเข้าเรื่องกันเถอะ..."
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments