[หมู่บ้านกิม]
หลังใช้เวลาเดินทางมาหลายชั่วโมงจากการลอดป่าปีนเขา ลงห้วย ข้ามลำธารมาแล้ว ในที่สุดชายหนุ่มก็เดินทางมาถึงทางเข้าหมู่บ้านก่อนพระอาทิตย์ตก
วีนัสเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างระมัดระวังและทำตัวเป็นมิตรและเหมือนชาวบ้านให้มากที่สุด แต่ถึงกระนั้นสายตาของผู้คนที่เขาเดินผ่าน ต่างพากันจับจ้องไปที่ตัวเขาไม่ว่าจะชายหรือหญิง เขาเดินตามทางรถม้าไปเรื่อยๆ หลังจากเข้าหมู่บ้านมาได้สักพักก็เริ่มเห็นแปลงนาข้าวขนาดใหญ่เป็นเงาๆอยู่ไม่ใกล
“เอ่อคือ…. มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
เสียงเล็กหวานของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง หญิงสาวผมสีทอง นัยตาสีเขียวมรกตราวกับหลุดมาจากนิยายนั่งอยู่บนหลังม้ากำลังเอ่ยถามชายหนุ่มที่เดินเข้าไปหมู่บ้านด้วยชุดคลุมแปลกตารวมถึงยังห้อยสิ่งของประหลาดแนบตัว
เธอลงจากผลังม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลรูปร่างทะมัดทะแมง ยืนมองชายหนุ่มที่กำลังหันมาด้วยท่าทีสงสัย ถึงภายนอกหญิงสาวจะมีท่าทียิ้มแย้ม แต่จิตใจเธอยังเป็นกังวลกับชายซึ่งอยู่ตรงหน้า มือขวาล้วงเข้าไปหยิบมีดปลายแหลมในกระเป๋าที่เบาะนั่งหลังม้า
“เอ่อ… ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อวีนัส พึ่งมาหมู่บ้านนี้ครั้งแรก”
วีนัสแนะนำตัวกับหญิงสาวที่ดูท่าทางกังวล เขายกมือซ้ายขึ้นแนบอกเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นมิตร
วิ้งๆ…..
หญิงสาวมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า นัยตาสีเขียวมรกตของเธอเปล่งแสงออกมาอย่างเห็นได้ชัดจนวีนัสสงสัย เธอเพ่งเล็งไปที่ตัวชายหนุ่มซึ่งกำลังค่อยๆปล่อยมือวางจากอก
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เราชื่อริต”
เมื่อแสงสีเขียวจากนัยตากลมค่อยๆจางลง หญิงสาวค่อยๆปล่อยมือออกจากมีดบางที่จับไว้เมื่อตอนแรก แนะนำตัวกับวีนัสซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า
“เอ่อคือ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
เธอเอ่ยถามชายหนุ่มหลังจากที่กระพริบตาสองสามครั้ง
“ผมต้องการเข้าไปในหมู่บ้านครับ แต่ทางมันไกล ตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว…”
วีนัสตอบกลับหญิงสาวที่ยืนลูบหลังม้าตัวที่เธอขี่มา เขาเปิดไอเทมบล็อกหยิบหนังของกวางไฟที่ยังใหม่ๆยื่นให้ เพื่อจ่ายแทนค่าจ้างเพราะตัวไม่มีเงิน
“เราไม่ต้องการหรอกค่ะ คุณเอาไปขายในหมู่บ้านเถอะ”
ริตที่รู้อยู่แล้วในใจว่าชายหนุ่มต้องการให้เธอช่วยพาไปส่งในหมู่บ้านแน่ๆ ก่อนหน้านี้เธอจึงส่งซิกให้เขารู้ว่าสามารถขึ้นมาไปกับเธอได้
ริตบอกกับชายหนุ่มรูปงามว่าจะช่วยเหลือ เธอกระโดดขึ้นนั่งบนเบาะหนังหลังม้า สั่งให้มันเดินหน้าไปสองสามก้าวเพื่อรับวีนัส
วีนัสเก็บปืนยาวพาดไหล่ไว้ด้านหลังจับมือหญิงสาวที่ยื่นให้ อีกมือคว้าเชือกที่มัดอยู่บนอานหนัง ดึงตัวเองขึ้นนั่งบนหลังม้าสูง
เมื่อวีนัสขึ้นนังบนหลังม้าเรียบร้อย ริตก็ควบม้าวิ่งไปที่หมู่บ้านข้างหน้าทันที เสียงควบม้าทำให้ชาวบ้านที่กำลังเดินกลับหมู่บ้าน บางครยังคงทำไร่ทำนา ต่างโบกมือยิ้มต้อนรับหญิงสาวด้วยความยินดี
“สวัสดีค่ะ รีบกลับหมู่บ้านกันเถอะนะคะ มันจะมืดแล้ว”
ริตกล่าวทักทายกับผู้คนที่เธอผ่าน โบกมือพลางส่งยิ้มให้พวกเขา เหล่าชาวบ้านชายหญิงที่เห็นนิตทักทาย พวกเขาก็ต่างโบกมือพลางทักทายริตกลับ
ไม่นานหลังจากที่วีนัสขอให้ริตมาส่งในหมู่บ้าน ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็มาถึง ริตควบม้าเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง “ที่นี่แหละคะ” เธอบอกกับวีนัสที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ทั้งสองลงจากหลังม้าอย่างช้าๆ เมื่อเท้าสองข้างของริตแตะพื้น เธอยืนจัดเชือกที่มัดตามตัวม้าหนุ่ม โบกมือชี้นิ้วให้วีนัสเข้าไปในบ้านไม้หลังนี้ก่อน วีนัสเดินเข้าไปข้างในตามคำบอกของริตที่กำลังจูงม้าเข้าไปในคอกเลี้ยง
ข้างในบ้านเมื่อเข้าไปมีโต๊ะกลมทำจากไม้อยู่แปดตัว จัดวางอยู่ภายในอย่างเป็นระเบียบ เก้าอี้ตัวเล็กๆพอดีนั่งวางล้อมรอบ ด้านในสุดเป็นโต๊ะไม้ยาวจนไปถึงบันไดฝั่งขวามือชิดมุม มีชาวบ้านกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นอยู่ราวๆสี่ห้าโต๊ะ
วีนัสเดินมุ่งไปที่หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงด้านหลังโต๊ะไม้ยาวในชุดสีขาวมีผ้ากันเปื้อนทับอีกชั้น เขาเดินเข้าไปหยุดที่หน้าโต๊ะอีกด้าน
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยเปิดประโยคทักถามกับวีนัสที่ยืนอยู่ตรงหน้า ชายตามองอุปกรณ์ประหลาดตามีอักษรเวทมนตร์ที่ห้อยติดอยู่ด้านหลังด้วยความสงสัย
“ที่นี่คือโรงเตี้ยมใช่ไหมครับ”
วีนัสถามกับหญิงสาว
“ค่ะ ใช่ค่ะ”
เธอตอบกลับ
ในขณะที่วีนัสจะเอ่ยประโยคต่อไปนั้น อยู่ๆเสียงของประตูไม้หน้าร้านก็ดังขึ้น ริตที่เอาม้าเข้าไปมัดไว้ในคอกเลี้ยงเรียบร้อย เป็นเธอที่เปิดประตูเข้ามา เหล่าทุกคนในร้านที่กำลังนั่งทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนต่างพากันวางช้อนลง แล้วหันมาโบกมือยิ้มทักทายเธอ
“โอ้วท่านนักบุญ มาทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
ชายชราในชุดเสื้อผ้าโทรมๆที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เกือบๆติดมุมห้องพูดขึ้น เขาเอามือขยับจานที่มีอาหารอยู่เต็มและยังร้อนอยู่
“ขอบคุณนะคะ แต่ว่าเราทานข้าวมาแล้ว คุณลุงกินเถอะค่ะ”
ริตตอบกลับชายคนนั้นด้วยท่าทีที่สง่าผ่าเผย แล้วเดินเข้ามาหาผมที่ยืนมองเธออยู่
“สวัสดีค่ะ คุณริต”
หญิงสาวที่ดูอายุแก่กว่ากล่าวสวัสดีทักทายริตที่พึ่งเดินมาถึง “วันนี้ก็ห้องเดิมใช่ไหมคะ” เธอยิ้มต้อนรับริตอย่างยินดี
“เอ่อคือว่า พอดีผู้ชายคนนี้ต้องการพักน่ะ เอาห้องให้เขาห้องหนึงนะ เดี๋ยวเราจ่ายเอง”
แต่ถึงแบบนั้น ริตเธอก็ไม่ลืมชายที่ขอความช่วยเหลือ เธอบอกกับหญิงสาวสวมผ้ากันเปื้อนให้เอาอีกห้องที่ว่างให้กับวีนัสใช้พักผ่อนคืนนี้ ส่วนเงินค่าที่พักเธอจะจ่ายให้แทนเขาไปก่อน
“เอ๊ะ!”
หญิงสาวอุทานออกมาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน มือสองข้างจับโต๊ะยาว อ้าปากกลางเหมือนทำอะไรไม่ถูก หันหน้ามองวีนัสกับริตกลับไปกลับมา
“มีอะไรเหรอคะ”
ริตเอ่ยถามกับเธอที่ลนลานส่ายหัวไปมา
“อ๊ะ ไม่มีอะไรค่ะ”
หญิงสาวหยุดชะงักหลังจากที่ริตถามว่าเป็นอะไร แล้วรีบตอบปัดริตไปทันที
“งั้น เดี๋ยวเราไปหาผู้ใหญ่บ้านก่อน คุณขึ้นไปพักเถอะ”
ริตเดินออกจากโรงเตี้ยมไปหลังพูดจบ
เมื่อเคลียร์เรื่องที่พักได้แล้ว วีนัสก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง เพื่อเข้าไปพักผ่อนภายในห้องที่ผู้หญิงคนนั้นบอก เขาเดินขึ้นบนบันไดไม้มาจนถึงชั้นสอง ข้างหน้าเป็นทางเดินยาวต่อจากบันไดไปจนสุดผนัง มีห้องพักเรียงกันสามห้องทางขวามือ ซ้ายมือเป็นหน้าต่างที่ทำจากกระจกบานเล็ก ติดไปทั่วผนังเป็นระยะๆเพื่อให้แสงจันทร์จากด้านนอกส่องสว่างถึง
วีนัสเดินเข้าไปจนถึงห้องที่อยู่ลึกสุด ผ่านห้องแรกที่ถูกปิดประตูไว้แสดงว่ามีคนพักอาศัยอยู่ ห้องที่อยู่ตรงกลางกับห้องสุดท้ายประตูยังเปิด แสดงว่าไม่มีคนเข้าพัก วีนัสเดินบนพื้นไม้ มีแสงจันทร์ค่อยส่องสว่างไปจนถึงผนัง เขาเดินมาจนถึงหน้าห้องที่ประตูเปิด เดินเข้าไปข้างในพลางกวาดสายตามองรอบห้องไปพลาง
ข้างในห้องเป็นห้องนอนที่ไม่มีอะไรมาก มีตู้เสื้อบางเล็กๆหนึ่งตู้ หน้าต่างไม้บานนึง แล้วก็เตียงนอน….
“หืมม….”
ถึงแม้วีนัสจะสะดุดตากับเตียงนอนขนาดใหญ่มีหมอนพร้อมผ้าห่มพอดีสองคนก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก วีนัสเดินไปนั่งบนที่นอน ถอดปืนสไนเปอร์ที่พาดหลังออกมาวางบนเตียง
To be continued….
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments