5 ปัญหาของอิทธิพัทธ์

ความเดิมตอนที่แล้ว

   "พี่ช่วยหนูหนีออกไปได้มั้ยคะ หนูกลัว"

 เสียงเล็กๆสั่นเครือ เธอเดินเข้ามากอดแขนไอยศิกาเงียบๆ แล้วร้องไห้

"พี่ขอไม่รับปากนะ หนูชื่ออะไรล่ะ" 

"ขมิ้นค่ะ" 

"ทำไมไม่ไปอาบน้ำล่ะ เผื่อจะได้ไม่ต้องไปขายตัวที่อื่น" 

"หนูแค่อยากกลับบ้าน ไม่ต้องมีชีวิตดีๆเงินทองมากมายมากองให้หรอกค่ะ หนูแค่ต้องการกลับบ้านเท่านั้นจริงๆ"

ในที่สุดขมิ้นก็ยอมให้ไอยศิกาพาไปอาบน้ำ และแต่งตัวให้ใหม่ โชคดีที่เธอสองคนใส่เสื้อไซส์เดียวกันได้ และโชคดีกว่านั้นคือคนที่มารับเด็กคือเสี่ยพันธ์ศักดิ์ ที่เคยมีข่าวว่าช่วยเด็กจากการถูกแกล้งหรือการค้ามนุษย์ที่ผิดกฏหมายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว 

"ผมขอน้องคนนี้นะครับ ว่าไงล่ะลูก อยากได้น้องสาวคนนี้มั้ย" 

เด็กสาวข้างๆเสี่ยเป็นลูกสาวที่ชื่อจันทิรา เธอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วอุ้มตุ๊กตาแมวสีส้มไว้อย่างแน่นหนา 

"โชคดีนะขมิ้น" 

ไอยศิกากระซิบกับเด็กสาวแล้วดันตัวเธอไปด้านหน้า คิมหันต์เดินมาหาไอยศิกาแล้วแอบส่งข้อความให้เธอ เธอจึงแอบรับจดหมายนั้นไว้ และใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ 

"ที่เหลือกลับไปเตรียมตัวซะ พรุ่งนี้จะต้องไปแล้ว"

สาวๆที่ไม่ถูกเลือกเบะปากทำท่าไม่พอใจตลอดทางที่เดินกลับไปด้านใน แม้ไอยศิกาจะสบายใจที่ขมิ้นรอดจากการขายตัวมาราธอนที่ไหนซักแห่งอย่างโหดร้ายที่ไม่สามารถเลือกได้ แต่เธอก็ไม่รู้ชะตากรรมตนเองในอนาคตซักเท่าไหร่ 

​"ใครชื่อไอยศิกา คืนนี้ออกมานอนแยกที่เรือนเล็ก ท่านหลี่อยากพบก่อนออกเดินทางพรุ่งนี้" 

ไม่รู้ว่าเป็นเสียงจากสวรรค์หรือนรกกันแน่ เพราะไอยศิการู้ตัวดี ถ้าเกิดนายนี่เรียกตัวไปแปลว่าไม่มีทางหนีรอดจากการเสียตัวแน่นอน100% 

"ค่ะ" 

"ดีมาก เตรียมตัวไปให้นายท่านเชยชมดีๆล่ะ"

'เหอะ ว่าแล้วไม่ผิดจริงๆ' 

ไอยศิกายอมอดทนกับเรื่องบนเตียงมาหลายปีจนกระทั่งเจออิทธิ เธอหวังว่าเขาจะเป็นคนแรกที่จะได้ครั้งแรกของเธอไปเช่นกัน แต่กลับเป็นอิผีนี่ที่จะได้เหรอ ทุเรศจริงๆ 

ไอยศิการับชุดบางๆมาจากเจ้าพวกลูกน้องที่น่าจะหื่นพอๆกับนายตนเอง แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ เธอสะดุดใจกับกระดาษแผ่นนั้นที่อยู่ในกระเป๋า แล้วนึกได้ว่าได้มาจากมือขวาของผู้ชายคนนั้น ไอยศิกาเปิดดูแล้วรีบขยำลงถังขยะเพื่อให้ดูไม่น่าสงสัย

'เดี๋ยวจะมีคนมาช่วย ตามแผนนะครับ' 

แผนที่ว่านั่นคืออะไรกัน เท่าที่จำได้  มีแค่เธอกับอิทธิที่รู้เรื่องแผนการชิงตัว หรือเขาจะไปบอกนายพาทิตย์ของเขาและรู้ไปถึงหูพันธมิตรทุกฝ่ายแล้วกันแน่นะ

เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเธออีกครั้ง เพราะคืนนั้นหลี่ชุนเกิดติดธุระด่วน ด้วยความที่สั่งให้ไปนอนที่เรือนเล็กไปแล้วจึงปล่อยให้เธอหลับที่นั่นเพื่อรอแยกรถไปอีกคันตามคำสั่งของหลี่ชุน เขายอมรับว่าเขากลัวมีใครตุกติกและพาตัวยัยไอยศิกาไปทั้งๆที่เขายังไม่ได้เชยชมซักครั้ง 

กิตติที่แฝงตัวเข้ามาตามคำสั่งอาคม เพื่อจะขับรถให้กับอลันที่มารับไอยศิกาเพื่อแยกตัวไปที่รถอีกคันหนึ่ง แปลกที่ไม่มีใครรู้ว่ากิตติเป็นใคร และไม่มีคนสงสัยเลยด้วยซ้ำว่าเขามาจากที่ไหน 

ดีซะอีกที่มันทำให้งานที่นายท่านสั่งมาง่ายขึ้น

กิตติวิ่งรถไปรับอลันและไอยศิกาตามสถานที่ที่นัดเอาไว้ ที่กบดานชั่วคราวที่เรียกกันว่าบ้านเช็คของ ของหลี่ชุนอยู่ใกล้และหาง่ายกว่าที่เขาคาดไว้มาก กิตติขับไปจอดเทียบที่บ้านเล็ก และรอคอยไม่นานนักอลันก็พาผู้หญิงคนนั้นมา และผลักเข้าไปในรถสั่งให้เธอเขยิบไปข้างในและเขาก็เข้าไปนั่งข้างๆ 

"ไปเลยมั้ยครับ" 

กิตติถามไปตามบทที่เขาได้คิดไว้แล้ว

"ขับไปเลยก็ได้ นายรู้อยู่แล้วนี่" 

อลันที่ดูไม่ค่อยใส่ใจหยิบมือถือมานั่งเล่น ไม่มองพื้นที่รอบข้างว่าใช่ทางที่ถูกรึเปล่า ทางด้านของไอยศิกาเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าคนขับกำลังทำตามแผน เธอจึงเงียบและไม่พูดอะไรออกมาโดยไม่จำเป็น ไม่อย่างนั้นอลันจะรู้ตัว

'หวานเจี๊ยบล่ะทีนี้' 

กิตติแกล้งทำเป็นหลงทาง ทำท่าทางเปิดจีพีเอสวุ่นวายเพื่อถ่วงเวลาให้พวกของอาคมเดินทางมาถึงเป้าหมายเสียก่อน

"ผมขับมาผิดทางนิดหน่อย น่าจะต้องกลับไปทางเดิม" 

"เออ ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก มีเวลาเยอะ" 

แว่บแรกกิตติมองว่ามันดูจะง่ายไปและหากโดนซ้อนแผนทั้งเขาและไอยศิกาก็จะลำบากทั้งคู่ แต่อาคมส่งสัญญาณมาแล้ว ตอนนี้ทุกคนกำลังประจำจุดที่นัดแนะกันไว้

อิทธิเตรียมปืนเพื่อที่จะยิงที่ล้อรถ อาคมส่งสัญญาณให้อิงจันทร์เตรียมกับดักและพาไอยศิกาหลบหนีพร้อมกับกิตติไปยังเซฟเฮ้าส์และติดต่อสิตาให้โทรสั่งกำลังเสริมมาช่วยที่นี่หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เซฟเฮ้าส์ของสองพ่อลูกเป็นบ้านไม้สองชั้น มีรั้วปิดรอบที่ชั้นนอกและมีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่รอบเป็นวงชั้นใน อาคมมักจะบอกอิงจันทร์ว่าอย่ามาที่นี่โดยไม่จำเป็น เพราะหากมีคนรับรู้เรื่องการมีอยู่ของบ้านและเจ้าของบ้านล่ะก็ ที่นี่จะไม่ปลอดภัยทันที 

อาคมใช้ปืนยิงที่ล้อรถทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เช่นเดียวกับอิทธิที่ยิงที่ล้อรถอีกด้านหนึ่ง กิตติเสแสร้งทำท่าเหวอและหวาดระแวง เพื่อให้อลันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกิดอาการแพนิคจนสติแตก 

'ได้ผลจริงว่ะ' 

อลันเปิดประตูรถอีกด้านวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ด้วยความไม่มีสติจึงสะดุดกับขาที่อิงจันทร์ตั้งใจสกัดเอาไว้ให้ล้มลงไปโดนกับดักพอดี 

อาคมเปิดประตูให้ไอยศิกาลงมาจากรถและไปที่เซฟเฮ้าส์กับอิงจันทร์ และอิทธิ โดยที่ตนเองจะอยู่เพื่อจัดการอลันและรอดูว่าหลี่ชุนจะไหวตัวทันเมื่อไหร่ จะได้เคลียร์พร้อมกันทั้งเจ้านายและลูกน้องไปเลยทีเดียว อาคมได้แต่ภาวนาว่าอิงจันทร์จะไปส่งทุกคนและติดต่อสิตาให้ส่งกองเสริมมาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นหากเกิดเพลี้ยงพล้ำและสู้ไม่ไหว ตนจะได้ปลอดภัยและมีชีวิตกลับไปหาลูกสาวได้ตามสัญญา

.....

อิงจันทร์พาไอยศิกาและอิทธิไปยังเซฟเฮ้าส์ที่อาคมจัดเตรียมไว้เพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ ในขณะที่อาคมยังคงนั่งชิลอยู่ที่กระบะหลังมองอลันฟึดฟัดดิ้นรนกับสถานการณ์ที่ตนเองควบคุมไม่ได้ ขาข้างซ้ายเริ่มไม่มีความรู้สึกเพราะอาการเหน็บชา แต่เขายังคงดิ้นพล่าน ดันทุรังเพื่อที่จะออกไปจากตรงนั้นจนเชือกมัดเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม

"โทรเรียกนายของแกมาที่นี่ซะ พาเขามาจัดการฉันสิ แค้นนักไม่ใช่รึไง" 

อาคมโยนมือถือของเขาให้กับอลัน บนหน้าจอมีเบอร์ของหลีชุนเรียบร้อยอยู่แล้วเพราะเพิ่งอาคมเองก็เพิ่งคุยและวางสายไปเมื่อซักครู่ อาคมจิบกาแฟเย็นที่ซื้อมาตั้งแต่เช้า รอคอยให้อลันทำตามแผนที่วางเอาไว้ อิงจันทร์จะต้องทำตามแผนได้แน่ เขามั่นใจเต็มร้อยเลยล่ะ

ความจริงแล้ว อาคมเป็นเพื่อนกับหลี่ชุนมาตั้งแต่ยังเรียนด้วยกัน หลังจากจบ มศ.6 อาคมก็ย้ายไปเรียนปริญญาตรีที่นครปฐม ขณะที่หลี่ชุน พ่อส่งไปเรียนม.เอกชนแถวบ้าน ทั้งคู่จึงไม่ได้เจอกันอีกเกือบหกปี จนกระทั่งวันหนึ่งที่อาคมได้เข้าไปทำงานกับกรมสืบสวนคดีพิเศษ เขาจึงได้พบกับหลี่ชุนอีกครั้ง.... แต่เป็นฐานะจำเลยที่เขาเป็นคนทำคดีค้ามนุษย์ 

"แกมันบ้า ...." 

เสียงหายใจหอบถี่ของอลันลากอาคมกลับมาสู่ช่วงเวลาปัจจุบัน อลันกดโทรออกตามคำยุยง และพบว่าปลายสายมีน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจกับความเซ่อซ่าของเขาเอามากเลยทีเดียว

"แกไปทำอิท่าไหนให้เขาจับได้ น่าอายจริงๆ" 

"ท่านครับ มันดักปล้น ไอ้ผู้หญิงนั่นมันไปกับไอ้เผือกแล้ว" 

"กูรู้แล้ว.... ให้กูเดานะ ตอนนี้สภาพแกคงอนาถ และนายอาคมคงมองแกด้วยสายตาเย้ยหยันล่ะสิ" 

หลี่ชุนหัวเราะ เขาคิดผิดที่เลือกอลัน เรียนสูงเสียเปล่า แต่ดันเสียโง่ให้ผู้หญิงที่ฉลาดกว่า

"เดี๋ยวกูไป ถือซะว่าไปเยี่ยมเพื่อนเก่า แกควรจะอยู่เฉยๆแล้วรอนะ... " 

"ครับท่าน" 

หลี่ชุนตัดสายทิ้ง ปล่อยให้อลันเคว้งอยู่เป็นชั่วโมงด้วยความกลัว กว่าหลี่ชุนจะมาถึงที่หมาย อาคมก็แทบจะหลับรอด้วยความอ่อนเพลียจากการวางแผนจนดึกดื่น แต่ก็ต้องอดทนรอจนจบงาน 

เสียงรถใกล้เข้ามาแล้ว อาคมมองเสื้อเกราะกันกระสุนที่วางอยู่ข้างตัว เขาคิดว่ามันอาจจะไม่จำเป็น แต่การนำติดมาก็ทำให้อุ่นใจในระดับนึง 

"แกนี่มันห้าวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะอาคม ตั้งแต่อายุ17ยัน47 .... ก็ยังไม่เคยเปลี่ยนไปซักที" 

  อาคมโค้งคำนับล้อเลียนหลี่ชุนที่เดินมาหา หลี่ชุนยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะพาอลันกลับขึ้นรถตู้ แต่ตนเองกลับเดินย้อนมานั่งที่ท้ายกระบะกับอาคมอีกรอบ

"แกรู้มั้ย ว่าอยู่ในคุกมันเหมือนเป็นนรก" 

"เอาน่า ก็แกทำผิดจริงๆนี่หว่า เลิกราวีกันซะทีเถอะ เหนื่อยก็เหนื่อย ปล่อยฉันบริหารรีสอร์ทตามประสาคนสูงวัยซะทีเถอะว่ะ" 

.... หลี่ชุนถอนหายใจ ก่อนจะนำปืนตนเองมาขัดเงา 

"มึงก็น่าจะรู้ ว่ากูมาที่นี่เพื่ออะไร" 

"เมื่อก่อนแกเป็นคนดี ไม่ยอมซื้อเด็กที่อายุน้อยกว่า20ด้วยซ้ำ" 

อาคมพูดติดตลก แต่ก็ทำเนียนพยายามคว้าเสื้อกันกระสุนมาไว้ข้างตัว 

"แกมอบตัวเถอะ หลี่ชุน ตอนนี้ยังทันนะ กำลังเสริมกำลังจะมา ไม่งั้นแกจะโดนวิสามัญ แกไม่ห่วงลูกสาวสองคนของแกรึไง" 

"มึงคิดว่ากูอยากกลับไปในนรกมั้ยล่ะ นั่นแหละ คำตอบ" 

หลี่ชุนขึ้นลำปืน เล็งที่อกของอาคมโดยตรงแล้วลั่นไก 

ปัง!! 

มือของอาคมยังคงกำด้ามปืนไว้ แค่เผื่อไว้เท่านั้น ไม่คิดว่าจะโดนจัดการไวขนาดนี้ด้วยซ้ำ

'อิงจันทร์ พ่อขอโทษ' 

หลี่ชุนเดินมามองอาคมที่ทรุดลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดไหลเปรอะซึมไปทั่วเสื้อเชิ้ตสีครีม ... 

"แกมันใจดีเกินไป.... "

อาคมยิงไปที่เข่าของหลี่ชุนเป็นสัญญาณให้กำลังเสริมของสิตาจัดการวิสามัญหลี่ชุนทันที

ปัง! ปัง! 

ด้วยกระสุนเพียงสองนัด หลี่ชุนล้มลง และหมดลมหายใจทันที 

'ลาก่อน ตลอดไป'

อาคมไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป ทั้งรถตำรวจและรถพยาบาลต่างวิ่งเข้ามาวุ่นวายไปหมด อาคมหลับตาลง ทุกอย่างมืดมิด และสติก็ดับวูบ

......

อิทธิได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากพื้นที่ที่เขาเพิ่งจากมา นัดแรก และสองนัดต่อมา มันเว้นระยะห่างกันจนผิดปกติ เขาไม่กล้าคิดเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม้รถตำรวจจะทยอยวิ่งเข้าไป แต่เสียงไซเรนจากรถพยาบาลมันน่าหวั่นใจยิ่งกว่า อิทธิมองไปยังอิงจันทร์และไอยศิกาที่ร้องไห้เงียบๆด้วยความกังวลแต่ก็ยังไม่หยุดเดิน 

อิงจันทร์รวบรวมสติทั้งหมดทบทวนแผนการในสมอง และต่อสายไปหาสิตา แพทย์ประจำตัวของอาคมทันทีตามแผนที่ประชุมกันไว้เมื่อคืน 

"น้าสิตาคะ เปิดบ้านไว้ได้เลยค่ะ คุณพ่อสั่งเอาไว้ให้อิงโทรมาตอนที่อาจจะ..."

"อ้าว เกิดอะไรขึ้นเหรอหนู" 

..... 

สิตาเงียบไป เช่นเดียวกับอิงจันทร์ที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง 

"เสียงปืนค่ะ มันผิดปกติ พ่อไม่เคยยิงใคร ยิ่งเป็นเพื่อนเก่าแบบลุงชุนด้วย..." 

"ได้จ้ะ จะรีบไปนะ" 

อิงจันทร์นับว่าเป็นเด็กสาวที่มีสติครบถ้วนในทุกสถานการณ์เสียจนอิทธิแอบอาย เธอหันมาเช็คว่าทุกคนยังอยู่ครบ และเดินหน้าต่อไป

"อีกสามกิโลเมตรก็ถึงที่หมายค่ะ เดินไหวมั้ยคะน้าไอย น้าอิท" 

เธอหยุดพัก และหลับตา จากนั้นก็กวักมือเรียกไอยศิกาและอิทธิให้เดินต่ออีกพัก 

"แถวนี้ยังอยู่ในช่วงระยะที่อันตราย ไปต่ออีกหน่อยนะคะ" 

แม้จะไม่เคยรู้ว่าอาคมฝึกลูกสาวตนเองมาอย่างไร แต่อิทธิแน่ใจว่าเธอคงไม่ได้โตมาเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆแน่นอน

ทางฝั่งของสิตาที่กำลังวิ่งขึ้นไปที่ห้องทำงานและหยิบกุญแจบ้าน และกุญแจรถเพื่อไปเซฟเฮ้าส์ที่อิงจันทร์ปักหมุดส่งไป อาคมที่หมดสติมากับรถพยาบาลก็มาถึงพอดี เธอกัดริมฝีปากล่างเพื่อไม่ให้สะอื้นและกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เขาเป็นรักแรกของเธอมาตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน ตั้งแต่เขายังเพิ่งแต่งงาน และอิงจันทร์ยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ 

จนกระทั่งวันที่ภรรยาของอาคมถูกฆ่าด้วยน้ำมือโจรที่บุกปล้นรีสอร์ท เธอเองก็เป็นคนที่ดูแลเขา และห้ามไม่ให้เขาเกิดคิดฆ่าตัวตายขึ้นมา

"พี่ไม่เหลือใครเลย มันจบแล้ว" 

อาคมในวันนั้นไม่มีสติหลงเหลืออยู่ เขาพุ่งไปที่ดาดฟ้าโรงพยาบาล และทำท่าจะปีนรั้วเตี้ยๆตรงนั้น 

"แล้วลูกสาวพี่ล่ะ .... อิงจันทร์จะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีพี่เขาจะมีชีวิตยังไง พี่ต้องคิดถึงลูกบ้างสิ พี่เป็นพ่อคนแล้วนะ" 

.... อาคมชะงักกึก และข้ามกลับมา สิตาถือว่าเป็นคนที่ทำมห้เขาตั้งสติและยังเป็นผู้เป็นคนมาจนถึงทุกวันนี้ อิงจันทร์เองก็ถือว่าเป็นหลานสาวที่สิตาดูแลมาตั้งแต่เรียนประถม จึงรักและผูกพันธ์กันมาก 

กว่าจะถึงวันที่เขาเริ่มกลับมาเหมือนเดิม อิงจันทร์เองก็เข้มแข็งเกินเด็กไปแล้ว เพราะต้องปลอบและดูแลอาคมที่สภาพจิตใจพังมาเป็นเวลาหลายปี เช่นเดียวกับในตอนนี้ที่เธอยังคงก้าวไปไม่หยุด แม้จะรู้... รู้ว่าพ่อของเธออาจจะไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้เอาไว้ได้ รู้ว่าเธออาจจะต้องอยู่ตัวคนเดียว .... แต่ถึงอย่างนั้น อิงจันทร์ก็ไม่กลัว ไม่แสดงสีหน้าใดๆ และทำงานตามที่วางแผนไว้อย่างดีเยี่ยม

'พ่อคะ ภูมิใจได้เลยค่ะ อิงจันทร์คนนี้... จะเป็นคนที่เข้มแข็งตลอดไป แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม'

.....

ติ๊ด ติ๊ด ... 

   เสียงอัตราการเต้นและผลจากหน้าจอเช็คสัญญาณชีพ บ่งบอกว่าอาคมกลับมาเป็นปกติ และปลอดภัยแล้ว ทำให้พยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้เตียงวิ่งไปตามหมอที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยความตื่นตกใจ

"สัญญาณชีพปกติแล้วค่ะคุณหมอ!" 

"ไม่จริงน่ะ ตอนแรกยังโคม่าอยู่เลยนี่ พยาบาล!"

"ค่ะหมอ" 

"แจ้งคุณสิตา ว่าคุณอาคมปลอดภัยดีแล้ว" 

"ค่ะ หมอ" 

.....

สิตาเหยียบคันเร่งสุดชีวิตเพื่อมาเตรียมที่พักให้แขกของอาคมที่จะมากับหลานสาวคนสนิท ในใจก็หวังแค่ว่าเขาจะปลอดภัย แต่เธอก็ต้องจดจ่อกับการขับรถเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องที่น่าเป็นกังวลเพิ่ม 

บ้านที่เธอคุ้นเคย... ที่อาคมเคยมาอยู่กับอิงจันทร์หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมในช่วงเวลาหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ภายในสวนที่ถูกทำให้คล้ายโล่กำบังสายตาของคนอื่นๆ 

สิตากดรีโมทเปิดรั้ว และเลี้ยวเข้าไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว เธอก็ยังจำได้แม่นไม่เคยลืม

"น้าถึงแล้วนะอิงจันทร์ อยู่ไหนกันแล้วจ้ะ" 

"ค่ะ ใกล้จะเข้าไปแล้วเหมือนกัน" 

คุยได้ไม่นานเท่าไหรสายเรียกเข้าซ้อนจากโรงพยาบาลดังเตือนขึ้นมา สิตาจึงตัดสายอิงจันทร์ไปและรับสายที่สำคัญแทน 

"รุ่นพี่ครับ มันแปลกมากเลย อยู่ดีๆคุณอาคมก็ปกติ ทั้งๆที่เพิ่งโคม่ามาเนี่ยนะ" 

"เอาน่า ดีขึ้นก็ดีแล้ว นายไปเช็คร่างกายเขาสิ ฉันว่าเขาคงฮึดขึ้นมาในช่วงสุดท้ายด้วยเหตุผลทางจิตวิทยา แต่ก็ต้องเช็คร่างกายก่อนอยู่ดี" 

"คร้าบๆๆๆ" 

"พาไปห้องเดิมนะ วีไอพี10" 

"โห วีไอพีเลยเหรอเจ๊...." 

   สิตาตัดสายรุ่นน้องที่ยังคงเหวอกับคำสั่งเมื่อครู่และออกมาต้อนรับไอยศิกาและอิทธิ ก่อนจะเข้าไปบอกข่าวดีกับอิงจันทร์ที่กำลังทำอาหารง่ายๆให้คนที่มาเยือนอยู่ข้างในครัว

"นี่ พ่อคมปลอดภัยดีแล้วนะ ไม่ต้องห่วงแล้ว" 

อิงจันทร์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วทำอาหารต่อไปเงียบๆ ภายในวันสองวันนี้ หากไม่พบการปองร้ายเพิ่มเติม ก็สามารถแยกย้ายกลับบ้านได้ทันที และถือว่าทุกอย่างจบลงแล้ว

อิทธิเข้ามาในครัวและรับจานจากสิตามาล้าง ผึ่งให้แห้ง ในขณะที่ไอยศิการับหน้าที่เช็ดโต๊ะและเตรียมแก้วน้ำสำหรับสี่คน

"ให้ผมช่วยนะ" 

อิทธิหยิบกระติกน้ำแข็ง มาพร้อมที่คีบที่เพิ่งซื้อมาด้วยกัน 

"พี่อิทคะ.. เรื่องที่พี่หายไป แล้วไอยโมโหใส่ ไอยขอโทษนะ" 

ไอยศิกากอดอิทธิไว้อย่างแน่นหนา ในใจยังคงกลัวว่าตนเองจะโดนส่งไปขายจริงๆหากไม่ได้อาคม และอิทธิมาช่วยในแผนนี้

"ผมกลับไปคุยกับคุณพาทิตย์วันนั้น... เขาก็แค่เป็นห่วง กลัวผมจะคิดสั้นน่ะ" 

"ฉันก็กลัวค่ะ.... แววตาคุณดูว่างเปล่ามากเลย"

"ผมก็ต้องขอโทษที่ทำให้คุณต้องเป็นห่วงนะครับ" 

ไอยศิกาจับมืของอิทธิมาวางบนไหล่ ก่อนจะเขย่งตัวหอมแก้ม และมองขึ้นมาอย่างเขินอาย

"คุณไอยดูแปลกๆนะครับวันนี้"

"ก็ ฉันผ่านจุดที่รู้สึกกลัวที่สุดในชีวิตมาแล้วนี่คะ ฉันอยากจะรักใครซักคน โดยเฉพาะคุณ..." 

"อันนั้นบทของผมนะครับ" 

ไอยศิกาใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของอิทธิ แล้วเขย่งตัวมาจุ๊บโดยมีนิ้วกั้นกลาง 

อิทธิยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาจับมือของไอยศิกาหลบก่อนจะจูบแล้วผละตัวออก 

"ที่นี่คนเยอะ รอทุกอย่างคลี่คลาย ผมจะพาคุณพาทิตย์ไปสู่ขอคุณนะ แต่ก่อนอื่น--" 

อิทธิส่งแหวนที่เตรียมไว้ให้ไอยศิกา 

"ผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะ คุณไอยศิกา ถึงผมจะเคยเป็นใคร ผมจะเปลี่ยนตัวเอง ผมจะรักคุณ ผมจะรักตัวเองให้มากๆ .... แล้วก็---" 

ไอยศิกาหอมแก้มเขาแล้วรับแหวนมาใส่ 

"จากนี้ไป ฉันจะเป็นคนที่คอยเยียวยาหัวใจให้พี่เองค่ะ" 

..... 

อิงจันทร์และสิตามองทั้งคู่จากในห้องครัว ภาพของชายหนุ่มที่ยื่นแหวนให้ผู้หญิงที่ตนรักมันช่างดู "โรแมนติก" เกินกว่าที่สิตาจะคาดหวังให้เกิดขึ้นกับตนเอง โดยเฉพาะกับคนที่ไม่เคยคิดจะเปิดใจให้ใครแบบนั้น .... 

ในขณะที่อิงจันทร์ยิ้มกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าและเธอยังคงคาดหวังว่าซักวันพ่อของเธอจะเปิดรับใครซักคนเข้ามาดูแลบ้าง .... เธอมั่นใจว่าถ้าหากคนๆนั้นรัก และเป็นห่วงพ่อของเธอจากใจจริง ยังไงเธอก็จะยอมรับ และรักผู้หญิงคนนั้นได้เหมือนกัน 

..... แต่ 

คนอย่างอาคม คงไม่รักใครได้ง่ายๆนักหรอก อิงจันทร์รู้ดี ตั้งแต่เสียแม่ไป พ่อก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย แม้กระทั่งน้าสิตาที่ดูแลเขาทุกอย่างขนาดนี้... 

"ทานข้าวกันเถอะค่ะ ข้าวสุกแล้ว" 

อิงจันทร์ตัดสินใจเดินออกมาจากครัวเมื่อเห็นบรรยากาศ ความหวาน เริ่มเจือจางลงเล็กน้อยและวางสำรับอาหารบนโต๊ะทานข้าว 

'ขอให้ต่อจากนี้ไปมีแต่วันที่สงบสุขทีเถอะค่ะ' 

เธอได้แต่แอบภาวนาในใจ เช่นเดียวกับทุกคนที่คงอยากจะกลับมาใช้ชีวิตปกติบ้างเสียที

........

เวลาผ่านไปหลายเดือน ในที่สุดอาคมก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเตรียมกลับบ้านไปกับอิงจันทร์ และอิทธิก็ฝากให้ทั้งคู่พาไอยศิกากลับเพชรบูรณ์ไปด้วยกันทั้งสามคน ทางฝั่งของสิตายืนยันว่าตนเองยังคงต้องทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ซักพัก เพราะมีเคสคนไข้ที่ร้ายแรง ซึ่งรุ่นน้องและเด็กๆอินเทิร์นรอคอนซัลท์อยู่เป็นจำนวนมาก 

ทางฝั่งของอิทธิต้องเดินทางกลับขึ้นไปเชียงใหม่ เพื่อกลับไปเคลียร์งานที่คั่งค้าง รวมถึงพา คุณพาทิตย์ มานิตา และนายน้อยของเขามาเที่ยว และสู่ขอไอยศิกากับทางบ้าน จนกว่าจะได้มาเพชรบูรณ์พร้อมหน้าพร้อมตากันถึงสี่คน เวลาก็ปาเข้าไปต้นเดือนกุมภาแล้ว .... 

หลังจากลมหนาวเริ่มพัดผ่านมา ไอยศิกาก็เริ่มเดินเช็คปริมาณผลลูกหม่อนในไร่ ตามปกติแล้วเดือนกุมภาพันธ์จะมีการออกดอกออกผลที่ดกจนน่าเปิดโปรโมชั่นให้เข้ามาเก็บจากต้นแบบบุฟเฟ่ต์... แต่เธอก็ต้องเก็บบางส่วนเผื่อไว้แปรรูปบ้าง จะได้มีไอศกรีมและน้ำลูกหม่อนขายในร้านขายของฝากสำหรับลูกค้าที่จะซื้อกลับบ้าน เธอรู้อยู่แล้วว่าอิทธิคงต้องจัดการหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะงานที่เขาทิ้งมา เพราะมันกินเวลานานตั้งแต่เขามาถึงที่นี่ ...ด้วยความวุ่นวายต่างๆนานา  ทำให้เวลามันผ่านช่วงปีใหม่มาตั้งแต่ตอนไหนเธอก็ยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ 

ตั้งแต่คุณพ่อเสียไปเมื่อปลายปีก่อน ครอบครัวของไอยศิกาตอนนี้มีเหลือเพียงแค่นาเดียที่เป็นพี่สาว และนภาพิศ คุณแม่ของเธอที่กำลังป่วยอยู่เท่านั้น แต่อิทธิไม่มีใครเลย มีแค่เจ้านาย ที่ไอยศิกาเองก็คิดว่าแม้คุณพาทิตย์จะดูแลดีแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเทียบได้กับชีวิตที่อยู่กับครอบครัวที่มีความสุขได้เลยจริงๆ 

อิทธิมองสิ่งที่ตั้งอยู่หน้าบ้านของไอยศิกา มันเป็นน้ำพุรูปแมวคู่รัก ตัวนึงสีบรอนซ์และอีกตัวเป็นสีทองแดง เขามองมันด้วยความหลงใหล ด้วยความเป็น ทาสแมว แต่ภาระเยอะจนไม่สามารถเลี้ยงมันได้ ทำให้เมื่อเขาว่างจากงาน และเริ่มเหงา เขาก็จะไปเยือนบ้านคุณแพท ไปเล่นกับน้องกุ๊กและน้องเก๋ แมวของคุณปภาวี ภรรยาของคุณพันธ์ศักดิ์ที่บ้านใหญ่เดือนละครั้ง 

"มากันแล้วเหรอคะ เข้าบ้านเถอะค่ะ" 

ไอยศิกายิ้มให้กับอิทธิ และเชิญครอบครัวของคุณพาทิตย์เข้าบ้านเพื่อเริ่มคุยเรื่องของการสู่ขอและแต่งงาน 

"ห๊ะ นี่เธอมีแฟนเป็นมือขวามาเฟียเนี่ยนะ มันจะดีเหรอ"

"เอ่อ คือผม" 

"เงียบไปก่อนเลยค่ะ ฉันจะคุยกับน้องสาวเป็นการส่วนตัวซักครู่" 

นาเดียลากไอยศิกาไปในห้องนอน ปล่อยให้อิทธิหน้าเจื่อนอยู่ที่ห้องรับแขก ท่ามกลางสายตาเห็นอกเห็นใจของครอบครัวนายพาทิตย์ และแม้กระทั่งนภาพิศ คุณแม่ของหญิงสาวทั้งสองคนด้วย

ซักพักก็มีเสียงดังออกมาจากด้านในห้อง คำพูดที่ทำให้อิทธิถึงกับน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว

"ถ้าเกิดวันนึงมีคนที่เสียผลประโยชน์มายิงเขาตายในวันนั้นที่แกมีลูกกับเขาแล้ว แกจะทำยังไง งานเขาอยู่กับความเสี่ยงตายมากมายเลยนี่ แกก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...." 

พาทิตย์ถอนหายใจแล้วมองมิ้ลค์ที่นั่งมองมือขวาคนสนิทของทั้งคู่ด้วยความลำบากใจ

'พี่อิทจะไหวรึเปล่านะ'

....

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!