เวลาผ่านไปสองอาทิตย์กว่าๆแล้วหลังจากเกิดอุบัติเหตุขึ้น อิทธิที่พยายามอดทนรักษาตัวในห้องพยาบาลจนกระทั่งหายดีได้เป็นครั้งแรกในชีวิตกำลังฝืนตัวเองให้เดินไปชำระค่ารักษาพยาบาลที่จุดการเงินเพื่อออกจากโรงพยาบาล แต่เมื่อไปติดต่อที่ฝ่ายการเงิน เขากลับพบว่ามีคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เรียบร้อยแล้ว หลังจากทางโรงพยาบาลยืนยันว่าไม่สามารถเปิดเผยตัวผู้ช่วยเหลือเป็นรอบที่ 5 เขาจึงยอมจำนนและเดินกลับไปเก็บของในห้องเพื่อไปตามหาเจ้านายของตนเองและอธิบายเรื่องต่างๆที่ค้างคาในใจให้จบเสียที
"คุณอิทธิจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้เลยใช่มั้ยคะ"
พยาบาลที่จุดชำระเงินถามขึ้นมา และส่งใบเสร็จค่ารักษาที่มีลายเซ็นของผู้ที่ชำระค่ารักษาให้เขา
"ทางเราช่วยให้คุณทราบแค่ว่าเธอเป็นเจ้าของลายเซ็นนี้จริงๆค่ะ"
"อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก"
อิทธิยิ้มให้กับพยาบาลที่จุดชำระเงิน แล้วเดินออกไปตั้งสติที่ล็อบบี้ ถ้าเป็นพาทิตย์จะตามหาเขายังไงกันนะ จะกลับเชียงใหม่ หรือยังรออยู่ที่ไร่ของคุณไอยศิกากันแน่ อิทธิจำได้แค่เพียงว่าเขาทิ้งจดหมายไว้ที่นั่น แต่แค่เพียงสองประโยคคงไม่สามารถให้ความกระจ่างใดๆกับเจ้านายที่เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ได้อย่างแน่นอน
'เอาล่ะ อิทธิ นายต้องเลิกหนีปัญหาแล้วกลับไปคุยให้รู้เรื่องซะที'
เขาเห็นชื่อโรงพยาบาลแล้วเกิดสับสนหนักขึ้นไปอีก.... ศรีน่าน!? อิทธิเดินออกไปนอกตัวโรงพยาบาลก่อนจะสังเกตรอบข้าง
'ก็ยังอยู่เพชรบูรณ์นี่หว่า'
อิทธิเดินไปขึ้นรถกลับเข้าตัวเมือง เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เขาไม่ทันได้มองด้วยซ้ำว่าพาทิตย์เองก็กำลังขับรถสวนทางไปพอดี เพื่อรอให้เขากลับไปที่บ้านเมื่อเขาพร้อมที่จะคุยให้รู้เรื่องว่าตนเองทำอะไรผิดพลาดลงไปบ้าง
อิทธินั่งไปลงที่ท่ารถและเจอกับไอยศิกาที่นั่งรอรถเที่ยวสุดท้ายเพื่อจะกลับไปที่ไร่หวานใจหลังจากแยกกับพาทิตย์ที่โรงพยาบาลเมื่อครู่
"คุณไอย..."
เหมือนจะรู้ว่าเขากำลังยืนมองอยู่ ไอยศิกาจึงเงยหน้าขึ้นมาเจออิทธิที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอน้ำตาไหลอาบแก้มแต่ก็ยังคงมีสีหน้าที่ไม่พอใจเจืออยู่
"คุณทำอะไรลงไป คุณรู้มั้ยว่าเจ้านายคุณตามหาคุณไปทุกที่..."
"ผมเจออุบัติเหตุ จำอะไรไม่ได้เลย"
"ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกแย่กับเรื่องที่คุณเคยทำลงไปในอดีต แต่การหนี และทิ้งทุกอย่างไปมันสิ้นคิดมากเลยนะ"
"ผมก็กลับมาแล้วนี่ไง ผมต้องทำยังไง มันถึงจะถูกต้องในสายตาคุณเหรอไอย"
"ก็คุณคิดจะทิ้งฉันไปโดยไม่บอกกันซักคำ คุณไม่เคยถามฉันแม้แต่นิดเดียวว่าฉันรู้สึกยังไง...ฉันต่างหากที่ควรถามว่าควรจะทำยังไง ให้คุณรู้ว่าฉันไม่เคยสนใจเลยว่าอดีตของคุณมันแย่แค่ไหน และฉันพร้อมที่จะรักษาหัวใจคุณมาตลอด แต่.... มันคงไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ"
ไอยศิกาตัดสินใจเดินขึ้นรถที่ไปเคียงผารีสอร์ทแทนที่จะกลับไปที่ไร่ และหันหน้าหนีเขา
'เอาไว้คุยกับนายตัวเองให้จบแล้วค่อยมาง้อฉันก็แล้วกัน'
.....
ขณะเดียวกันที่เคียงผารีสอร์ท หลังจากอิงจันทร์และอาคมกลับมาจากโรงพยาบาลได้ซักพักแล้ว อิงจันทร์จึงพาคุณพ่อไปพักที่ห้องนอนแล้วเดินมาเฝ้าออฟฟิศเหมือนทุกครั้ง ยังไม่ถึง 1 ชั่วโมงดีนัก เธอก็เห็นว่าไอยศิกาเดินเข้ามาในออฟฟิศและกล่าวย้ำกับเธอว่า
"พี่ขอพักที่นี่สัก 1 อาทิตย์นะ อย่าบอกใครว่าพี่มาอยู่ที่นี่"
อิงจันทร์มีสีหน้าที่แสดงถึงความสงสัยอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่ถามอะไรออกมา
"พี่มาอยู่ห้องด้านหน้าดีกว่า อิงกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องเหมือนเมื่อวันนั้นอีก"
เด็กสาวยังคงตกใจเหตุการณ์ในวันนั้น แต่ไอยศิกาก็บอกเด็กสาวว่าไม่จำเป็นต้องกังวลนัก เพราะเธอมีเพื่อนที่ช่วยเหลือในยามคับขันได้อยู่ แม้เธอจะรู้ดีว่าครั้งก่อนเธอใช้เวลานานเกินไปกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ แต่อย่างน้อยการที่พูดออกไปอย่างนั้นก็ทำให้อิงจันทร์สบายใจขึ้นมาได้นิดหน่อย
.....
ทางด้านของอิทธิ เขาตัดสินใจกลับไปที่เคียงผารีสอร์ทอีกครั้งเพื่อนำรถกลับไปยังเชียงใหม่และเข้าพบกับนายพาทิตย์ว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ เขาแทบจับพิรุธสีหน้าอิงจันทร์ตอนยื่นกุญแจรถคืนให้เขาทันทีที่พบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะเขามัวแต่นึกถึงว่าจะทำอย่างไร และกังวลตลอดเวลาว่าจะโดนถอดออกจากตำแหน่งรึเปล่า
"ลำบากหน่อยนะคะ ดีใจจังที่ลุงไม่ได้เป็นอะไรมาก"
อิงจันทร์ยิ้มหวาน แต่ในใจพยายามอดกลั้นไว้ไม่ให้บอกอะไรกับเขาเรื่องที่ไอยศิกาหนีเขามาหลบซ่อนตัวที่นี่
"งั้นพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวมาหาใหม่คราวหน้า"
"เดินทางดีๆนะคะพี่อิท"
เขาก้าวขึ้นรถแล้วขับกลับบ้านทันที และมีสายเข้ามายังมือถือแทบจะทันทีที่เขาเปิดมันได้
"พี่เป็นบ้าอะไร!! คนเขาเป็นห่วงกันทั้งบ้าน คิดว่าพี่ตายไปแล้ว"
เสียงที่แว้ดออกมาจากปลายสายเป็นเสียงของนายหญิงมานิตา และเสียงร้องไห้ของนายน้อยที่อายุเพิ่งครบ2ปีได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ตามมาติดๆ
"ผมขอโทษ ผมกำลังจะกลับไป"
เสียงปลายสายดูชุลมุนและเปลี่ยนไปเป็นเสียงของเจ้านายเขาทันที
"พี่อิทกลับมาก่อนครับ อย่าเพิ่งคิดตัดสินใจทำอะไรเองจะดีกว่า"
"ครับ ผมกำลังขับรถกลับไป"
"เดินทางดีๆครับ เจอกันที่บ้านนะ อย่าลืมเข้ามาเจอผมที่ห้องด้วยนะครับ"
ปลายสายวางสายไป เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตั้งสติขับรถกลับจนถึงที่พักส่วนตัวที่เชียงใหม่ตอนนั้นก็ใกล้จะสามทุ่มแล้ว เขาเดินเข้ามาพบพาทิตย์ที่บ้านใหญ่ อิทธิเห็นเงาของนายทั้งสองยืนรออยู่ด้านในแล้วจึงผลักประตูเข้าไปด้วยความกล้าๆกลัวๆ
"ผมมาแล้วครับนาย"
สายตาดุดันของนายพาทิตย์จับจ้องไปที่อิทธิที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านหน้า แล้วลุกขึ้นมากอดเขาเอาไว้เงียบๆ
"พี่อย่าทำแบบนั้นอีกนะครับ ผมกับน้องมิ้ลใจหายแล้วจริงๆ นึกว่าพี่ไปให้พวกนั้นฆ่าทิ้งแล้ว"
อิทธิกลืนน้ำลายแล้วทรุดตัวลงไปนั่ง
"ผมไม่ไหวแล้วจริงๆครับนาย ผมเกลียดตัวเองมากตอนนั้น แต่ตอนนี้สติผมกลับมาแล้ว ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก"
"พี่ลองไปหาจิตแพทย์เถอะค่ะ จะได้ดีขึ้น"
มิ้ลพูดขึ้นมาเป็นประโยคแรกของวันหลังจากเงียบด้วยความกดดันทั้งวันเมื่อรู้ว่าเขากำลังเดินทางกลับมา ความเงียบนั้นมันสร้างความอึดอัดซะจนพาทิตย์แซวเพื่อลดความอึดอัดใจที่ล่องลอยไปทั่ว
'ที่รักกำลังสร้างอารมณ์โหดๆรึไงครับ ไม่ต้องหรอก ที่รักโหดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ'
คำพูดนั้นทำให้มิ้ลยิ้มออกมาได้เล็กน้อยก็จริง แต่เธอก็ยังคงเงียบอยู่จนถึงเมื่อครู่อยู่ดี
"ผมเคยทำร้ายคน ถึงจะสำนึกผิดแล้ว แต่มันเป็นเหมือนบาปกรรมที่ผมต้องชดใช้"
เขาลุกขึ้นมาแล้วลาเจ้านายทั้งคู่เพื่อไปพักผ่อนที่ห้องส่วนตัว เขามองว่าปัญหาคือการที่ตนเองยังคงจมปลักอยู่ในอดีต แต่การรักษาสภาพจิตเขามันไม่สามารถแก้ไขให้หายได้ทันทีอยู่แล้ว
เขาก้าวเข้าห้องแล้วอาบน้ำ เตรียมตัวจะพักผ่อนเพื่อทำงานต่อในวันถัดไป อิทธิยังไม่ทันนึกด้วยซ้ำว่าเขาจะต้องกลับไปช่วยหญิงสาวที่เขารักในอีกไม่กี่วัน
'ขออยู่อย่างสงบซักพักเถอะ ขอล่ะ'
อิทธิเอนกายนอนลงกับเตียงนุ่มที่คุ้นเคย ในใจคาดหวังว่าที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ความฝันที่ยาวนานเท่านั้น แต่เชิ่อเถอะ ดาวมฤตยูยังไม่ยอมปล่อยเขาอยู่อย่างเป็นสุขในเร็วๆนี้หรอก
"ท่านครับ จะให้ทำยังไงดี มันยังไม่ตายครับขนาดจงใจเร่งให้ชนอย่างแรงแล้วแท้ๆ"
"แกไปสืบมาว่าคุณไอยของไอ้เผือกมันอยู่ที่ไหน ไปจับนังนั่นมาซะ แล้วแกอยากทำอะไรก็ทำ"
"ครับ ท่านหลี่ ผมขอจัดการยัยไอยคนเดียวนะครับ ผมเกลียดไอ้ขี้เก๊กนั่น อยากให้มันจุกอกตายไปข้างนึง"
"อย่ามัวแต่อยากกินสาวจนทำให้เสียแผนล่ะ ฉันคาดหวังกับแกมากนะอลัน"
"ครับท่านหลี่ ผมจะรีบจัดการเก็บมันให้เร็วที่สุด"
อลันยิ้มมุมปาก เขาอยากฆ่าอิทธิตั้งแต่วันแรกที่เห็นมันโอบไอยศิกาด้วยซ้ำ มาทีหลังตั้งนาน เหอะ
'อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าเห็นคนที่ตัวเองรักถูกทรมานต่อหน้า แกจะทนได้ซักแค่ไหนเชียว'
อลันแกล้งโทรหาไอยศิกาว่าตนเองป่วยหนัก อยากให้เธอพาไปโรงพยาบาล หากเธอมาคนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากเกิดเรื่องนั้นไอ้เผือกคงไม่สามารถที่จะมาเพชรบูรณ์ได้ทันช่วยเธอแน่ๆ
"อัย พี่ปวดหัวจังน่าจะเป็นไมเกรนแน่เลย"
อลันจีบปากจีบคอพูดให้เหมือนตนเองเหนื่อยจนทนไม่ไหว แต่ดูท่าว่าเธอจะไม่ค่อยเชื่อเขานักหรอก
"ก็กินยาสิคะ"
เขากรอกตาไปมา ก่อนจะพูดด้วยจริตผู้ชายสำอางค์เพื่อหลอกล่อให้เธอออกมาพบเขา แผนที่วางไว้จะได้สำเร็จไวขึ้นมาอีกหน่อย
"โถ่ อัย พี่ไม่มีแรง มาพาพี่ไปโรงพยาบาลหน่อยไม่ได้เหรอ"
ไอยศิกานิ่งไปพักนึง นายอลันนี่เชื่อถือได้ซะที่ไหน แต่มันก็ไม่แปลกที่จะอ่อนแอ ก็เอาแต่เรียนไม่เคยออกกำลังเลยไม่ใช่เหรอไง
"ก็ได้ค่ะ แค่ไปส่งนะคะ"
ใช่ ต้องแบบนั้นแหละ เธอเสร็จฉันแน่ไอยศิกา ฉันจะทำให้ไอ้เผือกอกแตกตายวันนี้นี่แหละ
อลันจัดวางยาแก้ปวดไว้ข้างเตียงพร้อมน้ำบวดและแก้วใบนึง แค่นั้นเอาพอเนียนๆ แล้วนอนเล่นมือถือรอเหยื่อเดินมาติดกับดักเองถึงที่
"พี่อยู่ชั้นไหนคะ"
"ชั้นสามน่ะ ขึ้นมาเลยห้อง3101"
อลันเตรียมของพร้อมจะโปะยาสลบ และรอเธออยู่ที่หน้าประตูห้อง
'ก๊อกๆ'
เขาเปิดประตูออกมาพบกับเป้าหมายในวันนี้ เขาลากแขนเธอเข้ามาแล้วอาศัยทีเผลอโปะผ้าเช็ดหน้าที่มียาสลบเตรียมไว้ เขารอจนไอยศิกาหยุดดิ้นมือที่ส่ายเปะปะหล่นมาอยู่ข้างตัว จนกระทั่งหมดสติไป
"เรียบร้อยครับนาย ผมพายัยไอยศิกามาที่ห้องผมแล้ว"
"จัดแสดงภาพถ่ายให้สวยงามล่ะ เหยื่อของฉันจะได้มาติดกับดักด้วย ระหว่างนี้แกอยากทำอะไรก็ทำ"
อลันวางสายแล้วทิ้งมือถือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง เขาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของไอยจนเผยให้เห็นร่างกายนวลเนียน เสื้อในแบบเกาะอกสีเนื้อตัวเล็กปิดบังจุดสำคัญได้ก็จริง แต่ความนูนของเนินอกยังเด่นชัดอยู่จนเขาแทบจะห้ามใจไม่ได้
"เธอทำให้พี่เป็นแบบนี้เองนะ"
เขาถอดชุดชั้นในแบบเกาะอกของเธอออก แล้วถ่ายรูปเก็บไว้ นิ้วเรียวที่ผ่านเพียงแค่แท็บและแป้นพิมพ์ลูบไล้ไปตามเนินอกจนถึงหัวนม อลันค่อยได้ไปดูดเม้มและเปลื้องผ้าไอยศิกาจนเหลือเพียงแต่ร่างเปลือยเปล่าด้วยความรวดเร็ว และใช้มือละเมิดความบริสุทธิ์ของเธอจนหมดสิ้น
.... ไฟสีแดงที่มาจากกล้องอัดวิดิโอยังคงกระพริบอย่างต่อเนื่องจากชั้นหนังสืออย่างที่เขาตั้งใจไว้ มันบันทึกทุกการกระทำที่เขาทำให้ร่างกายและหัวใจเธอต้องบอบช้ำ
แต่เขาลืมคิดไปว่า นอกจากจะเป็นการแบล็คเมล์หญิงสาวให้ตกเป็นเหยื่อเขา มันยังรวมถึงการเป็นหลักฐานชั้นดีที่จะใช้มัดตัวเขาในเวลาต่อมาด้วยเช่นกัน
.......
ไอยศิกาลืมตาขึ้น ฝ้าสีขาวกับโคมแขวนเป็นสิ่งแรกที่เธอเห็นตั้งแต่ได้สติ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่หลับไป และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอระหว่างการหลับใหลนั้น เธอลุกขึ้นมาสำรวจสิ่งต่างในห้องจนพบว่าทั้งห้องน้ำและห้องครัวก็อยู่ในห้องขนาดกลางนี้เช่นกัน ไอยศิกากลับมานั่งบทวนเรื่องต่างๆบนเตียงจนจำได้ว่าจริงๆแล้วเธอมาหาอลัน และจากนั้นก็ไม่รู้ตัวอีกเลย มือถือของเขาวางอยู่บนโต๊ะ แล้วเจ้าของล่ะ? ทำไมเป็นเธอที่มานอนตรงนี้ได้
'กริ๊ง'
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น พร้อมข้อความของคนที่ชื่อ เสี่ยหลี่ชุน .... ไอยศิกาแอบมองที่ข้อความนั้น จึงพบว่ามันเป็นคำสั่งให้พาเธอไปขายที่ซ่องแถวประเทศมาเลเซียหากไม่มีใครมาช่วยเธอภายในสองอาทิตย์
ประตูถูกเปิดออกเบาๆพร้อมกับอลันที่หิ้วกล่องข้าวมาเต็มไม้เต็มมือ ไอยศิกากระพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
'เหอะ ลักพาตัวฉันมา แต่ทำตัวชิลขนาดนี้เชียวนะ'
"เธอแอบดูมือถือฉันรึเปล่า แต่ต่อให้รู้ก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกมั้ง ใช่ ฉันร่วมมือกับหลี่ชุน และฉันก็จัดการส่งรูปที่เธอนอนกับฉันให้ไอ้อิทไปแล้วด้วย"
.....
ไอยศิกาถอนหายใจ แต่ก็ยังคงนิ่ง ไม่โวยวายอะไร อลันมัวแต่พล่ามคนเดียวจนลืมไปว่าเล่าความลับและแผนการของตนเองมาจนหมดเปลือก ...
ไอ้นี่มันโง่หรือบ้ากันแน่
"ฉันขอมือถือฉันคืนด้วยนะคะ"
ไอยศิกาพูดแทรกขึ้นมา อลันโยนมือถือคืนให้ ไอยศิกาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเดินไปที่ห้องครัว
"ขอบคุณค่ะพี่ลัน"
"แกยังเรียกฉันว่าพี่ได้อยู่อีกเหรอ ทั้งที่ฉันกำลังจะพาเธอไปขายเนี่ยนะ"
"ก็ไม่เห็นแปลกนี่คะ"
หน้านิ่งเฉยของไอยศิกาทำให้อลันอารมณ์เสียตามแผนการที่เธอวางไว้อย่างดี อลันเดินย่ำเท้าตึงๆออกไปนอกห้อง แล้วล็อกห้องจากด้านนอกเพื่อไม่ให้ไอยศิกาหนีไปไหน
มือถือของไอยยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนก่อนหน้าที่เธอจะหมดสติไป เธอสังเกตว่าเขาไม่ได้ทำแม้กระทั่งการเปลี่ยนรหัสหรือลบข้อความใดๆเลยซักอย่าง คล้ายว่าอลันไม่ได้แตะต้องอะไรทั้งนั้น แต่แน่ล่ะ ก็นายนี่โลว์เทคจะตายไป ไอยศิกาคืดวางแผนในใจแล้วตัดสินใจส่งข้อความให้กับอิทธิทันที
"พี่อิท ไอยถูกขังไว้ที่คอนโด ไอ้หลี่มันจะเอาไอยไปขายถ้าพี่ไม่มาช่วย แต่พี่อย่าเพิ่งมาช่วยนะ มันเป็นกับดัก พี่ต้องรอจนครบสองอาทิตย์ แล้วมาช่วยตอนเขาพาไอยไปขายดีกว่า ระวังตัวด้วยนะพี่อิท"
ไอยศิกาลบข้อความตนเองออก แล้วปล่อยให้ปลายทางอ่านแล้วเงียบไว้จนกระทั่งถึงเวลาที่ควรจะเคลื่อนไหวตามที่ไอยวางแผนไว้ ไอยศิกาไม่มีทางรู้เลยว่าหลังจากเธอลบข้อความ มีผู้ชายคนหนึ่งที่กระวนกระวายใจจนนอนไม่หลับไปหลายวันเลยทีเดียว
.......
"คุณไอยจะทำแบบนี้ไปทำไม.... หรือว่าเธอรู้ว่ามันเป็นกับดักของไอ้หลี่จริงๆ"
พาทิตย์มองข้อความในมือถืออิทธิ แล้วมองอิทธิที่ขอบตาคล้ำเพราะนอนไม่หลับมาสองวันเพราะคิดแผนไม่ออกจนต้องนำมาปรึกษาเขาในที่สุด
"นายครับ ผมน่ะอยากไปช่วยคุณไอยเลยนะ แต่ดูจากข้อความแล้ว เธอคงมีแผนในใจอยู่แล้วเหมือนกัน"
อิทธิรับมือถือคืนจากพาทิตย์แล้วนั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ
"ผมว่าจะลองปรึกษาคุณอาคม เรื่องนี้ต้องใช้กำลังคนเยอะพอสมควร จะให้บุกกันแค่ไม่กี่คนโดยไม่มีกำลังเสริมน่าจะลำบาก"
พาทิตย์ต่อสายถึงอาคมทันที แต่คนที่รับสายกลับเป็นอิงจันทร์แทน
"สวัสดีค่ะคุณอาพาทิตย์ คุณพ่อไปจ่ายตลาดค่ะ"
"งั้นอิงบอกคุณพ่อด้วยนะ ว่าอาโทรหา"
"ได้ค่ะ อ๊ะ คุณพ่อ อาพาทิตย์โทรมาค่ะ"
เสียงโวยวายคล้ายกับว่ารำคาญดังมาจากปลายสาย พาทิตย์แอบอมยิ้ม เพราะเขารู้ว่านายอาคมคนนี้ไม่ชอบให้ใครมาขัดเวลาจะเข้าครัว อ๋อ เขารู้ได้ยังไงน่ะเหรอ เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขามาพักอยู่เคียงผารีสอร์ทตอนที่ตามหามือขวาของเขาเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ก่อนจะตัดใจแล้วเดินทางกลับเชียงใหม่
"มีอะไรให้นายอาคมคนนี้ช่วยรึเปล่าครับ พ่อเลี้ยงพาทิตย์ โทรมาแบบนี้มันน่าสงสัยนะรู้มั้ย"
"ของผมไม่มีหรอกเสี่ยคม แต่มือขวาผมน่ะมี และผมมองว่าเรื่องนี้มันกระทบกับความปลอดภัยของเราทุกคน ผมเลยเป็นธุระติดต่อขอกำลังคนเพิ่มจากเสี่ยคมนี่แหละครับ"
"โฮ้ย อย่าเลยพ่อเลี้ยง เรียกแบบนี้ผมก็เขินอยู่นะว่าไป"
เสี่ยคม หรือนายอาคมยิ้มกริ่มแล้วพูดด้วยเสียงที่ชัดเจนหนักแน่นกลับไป
"ถ้าอย่างนั้น ลองมาคุยกันหน่อยมั้ยล่ะครับ เราทั้งสามคน จะได้หาทางออกร่วมกันได้"
"ฝากด้วยนะครับ ผมคงทนให้มือขวาผมเป็นหมีแพนด้าไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ"
อิทธิหัวเราะกับท่าทางของพาทิตย์ และเข้าร่วมสายกับเสี่ยอาคมเพื่อปรึกษาแผนการในการชิงตัวคนรักของเขากลับมาให้ไวและปลอดภัยที่สุด
"คุณอาคม ผมอิทธิครับ น้องไอยศิกาถูกจับตัวไป ทางหลี่ชุนบอกว่า.. "
อิทธิยังไม่ทันพูดจบดี พาทิตย์ก็พูดแทรกขึ้นมา
"ผมพอทราบว่าไอ้หลี่มันวางแผนอะไร ลองทำตามแผนน้องเขาดูนะครับ เพราะน้องไอยศิกาเขาก็ไม่ธรรมดานักหรอก สิ่งที่เราต้องวางแผนคือจะชิงตัวเธอกลับมายังไงจะดีกว่า"
"ใช่ครับ ผมก็เห็นด้วย ทางที่ดี เราควรเล่นเกมกับโจร ในแบบที่โจรเขาทำกัน"
"ยังไงเหรอครับ"
อิทธิขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
"ดักปล้นไงละคุณอิทธิ"
อาคมยิ้มกริ่มเหมือนนึกถึงความหลังครั้งยังเป็นตำรวจปราบปรามที่ไล่ล่าเหล่าผู้ค้ายาและผู้มีอิทธิพลที่เรียกเก็บค่าคุ้มครองในพื้นที่ต่างๆ
"เราต้องอดทนรอให้ถึงสองอาทิตย์ แล้วถึงเวลาค่อยเรียกรวมตัวกันอีกที ผมจะเตรียมพื้นที่หลบภัยให้คุณไอยและคุณมานิตาเองครับ"
อาคมเตรียมตัวสำหรับเรื่องต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับอิงจันทร์ เขาบอกข้อมูลติดต่อสำคัญไว้กับเธอหากเกิดเรื่องอันตรายขึ้น และที่ซ่อนที่เขากับลูกสาวเท่านั้นที่รู้กันดี
"แต่อิงช่วยพ่อได้นี่คะ อิงก็เรียนการต่อสู้มาเหมือนกัน"
อิงจันทร์น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อนึกว่าคนสำคัญที่เหลือเพียงคนเดียวของเธออาจจะเป็นอันตรายและจากเธอไปอีกคน
"แต่มันมีปืนนะลูก หนูสู้กับปืนไม่ไหวหรอกนะ"
"ค่ะ พ่อ"
อิงจันทร์เก็บนามบัตรพร้อมแผนที่ลับไปยังที่ซ่อนพิเศษที่พ่อของเธอพูดไว้ เธอจำได้ดีว่าเมื่อก่อนพ่อจะบอกว่าหากเกิดอะไรขึ้นให้ไปหลบตรงห้องแมว แต่หากฉุกเฉินจริงให้เรียกอาชิน หากครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เพราะพ่อของเธอออกไปช่วยคนที่จังหวัดอื่น และเธอก็ต้องไปด้วย เพราะอยู่ที่นี่คนเดียวจะอันตรายยิ่งกว่า
อิงจันทร์เดินออกจากห้องนอนของเธอเพื่อไปที่ครัวและนำนมอุ่นในไมโครเวฟมาดื่มที่ห้อง ระหว่างทางที่ไปยังห้องครัวจะผ่านห้องทำงานของพ่อเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
"ไอ้กิต พี่มีงานให้แกทำ"
"อะไรวะพี่คม งานอีกแล้วเหรอ"
"เออน่ะ รอบนี้เสี่ยงพอควร ฉันจะให้แกแสนนึง ไปสมัครเป็นคนขับรถให้ไอ้หลี่ พาเด็กไปขายที่มาเล"
"ห๊ะ พาคนไปขาย"
"ใช่ ผู้หญิงคนนึงเป็นแฟนของคนที่ฉันรู้จัก เธอโดนจับไปเป็นตัวประกัน ฉันจะพาตัวนังหนูออกมาด้วยการดักปล้นรถ แกต้องเป็นหนึ่งในคนขับ แล้วขับรถไปจุดที่ฉันนัดไว้"
"มันไม่ง่ายเลยนะพี่"
"ใช่ รอบนี้ฉันอาจจะตาย หรืออาจจะรอด ก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังไงก็ฝากส่วนนี้ด้วยละกัน"
"ครับพี่ แล้วน้องอิงล่ะครับ"
"ลูกสาวฉันอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ ถ้าภายในสามชม.ฉันไม่ได้โทรหา เดี๋ยวอิงจันทร์จะโทรหาสิตาเอง"
"ครับ รอดกลับมาให้ได้นะพี่"
"ไม่สัญญา แต่จะพยายาม"
....
สองอาทิตย์ต่อมา ทางด้านของไอยศิกา
"สงสัยไม่มีใครมาช่วยแล้วล่ะมั้ง เตรียมตัวย้ายไปอยู่รวมกับคนอื่นได้แล้ว"
อลันเริ่มเบื่อไอยศิกาเต็มทน ช่วงสองอาทิตย์นี้เป็นเหมือนนรกสำหรับเขา เขานึกว่าเธอจะพยายามหนีหรืออ้อนวอนให้เขาปล่อยเสียอีก มันน่าสงสัยจริงๆ
"ค่ะ"
ไอยศิกาเก็บของเข้าไปในกระเป๋าแล้วเดินลงไปข้างล่างตามอลันไปขึ้นรถตู้ด้านหน้าคอนโด อลันผลักเธอเข้าไปนั่งด้านใน แล้วให้เธอนั่งรวมกับผู้หญิงคนอื่นในรถ
"เด็กใหม่เหรอ"
หญิงสาวที่นั่งเบาะด้านหน้าเธอพูดทำลายความเงียบขึ้นมา
"เด็กใหม่คืออะไร"
"ก็เราหกคนอยู่ด้วยกันนานแล้ว เพิ่งมีเธอเข้ามาตอนจะย้ายไปบ้านเช็คของนี่แหละ"
"ใช่ ได้ยินมาว่าบ้านเช็คของ ปกติจะมีเสี่ยมาเลือกพวกเราไป ไม่รู้ว่าจะเลือกไปกี่คน ถ้าได้ไปคือโชคดีที่สุดแล้วล่ะ"
ไอยศิกามองเด็กที่ดูท่าจะอายุน้อยที่สุดในรถ เธอนั่งเงียบที่สุด และเงียบไปตลอดจนถึงบ้านเช็คของที่อาเจ๊คนนั้นพูดถึง
"เอ้า ลงมา ไอ้พวกเด็กใจแตก ที่นี่นอนรวมนะ ไม่มีห้องไม่มีเตียงสบายๆให้นอนหรอก"
ไอยศิกาเดินลงมากับคนที่ร่วมชะตากรรมในรถตู้คันนั้น แล้วถูกพาไปที่ห้องเล็กๆที่มีทั้งที่นอนและห้องส้วมในห้องเดียวกันโดยไม่มีกำแพงกั้น
'เห้อ รู้งี้ให้มาช่วยแต่แรกดีกว่ามั้งเนี่ย'
"กรี๊ดดด ฮือออ หนูไม่อยากไป อย่าเอาตัวหนูไปขายเลยนะคะ"
เสียงเอะอะดังมาจากด้านหน้าห้อง น่าจะเป็นเสียงของเด็กคนที่นั่งเงียบมาตลอดทางคนนั้นน่ะแหละ
"ลากมันไปลงโทษ ให้รู้ตัวว่าทำไมมันต้องโดนขาย แล้วอย่าให้มันคิดจะหนีอีก"
"ครับท่านหลี่"
เสียงกรีดร้องสลับกับร้องไห้ดังออกมาเป็นระยะจากห้องฝั่งตรงข้าม ไอยศิกาที่เพลียจากการนั่งรถระยะไกลก็ทนความง่วงไม่ไหวจนหลับไป
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ได้มาอยู่ที่นี่ เด็กคนนั้นที่ถูกทำร้ายก็เงียบมากกว่าเก่า และร้องไห้วันละสองสามครั้งจนบรรยากาศอึดอัดไปหมด
"เอ้า อาบน้ำแล้วออกมาเรียงแถวข้างนอก มีเสี่ยคนนึงจะมารับสาวไปเลี้ยง รีบๆเข้าล่ะ"
สาวๆในห้องยกเว้นเธอและเด็กคนนั้นต่างกรูกันเข้าคิวอาบน้ำ เผื่อวันนี้จะมีผู้ที่โชคดีได้มีชีวิตที่ดีกว่าถูกขายในซ่องนิดหน่อย....ก็อาจจะแค่นิดหน่อยเท่านั้นแหละ ไอยศิกาที่นั่งรอทุกคนอาบน้ำเสร็จจึงนั่งเล่นเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งที่แทรกเข้ามา
"พี่ช่วยหนูหนีออกไปได้มั้ยคะ หนูกลัว"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments