...คำเตือน...
มีการบรรยายถึงอารมณ์ที่มาจากความผิดปกติทางจิต และความรู้สึกอยากฆ่าตัวตายอยู่เป็นช่วงๆ รวมถึงอาการหลอนจากความรู้สึกผิดจากการ กระทำที่รุนแรงต่อเหยื่อในอดีต ซึ่งอาจจะกระตุ้นความรู้สึกของผู้ที่มีความอ่อนไหวและมีภาวะจิตที่ไม่คงที่ ดังนั้น หากคิดว่าอ่านตอนนี้แล้วอาจจะมีความเสี่ยงที่อาการที่เป็นภัยต่อสภาพจิตตนเองจะกำเริบ กรุณาข้ามตอนไปได้เลยค่ะ
.....
อิทธิพัทธ์ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพักฟื้นเดี่ยว นับเป็นเวลาสามวันแล้วที่เขายังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นแม้หมอจะแจ้งกับไอยศิกาว่าอิทธิปลอดภัยดีตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับการรักษา ไอยรู้สึกว่าโชคดีที่พาทิตย์เองก็ลงมาเยี่ยมลูกน้องตนเองพอดี ไอยศิกาจึงรีบโทรให้นาเดียมารับกลับไปยังไร่หวานใจเพื่อที่จะเคลียร์งานกับเรื่องต่างๆ ก่อนจะกลับเข้ามาเฝ้าคุณอิทธิต่อในอาทิตย์ถัดไป
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของพาทิตย์ ยังคงนิ่งสงบเมื่อได้พบกับหญิงสาวที่อิทธิพัทธ์หลงใหลจนพูดเกี่ยวกับเธอให้เขาฟังอย่างไม่เคยหยุดหย่อน แม้ในใจจะอยากถามและแซวหญิงสาวตรงหน้ามากเท่าไหร่ แต่พาทิตย์ก็ยังคงไว้ซึ่งมารยาทและความนิ่งขรึมอย่างที่ควรจะเป็น
"ยังไงผมก็ต้องขอบคุณคุณไอยศิกาด้วยนะครับที่มาช่วย แถมมาเฝ้าดูแลมือขวาคนเก่งของผมอย่างดีอีก ถึงพี่อิทอาจจะห้าวไปนิด แต่ก็เป็นผู้ชายที่จริงจังกับชีวิตมากนะครับ"
สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกเธอเล่นๆไปโดยไม่ได้คิดอะไรนัก พาทิตย์ยิ้มกริ่ม แล้วเปิดประตูห้องจนกว้าง เพื่อช่วยไอยศิกาขนของใช้ส่วนตัวที่นำมาเฝ้าลูกน้องของเขาชั่วคราวลงไปที่ชั้นล่าง เธอกะว่าจะกลับไปดูแลไร่ของเธอเสียบ้าง หลังจากที่ต้องเคลียร์กับปัญหาต่างๆในตัวเมืองมาเกือบทั้งอาทิตย์
"อะไรกันคะคุณพาทิตย์ ไอยยังไม่ได้ตกลงอะไรกับเขาเลยนะคะ"
พาทิตย์ยิ้มขำกับอาการเขินอายของลูกหนี้คนงาม ที่ก้มหน้างุดๆเก็บของเข้ากระเป๋าเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงซ่านเพราะถูกแซวไปเมื่อซักครู่
'สวยแบบนี้เอง มิน่า พี่อิทถึงคลั่งรักขนาดนั้น'
"ขนาดยังไม่ตกลง ยังดูเป็นห่วงขนาดนี้เลยนะครับเนี่ย แล้วใครมารับครับ ให้ผมไปส่งดีมั้ย"
"อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ ไอยให้พี่สาวมารับแล้ว ถ้าพ่อเลี้ยงกลับเชียงใหม่เมื่อไหร่บอกแล้วกันค่ะ จะได้กลับมาเฝ้าแทน"
ไอยศิกาลากกระเป๋าลงลิฟท์ไปกับพาทิตย์คนละสองใบ จะบอกว่าอึดอัดเวลาอยู่ใกล้มันก็ไม่เชิง แต่เธอรู้สึกเหมือนถูกมองเข้าไปในความคิดอยู่ตลอดเวลา เธอเลยไม่ยอมสบตากับเขาตรงๆซักครั้ง พ่อเลี้ยงคนนี้ดูท่าจะเข้าใจสถานการณ์ต่างๆไปหมดรวมถึงความรู้สึกของเธอด้วย .... นี่แหละ มันแย่ตรงนี้ ตรงที่ถูกมองทะลุจิตใจโดยที่ไม่ยินยอมน่ะ
"ขอโทษนะครับคุณไอย ที่ผมแอบอ่านใจคุณบ่อยๆ แต่คุณอาการออกชัดมากเลยนะ ว่ากำลังไม่พอใจอะไรอยู่ ผมว่าคุณลองฝึกปิดกั้นความคิดบ้างมั้ย มันอันตรายกับตัวคุณเองน่ะ"
ไอยศิกามองพาทิตย์ด้วยความประหลาดใจและตกใจเล็กน้อย ที่จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาอย่างนั้น
"เดี๋ยวนะคะ คุณ..."
"สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคุณ ไปกันครับ ลิฟท์ลงถึงชั้นล่างแล้ว"
ไอยศิกาแอบถอนหายใจ เธอลากกระเป๋าเดินตามเขาที่เดินไปที่ล็อบบี้เพื่อรอนาเดียมารับที่หน้าประตู ใจหนึ่งไอยก็ยังอยากเฝ้าพี่อิทต่ออีกหน่อย แต่คงจะไม่เป็นไร ถ้าคุณพาทิตย์บอกว่าคนๆนี้อึดพอ เธอก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลจนต้องทิ้งงานไปอีกเป็นอาทิตย์ ไอยศิกายอมรับว่าตนยังนึกถึงเรื่องในวันนั้นตลอดจนนอนไม่หลับ เพราะมีแต่ความรู้สึกแค้นคนพวกนั้นที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ที่ออกตัวปกป้องเธอตลอดมาต้องบาดเจ็บอย่างหนัก เธอยืนหยุดคิดบางอย่างอยู่ตรงโซฟาสำหรับญาติผู้ป่วยตรงล็อบบี้ด้านล่างและเรียกคนที่เดินนำหน้าเธอไปจวนเจียนจะสองร้อยเมตรแล้วเพื่อให้เขาหยุดคุยกับเธอซักครู่
"คุณพาทิตย์คะ ไอยขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยคะ"
น้ำเสียงที่แลดูจริงจังจนผิดสังเกตทำให้พาทิตย์หันกลับไปหาเธอแล้วเดินกลับไปหาแทบจะทันที ก่อนจะเชิญให้นั่งแล้วพูดคุยกันอย่างจริงจังตามที่เธอร้องขอ
"ว่ามาครับ คุณไอย ผมพร้อมจะฟังคุณแล้ว"
ไอยศิกายิ้มนิ่งๆ แล้วส่งลูกกระสุนที่หมอส่งมาให้เธอหลังผ่าตัดเสร็จวันก่อนลงบนโต๊ะตรงหน้าพาทิตย์เพื่อเริ่มการสนทนา
"ฉันไม่รู้หรอกนะคะ ว่าการที่มันบุกมาทำร้ายคนในรีสอร์ท พวกมันต้องการอะไรกันแน่ แต่ฉันต้องการให้พวกมันหายไปตลอดกาล ถ้าคุณจะพอช่วยได้บ้าง เพื่อที่ฉันจะได้ไปเก็บมันให้สาสมกับความแค้นที่ฉันมี"
......
พาทิตย์หยิบลูกปืนขึ้นมา แล้วมองตาไอยศิกาที่กำลังจ้องเขาด้วยแววตาดุดัน เขาคาดว่าเธออาจจะพอรู้ ว่าการวางลูกกระสุนต่อหน้ามาเฟีย มันหมายถึงการส่งข้อความเพื่อท้ารบดีๆนี่เอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมากังวลกับเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ และเขารู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนานั้นตั้งแต่แรก
"ผมพอรู้มา ว่าคุณเองก็มีเพื่อนที่เป็นตำรวจนี่ครับ ทำไมถึงไม่ขอให้เพื่อนช่วยล่ะ"
"ไม่ทำไมหรอกค่ะ เมื่อไหร่ที่ตำรวจสนใจคดีเล็กๆแบบนี้ ประเทศไทยคงมีหิมะตกเข้าซักวัน วงการศาลเตี้ยมันเข้าถึงไวกว่าด้วยค่ะ"
"ถึงแม้มันมีราคาที่จะต้องจ่ายเหรอครับ"
ไอยศิกานั่งนิ่งไปซักครู่ แต่ก็พูดออกมาอีกครั้งด้วยความมั่นใจ
"เคยได้ยินมั้ยคะ ว่าไม่มีอะไรที่ฟารีดาเข้าถึงไม่ได้ ฉันพูดได้แค่นั้นเลยค่ะ และคุณควรรู้ว่าฉันไม่ปล่อยคนที่ทำร้ายพี่อิทไปง่ายๆหรอกนะคะ หลับไปตั้งสองวัน ฝั่งนั้นควรเจออะไรดีคะ เผาทั้งเป็นเลยดีมั้ย"
"คุณน่ากลัวกว่าที่ผมคาดไว้นะ คุณไอยศิกา อ๋อ ไม่ใช่สิ คุณฟารีดา ปุตตรา"
"คงได้พ่อมาเยอะมั้งคะ เลยดูดุๆ ไม่เหมือนพี่นาเดีย สวย หวาน แบบแม่ฟ้า แบบนี้พี่อิทจะรักรึเปล่าก็ไม่รู้...."
ไอยศิกาเอามือปิดปากทันทีเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรออกไป ทำให้พาทิตย์ที่ตั้งใจฟังทุกประโยคต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อความสบายใจของเธอไปก่อน แม้ในใจอยากจะแซวขนาดไหนก็ต้องอดทนไว้
"หืม อะไรนะครับ"
"อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ แค่พูดเล่นไปเรื่อยนั่นแหละ ยังไงก็ฝากช่วยหาตัวการให้ไอยด้วยนะคะ คุณพาทิตย์"
เธอรีบลุกขึ้น คว้ากระเป๋าแล้วเดินไปที่รถ ขนของขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้สังเกตได้ว่ากำลังเขินอาย ก่อนจะโบกมือให้เขาที่ยืนงงๆอยู่หน้าล็อบบี้ของโรงพยาบาล
'โอเค ชักจะเริ่มเข้าใจมือขวาตัวเองขึ้นมาบ้างแล้วล่ะไอ้ทิตย์เอ้ย'
......
พาทิตย์เดินกลับไปที่ลิฟต์ ในความคิดเขามีหลายอย่างที่ตีกันไปมา โดยเฉพาะเรื่องของไอยศิกา ลูกหนี้ของเขาที่เพิ่งกลับไปเมื่อซักครู่ ไม่ว่าจะท่าที การพูดจา ความสัมพันธ์ที่เธอมีกับคนของเขา และสิ่งที่เธอเก็บงำนิสัยบางอย่างที่ดูไม่เหมือนเป็นอค่เจ้าของไร่ธรรมดาๆคนหนึ่งไว้
เขาหยิบลูกกระสุนที่เธอฝากให้เขาช่วยสืบหาเจ้าของขึ้นมา แล้วพลิกดู เขารู้ทันทีว่าใครเป็นคนที่สั่งการให้โจรบุกรีสอร์ทนั้นในคืนที่อิทธิไปพัก แต่การที่พูดไปโดยไม่มีหลักฐานทำให้งานมันยากขึ้นแน่ๆ พาทิตย์จึงเก็บมันลงไปในกระเป๋าเสื้อตามเดิม
อิทธิเริ่มจะรู้สึกตัวแล้ว เขาลืมตาขึ้นมาแล้วเรียกหาไอยศิกาเป็นคนแรก แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับตามที่คาดหวัง เธอก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่กลับมีอิงจันทร์นั่งอยู่แทนที่.... อิทธิฝืนตัวเองเพื่อพยายามลุกขึ้นมา การที่ไอยศิกาหายไปทำให้อิทธิเริ่มสงสัย แต่ว่ายังไม่ทันถามอะไร เธอก็พูดขึ้นมาก่อนแล้ว
"พี่อิทธิอาการดีขึ้นมั้ยคะ คุณพ่อฝากของมาให้ค่ะ บอกว่าขอบคุณที่ช่วยชีวิตอิงกับคุณพ่อ"
เด็กสาวในชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดสะอ้านส่งซองสีขาวให้แล้วเดินออกไปทันที สวนกับพาทิตย์ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องเพื่อดูอาการลูกน้องคนสนิท
"สวัสดีครับ เสี่ย"
"พี่อิทธินี่ห้าวจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะไปมีปัญหากับใครในช่วงพักร้อนด้วย"
เขาปลดหน้ากากอนามัยออกเพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น แล้วส่งลูกกระสุนที่ไอยศิกาเอามาให้เขาส่งให้กับอิทธิอีกที
"แฟนพี่ส่งให้ผมเอง บอกว่านี่คือกระสุนที่หมอผ่าออกมาให้แล้วก็... ขอให้ผมสืบหาตัวการที่ยิงพี่วันนั้นด้วย"
อิทธิขมวดคิ้วแล้วรับลูกกระสุนมาจากนาย เขาพิจารณาอยู่ซักครู่ก่อนจะส่งคืนให้พาทิตย์
"ผมรู้อยู่ครับว่าเป็นใคร แต่นายอย่าบอกเธอเลย ผมไม่อยากให้เธอต้องเป็นอันตราย อีกอย่าง ผมมีศัตรูอยู่แค่กลุ่มเดียวนั่นแหละครับ ถ้ามันรู้ว่าผมคุยกับคุณไอย คุณไอยจะลำบาก แล้วก็"
เขานิ่งไปซักครู่ เพราะรู้ตัวว่าตนเองเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้ว เขาถอนหายใจแล้วกุมขมับ พลางใช้นิ้วนวดคลึงนิดหน่อยให้หายปวดหัว
"พี่อิท น้องไอยเขารักพี่มากเลยนะ ผมดูออก"
อิทธิชี้ตัวเองด้วยความสงสัย
"เขาบอกนายแบบนั้นเหรอครับ"
"ใช่ ผมได้ยินแบบนั้นน่ะแหละ แต่ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เธอจะได้ไม่อึดอัด"
พาทิตย์เก็บของที่วางเกะกะบนโซฟาเพื่อจะนั่งพัก แต่มือก็ไปโดนอะไรบางอย่างที่วางไว้ใต้หมอน เขาหยิบมันออกมาแล้วพิจารณาเล็กน้อย
'น่าจะเป็นเข็มตรามหาลัยล่ะมั้ง'
"น่าจะเป็นของน้องอิง ที่เอาซองนี้มาให้ผมครับ"
พาทิตย์มองไปที่จดหมายในมือของอิทธิ
"พี่ลองเปิดซองดูครับ ผมรู้สึกแปลกๆ"
อิทธิเปิดซองขาวออกมา เขาเห็นทั้งเงินและจดหมายด้านใน เป็นลายมือของเด็กสาวแน่นอน เพราะคราวก่อนเขาเห็นเธอทำงานของมหาวิทยาลัยอยู่ และตัวหนังสือก็เหมือนกันเป๊ะโดยไม่ต้องสืบอะไรให้มากความ
"มีจดหมายครับนาย... แต่เนื้อหาด้านในแปลกมากเลยนะครับเนี่ย"
พาทิตย์หยิบจดหมายลายมืออิงจันทร์ไปอ่าน แล้วเงยหน้ามองอิทธิ
"พี่อิทรู้มั้ยครับว่า คุณอาคมเขาพักฟื้นอยู่ที่ชั้นไหน"
"เห็นพยาบาลเคยบอกว่าอยู่ชั้นสี่ครับนาย"
พาทิตย์เดินออกจากห้องด้วยความรีบร้อน จดหมายที่ปลิวลงกับพื้นทำให้เขาได้เห็นว่าทำไมนายของเขาจึงรีบนักรีบหนาอย่างนั้น
.....
พาทิตย์เคาะประตูห้องผู้ป่วยที่ติดชื่อ พ.ต.ต. อาคม ประชาอภิรักษ์ เอาไว้ที่ด้านหน้า เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลานานนักเพื่อที่จะสืบหาตัวของผู้ร้ายที่บงการอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง เพราะเบาะแสของอิงจันทร์ได้บ่งชี้ไปยังนายหวังหลี่ชุน พ่อของเอื้องสายและใบหลิว ที่เคยยัยเยียดลูกสาวมาให้แต่งงาน และเป็นนายเก่าของมือขวาเขาในตอนนี้ด้วย
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมจึงแค้นเคืองบ้านเขาขนาดนี้ หรือว่าที่จริงแล้วจงใจจะฆ่าพี่อิทธิมากกว่ากันแน่ เด็กสาวในชุดนอนสีฟ้าเปิดประตูให้เขาเข้ามา ภาพด้านในมันแปลกจนเขาอดมองซ้ายทีขวาทีไม่ได้เลย เพราะคุณอาคมที่ใส่ชุดผู้ป่วยกำลังนั่งมองเขาอยู่ท่ามกลางลูกน้องที่สวมสูทสีดำสนิทจำนวนสามคน และยิ้มให้เขาเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเขาจะขึ้นมาที่นี่
"ยินดีต้อนรับครับ คุณพาทิตย์ อัศวเตมีย์ ผมคิดไว้แล้วไม่ผิด ว่าถ้าไม่คุณก็คุณอิทธิจะมา"
พาทิตย์รับไหว้เด็กสาวที่อยู่ข้างๆชายวัยกลางคน เธอยิ้มให้เขา และเดินไปเทน้ำใส่แก้วส่งให้ นายอาคมโบกมือให้ลูกน้องทั้งสามคนเดินออกไปด้านนอกก่อน ค่อยเริ่มเปิดประเด็นที่เรียกตัวเขามาในวันนี้
"ผมว่าคุณพาทิตย์เองก็คงจะจำได้ ว่ามันเคยมีคดีลักพาตัวเมื่อหลายปีก่อน โดยที่อิทธิพัทธ์ มือขวาของคุณในวันนั้น มามอบตัวกับผมและมีส่วนในการนำจับนายหลี่ชุน ในข้อหาเจตนาฆ่าและกักขังหน่วงเหนี่ยว"
อาคมพูดด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ และเว้นช่วงเล็กน้อย พาทิตย์พยักหน้ารับทราบข้อมูล ก่อนจะรอฟังเรื่องราวต่อจากนั้น
"หลังจากที่นายอิทธิพ้นโทษและไปเป็นมือขวาให้คุณ มีข่าวจากวงในว่านายหลี่ชุน เหมือนจะสร้างกองโจรภายในเรือนจำ และแหกคุกออกมาหลังจากนั้นได้ไม่นาน ซึ่งผมจำได้ว่า หลังจากผมลาออกจากราชการมาบริหารรีสอร์ท มันเคยบุกเข้ามาที่นี่ และพยายามจะฆ่าผม แต่มันทำไม่สำเร็จ"
พาทิตย์คล้ายจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้บ้างแล้ว ดูท่าว่านายหลี่ชุน จะสร้างศัตรูไปทั่ว และพยายามตามหามือขวาของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถสืบสาวเรื่องราวได้ครบถ้วน จึงยังไม่สามารถพบเจออิทธิได้ จนกระทั่งวันนั้นที่เขาไปปรากฏตัวที่เพชรบูรณ์
"ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดถูกมั้ย แต่ท่านจะบอกว่า มันกำลังตามล่าพวกเราเหรอครับ ทั้งที่มันเป็นผู้ร้ายเนี่ยนะ"
"ผู้ร้ายมักไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิด มันเป็นเรื่องธรรมดานะครับคุณพาทิตย์ ผมอยากให้คุณกับครอบครัวระวังตัวไว้ให้ดี เพราะถ้ามันสืบไปถึงเรื่องของครอบครัวคุณเมื่อไหร่ ทั้งภรรยาและลูกของคุณจะตกอยู่ในอันตรายแน่"
"ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ"
"ผมมีเรื่องจะบอกคุณอีกอย่างนึงนะครับ"
นายอาคมลุกขึ้นนั่งห้อยขาจากเตียงและมองเขาด้วยสายตาโศกเศร้า ต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ
"ภรรยาผมไม่ได้เสียชีวิตเพราะป่วยเป็นไข้ป่าหรอกครับ.... แต่วันที่พวกมันบุกมาฆ่าผม เธอเอาตัวเองมาบัง กระสุนเข้าจุดสำคัญ เลยเสียชีวิตทันทีตรงนั้นเลย"
เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมหยดน้ำตา เช่นเดียวกับอิงจันทร์ ผู้เป็นลูกสาวที่ยืนร้องไห้อยู่นิ่งๆแล้วโอบกอดพ่อของตนเองเอาไว้ ถึงแม้ความจริงนี้เธอจะเพิ่งได้รู้ แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโวยวายใดๆเลย
"เสียใจด้วยนะครับ"
"อย่าให้เรื่องของคุณซ้ำรอยเดียวกับที่ผมเจอ ถือว่าผมขอนะครับ คุณพาทิตย์"
"ผมจะลากพวกมันกลับไปเข้าคุกให้ได้ครับ ผมจะไม่ยอมให้มันทำเรื่องชั่วได้อีกแน่นอน"
อาคมลุกขึ้นจากเตียงและเดินมาแตะไหล่เขาแล้วโอบกอดไว้หลวมๆ
"แต่ก่อนนั้น ผมว่าคุณควรไปดูแลสภาพจิตใจมือขวาของคุณนะ เขาคงเสียใจกับสิ่งที่เขาเคยทำไปในอดีต ในกรณีที่แย่ที่สุด.... เขาอาจจะพยายามฆ่าตัวตายก็ได้"
พาทิตย์เริ่มนึกออกว่าอิทธิเคยเกือบฆ่าตัวตายหลังจากที่ได้เจอภรรยาของเขากับลูกที่ยังอยู่ในท้อง เขาส่งเข็มตรามหาวิทยาลัยที่ลืมไว้ในห้องของอิทธิให้กับอิงจันทร์ และลานายอาคม ก่อนจะวิ่งกลับไปหาลูกน้องคนสนิทให้ไวที่สุด
......
อิทธิพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเพื่อที่จะไปเก็บจดหมายด้านล่าง ชื่อของหลี่ชุนชัดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ความเจ็บปวด เสียงกรีดร้อง ของหญิงสาวที่เขาเคยทำร้ายมันกลับมาหาเขาเหมือนผีที่คอยตามหลอกหลอน คลื่นของความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในจิตใต้สำนึก ทำให้อิทธิน้ำตาไหลและปล่อยโฮออกมาแบบกลั้นไว้ไม่อยู่
พาทิตย์วิ่งกลับไปยังห้องที่อิทธิพักอยู่ได้ทันพอดี เขาดึงเอาจดหมายออก แล้วเข้าไปกุมมืออิทธิไว้
"พี่อิทธิ ใจเย็นๆครับ อย่าเพิ่งไปคิดอะไรที่มันไม่ดีกับความรู้สึกพี่เลยนะ"
อิทธิเงยหน้ามาสบตานายของเขา นายที่รักและให้โอกาสเขาทั้งๆที่เขาทำร้ายภรรยาของนายไว้มากมายเหลือเกิน เขาพาลนึกไปถึงสีหน้าผิดหวังของไอยศิกาหากเธอรับรู้เรื่องนี้ และมันทำให้เขาเสียใจมากขึ้นไปอีก
"ผมไม่คู่ควรกับเธอเลย ผมมันชั่ว ผมทำร้ายผู้หญิงมาหลายคนมาก ถ้าเธอรู้เธอคงจะเกลียดผมแน่ๆ"
อิทธิคร่ำครวญอยู่พักใหญ่ก่อนจะหมดแรงและหลับไป ตาที่บวมเพราะร้องไห้อย่างหนักเป็นเวลานานดูช้ำไปหมด พาทิตย์นึกสงสารลูกน้องของตนเองขึ้นมาจับใจ แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก และได้แค่เพียงให้กำลังใจในฐานะเจ้านายเท่านั้น
'ซักวันพี่จะได้รับการปลดปล่อยแน่นอนครับ พี่อิทธิ พี่อย่าเพิ่งท้อนะ'
อิทธิมองเห็นภาพที่ตนเองทำร้ายคนซ้ำไปซ้ำมาในฝันเกือบทุกคืนตั้งแต่เขาคิดมอบตัวในวันนั้น บางครั้งก็คิดจะฆ่าตัวตาย แต่ก็เหมือนเขายังใช้กรรมไม่หมดสิ้น ทุกครั้งที่เขาคิดจะจบชีวิต ก็จะมีคนมาช่วย มารั้งเขาไว้เสมอ
เขาลืมตาขึ้นมาในห้องสี่เหลี่ยมที่มืดมิด เสียงกรีดร้องของหญิงสาวยังคอยตามหลอกหลอนจนเขาแทบอยากจะกระโดดหน้าต่างลงไปซะให้จบๆไป อิทธิแอบเก็บของทุกอย่างใส่ในกระเป๋า เขาวางจดหมายที่เขาเขียนลาไว้อย่างสั้นๆ แล้วเดินออกไป ปล่อยให้พาทิตย์นอนอยู่ในห้องนั้นเพียงลำพังจนถึงเช้าของวันต่อมา
"ไม่ทราบว่าเห็นผู้ป่วยเดินออกไปจากโรงพยาบาลบ้างมั้ยครับ พอดีพี่ชายผมหนีไป ผมกลัวเขาจะโดนทำร้าย"
พาทิตย์วิ่งตามหาอิทธิไปทั่ว มือขวาคนสนิทของเขาหายตัวไปพร้อมกับจดหมายลาสั้นๆเพียงสองประโยคแต่ก็ทำให้นายอย่างเขาร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก เขากดโทรหาไอยศิกา แต่เธอก็ไม่ได้รับสาย เขาคิดว่าเธอน่าจะเพราะวุ่นอยู่กับงานที่ไร่ คนที่โทรกลับหาเขาคนแรกคือภรรยาของเขาเอง แม้จะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่เขาก็เริ่มมีสติขึ้นนิดหน่อย
"พี่ทิตย์ค่อยๆคิดนะ อย่าเพิ่งรน พี่พอรู้มั้ยว่าบ้านเกิดพี่อิทอยู่ไหน เขาอาจจะกลับไปที่บ้านก็ได้"
"พี่ไม่เคยถามเลย .... มิ้ล พี่ไม่รู้ว่าพี่ควรจะทำไงต่อดี พี่..."
"พี่ทิตย์ใจเย็นก่อนค่ะ กลับมาที่บ้านก่อนก็ได้ ไม่ก็หาที่สงบๆพักซักนิด บางทีถ้าได้อยู่นิ่งๆอาจจะคิดออกนะคะ"
พาทิตย์ได้แต่ทำตาม และพยายามนึกถึงสิ่งที่เคยคุยกันก่อนที่อิทธิจะหายไป จดหมายที่บอกเพียงแค่
'ขอบคุณที่ดูแลและให้โอกาสคนทำผิดได้กลับใจ ลาก่อนครับ'
เพียงแค่สองประโยคจริงๆ ที่ทำให้พาทิตย์ถึงกับคลั่ง เขากลัวว่ามือขวาคนสนิทของเขาจะคิดทำร้ายตัวเองด้วยการกลับไปให้นายหลี่ชุนฆ่าทิ้งเสียก็เป็นได้ แต่มันจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อตอนนี้ คุณอาคมได้บอกเขาว่าต่อให้กลับไปแล้วยอมตาย นายหลี่ก็ไม่มีทางวางมือและเลิกระรานคนอื่นๆอยู่ดี
อิงจันทร์ ลูกสาวคุณอาคมก็ช็อคไปพอสมควรเมื่อได้ยินข่าวว่าอิทธิหนีหายไปตั้งแต่เมื่อคืน พาทิตย์ได้แต่ปลอบและย้ำว่าอย่าโทษตัวเองที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถกระตุ้นความเจ็บปวดจากความรู้สึกผิดของนายอิทธิได้ทั้งนั้น
"ผมกลัวแค่ว่าเขาจะกลับไปให้เสี่ยหลี่ฆ่าทิ้ง เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องลำบาก แต่เขาไม่รู้หรอก.. ว่าต่อให้เขาตายไป มันก็ยังคิดจะทำร้ายคนอื่นต่ออยู่ดี"
คุณอาคมเม้มปากแล้วถอนหายใจ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็นึกไม่ออกทั้งนั้นว่าอิทธิคิดจะทำอะไรและอยู่ที่ไหน ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้ทำอย่างที่ทั้งสองกำลังคาดเดาอยู่ก็พอแล้ว
.....
อิทธิปิดโทรศัพท์ แบตที่เหลืออยู่ไม่มากดูท่าจะไร้ประโยชน์กับเขาในตอนนี้ เขาคิดสะระตะไปเรื่อยระหว่างเดินไปยังออฟฟิศของบริษัทขนส่ง เพื่อที่จะกลับไปเชียงใหม่ แล้วให้นายเก่าของตัวเองยิงเขาให้ตายซะก็สิ้นเรื่อง
อิทธิก้าวลงจากฟุตบาธ ใจลอยไปเรื่อยเปื่อย จนลืมดูไฟว่ากลายเป็นสีเขียว ให้รถสามารถวิ่งได้ในเลนนั้นแบบผ่านตลอด จนกระทั่ง
ปี๊นนนน!!
รถคันแรกที่เลี้ยวมากดแตรลากยาว ด้วยความที่เลี้ยวมาด้วยความเร็วจึงเบรคไม่อยู่และชนเขาที่เดินมาได้เกือบครึ่งเลนแรก อิทธิลอยไปชนเสาไฟจราจรใกล้ๆ เลือดค่อยๆหยดลงมาตามใบหน้า
'จะตายมั้ยนะ.... ถ้าจบไปตั้งแต่ตอนนี้ก็คงจะดี'
เสียงในความคิดของเขาดังยิ่งกว่าเสียงของคนที่มุงล้อมรอบเขาเอะอะเซ็งแซ่ด้วยความตกใจ แม้กระทั่งเสียงกรีดร้องก็ยังเบา เมื่อเทียบกับเสียงหัวใจ ที่เริ่มเบาลงทีละนิด
'ผมขอโทษนะ'
.......
ภาพในสมองของอิทธิกลายเป็นสีขาวโพลน
'นี่ฉันขึ้นสวรรค์หรือไปเกิดไม่ได้กันแน่วะ'
ภาพแรกที่เข้ามาคือภาพของคุณหญิงมานิตาและนายของเขา รวมถึงนายน้อยที่มีสีหน้าเจ็บปวดและผิดหวังและตัดไป เป็นภาพของไอยศิกาโผล่ขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง เขาคิดว่ามันคงเป็นภาพที่เขาคิดว่าเธอคงจะลืมเขาและไปมีคนอื่น.... แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นภาพที่เธอร้องไห้หน้าโลงศพในวันงานสวดแทน
'ไหนคุณบอกว่าคุณรักฉันไง คุณทิ้งฉันไปทำไม ตื่นขึ้นมาก่อนสิ มาอยู่ข้างๆฉันก่อนได้มั้ย'
เสียงของเธอเบาลง ไม่สิ ร่างของเขาต่างหากที่จางลงจึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงเธอว่าพูดอะไรต่อจากนั้นอีกมั้ย
'เธอรักพี่มากนะ'
คำพูดของเจ้านายทำให้เขาได้สติ แกเป็นอะไรของแกเนี่ยอิทธิ ตั้งสติหน่อยเถอะ
อิทธิเพิ่งมารู้ตัวว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ก็ตอนที่สัมผัสได้ว่าน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย และไหลลงไปที่ข้างแก้มทั้งสองฝั่ง เขาลืมตาขึ้นมาช้าๆ ภาพของห้องสีขาวสะอาดตากลับมาเยือนอีกครั้งแม้เขาจะไม่เต็มใจที่จะเห็นนัก แต่เขากลับจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองหลังจากทิ้งนายไว้ที่ห้อง หรือว่าเขาแค่ฝันรึเปล่าว่าหนีออกไปจากโรงพยาบาล แต่เมื่อมองไปรอบๆก็ไม่พบใครเลย นั่นคือสิ่งที่ยืนยันว่าเขาทำบางอย่างที่พลาดไปแล้วจริงๆ
'ว่าแต่ .... ทำไมตูถึงมาอยู่ที่นี่ได้วะ'
......
ภาพล่าสุดก่อนที่จะวูบไปก็ไม่ใช่ภาพของสภาพแวดล้อมรอบตัวเลยซักนิด เขานึกถึงภาพล่าสุดที่จำได้ชัดเจน คงจะเป็นภาพที่เขาวางจดหมายให้เจ้านายไว้บนเตียง และเดินออกมาจากห้องเงียบๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขาเดินออกมาเลยซักคน แม้กระทั่งนางพยาบาลหรือหมอ ก็ดูเหมือนจะวุ่นวายกับคนไข้ฉุกเฉินกันหมด
ภาพสุดท้ายที่ยังคงมีสติครบถ้วนก็คงเป็นตอนนั้น จากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments