ทริปสุดท้ายที่เชียงใหม่
*คำเตือน* เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่ผู้แต่งพบเจอเอง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
...ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมเรียนอยู่ม.6 ประมาณ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นทางโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่แถวปทุมได้มีการจัดกิจกรรมให้ไปทัศนศึกษากับครอบครัวที่จังหวัดเชียงใหม่...
...และมันก็เป็นครั้งแรกของผมที่ไปเชียงใหม่ จริงๆผมจะไม่ได้ไปด้วยซ้ำเพราะคนที่จะไปได้ต้องมีผู้ปกครองไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน...
...ซึ่งผมด้วยความที่พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดหมดและผมอาศัยอยู่กับพี่สาวสองคนแต่พี่สาวผมในวันนั้นก็ไม่ว่างไปด้วย...
...ผมก็อยากไปนะเพราะเพื่อนๆก็ไปกันหมด เพื่อนๆของผมมีทั้งหมด 6 คนรวมผมด้วย พ่อกับแม่ของเพื่อนก็ไปกันหมด...
...ด้วยความที่เพื่อนอยากให้ผมไปด้วยมันเลยไปขอครูประจำชั้น ว่าขอให้ผมไปด้วยได้ไหมเดี๋ยวแม่ของมันอ่ะจะปลอมเป็นผู้ปกครองให้...
...ครูประจำชั้นก็ด้วยความสนิทกันครูเลยช่วยให้ผมได้ไป......
...และแล้วผมก็ได้ไปจริงๆโดยมีแม่ของเพื่อนในกลุ่มเป็นผู้ปกครองให้ผม ก่อนวันไปทุกคนร่าเริงมากผมก็รู้สึกว่าไม่ได้แย่อะไร...
...ตอนนั้นโรงเรียนจัดให้ทุกคนไปพักที่โรงแรมในเชียงใหม่แห่งนึง ตอนนั้นพวกเราพักกันที่นั้น 2 วัน 1 คืน...
...ด้วยความที่จากเวลาที่พวกเรานั่งรถออกจากโรงเรียนไปตอนนั้นผมจำได้ว่ามันก็เย็นแล้ว ประมาณ 4 โมงเย็นที่รถบัสออก ตอนนั้นรถบัสที่ไปมีอยู่ทั้งหมด 7 คัน เป็นรถบัสสองชั้น...
...ระหว่างทางก็มีแวะพักกินข้าวต้มกันตอนนั้นก็มืดแล้วผมไม่ได้ดูเวลาแต่ตอนนั้นมันมืดมากๆ...
...พอแวะพักกันเสร็จก็เดินทางกันต่อเราใช้เวลาเดินทางกันถึงเช้าอีกวันตอนนั้นยังไม่เข้าเช็คอินที่โรงแรมพวกคุณครูเขามีแพลนพาไปเที่ยวก่อนและช่วงเย็นถึงค่อยไปเช็คอินกัน...
พอตกเย็นพวกเราไปถึงโรงแรมกันก็ 3-4 ทุ่มแล้ว ครูก็เอาคีย์การ์ดห้องพักมาให้กับทุกคน ต้องอธิบายก่อนว่า ห้องพักจะมี 2 เตียงนอนกว้างประมาณ 3 ฟุตและด้วยความที่มันเป็นทริปครอบครัวทุกคนก็จะนอนกับครอบครัวของตัวเอง ส่วนผมดีหน่อยที่เพื่อน(คนที่ให้แม่ตัวเองมาเป็นผู้ปกครองผม)
มันบอกว่าเดี๋ยวมันจะนอนกับผมเองและให้พ่อกับแม่ของมันอ่ะนอนด้วยกัน
...สรุปในคืนนั้นมีผมกับมันแค่สองคน ผมขอแทนชื่อเพื่อนว่า แพ นะครับ...
...พอพวกเราได้คีย์การ์ดผมกับแพก็รีบขนของและขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องกันตอนนั้นพวกเราได้ห้องที่อยู่ชั้น 5 เพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มก็อยู่ชั้นเดียวกับผมซึ่งอยู่ห้องถัดไปจากผมอีกที...
...พอผมกับแพถึงห้อง ผมก็เปิดประตูห้องเข้าไปทันที ตอนนั้นความรู้สึกแรกที่เข้ามาในหัวผมคือ "ผมอยากกลับบ้าน" ในหัวตอนนั้นคือมีแต่คำว่า อยากกลับบ้านๆๆ...
...เพื่อนผมมันก็คงเห็นว่าผมยืนนิ่งไม่ยอมเข้าไปข้างในห้องสักที มันเลยพูดขึ้นมาว่า...
..."มึงรีบเอากระเป๋าไปเก็บเหอะจะได้ไปเดินตลาดไนท์กัน"...
...พอมันพูดจบผมก็เริ่มได้สติกลับมาเลยรีบเดินเอากระเป๋าไปเก็บ ตอนนั้นผมไม่ได้สังเกตอะไรมากภายในห้องมันค่อนข้างมืด...
...เพราะแสงไฟมันก็ไม่ได้สว่างมากมันเป็นแสงไฟสีเหลืองส้มเหมือนตอนเราเข้าร้านนวดแผนไทย...
...บรรยากาศตอนนั้นมันทำให้ผมรู้สึกหนาวปนขนลุกอาจเพราะเราไปกันช่วงหน้าหนาวด้วยมั้ง ผมพยายามลบความคิดบ้าๆออกจากหัว และรีบจัดแจงของกันเสร็จสับก็ลงไปที่ล็อบบี้โดยที่มีเพื่อนอีก 4 คนรออยู่แล้ว...
...เพราะพวกเรานัดกันว่าจะออกไปเดินตลาดไนท์กัน พอเจอกันพวกเราก็ทักทายกันปกติและพากันออกจากโรงแรมไป...
...พวกเรากลับเข้ามาที่โรงแรมกันอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบ ตี 2 แล้ว ด้วยความที่มันดึกแต่พวกเราก็ยังรู้สึกไม่ง่วงเลยชวนกันนั่งเล่นกันต่อที่ล็อบบี้...
...ในใจตอนนั้นผมอยู่ๆก็ห้วนกลับไปคิดถึงตอนแรกที่เข้าห้องพัก และใช่ครับ 'ผมอยากกลับบ้าน'...
...ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าไม่อยากขึ้นไปบนห้องพักเลยสักนิด อยากอยู่ข้างล่าง ไม่อยากขึ้นไปแล้ว และผมก็เริ่มงอแง...
...หลังจากที่มีเพื่อนคนนึงในกลุ่ม มันชื่อ วัต เป็นเพื่อนชายคนนึงในกลุ่ม มันชวนพวกผมขึ้นห้องพักเพราะเห็นว่าดึกแล้ว...
...แต่ด้วยความที่ผมไม่อยากกลับขึ้นไป ก็เลยกลายเป็นว่าผมบ่นและไม่อยากขึ้นไปอยู่แบบนั้นคนเดียว...
...แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะทุกคนก็เริ่มง่วงและเหนื่อยกันแล้วผมกับแพและเพื่อนคนอื่นๆก็เลยแยกกันไปเข้าห้องพัก...
ระหว่างทางแพขอผมไปหาแม่แปปนึงเพราะซื้อของมาเยอะมันเลยว่าจะเอาไปฝากแม่ไว้ก่อนด้วยความที่มันมีคีย์การ์ดแค่อันเดียวผมเลยบอกแพว่าถ้ามาแล้วก็เคาะเรียกนะเดี๋ยวเปิดประตูให้
...เราตกลงกันเสร็จก็แยกกันตรงทางเดิน...
...พอถึงห้องผมแตะคีย์การ์ดและเสียบคีย์การ์ดเพื่อให้ไฟในห้องมันติด เพราะโรงแรมทีนี้ต้องเสียบคีย์การ์ดเท่านั้นไฟถึงจะติด...
...พอไฟติดผมก็เข้าไปสำรวจในห้องก่อนทันทีจากตอนแรกที่ผมไม่มีเวลาสำรวจหรือสังเกตอะไรภายในห้องเลย...
...ภายในห้องเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะเจอห้องน้ำอยู่ซ้ายมือทันที ส่วนขวามือที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้าไม้สีน้ำตาลเข้ม เป็นตู้ไม้ที่ออกแนวโบราณๆหน่อยไม่ได้โมเดิล...
...เพราะโรงแรมนี้จากที่ผมสังเกต โรงแรมจะตกแต่งด้วยของเก่าๆออกแนวล้านนาๆ...
...ลิฟต์ก็แคบๆไม่ใหญ่มากและเก่าพอสมควร ตรงทางเดินจะปูด้วยพรมสีแดงทั้งหมดทุกชั้น และทุกชั้นทางเดินจะเป็นไฟสีเหลืองส้มทั้งหมด...
...พอถัดเข้าไปในห้องซ้ายมือฝั่งเดียวกับห้องน้ำจะเป็นเตียงนอน 3 ฟุต 2 เตียง ระหว่างเตียงจะมี ชั้นวางของเล็กๆที่ตอนนั้นจะมีโทรศัพท์ของโรงแรมวางกั้นอยู่...
...ถัดไปจากเตียงก็จะเป็นประตูกระจกที่ติดผ้าม่านสีเทาและข้างนอกเป็นระเบียงห้อง...
...ตรงข้ามกับเตียงจะเป็นทีวีติดพนัง และโต๊ะวางของที่อยู่ใต้ทีวี...
...ข้างเตียงฝั่งระเบียงจะเป็นโคมไฟหัวเตียง และมีเก้าอี้ไม้ อยู่ 2 ตัว วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ในห้องไม่ได้ใหญ่มากนัก...
...และตอนนั้นผมอยู่ในห้องคนเดียว ตอนตี 2 ด้วยความกลัวผมเลยเปิดไฟทั้งห้องให้มันสว่างมากๆได้เท่าที่จะสว่างได้ และผมก็รีบเตรียมตัวอาบน้ำก่อนที่เพื่อนจะกลับมา...
...ระหว่างที่ผมเข้าไปอาบน้ำนั้น ผมไม่ได้เอามือถือเข้าไปด้วย ตอนนั้นทีวีของผมปิดอยู่ทุกอย่างอยู่ในความเงียบไม่รู้ว่าที่ผมเข้าไปอยู่ในนั้นนานเท่าไหร่แล้ว...
...ผมก็อาบน้ำทำธุระของตัวเองไป จนสักพักผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น 1 ครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร...
...จนกระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามาด้วยความที่ห้องน้ำมันอยู่ใกล้กับประตู ผมก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้อง...
...ตอนนั้นผมคิดว่าคงเป็นแพที่กลับเข้ามา ผมเลยตะโกนถามออกไปว่า ' กลับมาแล้วหรอมึง ' แต่ผมก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากแพเลยสักนิด...
...เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นอีกรอบพร้อมกับเสียงทีวีที่เปิดขึ้น ในตอนนั้นผมคิดแค่ว่าแพคงกลับมาแล้วจริงๆแหละเพราะมันมีเสียงทีวีเปิด...
...มีเสียงเดินอยู่ภายในห้องแต่ไม่มีเสียงพูดคุยอะไร ผมเลยรีบอาบน้ำรีบแต่งตัวใส่ชุดนอนและออกมาเพื่อจะให้แพนั้นได้ใช้ห้องน้ำบ้าง แต่พอผมเปิดประตูห้องน้ำออกมาทุกอย่างกับเงียบสนิท...
...เสียงทีวีที่ได้ยินกลับไม่มีเพราะมันไม่ได้เปิด...
...ประตูห้องยังปิดเหมือนเดิม ตอนนั้นในหัวผมคือคิดอะไรไม่ออก ก้าวขาไม่ออกแล้ว สักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น...
...'ก็อกๆๆๆ' ผมก็สดุงทันทีแต่กับโล่งใจมากกว่า เพราะเสียงเคาะนั้นคือเป็นเสียงจากแพที่กลับเข้ามาจริงๆ ผมเปิดประตูให้แพเข้ามาและแพก็ทำท่าตกใจนิดๆเหมือนจะเห็นว่าผมก็ตกใจเหมือนกัน...
...ประโยคแรกที่ผมถามแพตอนนั้นคือ 'มึงพึ่งกลับมาหรอ' แพมันตอบกลับมาสั้นๆว่า 'ใช่ ทำไมอะ'...
...ผมทำได้แค่เงียบและไม่พูดอะไรต่อเพราะยังไงผมคิดแล้วแหละว่ามันไม่ปกติ ผมเลยเดินกลับเข้ามาในห้องและเปิดโทรศัพท์ตัวเองดู...
...คราวนี้มันทำให้ผม งง หนักกว่าเดิมและหลอนกว่าเดิมอีก คือ มันไม่มีสายที่ไม่ได้รับ ในโทรศัพท์ของผมเลยสักสาย แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ผมได้ยินตอนนั้นละคือเสียงจากโทรศัพท์ใคร ....ทั้งที่ในห้องมีผมคนเดียว...
...ตอนนั้นผมกลัวมากจริงๆยอมรับว่ากลัวจนไม่กล้านอนแล้ว แต่ผมไม่อยากเล่าให้แพฟังกลัวว่าจะพากันนอนไม่ได้อีก...
...ผมเลยใจดีสู้เสือตอนนั้นก็ ตี 3 แล้ว ผมก็เลยตัดบทด้วยการบอกให้แพรีบไปอาบน้ำจะได้รีบนอนกัน เออถ้าหลับแล้วอาจจะไม่มีอะไรก็ได้...
...ผ่านไปสักพักผมกับแพก็เริ่มง่วงและพากันหลับไป ซึ่งแพนอนเตียงที่ติดกับห้องน้ำส่วนผมนอนเตียงที่อยู่ใกล้กับระเบียงห้องเราสองคนก็หลับไป...
...ตอนนั้นผมนอนคุมโปงเพราะผมกลัวมาก ผมใส่หูฟังเปิดเพลงฟังเพื่อไม่ให้มันรู้สึกเงียบเกินไป...
...ไม่รู้ว่าผมนอนแบบนั้นไปนานเท่าไหร่รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เตียงที่ผมนอนอยู่ตรงปรายมันยุบลงยวบ เหมือนกำลังมีคนมานั่งอยู่ปลายเตียง...
...และอยู่ๆเสียงทีวีในห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทั้งตัวผมคือแข็งไปหมดจะขยับก็ไม่ได้...
...พยายามออกเสียงเรียกแพแล้วแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา และอยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงเป็นเสียงเคาะไม้ แต่มันไม่ใช่เสียงเคาะประตู แต่เป็นเสียงเคาะจากในตู้เสื้อผ้า...
...ตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นไวจนผมตั้งตัวไม่ถูก ตัวก็ขยับไม่ได้ ผมเลยสวดมนต์ในใจแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร...
...ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเคยได้ยินมาว่าถ้าเราคิดถึงพ่อกับแม่มันจะช่วยให้หลุดพ้นจากสิ่งพวกนี้ได้...
...สักพักผมก็หลุดออกมา ลุกนั่งอยู่บนเตียงนั้นสักพัก ในใจผมเต้นรัวๆจนแทบจะระเบิดออกมา...
...พอหันไปที่เตียงของแพ แพกลับนอนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
...ด้วยความที่มันใกล้เช้าแล้วผมก็ไม่กล้านอนต่อ เลยคิดว่าเปิดระเบียงออกไปดีกว่าอย่างน้อยเปิดไฟที่ระเบียงให้สว่างก็ยังดีวะ...
...ผมเดินออกไปอยู่ที่ระเบียงสักพักก็พึ่งสังเกตว่าตึกตรงข้ามอ่ะมันเป็นตึกร้างแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร...
...และอยู่ๆผมก็รู้สึกว่ามีมือเย็นๆมาสะกิดไหล่ผม แต่พอหันไปกับเห็นเป็นแพลุกนั่งขึ้นและทำท่าเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง...
...ผมเลยรีบกลับเข้ามาในห้อง แพมันก็ทำท่าเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง และบอกกับผมแค่ว่า 'กูขอไปนอนกับแม่นะ'...
...และมันก็ออกไปจากห้องทันที ด้วยความที่ผมก็ตกใจและก็ไม่อยากอยู่คนเดียวเลยเดินตามมันออกไป...
...แต่ผมไม่อยากรบกวนพ่อกับแม่มัน เลยขอไปนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ดีกว่า เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว......
.
.
.
.
...เรื่องเมื่อคืนผมกับแพไม่ได้คุยอะไรกันจนกลับถึงโรงเรียน...
...แพเดินมาหาผมและเล่าเรื่องที่ตัวเองก็เจอในคืนนั้นให้ผมฟัง ซึ่งมันทำให้ผมช็อกมากไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง...
...แพเล่าว่า ตอนที่หลับกันอ่ะ แพนอนหันหน้ามาหาผม มันบอกว่าผมนอนตัวสั่น และอยู่ๆผมก็ลุกขึ้นนั่งเดินออกไปที่ระเบียง ตอนนั้นแพนอนมองผมอยู่ตลอดแต่กลับกันผมเห็นแพนอนหันหลังให้ผมและหลับสนิท...
...แพบอกผมว่าตอนที่ 'มึงยืนอยู่ตรงระเบียงอะ กูเห็นเงาผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ข้างๆมึงเขาพยายามจะจับตัวมึง' กูเลยไม่กล้านอนอยู่ห้อง...
...ดีนะที่วันนั้นเราพักกันที่โรงแรมนั้นแค่คืนเดียว ถ้าอีกคืนคงไม่ไหวแน่ๆ...
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments