ตอนที่5

ทัก เมื่อมาถึงบ้าน เกตุซึ่งนั่งรอชายหนุ่ม อยู่หน้าบ้าน ด้วยใจจดใจจ่อ เธอรีบวิ่งปรี่ไม่รีรอเข้าไปหาชายหนุ่มทันทีพร้อมความในใจ

" พี่ทัก เคลียร์กับมันเสร็จแล้วใช่ไหมคะ มันว่ายังไงบ้าง แล้วมันจะไปเซ็นใบหย่าให้พี่เมื่อไหร่"

เกตุถามด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็นและอัดอั้นความในใจจนเต็มที

"พี่เคลียร์กันเสร็จแล้ว

แอนบอกว่าเขาจะโทรมานัดอีกที เมื่อพร้อม เพราะแอนเขาต้องทำงาน ว่างเมื่อไหร่ เขาจะบอก

เกตุไม่ต้องห่วงนะ พี่เคลียร์ทุกอย่าง เรียบร้อยแล้ว แอนเขารับปากว่าจะไม่มายุ่งกับพี่อีก เกตุสบายใจได้เลย

อ้อ...เดี๋ยวพี่ขอตัวพักผ่อนก่อนนะ พี่รู้สึกเหนื่อยๆ น่ะ แล้วค่อยคุยกันนะครับ"

ทักนอนอยู่บนเตียง ที่นอนอันแสนนุ่ม เขาพยายามข่มตาให้หลับลง แต่ภาพเก่าๆ ยังตามมาหลอกหลอนอยู่เสมอ

ย้อนไปในอดีต เมื่อ15 ปีที่ผ่านมา พิทักษ์ เป็นบุตรชายของ นาย เกรียงศักดิ์ วงศ์ไพรัช ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ ออกแบบและรับเหมา สิ่งก่อสร้าง ธุรกิจกำลังไปได้ดี

นายเกรียงศักดิ์ ได้ส่งทักซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาจะกลับมาเยี่ยมพ่อและแม่ทุกปี ปีละครั้ง

จนกระทั่งเรียนจบ วิศวกร แต่กระนั้นทักได้ขออนุญาตพ่อแม่ เพื่อหางานทำ สักระยะเพื่อ ทดสอบวิชาที่ได้เรียนมา

และแล้ว ...ไม่นาน 7 เดือนต่อมาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับครอบครัว

ทักได้รับข่าวร้ายที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นจากผู้เป็นแม่ คือ นายเกรียงศักดิ์ ผู้เป็นพ่อ ของพิทักษ์ได้ปลิดชีพฆ่าตัวตาย ด้วยการยิงตัวตายดับคาเก้าอี้โต๊ะทำงานในห้องที่ออฟฟิศ

ทักได้บินกลับมาไทยเป็นการด่วน ด้วยความอาลัยเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักหน่วง..

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีงานศพพ่อแล้ว ทักตัดสินใจที่จะอยู่กับแม่

ทักเกิดสงสัยในการตายของผู้เป็นพ่อ มันต้องมีเงื่อนงำอะไรสักอย่าง พ่อถึงฆ่าตัวตาย เพราะไม่คิดว่าจะมีเหตุผลอะไรที่พ่อจะต้องมาจบชีวิตตัวเองลง ทั้งหน้าที่การงานและธุระกิจที่กำลังรุ่งราบรื่นไปได้ด้วยดี เขาจึงต้องรู้ให้ได้...

ข่าวการตายของนายเกรียงศักดิ์ ทำให้ครอบครัว ญาติ และเพื่อนสนิท ต่างคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่นายเกรียงศักดิ์ ต้องมาจบชีวิตตัวเองลง ด้วยการฆ่าตัวตาย

เพราะนายเกรียงศักดิ์ ไม่เคยมีปัญหาหนี้สินหรือขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์อะไรจนถึงต้องมาฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา

ภรรยาของเขารู้ดี ...เกรียงศักดิ์เป็นคนรักเพื่อน เป็นคนที่มีจิตใจดี ไม่มีศัตรูที่ไหน เพราะในวงการธุรกิจที่ทำ ทุกคนต่างให้การยกย่อง ในความสามารถของเขา ทุกคนต่างเสียใจกับการจากไปของเขามาก โดยเฉพาะพิทักษ์และผู้เป็นแม่

หลังจากการตายของนายเกรียงศักดิ์ผ่านพ้นไป ได้ไม่กี่สัปดาห์ก็ทำให้ภรรยานั้นเริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลกไป เธอพูดน้อยลง เข้าข่ายซึมเศร้า ชอบเก็บตัวเงียบๆ อยู่ที่บ้านไม่ออกไปพบปะผู้คน หรือทำกิจกรรมนอกรั้วบ้านใดๆ เลยแม้แต่น้อย

ทักลูกชายคนเดียวของเขา แอบสังเกตเห็นแววตาและสีหน้าท่าทีของผู้เป็นแม่ เหมือนกับแม่ของเขานั้นมีอะไรอยู่ภายในใจ ที่ไม่สามารถบอกให้ใครล่วงรู้ได้

ทักจะคอยพูดคุยกับแม่บ่อยๆ หาเวลาอยู่กับแม่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกดี และไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อต้องขาดสามีคู่ชีวิตไป

เมื่อพิทักษ์ได้พาแม่ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง รอฟังผล นายแพทย์วินิจฉัยว่า

"คนไข้มีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เข้าขั้นร้ายแรง แม่ของคุณต้องมีเหตุการณ์เรื่องเลวร้ายมากระทบจิตใจ หรือ อาจจะไปรับรู้เรื่องไม่ดีที่ไม่ควรจะรู้และเก็บมันสะสมทับทมอยู่ในใจ มากมายอย่างแน่นอน

หากท่านไม่ยอมพูดคุยความในใจหรือระบายมันออกมาให้ใครฟังได้ แบบนี้จะยิ่งทำให้คนไข้มีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ

หมอแนะนำให้คุณพยายาม ชวนท่านพูดคุยบ่อยๆ เอาใจใส่ให้มากๆ อย่าปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียวเพียงลำพัง

คนไข้ที่มีอาการป่วยเช่นนี้ ถ้าหากเขาได้พูดคุยหรือระบายปลดปล่อยความในใจ ที่มีอยู่ ให้กับคนที่เขาไว้วางใจสนิทสนม คนไข้ก็จะรู้สึกดีขึ้น และกล้าที่จะพูดบางอย่างออกมา

คุณเป็นลูก คุณต้องพยายามดูแลท่านเป็นพิเศษหน่อย คุณรู้ใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร"

นายแพทย์หนุ่ม อธิบายรายละเอียดอาการและการดูแลคนไข้ให้ทักทราบ

"ครับผมรู้ว่าผมต้องทำอย่างไร ขอบคุณมากครับ"

เมื่อรับยาเสร็จ ทักจึงกลับมาบ้านพร้อมกับแม่ และตั้งแต่นั้นมา เขาพยายาม ทำให้แม่ยิ้ม หัวเราะ เขาเอาใจใส่ทุกอย่างเป็นอย่างดี

และแล้วช่วงเวลาก็หมุนผ่านพ้นเวียนวนไปหลายเดือนในที่สุด แม่ของพิทักษ์ จึงค่อยๆ เริ่มเปิดปาก เล่าทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คั่งค้างอยู่ในใจออกมาให้ลูกชายฟัง....

"ทัก ฟังแม่นะลูก แม่มีความในใจจะเล่าให้ลูกฟังก่อนที่มันจะสายจนเกินไป...แม่ไม่อยากเก็บมันไว้คนเดียวอีกแล้ว ถึงเวลาที่ลูกจะต้องรู้ความจริง สักที"

"แม่ครับ ผมรู้ว่าแม่มีความในใจมาตลอด ผมรอวันนี้ วันที่แม่พร้อม พร้อมที่จะเปิดเผยทุกอย่าง ที่เก็บไว้ในใจผมพร้อมที่จะรับฟังแม่ทุกอย่างครับ"

ในช่วงเวลาที่ทักศึกษาอยู่ที่เมืองนอกนั้นเขาไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ จากปากของพ่อและแม่ เพราะท่านทั้งสองไม่อยากทำให้ลูกชายคิดหนัก และเป็นห่วงการเรียนของลูกชายนั่นเอง

" เมื่อครั้นลูกไปเรียนอยู่ที่เมืองนอกใหม่ๆ พ่อของลูกได้เจอกับนายสุเทพ เพื่อนสนิทสมัยเรียนอยู่ด้วยกัน พอเรียนจบ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป และแต่งงานมีครอบครัว เมื่อนายสุเทพเข้ามาหาอีกครั้ง ครั้งนี้ เขามาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพ่อของลูก ท่านจึงให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ธุรกิจที่นายสุเทพ ที่มีอยู่ในตอนนั้น ขาดทุนเป็นจำนวนเงินมหาศาล เป็นหนี้สินกับทางธนาคาร จนต้องขายธุรกิจให้กับนายทุนคนอื่น ไป

พ่อของลูกเห็นใจเพื่อนที่ธุระกิจล้มละลาย จึงได้ให้ยืมเงินก้อนใหญ่เพื่อไปเริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าอีกเช่นเคย

แต่ครั้งนี้พ่อของลูกเกิดใจดีเห็นอกเห็นใจก็เมื่อตอนที่เพื่อนมาปรับทุกข์ขอพึ่งพิงจึงได้กล่าวชักชวนให้นายสุเทพ เข้ามาช่วยดูแลและจัดการเรื่องงานในบริษัทของพ่อ

เริ่มแรกทุก อย่างเป็นไปด้วยดี มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย โดยทุกครั้งที่พ่อไปประมาณเมินงาน นายสุเทพก็จะติดตามพ่อไปตลอดทุกที่

จนกระทั่งสองปีผ่านไป พ่อของลูกเคยบ่นกับแม่ว่า นายสุเทพ เปลี่ยนไป และยังจับได้อีกว่ายักยอกเงินทางบริษัทไปหลายสิบล้าน สองคนจึงเกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน

สุดท้ายนายสุเทพก็ หายเงียบไป จนกระทั่งมารู้อีกทีว่า เขาได้เปิดบริษัทใหม่ ทำธุรกิจออกแบบ รับเหมาก่อสร้างเหมือนกันกับที่พ่อทำอยู่ ทั้ง สองจึงกลายเป็นคู่แข่งกันในบทบาทของธุรกิจ

แต่บริษัทของเรา เป็นที่รู้จัก และได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้า ในมาตรฐานกันอย่างกว้างขวาง จึงเอาชนะการประมูลทุกครั้ง

และทำให้นายสุเทพไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก และท้ายสุดแล้ว ธุรกิจที่นายสุเทพทำก็พังทลายลงอีกครั้ง

พ่อของลูกได้แต่บ่นกับแม่ว่าสงสารเพื่อน เพราะพ่อของลูก เป็นคนมีน้ำใจ และแล้วพ่อก็ให้อภัยนายสุเทพ พร้อมกับให้โอกาสเข้ามาทำงานในบริษัทของเราอีกครั้ง โดยที่นายสุเทพได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ทำอย่างที่เคยทำอีก...

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!