หลังจากจบการประลองหวู่ฉางคงก็กล่าวขึ้นมาว่าเล็กน้อยเละได้พูดขึ้นมาอีกว่า
"หลังจากที่ข้าเห็นการต่อสู้ของพวกเจ้าแล้วพวกเจ้ายังขาดร่างกายที่เเข็งเเกร่งเพราะพลังวิญญาณไม่ใช้เงื่อนไขในการเป็นผู้ขังหุ่นจักรกลเพราะเครื่องจักรกลพลังวิญญาณสามารถกักเก็บพลังวิญญาณได้ และถ้าผู้ขับหุ่นจักรกลไม่มีร่างกายที่เเข็งเเกร่งก็ไม่สามารถทนรับเเรงกระเเทกภายในหุ่นจักรกลได้ เเละทำสงครามที่มีเเรงกดดันสูงได้ ดังนั้น ช่วงเช้าพวกเจ้าจะต้องฝึกฝนพละกำลังร่างกายของช่วงเช้าทุกวัน เเละช่วงบ่ายจะศึกษาทฤษฎีคาบเรียนช่วงเช้าจบเพียงเท่านี้ พวกเจ้าจงกลับไปไตร่ตรอง การศึกษาทฤษฎีช่วงบ่ายจะสอนการฝึกสมาธิ"
คำกล่าวของบุตรผู้เย็นชานั้นเป็นคำกล้าวความจริงและยังมีคำกล่าวที่ว่าพวกเจ้านั้นไร้ประโยชน์ และยังเป็นการกล่าวที่ยาวที่สุดตั้งเเต่ที่เทพบุตรผู้เย็นชาได้รับหน้าที่อาจารย์ประจำชั้นอีกด้วย
"ถังหวู่หลิน มาร์ค เซี่ยเซี่ย พวกทั้งสามคนตามข้ามา"
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ตามอารจารย์วู่ฉางคงมายังห้องทำงานของอาจารย์
ห้องทำงานของหวู่ฉางคงนั้นเล็กจนดูน่าสงสาร มีพื้นที่เพียงสิบตารางเมตร นอกจากโต๊ะหนึ่งตัว ชั้นหนังสือหนึ่งชั้น เก้าอี้หนึ่งตัว ก็ไม่สามารถวางอะไรได้อีก
"เมือครู่ที่ข้าบอกว่าพวกเจ้าไร้ประโยชน์ก็พวกถึงพวกเจ้าด้วย"
หวุ่ฉางคงหันมามองทางถังหวู่หลินเเละกล่าวขึ้นมาว่า"วันนี้เจ้าต่อสู้ได้ไม่เลวแต่เจ้ายังใช้จุดเด่นของตัวเจ้าได้ไม่ดีและหญ้าสีฟ้าของเจ้ายังเคยเเปรสภาพมาก่อนความเเข็งเเกร่งทนทานมีมากกว่าผู้อื่น แต่พลังวิญญาณของเจ้านั้นอ่อนเเอขอเพียงเเค่พลังวิญญาณของคู่ต่อสู้ของเจ้ามีมากกว่าเจ้าก็หมดสิทธิ์ที่จะชนะ แล้วค้อนของเจ้านั้นคืออะไร"
"ข้าเคยเรียนตีเหล็กมาก่อน"
"ตีเหล็ก? เจ้าเป็นผู้ใช้ภูต เรียนตีเหล็กไปทำไม วิหคโง่เขลาหมั่นฝึกบินจึงเข้าสู่พงไฟรก่อนเพื่อน เดิมเจ้าเป็นนกโง่อยู่แล้วยังไปเสียเวลากับเรื่องไร้สาระอยู่อีก"
"แต่ทุกคนบอกว่าดวงจิตภูตของข้าไร้ประโยชน์ วิญญาณภูตก็..."
ดังนั้นเจ้าจึงคิดจะเป็นช่างตีเหล็ก เหลวไหล จงจำไว้เข้าเป็นนักเรียนของข้าจนกว่าข้าของจะบอกว่าเจ้าไร้ประโยชน์จงพยายามเติบโตในสายอาชีพผู้ใช้ภูตต่อไป"
มาร์คที่ยืนอยู่ข้างก็กระตุกมุมปากแล้วคิดขึ้นมาว่าเมือครู่ยังบอกว่าพวกตนไร้ประโยชน์อยู่ไม่ใช้หลอ?
"อ๋อ"ถังหวู่หลินขานรับ แต่เขาจะไม่ระทิ้งการตีเหล็กแน่นอน
หวู่ฉางคงหันมามองเซี่ยเซี่ย"เจ้าขำอะไรคิดว่าซ้อนดวดจิตภูตแฝดเอาไว้มันสนุกหรือรึ" หลังจากนั้นเซี่ยเซี่ยก็โดนหวู่ฉางคงตำหนิ
"อาจารย์ ดวงจิตภูตแฝดคืออะไร?"
หลังจากนั้นหวู่ฉางคงก็อธิบายเรื่องของดวงจิตภูตแฝด และหันมากล่าวกับมาร์ค
"!!!!"ถังหวู่หลินกับเซี่ยเซี่ย
"เจ้าเองก็เหมือนกัน ทำไมถึงซ้อนดวงจิตภูตแฝดไว้ แล้วมันเป็นประเภทไหน"
มาร์คที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจมาก
'กุจำได้ว่าตอนต่อสู้ก็ไม่ได้เผยดวงจิตภูตอีกอันไม่ใช้หลอวะ'
"เอ่อ ดวงจิตภูตที่สองของข้าเป็นประเภทอุปกรณ์เหมือนกับดวงจิตภูตเเรก"
"เจ้าแสดงดวงจิตภูตที่สองให้ข้าดูหน่อย"
"ครับ"
พอมาร์คกล่าวเสร็จก็เเสดงดวงจินภูตอันที่สองออกมาก็ปรากฏดาบสีดำใบดาบสีม่วงอยู่บนมือของมาร์คพอหวู่ฉางคงเห็นก็ไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับดวงจิตภูตอันที่สองของมาร์ค
"เอาหละ มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า"
"ในทุกปีการศึกษา โรงเรียนจะจัดการเเข่งขันครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของในการศึกษาขั้นกลางและขั้นสูง
ภาคการสึกขั้นกลางของเรานั้นมีทั้งหมดหกชั้นปี ซึ่งจะเข้าร่วมทั้งหมด การแข่งมีชื่อว่าการแข่งขันเลื่อนห้อง"
"การแข่งขันเลื่องนห้อง?"
การแข่งขันเลื่อห้องจะเริ่มตัแข่ห้องที่อ่อนแอที่สุด เรือกนักเรียนเข้าร่วงในรูปแบบการท้าประลอง ห้องฟ้าท้าประลองห้องสี่ ประลองแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผู้ชนะในการประลอง จะสลับกับห้องที่อันดับสูงกว่าหรือกล่าวอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเราประลองชนะห้องสี่ เช่นนั้นเราก็จะไม่ใช้ห้องห้าปีหนึ่งที่ส่ำที่สุด แต่จะเป็นห้องสี่ปีหนึ่ง ห้องที่อยู่อันดับต่ำกว่าสามารถกำหนดจำนวนผู้เจ้าร่วงการประลอง หากชนะจะได้สิทธิ์ท้าประลองห้องอันดับสุดขึ้นไป จนกว่าเเพ้การประลอง ต้องท้าประลองตั้งแต่ปีหนึ่งไปจนถึงปีหก ห้องที่มีอันดับสูงสุดคือห้องหนึ่ง หากสามารถม้าประลองชั้นปีสุงได้เรื่อยๆ ทุกครั้งที่ได้รับใชชนะในการประลองแบบข้ามชั้นปี จะมีรางวัน"
"ถ้าเช่นนั้นแปลว่าห้องเราเป็นห้องแรกที่สามารถ ท้าประลองได้?"เซี่ยเซี่ย
"ถูกต้อง"
เซี่ยเซี่ยหล่าวย่างหยิ่งยโส"ไม่มีปัญญา อาจารย์หวู่ให้ข้าจัดการเอง ข้าสามารถแนะลองตัวต่อตัวไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าจะสามารถประลองไปได้ถึงปีหก"
"จำนวนผู้เข้าการแข่งขันอย่างน้อยสองคนนอกจากนี้ เจ้าคิดว่าผู้ใช้เวงจิตภูตแปดนั้นไร้เทียม? เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ถูกเลือยกให้อยู่ห้องหนึ่งนั้นเป็นเช่นไร?
บนโลกนี้อัจฉริยะนั้นมีอยู่ถมไปแม้อัจฉริยะที่ตกอับมีจำนวนไม่น้อยแต่แต่ในการสึกษาขั้นกลาง พรสวรรค์ของเจ้านั้นนับว่าเป็นแค่ระดับกลางเท่านั้น
เซี่ยเซี่ยแทบจะไม่ได้ฟังในประโยคหลีงนั้นแม้แต่น้อย เขาเพียงสนใจประโยคแรกของหู่ฉางคง แล้วหันมามองมาร์คและถังหวู่หลินปล้วกล่าวว่า"อาจารย์ท่านคงไม่ได้จะให้ข้าแข่งขันะร้อมกับพวกเขาใช้ไหม?"
"หากเจ้ามีตัวเลือกที่ดีกว่าก็ย่อมได้"
"ข้า..."
การเเข่งขันจะเริ่มในอีกหนึ่งเดือน ดังนั้น ตั้งแต่พ.นเป็นไปนอกจากการเข้าเรียนในคาบเรียนปกติ ข้าจะให้พวกเจ้าฝึกฝนพิเศษทุกคืน ภารกิจที่ข้ามอบให้นั้นง่ายมาก เปลี่ยนชื่อห้องของพวกเรานั้นเป็นห้องหนึ่ง"
"ถ้าพวกเราทำไม่สำเร็จ?"
"หึหึ"หวู่ฉางคงหัวเราะ แต่เดิมหวู่ฉางคงก็หล่เหลาอยู่แล้วแต่เมือหัวเราะ ถังหวู่หลินและเซี่ยเซี่ยต่างมองดูด้วยความอึ้งจนเคลิบเคลิ้มไปครู่หนึ่ง แต่ในเวลาเดียวกันทั้งสามก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ต่อตัวขึ้นบริเวณปลายกรัดูกสันหลังขิงพวกเขา เย็นยะเยือกจนถึงกระดูกและหวู่ฉางคงก็เดินออกจากห้องไป
"เฮ้"เซี่ยเซี่ยกล่าวขึ้นขนะที่ถังหวู่หลินเเละมาร์คกำลังเดินออกจากห้องไป
"มีอะไร"มาร์คกล่าวขึ้นและหันมามองที่เซี่ยเซี่ย
"ข้าจะบอกว่าการเเข่งขันหนึ่งเดือนหลังจากนี้ พวกเจ้าอย่าเป็นภาระข้า"
"เจ้ายังหยิ่งอยู่อีกงั้นรึ ทั้งไปเจ้ายังเเพ้พวกเราอยู่เลย"
คาบเรียนในช่วงเช้าเลิกก่อนเวลา เเต่ถังหวู่หลินและมาร์คไม่ได้กลับไปที่หอพัก แต่มารอที่ภาคการศึกษาขั้นสูง แต่มาร์คเเค่มาเพื่อนำถังหวู่หลินเฉยๆ
"รุ่นพี่หยู่ซิน"ถังหวู่หลินโบกมือให้นาง
"ว่าว หยู่ซิน ที่เเท้เจ้าก็ชอบเด็กนี่เองน่าตาจิ๋มลิ้ม?"
"อย่าพูดเหลวไหล น้องชายผู้นี้คือถังหวู่หลินเเละเพื่อนของเขามาร์ค เป็นรุ่นน้องของเราในภาคการศึกษาขั้นกลางปีหนึ่ง หวู่หลินมีเรื่องใด"
ถังหวู่หลินยื่นกล้องถ่ายรูปพลังวิญญาณในมือไปให้หยู่ซิน
"รุ่นพี่ข้าเเละมาร์คช่วยถ่ายรูปให้ท่านจำนวนนึง แต่ทำเป็นประจำย่อมไม่ดีนัก ข้าขอคืนให้ท่าน"
"เอาหละ ตามเดี๋ยวข้าเลี้ยงข้าวพวกเจ้าเอง"
"พวกข้าขอไม่รบกวน พวกข้าขอไปกินที่ภาคการศึกษาขั้นกลางดีกว่า"
หลังจากพวกเขากินอาหารเสร็จก็เข้าเรียนภาคบ่ายต่อ
ศาสตร์ฝึกสมาธิของหมู่ฉางคงนั้นซับซ้อนกว่าโรงเรียนขั้นตนมากเลยทีเดียวว่ากันว่าเป็นศาสตร์ขั้นสูงที่ได้รับการดัดแปลงจากโรงเรียนในตำนานโรงเรียนเชร็ค
ภายใต้การสอนอย่างกดดันจากสายตาอันเย็นเยียบของหวู่ฉาง เหล่านักเรียนเรียนรู้ได้เร็วมาก เกือบทุกคนสามารถขับเคลื่อนการโคจรขั้นพื้นฐานได้อย่างข้องเเคล่ว
หลังจากจบภาคบ่ายสมาคมตีเหล็ก
ส่วนมาร์คกลับไปที่ห้องพักเเละฝึกสมาธิต่อ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 6
Comments