เธอเปิดประตูเข้าไปเห็นแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวกลางบ้าน เธอวิ่งเข้าไปจับมือแม่อย่างคนเสียสติ พูดไม่เป็นคำ พร่ำเพ้อรำพัน ทำให้แม่กลัวว่าแจนจะเสียสติไปแล้วจริงๆ แม่เข้าไปปลอบเธออยู่พักใหญ่ จนทำให้แจนใจเย็นลงแล้วพยายามเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟัง แม่เห็นท่าไม่ดี บอกให้แจนรีบเก็บของพรุ่งนี้แม่จะพาแจนไปหาพระป่าที่ต่างจังหวัดแต่เช้า แจนได้ยินดังนั้นนึกถึงพี่แทนขึ้นมาทันทีเธอโทรไปหาพี่แทนเพื่อขอร้องให้พี่แทนไปด้วยกัน แต่พี่แทนก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะขอเคลียร์งานให้เสร็จก่อน แจนได้แต่ทำใจหวังว่าพี่แทนคงไม่เป็นอะไรหากเกิดเรื่องเธอขอให้พี่แทนรีบโทรบอกเธอทันที..
ในวันเดินทางแม่ขอให้พี่เต้ พี่ข้างบ้านเป็นธุระขับรถให้เพราะสิ่งที่แม่ได้ยินจากแจนเล่ามาเมื่อคืน แจนคงไม่สามารถขับรถได้และเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางก่อนที่จะไปถึงบ้านที่ต่างจังหวัด ทั้ง 3 คนได้ออกเดินทางแต่เช้าระหว่างทางใกล้ถึงที่หมายพี่เต้ได้แวะพักทานข้าวข้างทาง ตอนที่ทุกคนกำลังทานข้าวอยู่นั้น พี่เต้ได้เล่าเรื่องระหว่างที่ขับรถให้กับแม่เเละแจนฟัง ตอนที่ขับรถอยู่นั้นพี่เต้ได้ยินเสียง ...ก๊อกแก๊ก...ก๊อกแก๊ก... ดังมาจากบนหลังคารถ แม่เเละแจนเริ่มใจคอไม่ดีเเต่ก็ไม่ได้บอกอะไรให้พี่เต้ได้รับรู้ เมื่อทุกคนทานข้าวเสร็จเดินไปดูบนหลังคารถก็พบว่ามีรอยมือลากยาวเป็นทางอยู่บนนั้น แม่รีบให้พี่เต้เอาน้ำมาล้างออกทันที แล้วรีบเดินทางต่อไปให้ถึงจุดหมาย พี่เต้ขับรถเข้ามาถึงเขตจังหวัด แจนสังเกตเห็นพี่เต้เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป พี่เต้เริ่มมองกระจกข้างและกระจกหลังอยู่บ่อยครั้ง เธอแอบสงสัยและเห็นสถานการณ์เิ่มไม่ปกติเลยถามพี่เต้ “มีอะไรไหม ทำไมมองกระจกแปลกๆ” พี่เต้บอก “เห็นเหมือนมีเงาดำๆตามพวกเรามาตลอดทางตั้งแต่ออกจากร้านข้าวแล้ว” แจนนั่งก้มหน้าคิดในใจว่าเธอจะรอดไปถึงบ้านแม่ไหม เธอเกือบจะร้องไห้ออกมาเพราะเธอเริ่มทำใจรับไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม่ได้แต่มองหน้าแจนแล้วลูบหัวเบาๆ พี่เต้เห็นท่าที
แจนเปลี่ยนไป พี่เต้พยายามขับรถให้ไปถึงบ้านแม่แจนไวที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะฟ้าก็เริ่มมืดลงทุกที กลัวว่าหากฟ้ามืดมากไปกว่านี้ทุกคนจะไม่ปลอดภัย ทันใดนั้นแจนที่ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นพี่แทนที่โทรมาหาแจน เธอรีบรับสายทันที แจนได้รับข่าวร้ายจากพี่แทนตอนนี้ลุงขับรถตู้เสียแล้ว เธออึ้งพูดไม่ออกจุกอยู่ที่อก พี่แทนบอกกับเธออีกว่า “ตอนนี้เหลือเราแค่ 2 คนแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆ” จากนั้นพี่แทนก็วางสายไป แจนได้แต่นั่งมองหน้าแม่แล้วบอกแม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่รีบโทรไปหาป้าที่กำลังรอพวกเธออยู่ที่บ้านเล่าให้ป้าฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นและตอนนี้กำลังมีบางอย่างตามรถมา ขอให้ลุงมาช่วยดูให้ที ....
รถได้แล่นมาถึงหน้าบ้านของลุงและป้า ลุงเดินออกมาพร้อมกับถือมีดเล่มหนึ่งไว้ในมือ มีดเล่มนั้นถูกลงอักขระไว้ทั้ง 2 ด้าน มองก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นมีดหมอแน่นอน ลุงได้ท่องบทสวดพร้อมทั้งนำมีด กรีดและปักลงไปที่พื้นหน้าบ้าน บอกให้ทุกคนรีบเข้าไปในบ้าน ลุงมองหน้าแจน ถามเธอด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความสงสัย “เอ็งไปทำอะไรมา พวกเขาจะมาเอาชีวิตเอ็ง” แจนได้ยินดังนั้นก็ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ลุงฟัง ลุงเลยให้แจนรีบไปอาบน้ำไปทำธุระให้เสร็จแล้วขึ้นไปนอนห้องพระทันที ลุงยังบอกอีกว่า “คืนนี้ พวกเขาคงจะมาเอาเอ็งไปแน่ ถ้าคืนนี้ไม่มีปัญหาอะไรพรุ่งนี้เช้าจะได้ไปหาพระท่านให้ท่านช่วยเหลือ” แม่ได้ยินอย่างนั้นได้แต่ภาวนาขอให้คืนนี้แจนอยู่รอดปลอดภัยจนไปถึงวันพรุ่งนี้
ทุกคนในบ้านต่างหวาดระแวงและเริ่มกังวลกันเล็กน้อย ลุงเริ่มปิดบ้านปิดประตูหน้าต่างแล้วหันมาบอกแจน “คืนนี้ถ้าได้ยินเสียงอะไรก็ตามเสียงแปลกๆ เสียงคนเรียก ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือใครก็ตาม ห้ามออกมาจากห้องพระโดยเด็ดขาดให้อยู่ในห้องจนถึงเช้า” แจนเดินเข้าไปในห้องพระตามที่ลุงสั่ง ก่อนเดินเข้าไปในห้องพระแจนเข้าไปกอดแม่แล้วบอกกับแม่ "คืนนี้จะต้องผ่านมันไปให้ได้"แม่ได้เเต่กอดเธอเเล้วปล่อยให้เธอเดินเข้าห้องพระไปอย่างเงียบๆ
ในห้องพระนั้นลุงได้ทำการจุดเทียนเพื่อให้มีแสงสว่างภายในห้อง และมีกลิ่นอายจางๆของธูปที่ลุงเคยจุดไว้ เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกทำให้หลับไปโดยไม่รู้ตัว เธอต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง ...ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก... เธองัวเงียจะลุกขึ้นเดินไปเปิดแต่แล้วคำที่ลุงเคยพูดไว้ว่าห้ามออกไปข้างนอกหรือเปิดประตูเด็ดขาดได้วิ่งเข้าไปในหัวของเธอทันที ทำให้เธอหยุดชงักแล้วกลับมานั่งที่เดิม ผ่านไปสักพักหนึ่งเธอได้ยินเสียงมีคนมาทุบหน้าต่างห้องพระ ...ตึง...ตึง...ทุบอยู่หลายๆครั้งเเล้วก็มีเสียงเล็บที่ขูดกับผนังบ้าน ..ครูด..ครูด... เสีงนั้นมันแทบจะทำให้เธอเป็นบ้า เธอได้เเต่นั่งทำเป็นหูทวนลมไม่รับรู้ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่แล้วจู่ ๆหน้าต่างในห้องก็เปิดออกเอง...ปัง... แจนหันไปดู เธอเห็นเงาดำนั่งหยองๆ อยู่ขอบระเบียงห้อง เงานั้นนั่งจองมองมาที่แจนอย่างโกธรแค้น
เงาดำนั้นนั่งจองเธออยู่ที่ระเบียงโดยไม่ขยับไปไหน เมื่อแจนลองมองจ้องไปที่ใบหน้าของเงาดำตนนั้น เธอเห็นรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ถูกฉีกกว้างไปเกือบครึ่งหน้า ทำให้แจนนึกถึงรอยยิ้มสุดท้ายของพลอยก่อนจะกระโดดลงมาจากชั้น 2 ของบ้านหลังนั้น มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกันมากๆ ในใจเธอรู้สึกกลัวและอยากกรี๊ดออกมาดังๆ อยากจะวิ่งออกไปข้างนอกห้องไห้ไวที่สุด แต่แขนและขาของเธอตอนนี้มันชาไปหมดเธอกลายเป็นคนไม่มีเรี่ยวแรงแม้อยากจะนั่งหันหลังให้กับเงาดำนั้นเธอก็ทำไม่ได้ เธอได้แต่นั่งหลับตาอยู่อย่างนั้นเพราะลุงสั่งไว้ห้ามออกจากห้องนี้โดยเด็ดขาดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น....
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้เธอหลับไปด้วยความกลัว มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว แจนหันไปดูที่หน้าต่างเห็นแสงพระอาทิตย์ส่องเข้ามาภายในห้องเธอเอื้อมมือไปเปิดประตู แล้วเดินลงไปข้างล่างเห็นแม่กับลุงกำลังจัดเตรียมของกันอยู่ มีดอกไม้ ธูปเทียน เสื้อผ้าชุดสีขาว และผ้าดิบ ลุงได้พูดกับแจน “เมื่อคืนเอ็งคงเจอมาหนัก เอ็งรีบทำอะไรให้เสร็จแล้วไปหาพระป่าด้วยกัน” หลังมื้อเช้าทุกคนรีบช่วยกันแบกสิ่งของต่างๆที่จัดเตรียมไว้ขึ้นรถแล้วพากันออกเดินทางไปยังวัดป่าทันที วัดของพระป่าท่านนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองไปไกลพอสมควร ทางเข้าวัดป่าก็ไม่ได้จะเข้าไปได้ง่ายๆ ทางที่ขับเข้าไปเป็นทางดินแดงมีหลุมมีบ่อตลอดทาง ทำให้ไม่สามารถขับรถเร็วได้ตามต้องการ ตลอดสองข้างทางเห็นมีแต่ต้นไม้ใหญ่ แทบจะไม่มีบ้านคนให้เห็นเลยสักหลัง กว่าจะไปถึงวัดป่าก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 22
Comments