ระดับจิตวิญญาณขั้นห้า

ห้าปีผ่านไปในพริบตา

ข่าวเกี่ยวกับหลินเฟยยังคงแพร่กระจายภายในราชวงศ์จักรพรรดิเทวะทั้งหมด

ทุกคนรู้ว่าทันทีที่หลินเฟยเกิด เขาได้ปลุกให้บรรพบุรุษคนที่สิบเก้าตื่นขึ้นและมอบสถานะของจักรพรรดิเทวะให้เขา

สำหรับข้อมูลประจำตัวของการจัดลำดับผู้นำแห่งเทวะ ภายใต้ข้อจำกัดโดยเจตนาของหลินลู่เทียน ข่าวนี้มันจึงยังไม่แพร่กระจาย

เนื่องจากหลินลู่เทียนกำลังจะจัดงานเลี้ยงอายุสิบห้าปีให้หลินเฟย เขาจะเชิญกองกำลังอมตะทั้งหมดในแดนอมตะสวรรค์ แล้วจึงประกาศตัวตนของตำแหน่งผู้นำแห่งเทวะของหลินเฟยแก่สารธารณะชน มันคือการสร้างชื่อให้กับหลินเฟย

และนี่ยังสามารถให้โอกาสหลินเฟยเติบโตอย่างสงบสุขเป็นเวลาสิบห้าปี

แต่ในตอนนั้นหากส่วนที่เหลือของลำดับเทวะทั้งสิบไม่พอใจ หลินเฟยจะสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองเท่านั้น

หลินเฟยไม่สนใจเรื่องนี้ เขายังคงมั่นใจในความสามารถของเขา

สิบห้าปีก็พอ!

“เฟยเอ๋อหลังจากระดับเริ่มต้นขั้นสิบของระดับทางกายภาพ ยังมีสิบขั้นของระดับจิตวิญญาณ ซึ่งสอดคล้องกับทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน ตามลำดับ"

“หลังจากเสร็จสิ้นสิบขั้นของระดับผู้เริ่มต้นฝึกเต๋า เจ้าสามารถรวบรวมทะเลแห่งวิญญาณและหลอมรวมเป็นวิญญาณที่แท้จริง จากนั้นเจ้าจะสามารถดูดซับพลังวงแหวนสงครามเพื่อรับทักษะพิเศษ ที่จะสามารถกลายเป็นพลังของเจ้าในอนาคตได้”

ในห้องโถงของพระราชวังจักรพรรดิเทวะ หลินลู่เทียนกำลังอธิบายการฝึกฝนให้กับหลินเฟย

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาหลินเฟยได้รวบรวมพลังวิญญาณของเขาทุกๆวัน โอสถและสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดจะวางอยู่ตรงหน้าหลินเฟยเหมือนผักกาดขาว

สิ่งที่แพงที่สุดในการฝึกฝนร่างเทพทรราชล้างสวรรค์คือทรัพยากร

แต่ราชวงศ์จักรพรรดิเทวะเป็นตระกูลโบราณที่เก่าแก่ และสามารถมอบทรัพยากรให้หลินเฟยได้จริงๆ

หลังจากฝึกฝนมาห้าปี หลินเฟยรู้สึกว่าเขาสามารถบุกเข้าไปในระดับต่อไปได้ทุกเมื่อ

“ท่านปู่ปกติแล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะฝ่าฟันเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณได้?” หลินเฟยถาม

หลินลู่เทียนไตร่ตรอง“โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณแปดปีสำหรับอัจฉริยะ และอาจใช้เวลาสี่หรือห้าปีสำหรับยอดอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าเป็นร่างเทพทรราชและร่างกายนี้ก็หาตัวจับยาก บางทีสองปีหรือสามปีก็เพียงพอแล้ว "

“สองปีหรือสามปี?” หลินเฟยคิดกับตัวเอง

หลังจากระบุเส้นทางของการฝึกฝนแล้ว หลินเฟยก็เริ่มสงบสติอารมณ์และฝึกฝน

สิ่งที่เขาปลูกฝังคือวิธีการเพาะปลูกขั้นสูงสุดของราชวงศ์จักรพรรดิเทวะ พระสูตรแห่งจักรพรรดิ

วิชาพระสูตรแห่งจักรพรรดินี้สามารถปลูกฝังได้จนถึงระดับสูงสุด และเป็นหนึ่งในวิชาระดับสูงสุดในราชวงศ์จักรพรรดิเทวะ

อย่างไรก็ตามตราบใดที่หลินเฟยต้องการ เขาจะได้รับทรัพยากรชนิดใดก็ได้

ครื้นนนน...

ในร่างกายของหลินเฟยโลหิตสีทองก็เติมเต็มไปทั้งร่าง และปลดปล่อยแสงสีทองอันศักดิ์สิทธิ์ออกมา

การสะสมพลังของห้าปีนี้ได้ปะทุขึ้นในขณะนี้

หากมองเข้าไปข้างในตอนนี้ จะเห็นได้ว่าในร่างกายของหลินเฟยหัวใจเปล่งประกายราวกับประตูสวรรค์กำลังจะเปิดออก

“นี่... ไม่มีทาง...” หลินลู่เทียนที่อยู่ข้างๆตกตะลึงเล็กน้อย

เขาเพิ่งอธิบายเสร็จ หลานชายของเขาก็กำลังจะทะลวงใช่หรือไม่?

เขาไม่สามารถแม้แต่จะทำแบบนั้นได้!

อย่างไรก็ตามเมื่อหลินลู่เทียนตกตะลึง

ในหัวใจของหลินเฟยดูเหมือนว่าประตูสวรรค์จะถูกเปิดออก

ตูมมมมมมม!

หลินเฟยรู้สึกว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า พลังปราณสีทองและโลหิตที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเขาพุ่งพล่าน และพลังของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นสิบเท่าในทันที

“สิ่งนี้เป็นการเปิดจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหัวใจหรือไม่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”หลินเฟยสงสัย

เขารู้สึกว่ามันไม่ยากอย่างที่หลินลู่เทียนกล่าว?

ตอนนี้การบุกทะลวงดำเนินไปอย่างราบรื่น หลินเฟยไม่ลังเลใจและยังคงโจมตีประตูสวรรค์ของเหล่าทวยเทพต่อไป

หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม

ตูมมมมมม!

จิตวิญญาณของเขาถูกระเบิดอีกครั้งและเลือดก็สั่นสะเทือน

แต่หลังจากผ่านไปนาน จิตวิญญาณก็เปิดออกอีกครั้ง!

ในท้ายที่สุดเมื่อวันนั้นกำลังจะผ่านไป ในที่จิตวิญญาณของหลินเฟยก็ระเบิดอีกครั้ง!

ในขณะที่ระดับจิตวิญญาณขั้นที่ห้าในร่างกายถูกเปิดออก หลินเฟยรู้สึกราวกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามซึ่งสามารถปราบปรามสิบทิศทางในเอกภพได้

สำหรับผู้เฒ่าหลินลู่เทียนเขาได้หยุดนิ่งอยู่กับที่และพึมพำ

“บัดซบ มันต้องใช้เวลาสามปีกว่าที่ปรมาจารย์ผู้นี้จะทะลวงระดับจิตวิญญาณขั้นห้า แต่หลานชายคนนี้บุกทะลวงภายในวันเดียว…”

มันจะเทพเกินไปแล้วหลานปู่!!

หลินลู่เทียนรู้สึกเหมือนเสียหน้าต่อหลานชายของเขา

ไม่ ข้ามันก็แค่ขยะ!

นอกจากอายุมากขึ้นและมีฐานการฝึกฝนที่สูงกว่าแล้ว ข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเฟยได้!

“ท่านปู่ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” หลินเฟยขมวดคิ้วทันที

“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” หลินลู่เทียนกลับมารู้สึกตัวและถามอย่างประหม่า

หลินเฟยเป็นสมบัติของราชวงศ์จักรพรรดิเทวะ หากมีอะไรผิดพลาดบรรพบุรุษที่สิบเก้าต้องลอกหนังหัวเขาออกแน่

“ข้ารู้สึกว่าที่พลังของจิตวิญญาณนั้นแข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะทั่วไปถึงสิบเท่า?” หลินเฟยสงสัย

นี่ไม่ได้หมายความว่าอัจฉริยะระดับจิตวิญญาณทั่วไปไม่แข็งแรง แต่หลินเฟยนั้นแข็งแกร่งเกินไป

หลินลู่เทียนรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ และในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดวงตาของเขาซับซ้อนด้วยความอิจฉา

“ท่านปู่ข้าปกติไหม” หลินเฟยถาม

“แน่นอนไม่เป็นไรเฟยเอ๋อ เจ้าสามารถขยายกิ่งก้านและองค์ประกอบให้มากขึ้นได้ในอนาคต เมื่องานเลี้ยงอายุ 15 ขวบสิ้นสุดลง ปู่จะขอให้หมิงเซียนจัดงานแต่งงานของเจ้ากับไข่มุกแห่งราชวงศ์หมิงของพวกเขา” หลินลู่เทียนกล่าว . .

“นี่…” หลินเฟยตกตะลึงครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้

อย่างไรก็ตามหลินเฟยไม่ใช่คนที่ไม่มีสมอง ไม่ว่าภูมิหลังของเขาจะดีแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถไปยุ่งวุ่นวายได้

สำหรับการแต่งงานที่คลุมเครือ หลินเฟยจะไม่ตกหลุมรักไข่มุกของราชวงศ์หมิง

“ยังไงก็เถอะท่านปู่ ท่านรู้ไหมว่าเทวรูปจักรพรรดิโบราณคืออะไร?”หลินเฟยเปลี่ยนเรื่อง

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา หลินเฟยวุ่นวายอยู่กับการฝึกฝนและไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้

ตอนนี้ฐานการเพาะปลูกของเขาบรรลุอีกครั้ง ก็ถึงเวลาลงชื่อเข้าใช้ที่สถานที่ลงชื่อเข้าใช้และรับรางวัล

"เทวรูปจักรพรรดิโบราณเดิมเป็นเทวรูปหินที่ยืนอยู่ในแดนสวรรค์เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งทางกายภาพ แต่มันถูกขุดกลับมาโดยราชวงศ์ของเราและวางไว้ในสนามศิลปะการต่อสู้สำหรับสาวกในอนาคตเพื่อทดสอบร่างกาย" หลินลู่เทียนกล่าว

“มันกลายเป็นแบบนี้…” หลินเฟยเหงื่อออกเล็กน้อย

ราชวงศ์จักรพรรดิเทวะมีอำนาจมากมายจริงๆ และพวกเขาได้ขุดเทวรูปจักรพรรดิโบราณกลับมาโดยตรง

แต่ไม่เป็นไรมันช่วยประหยัดความพยายามของหลินเฟยในการค้นหามัน

“ท่านปู่ข้าอยากไปที่เทวรูปจักรพรรดิโบราณ” หลินเฟยกล่าว

“นี่…” หลินลู่เทียนลังเล

รุ่นเยาว์ที่เข้าร่วมเวทีศิลปะการต่อสู้ของราชวงศ์จักรพรรดิเทวะมักมีอายุมากกว่าสิบห้าปี

หลินเฟยตอนนี้อายุได้เพียงห้าขวบ แม้ว่าจะเป็นร่างเทพทรราชที่หายาก แต่ถ้าเขาต้องการทดสอบจริงๆ บางทีมันอาจจะดีกว่าอัจฉริยะที่แก่กว่าพวกนั้น

“ท่านปู่ไม่ต้องห่วงข้าแค่จะลองดู ไม่เป็นไรหากข้าล้มเหลว”หลินเฟยกล่าว

เขาเพียงต้องการลงชื่อเข้าใช้เพื่อรับรางวัล

“ก็ได้”หลินลู่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย

ให้ไอ้หนูผิดหวังนิดหน่อยก็ยังดี เพื่อปกป้องพรสวรรค์ที่สูงเกินไปจนทำให้เขาพัฒนาความเย่อหยิ่งแบบนั้นจนทำให้อนาคตอาจสูญเสียวิถีแห่งการฝึกตน

“เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะตามหลานชายไปและปลอบโยนหากเขาล้มเหลว...”หลินลู่เทียนคิดในใจอย่างเงียบๆ