[ห้องพยาบาล]
อือ ผมลืมตาขึ้นด้วยอาการมึนๆมองไปรอบๆก็พบว่าตอนนี้ผมอยู่ในห้องพยาบาล
"ไงเราตื่นแล้วหรอ" ผมหันไปมองด้านข้างก็เจอผู้ชายคนหนึ่งท่าทางน่าจะเป็นรุ่นพี่ปี4เดินเข้ามาใกล้
"ผมเป็นอะไรไปครับ" ผมจำได้แค่ผมอ้วกอยู่
"เราน่ะเป็นล้ม เพื่อนเราอ่ะเป็นคนอุ้มมาส่งที่ห้องพยาบาล"
"อ่ออครับ พี่แล้วผมหลับไปนานไหมพี่" ไม่รู้ตอนนี้กี่โมงแล้ว
"ใกล้เที่ยงแล้ว เราอ่ะพักไปก่อนเลยหน้ายังซีดๆอยู่เลย มีอะไรก็เรียกพี่แล้วกันวันนี้เวรพี่เฝ้าห้องพยาบาล"พี่เขาพูดเสร็จกำลังหันหลัง แต่ก็หันกลับมา "เออลืมบอกพี่ชื่อบลู เราละชื่ออะไร"
"ผมอิงครับ" พี่เขาพยักหน้ารับแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ประตู ผมรู้สึกยังเวียนหัวอยู่เลยหลับอีกครั้ง
.
.
[ซัน]
ตอนนี้เลิกคลาสแล้วครับ ผมเก็บของใส่กระเป๋า เก็บเสร็จกำลังรีบเดินออกจากห้อง
"เห้ยไอ้ซันมึงจะไปไหนว่ะ" หนิงมันตะโกนทัก
"กูจะไปหาอิงฟ้ามันอ่ะไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไงบ้างกูโครตเป็นห่วงมันเลย อ้วกซะขนาดนั้นท้องคงโล่งเดี๋ยวจะไปหาซื้ออะไรไปให้มันกินด้วย กูไปก่อนแล้วกัน"ผมพูดเสร็จก็มุ่งหน้าไปโรงอาหารทันนี้ เห็นช่วงนี้มันชอบกินยำไปซื้อยำให้มันดีกว่า
"ป้าครับ ผมเอายำรวมมิตรพิเศษใส่ถุงนะครับ ..อ่อป้าครับขอถ้วยโฟมด้วยนะครับ" ยืนรอไม่นานก็ได้ยำ ผมกำลังจะเดินออกก็เหลือบไปเห็นร้านผลไม้เลยเดินปรี่เข้าไปทันที
"ลุงครับ เอามะม่วงเปรี้ยวสองถุงครับ" ที่สั่งสองถุงนี้ ของผมถุงหนึ่งของมันถุงหนึ่งเห็นมันชอบกิน ผมเองก็รู้สึกอยากกินของเปรี้ยวเลยซื้อไปด้วยเลย
ผมเดินมาถึงห้องพยาบาลเปิดประตูเข้าไปก็เจอหนิงกับไอ้ทิวนั่งโซฟารอข้างๆ มองขึ้นไปบนเตียงก็เห็นมันหลับตาพริ้มอยู่ ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงถึงกับยิ้มออกมาอย่างโล่งอกตอนนี้หน้ามันพอมีเลือดฝาดขึ้นมาแล้ว ผมเอามือปัดผมที่แยงตามันเบาๆ ผมไม่เคยเห็นมันอ้วกหนักขนานนั้นเลยตัวก็ไม่ร้อน สงสัยมันคงเครียดเรื่องที่ใกล้สอบ จะเครียดอะไรขนาดนั้นมึงทำได้อยู่แล้วน่าผมได้แต่พูดในใจ
ครืดดด~
"มีอะไรครับพ่อ"
"พอดีพ่อบินมางานเลี้ยงบริษัทJกรุ๊ปที่สิงคโปร์น่ะ แต่มันดันตรงกับตารางนัดคุยธุระกิจกับลูกค้ารายใหญ่ ช่วยไปคุยงานแทนพ่อหน่อยนะ"
"เอ่อผมคงทำไม่ได้หรอกครับ"
"แกทำได้อยู่แล้วซันเพราะวันข้างหน้าแกต้องมาบริหารบริษัทต่อจากพ่อ เดี๋ยวเลขาพ่อจะส่งข้อมูลไปให้" ติ๊ด- เฮ้ออมันมองไปที่ไอ้อิงเอื้อมมือไปจับมือมันเบาๆแล้วก็ผละออก
"พวกมึงกูฝากดูมันหน่อยนะ กูต้องไปคุยธุระให้พ่ออ่ะ และนี้เอาให้มันกินด้วย ไปส่งมันกลับบ้านด้วยละ"ผมบอกพวกมันแต่ตายังมองอิงอยู่
"แหม่พ่อคู๊ณ~~ อะไรจะเป็นห่วงขนาดนั้น"หนิงมันพูดแซวๆผม
"กูเป็นห่วงมันนี่หว่า อย่าลืมที่กูบอกละ"
"รับทราบครับผม ผมจะดูแลคนของคุณท่านให้ดีที่สุด ยุงไม่กัดไรไม่ให้ตอมเลย"ไอ้ทิวมันว่าอย่างขำๆ
"ดี กูจะได้ไม่ต้องกังวนอะไร" ดีซะอีกถ้าพวกมันดูแลอิงตอนที่ผมไม่อยู่
"นี่กูพูดเล่นนะเนี่ย อะไรจะหวงขนาดนั้นถ้าอิงมันเป็นคู่หมั้นมึงกูจะไม่อะไรเลยจริงๆ หรือมึงคิดอะไรกับมันจริงๆ" ไอ้ทิวกับหนิงมองผมเป็นตาเดียว ผมได้แต่อึกอักมองไปที่อิง
"อะไรมันเพื่อนกูป่ะ กูเป็นห่วงเพื่อนทุกคน" อะไรกันอาการผมออกขนาดนั้นเลยหรอ ไม่ได้และต้องรีบออกไป
"หราาาา อมพระมาพูดกูก็ไม่อยากจะเชื่อ"หนิงมันพูดด้วยท่าทีจับผิดผม
"กูไปแหละเสียเวลา" ผมเดินออกมาที่รถขับรถกลับคอนโด เลขาพ่อส่งข้อมูลทุกอย่างที่จะคุยกับลูกค้ามาให้ ผมนั่งอ่านนั่งทบทวนอยู่สักพักก็ได้เวลานัด ผมจัดเตรียมเอกสารในการคุยธุระกิจครังนี้เสร็จก็ขับรถไปที่ภัตตาคารย่าน LD เข้าไปในร้านที่ได้ทำการจองล่วงหน้าไว้แล้วเป็นมุมที่เงียบสงบโปร่งเหมาะกับการคุยธุระกิจแบบส่วนตัว ผมนั่งรอไม่นานก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินมาเข้ามาผมยืนขึ้นเพื่อเป็นมารยาท ผู้หญิงที่เดินมาข้างผู้ชายคนนั้นคือเนยครับ ผมขมวดคิ้มงงๆแต่งงไม่นานเนยก็พูดทำให้ผมหายสงสัย
"นี่โจแฟนเนยไงเฮียที่เนยเล่าให้ฟังอ่ะ พอเนยรู้ว่าโจจะมาคุยธุรกิจกับบริษัทเฮีย ก็เลยตามมาด้วยเพราะเนยรู้ว่าพ่อเฮียไปสิงคโปร์จะเป็นใครไปได้ละถ้าไม่ใช่เฮียมาคุย" หึรู้ไปหมดรู้ไปทุกเรื่องจริงๆ
"นั่งกันก่อนเถอะครับ"โจพูดเสร็จเราก็พากันนั่งลง เฮ้อ เป็นคนที่พอคุยกันได้ค่อยโล่งอกหน่อยจะได้ไม่เกรง
"เราทานข้าวกันก่อนดีกว่าเนอะค่อยคุยงานกัน" เนยพูดพร้อมเรียกเด็กเสิร์ฟมารับออเดอร์เราสั่งอาหารกันเสร็จก็มานั่งคุยสัพเพเหระไปทั่วระหว่างรออาหาร โจนี่ก็เป็นคนเข้ากับคนง่ายดี
ทุกคนอาจกำลังงงใช่ไหมครับว่ามันเป็นแบบนี้ได้ไง ผมจะเล่าตั้งแต่ต้นเลย หลังจากที่ผมได้เจอกับเนยเราได้ติดต่อเจอกันในหลายๆครั้ง ผมมองเนยเป็นแค่น้องสาวครับตอนนั้นบอกตามตรงว่ากังวนมาก กลัวเนยจะเสียใจ แต่ได้คุยกันแล้วเนยมาสารภาพว่ามีแฟนอยู่แล้ว ผมนี่ดีใจมากเลยครับ เราสองคนจะเล่นบทเป็นคู่หมั้นกันต่อหน้าคนอื่นเพราะกลัวพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายจะสงสัยพอลับหลังเราก็เรียกเป็นพี่เป็นกัน ถ้าถามว่าเนยมีแฟนอยู่แล้วทำไมไม่บอกพ่อแม่ เนยเคยสารภาพแล้วครับแต่ด้วยสถานะของทั้งสองต่างกันพ่อเนยเลยคัดคร้านไม่ให้คบกันผมฟังก็ได้แต่สงสารทั้งสองคน แต่เนยบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงหลายปีให้หลังมานี่ โจทุ่มทั้งแรงทุ่มทั้งกายเพื่อที่จะสร้างฐานะตัวเองให้มั่นคง ให้ดีพอที่พ่อเนยจะยอมรับได้ จนถึงตอนนี้โจก็ทำสำเร็จแล้วครับโจทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องประดับดังไปทั่วประเทศ พวกเรารอแค่เวลาเท่านั้นครับที่จะบอกความจริงทุกคน
"ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารคะ" อาหารมาเสิร์ฟเราลงมือทานอาหารกัน ทานจนอิ่มก็พากันคุยธุรกิจต่อ โจจะมาเปิดสาขาเพิ่มที่ห้างสรรพสินค้าของพ่อผมครับ ไม่ได้มาเปิดเล็กๆนะครับไม่งั้นพ่อผมคงไม่ให้ผมมาคุยเองหรอก เราทำข้อตกลงเซ็นต์สัญญาเอกสารต่างเสร็จก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน
ผมขับรถกลับคอนโด มาถึงห้องผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาอิงทันที ก็คนมันเป็นห่วงนี่ครับ ไม่รับสายเป็นอะไรรึป่าวว่ะผมเริ่มลนๆ กดโทรหามันอีกครั้ง ครั้งนี้มันรับแล้วครับ
"ว่าไงซัน" เสียงไอ้หนิงนิ
"อ้าวไอ้อิงละ"ผมถามหาเจ้าของสาย
"อ่ออ มันหลับอ่ะพวกกูพามาส่งถึงห้องเลย พอมาถึงปุบมันก็เดินเข้าห้องนอนไปเลยมันบอกว่าง่วง พวกกูกำลังจะกลับมึงก็โทรมาพอดี" หนิงมันตอบ
"แล้วมันกินข้าวกินยารึยัง" ผมถามมันด้วยความเป็นห่วง
"มันตื่นมากูก็ให้มันกินยำกับมะม่วงที่มึงซื้อมาให้เลย ทำตามที่คุณท่านสั่งทุกอย่างค่ะ" หนิงมันพูดล้อเลียนไม่ต้องเห็นหน้าก็พอเดาหน้าตามันออก
"เออๆดี รีบกลับได้แหละมึงอ่ะอย่าอยู่รบกวนมัน"
"แหม่ๆ หวงเหลือเกิ๊น"หนิงมันว่าเสียงสูงแล้ววางสายไป
"ไอ้แม่หมูเอ้ย" ผมนึกถึงหน้าอิงมันก็ยิ้มออกมาก "รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก่อนเถอะ กูจะจับมึงขุนให้เต็มที่เลยแดกเก่งดีนัก"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments