ณ ตำหนักเมี่ยนเปา
ซูเชี่ยวกำลังทานอาหารเย็นอยู่กับเจียอี ก็ได้ยินเสียงศิษย์หญิงดังมาจากโต๊ะข้างๆ
“เมื่อกี้พวกเจ้าเห็นหรือเปล่า นางพยายามส่งสายตา มองเจ้าสำนัก แต่กลับโดนเจ้าสำนักเมิน พลังก็ไม่มีไม่รู้จักเจียมตัวว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดา” เสียงหนึ่งดังเข้ามานั้นคือเสียงของแม่นางเหอซิว
“ข้าว่านางเปลี่ยนไปแล้วนะ” ศิษย์ชายที่นั่งกับพวกแม่นางเหอซิวอีกคนพูดขึ้น
“เหอะ! เปลี่ยนไปอะไรล่ะ คงเป็นแผนการ มารรยาของนางอีกสิไม่ว่า” เหอซิวตั้งใจพูดเสียงดังให้นางได้ยิน เจียอีที่นั่งทานข้าวข้างๆ นางกำลังจะลุกขึ้นและทำท่าจะด่ากลับไป แต่โดนซูเชี่ยวห้ามไว้
“อย่าไปยุ่งกับพวกนางเลย” ซูเชี่ยวกล่าวกับเจียอี และลุกเพราะทานข้าวเสร็จแล้ว จากนั้นตั้งใจพูดดังๆ
“เจียอีหมากัดอย่ากัดตอบ เราไม่ใช่หมา" ไหนๆในร่างก่อนนางก็เป็นนางร้ายในสายตาทุกคนพูดแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง จากนั้นเดินออกมาโดยที่ไม่ได้หันไปใส่ใจอีก
“พรุ่งนี้ข้าจะออกจากสำนักไปทำธุระข้างนอก” ระหว่างทางที่เดินกลับเจียอีพูดขึ้น
“ออกไปข้างนอกงั้นเหรอ” ซูเชี่ยวถามออกมาด้วยสายตาลุกวาว ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่แต่ในบริเวณสำนักแห่งนี้
“ใช่ เจ้าจะไปกับข้าด้วยหรือไม่ ข้าจะไปทำธุระเดี๋ยวเดียว เจ้าก็เดินที่ตลาดรอข้าก็ได้” เจียอีกล่าวออกมาเมื่อเห็นสายตาของฝ่ายตรงข้าม
“ข้าออกไปได้ด้วยหรือ แล้วข้าต้องทำยังไง”
“เจ้าต้องมีป้ายอนุญาตในการผ่านหน้าประตูสำนักถึงออกไปได้ ศิษย์ในสำนักจะมีทุกคน” เจียอี่เอาออกมาให้ซูเชี่ยวดูตรงหน้า เป็นป้ายเหล็กและมีชื่อเขียนไว้ว่า สำนักวารีหยก เจียอี หญิงสาวคิดว่าป้ายนี้เธอไม่มีแน่เพราะเธอสำรวจห้องที่เธออยู่มาหมดแล้ว แต่ไม่เคยเห็นป้ายนี้เลย
“แล้วถ้าข้าไม่มีล่ะ” ซูเชี่ยวกล่าวออกไปด้วยสีหน้าดูเศร้าสร้อย
“เจ้าไปรับกับท่านรองเจ้าสำนักหรือท่านเจ้าสำนักได้” เจียอีกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของซูเชี่ยว เพราะดูแล้วแต่ก่อนหญิงสาวมีคนคอยดูแล แต่ตอนนี้ไม่มีเป็นไปได้ว่าหญิงสาวคงไม่รู้
“หากพรุ่งนี้เจ้าไปขอป้ายได้แล้วไปหาข้าที่ห้องแล้วกัน เราจะออกไปยามซื่อกัน ข้าต้องขอตัวก่อนข้าจะเอาหนังสือไปคืนที่ตำหนักใฝ่คุณธรรม”
เจียอี่กล่าวเสร็จและเดินออกไป ทิ้งให้ซูเชี่ยวเดินกลับไปคนเดียว เธอกำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องไปเจอเจ้าสำนักลี่หยางที่เป็นสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะไม่อยากมีปัญหาก็ถอนหายใจ แต่ถึงยังไงเธอต้องไปเจอรองเจ้าสำนักเฟยซิ่นให้ได้ก่อน หากไม่ได้จริงๆ ค่อยไปเจอเขา ขณะที่เธอกำลังคิด ทำให้ไม่ทันระวังไปชนเขากับใครคนหนึ่ง
“ขออภัยเจ้าค่ะ” ซูเชี่ยวกล่าวออกมาอย่างรู้สึกผิด และเงยหน้ามองคนที่เธอเดินชน
“ลุง!! ลุงก็ข้ามมาในโลกนี้เหมือนกันเหรอ” ทันทีที่เธอเห็นชายตรงหน้าเธอก็จำได้ทันทีว่าคือลุงคนที่แถมจี้หยกให้เธอตอนที่ซื้อแจกัน และเป็นคนเดียวกับที่เมื่อ 1 เดือนที่แล้วที่เธอถามทางไปตำหนักผดุงคุณธรรม ไม่น่าล่ะว่าทำไมเธอถึงได้คุ้นหน้าเขามากในตอนนั้น เธอพยายามตามหาและถามคนอื่นแต่ก็ไม่มีคนเคยเห็นหรือเคยพบ
“อะไรแม่นางหนู ลุงเลิงอ่ะไร ข้าไม่ใช่” ชายตรงหน้ากล่าวออกมาอย่างรำคาญ พร้อมหันหน้าหนีเดินออกไป
“ก็ลุงเป็นคนขายจี้หยกนี้ให้ข้ายังไงล่ะ” ซูเชี่ยวพยายามอธิบายและนำจี้หยกที่ห้อยไว้ที่เอวเอามาให้ดู
“ข้าไม่รู้จัก" ชายตรงหน้าพูดออกมา และเดินหนี
“เดี๋ยวสิลุง ลุง\~” ซูเชี่ยวรีบเดินตาม และพยายามเรียก แต่เมื่อชายคนนั้นเดินเข้าไปในประตูอีกทางเธอที่เดินตามหลังมา แต่กลับหาไม่เจอแล้ว
“หายไปไหนเร็วขนาดนี้” ซูเชี่ยวบ่นกับตัวเอง พยายามมองหาแต่ไม่เห็น จึงได้ท้อใจและเดินกลับห้องของตัวเอง คลายหลังหญิงสาวจากไปชายคนนั้นโพล่มาจากพุ่มไม้และถอนหายใจและเดินจากไป
.
วันรุ่งขึ้น ณ ตำหนักหยกขาว
“เจ้าสำนักคิดว่าเป็นฝีมือของสำนักเพลิงอัคคี อย่างที่คนร้ายบอกหรือไม่” เฟยซิ่นถามออกมาเมื่อพวกเขาอยู่กันแค่ 2 คนในตำหนัก
“เจ้าคิดว่าอย่างไร” เสียงเข้มถามออกมา พลางรินน้ำชาให้ตัวเองและเฟยซิ่น
“ข้าคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะสำนักเพลิงอัคคีเราไม่เคยแว้งกัดพวกเดียวกันเอง" เฟยซิ่นกล่าวอย่างใช้ความคิด เจ้าสำนักเพลิงอัคคีมีนามว่าเย่วซือเป็นสหายสนิทของลี่หยาง พวกเขาสนิทสนมกันและเติบโตมาด้วยการมีอาจารย์คนเดียวกัน ไม่มีทางที่ทั้ง 2 จะส่งคนเข้ามาเเน่นอน
“ใกล้จะถึงการคัดเลือกผู้นำทั้ง 5 สำนักแล้ว คงมีสำนักใดที่หมายปองแล้วพยายามเข้ามาก่อความวุ่นวายและโยนความผิดในสำนักเพลิงอัคคี”
ลี่หยางกล่าวออกมาและยกชาขึ้นดื่มอย่างสุขุม การคัดเลือกผู้นำเจ้าสำนักจะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยการให้ศิษย์ของในแต่ล่ะสำนักประลองฝีมือกัน หากศิษย์สำนักใครชนะเจ้าสำนักนั้นจะได้เป็นผู้นำสำนักทั้ง 5 และที่ให้ศิษย์ประลองกันเเทนที่จะเป็นการประลองของเจ้าสำนักเองเพราะลีกเลี่ยงการขัดแย้งส่วนตัวของเจ้าสำนักซึ่งอาจส่งผลต่อบริเวณกว้าง จึงให้ศิษย์ในสำนักส่งศิษย์เข้าประลองแทน เเละเพื่อวัดการอบรมสั่งสอนให้แกศิษย์ด้วยว่าสำนักไหนมีศักยภาพมากกว่า
“จริงด้วยขอรับ คนร้ายที่ทางเราจับได้ไม่ยอมกัดยาพิษฆ่าตัวตายตั้งแต่แรก เพราะต้องการให้เราจับเขามา สอบสวนเพื่อที่จะได้โยนความผิดให้สำนักเพลิงอัคคีนี่เอง” เฟยซิ่นพูดออกมาอย่างที่คิดได้ และพูดต่อว่า
“ให้ทางเราส่งจดหมายไปบอกเรื่องนี้ที่สำนักเพลิงอัคคีหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้อง วันนี้ข้าจะไปพบเขาเองฝากเจ้าจัดเตรียมศิษย์ที่มีฝีมือเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกผู้นำเจ้าสำนักด้วย เรื่องนี้สำคัญมาฝากเจ้าตรวจตราอย่างดี” ลี่หยางพูดพลางยกชาดื่มอีกรอบ
“ขอรับ” เฟยซิ่นตอบรับและเดินออกมา
ทางด้านซูเชี่ยววันนี้นางตั้งใจมาขอป้ายในการออกไปข้างนอก นางถามจางหมิงผู้ช่วยของเฟนซิ่นรองเจ้าสำนักแล้ว แต่พบว่าเฟยซิ่นกำลังคุยธุระกับลี่หยางอยู่ที่ตำหนักหยกขาว จึงตั้งใจมารอเขาที่นี่เพราะใกล้ถึงเวลาที่นัดกับเจียอี่แล้วเธอรอประมาณ 1 เค่อ ก็เห็นเฟยซิ่นออกมา
“คาราวะรองเจ้าสำนัก” ขณะที่เฟยซิ่นเห็นเธอและยิ้มให้เธอจึงทำท่าคาราวะและพูดออกไป
“อ่าว ซูเชี่ยวมาหาท่านเจ้าสำนักหรือ” เฟยซิ่นถามออกไปเพราะแต่ก่อนเกิดเรื่องหญิงสาวมักจะมาตามติดลี่หยางเป็นประจำ และครั้งนี้เฟยซิ่นก็คิดเช่นนั้น
“เปล่าเจ้าค่ะ ข้ามารอพบท่าน” ซูเชี่ยวตอบออกไปเสียงเรียบ
“รอพบข้อด้วยเรื่องอันใด” เฟยซิ่นถามด้วยความสงสัย เพราะผิดการคาดเดาของเขาที่คิดว่าซูเชี่ยวจะมาหาลี่หยางส่ะอีก
“ข้ามาขอป้ายออกไปนอกสำนักเจ้าค่ะ” เธอบอกจุดหมายที่เธอมารอเขาออกไป
“เจ้าเข้าไปขอกับเจ้าสำนักได้เลย วันนี้ข้ามีธุระด่วน” เขาพูดแล้วยิ้ม จากนั้นเดินผ่านหน้าเธอออกไปโดยที่ไม่ได้ดูสีหน้าหญิงสาวสักนิด
ทางด้านลี่หยาง ที่นั่งอยู่ด้านในได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเขาที่มีพลังขั้นสูงสุดแล้ว เสียงในบริเวณนี้ไม่มีทางรอดพ้นสายตาเขาได้ เขาเห็นหญิงสาวที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าตำหนักมาครึ่งเค่อแล้วไม่เข้ามาสักที ก็รู้สึกหงุดหงิดนี่ไม่ใช่นิสัยของนางเลย ถ้าเป็นแต่ก่อนคงรีบเข้ามายิ้มหน้าบานแล้ว
“ใครอยู่ข้างนอกหน่ะ เข้ามา” เขาพูดออกไปเพราะเห็นว่าหญิงสาวไม่เข้ามาสักที ซูเชี่ยวเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจและเดินเข้ามา โดยไม่เงยหน้ามองข้างหน้าแต่กลับมองที่เท้าแทน
“คาราวะเจ้าสำนัก” ซีเชียวพูดขณะที่โค้งคาราวะ
“เจ้ามาที่นี่มีเรื่องอะไร” ลี่หยางพูดขึ้นพลางปิดหนังสือที่อ่าน และเงยหน้ามองซูเชี่ยวที่เอาแต่ก้มหน้ามองเท้าตัวเอง แต่ก่อนนางจะต้องเงยหน้ายิ้มและสงสารตาให้เขาแล้วสิ
“ข้ามาขอป้ายออกไปนอกสำนักเจ้าค่ะ” เธอพูดจุดมุ่งหมายที่เธอมาที่นี่ออกไป
ลี่หยางเงียบไปสักพักเพราะเขานึกได้ว่าได้ยึดป้ายเข้าออกของซูเชี่ยวกลับมาตอนที่นางทำผิด และได้ไล่บ่าวรับใช้ที่ติดตามนางมากลับไปจนหมด เขาลุกจากโต๊ะหนังสือที่เขานั่ง จากนั้นเดินไปเปิดลิ้นชักหาอยู่สักครู่ก็นำออกมา เขาเดินไปหยุดที่หน้านาง และยืนไปข้างหน้านาง ซูเชี่ยวที่เอาแต่ก้มมองเท้าได้กลิ่นหอมสะอาดจางๆ ใกล้เข้ามาและหยุดที่หน้า พร้อมเห็นป้ายที่ยืนมาให้
“ขอบคุณเจ้าสำนัก” เธอพูดออกมาโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง และยืนมือ 2 ข้างออกไปรับเมื่อมือจับที่ป้ายเธอใช้แรงดึงแต่กลับดึงไม่ออก
“จะออกไปไหน” เสียงทุ่มกล่าวออกมาเสียงเรียบ ทำให้หญิงสาวชักมือกลับมา
“ข้าจะออกไปตลาดข้างนอกกับเจียอี่เจ้าค่ะ” เธอตอบออกไปเสียงเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“คุยกับข้าใยต้องเอาแต่ก้มหน้า เงยหน้าขึ้น” เขาขึ้นเสียงเล็กน้อยเป็นการสั่ง ซูเชียวสะดุ้งเล็กน้อยและค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ทันทีที่สบตากับลี่หยางเธอและเขาทั้งครู่ชะงักไปชั่วขณะ หญิงสาวหัวใจเต้นรัววันนั้นที่มองไกลๆ ว่าเขาหล่อแล้วนะ พอมองใกล้ๆ แล้วเธอจะเป็นลม แต่ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่จากนั้นทำทีแสร้งมองไปทางอื่น ส่วนลี่หยางมองลึกเขาไปในตาของนางแต่กลับไม่พบสายที่เหมือนแต่ก่อนที่เอาแต่หลงไหลเขา พบแค่สายตาตกตะลึงแต่มีความหวาดกลัว นี่นางกลัวเขาอย่างนั้นหรือ เขาสงเสียงไอออกมา1 ครั้งและพูดขึ้นว่า
“ระวังตัวด้วย” เขายื่นป้านให้นางและกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือเหมือนตอนแรก
“ขอบคุณเจ้าสำนัก” ซูเชี่ยวรับป้ายมาและกล่าวขอบคุณเจ้าสำนักจากนั้นรีบดินออกมา หลังซูเชี่ยวออกมาแล้วลี่หยางจับไปที่หน้าอกตัวเองที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ พลางคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ตอนที่สบสายตานางเมื่อสักครู่
—————-
เค่อ 1 เค่อ คือ15 นาที
1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง
1 ชั่วยามมี 8 เค่อ
1วันมี 100 เค่อ
ยามจื่อ คือ 23.00 - 24.59 น.
ยามโฉ่ว คือ 01.00 - 02.59 น.
ยามอิ๋น คือ 03.00 - 04.59 น.
ยามเหม่า คือ 05.00 - 06.59 น.
ยามเฉิน คือ 07.00 - 08.59 น.
ยามซื่อ คือ 09.00 - 10.59 น.
——————————
ตอนพระเอกและนางเอกสบตากันในหัวของทุกคนนึกถึงเพลงอะไรลอยขึ้นมาบ้างคะ คอมเม้นบอกไรท์หน่อยค๊าาา
ไรท์จะพยายามลงทุกวันน๊าาาทุกคน ติดตาม คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊าาา😊
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 16
Comments