ตอนที่ 2

หญิงสาวเดินหาตำหนักผดุงคุณธรรมมา 1 เค่อ แล้วแต่กลับไม่พบ จึงได้หยุดถามบ่าวชายที่กำลังกวาดใบไม้อยู่

“ขอโทษ เอ้ย! ขออภัยเจ้าค่ะตำหนักผดุงคุณธรรมไปทางไหนหรือเจ้าค่ะ” ซูเชี่ยวถามออกไปเมื่อหมดความพยายามในการหา แต่ขณะที่เธอได้เห็นหน้าตาของบ่าวรับใช้ชายตรงหน้าเธอกับคุ้นหน้าเขาเป็นอย่างมาก แต่นึกไม่ออกว่าเจอกันที่ไหน

“อะไรแม่นางหนูอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว ใยถึงไม่รู้” บ่าวรับใช้ชายตรงหน้ากล่าวออกมาอย่างรำคาญ เขาอายุราวๆประมาณ40 ปีและใช้มือชี้ไปประตูทางฝั่งขวามือ

“เดินไปทางประตูนั้น แล้วเลี้ยวขวาอีกที” เขาพูดเสร็จและก้มหน้าลงกวาดใบไม้ต่อ อย่างไม่สนใจ

“เอ่อ ท่านหน้าตาคุ้นมาก ไม่ทราบท่านกับข้าเคยเจอกันหรือปล่าว”

ชูเชี่ยวถามออกไปอย่างสงสัย แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา กลับโดนกวาดเศษใบไม้ใส่นี่เป็นการกระทำที่เธอรู้ได้ดีว่าคือการไล่เธอ ซูเชี่ยวจึงเดินออกมาตามทางที่บ่าวรับใช้ชายเมื่อสักครู่บอก

คลายหลังจากที่ซูเชี่ยวหญิงสาวตรงหน้าเดินออกไป บ่าวรับใช้ชายเงยหน้าขึ้นยิ้มมุมปากเล็กน้อยไปที่แผ่นหลังที่กำลังเดินออกไป โดนที่ซูเชี่ยวเองก็ไม่ทันได้สังเกต

.

ณ ตำหนักผดุงคุณธรรม ซูเชี่ยวเดินมาหยุดที่ตรงหน้าตำหนักมองสำรวจไปทั่วบริเวณ เป็นตำหนักที่ดูหรูหราและสวยงาม บนประตูทางเข้าติดป้ายไว้ว่าตำหนักผดุงคุณธรรม ด้านหน้ามีรูปปั่นสิงโตที่มีปีก 2 ตัวอยู่ด้านหน้า 2ข้างบันไดทางเดินเข้าตำหนัก บริเวณข้างๆด้านหน้ามีต้นท้อขนาดใหญ่อายุราวๆ ร้อนปี 1 ต้นมีผลเต็มต้นไปหมด หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเท้าและเปิดประตูเข้าไปข้างในบริเวณข้าวในหรูหราไม่ต่างจากข้างนอก การตกเเต่งเหมือนตำหนักในซีรี่ย์จีนที่เธอเคยเห็นในอินเทอร์เน็ต หญิงสาวค่อยเดินสำรวจเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งรอบๆ เพราะนี้นับเป็นของแปลกใหม่สำหรับเธอที่ไม่เคยเห็นของจริงในโลกปัจจุบันหากเธอเผลอทำมันตกแตกสักชิ้นไม่รู้ต้องทำงานกี่ปีถึงจะชดใช้หมดกันนะ แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากหน้าประตู

ซูเชี่ยวมองไปตามทิศทางเสียงที่เธอได้ยิน เห็นรองเจ้าสำนักเฟยซิ่น ตามด้วยผู้ช่วยข้างกาย 2 คน และศิษย์ในสำนักอีก3คน เป็นหญิง1 คน และชาย2 คน เดินตามหลังเข้ามา

“คาราวะรองเจ้าสำนัก” ฉันพูดออกไปเสียงเรียบและทำท่าคาราวะ รองเจ้าสำนักเฟยซิ่นเพียงยิ้มและพยักหน้า จากนั้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตำแหน่งหน้าห้อง โดยมีผู้ช่วย 2 คนยืนอยู่ที่ ข้าง ตอนนี้ซูเชี่ยวยืนอยู่ตรงกลางห้องโถ่งด้านซ้าย และมีศิษย์ร่วงสำนัก 3คน ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง อาการป่วยหายหรือยัง” เฟยซิ่นกล่าวออกมาทันทีที่นั่งลง

“ขอบคุณรองเจ้าสำนักที่เป็นห่วง ซูเชี่ยวหายเป็นปกติแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปเสียงเรียบด้วยความนอบน้อม

“หายแล้วก็ดี เอาล่ะที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ เจ้าคงจะรู้แล้วว่าเรียกมาด้วยเรื่องอะไร” เฟยซิ่นยังถามออกมาเสียงนุ่มอย่างผู้ใหญ่ที่ดูอบอุ่น โอนโยนและมีความยุติธรรม

“เจ้าค่ะ” ซูเชี่ยวกล่าวออกไปเสียงเรียบ เธอรู้ว่าที่เรียกมาที่นี่วันนี้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ7 วันก่อนแน่นอน เพราะกว่าเธอจะฟื้นและหายจากอาการป่วยก็เลยมาเป็นเวลา 7 วันแล้ว เฟยซิ่นหยักหน้าแล้วให้ผู้ช่วย1 คน หยิบหนังสือไม้ไผ่ที่คนที่นี่นิยมนำมาใช้เขียนเเทนกระดาษกลางออกและอ่านความผิดของเธอออกมา

“ชูเชียว มีใจคิดร้ายวางแผนทำร้ายแม่นางฮุ่ยซิ่ว คุณหนูรองของสำนักพฤกษชาติทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ 3 คน ที่เห็นว่าซูเชี่ยวได้ใช้น้ำมันราดบริเวณสะพานทางเดินก่อนที่แม่นางฮุ่ยซิวจะเกิดอุบัติเหตุลงโทษตามกฎสำนักโบย 20 ไม้และส่งกลับตระกูล” เสียงของผู้ช่วยเฟยซิ่นอ่านจบเสียงดังฟังชัดและปิดไว้เหมือนเดิม

“ทั้งหลักฐานและพยานครบ เจ้ามีอะไรจะเแก้ตัวหรือไม่” ยังเป็นเสียงของเฟยซิ่นที่ถามออกมาและมองมาทางซูเชี่ยว

ทางด้านซูเชี่ยวตอนนี้กำลังขบคิดว่าจะเอายังไงดี โบย20 ไม้ไม่มีปัญหา แต่การส่งกลับตระกูลคนในยุคนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้าตาเป็นอย่างมาก ขืนส่งเธอกลับตระกูลมีหวังท่านพ่อของเธอต้องโกรธเธอมากๆ แถมชาตินี้ผู้หญิงที่ทำเรื่องร้ายเเรงถึงขั้นทำร้ายสตรีด้วยกันถือว่ามีจิตใจอัมหิตไม่สามารถแต่งออกไปตระกูลไหนได้อีก แต่จะให้เธอทำอย่างไรก็เจ้าของร่างเก่าในร่างนี้ทำไปแล้วด้วยนี่สิ ทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคลขนาดนี้พอจะมีทางรอดให้เธอไหมนะ

“ว่าอย่างไร” เสียงนุ่มถามเตือนอีกครั้งเมื่อเห็นหญิงสาวเงียบไป

“เอ่ออ งั้นข้าขอถามพยานทั้ง3คนนี้ว่าพวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้าที่ทำการลักลอบแอบเอาน้ำมันไปราดไว้ " ฉันที่ไม่รู้อะไรเช่นกัน เพราะไม่มีความทรงจำเก่าๆ ของร่างนี้เลย ได้ยินแค่ใครต่างๆ พูดถึงเหตุการณ์นี้ไปทั่วเช่นกัน

“ข้า 3 คน เห็นเจ้าสวมชุดดำ ปิดหน้าปิดตาทำลับๆ ล่ออยู่บริเวณตรงกลางสะพานเวลายามเหม่า และก็เป็นเจ้าอีกที่เดินชนแม่นางฮุ่ยซิ่วจนตกไปที่สระบัว” ชายคนหนึ่งในศิษย์ 3 คนที่มาและยืนตรงข้ามกับเธอพูดขึ้น

“แล้วข้าจะทำแบบนั้นไปทำไมกัน” ซูเชี่ยวถามกลับด้วยท่าทีสงบนิ่ง และไม่แสดงอาการลนลานใดๆ ออกมา

“ใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าชอบท่านเจ้าสำนัก” ศิษย์หญิงคนหนึ่งรีบแย้ง และแอบเหลือบมองหน้ารองเจ้าสำนักเฟยซิ่น เมื่อเห็นว่าไม่มีท่าทางใดๆ จึงพูดต่อว่า

“เจ้าพยายามกลั่นแกล้งและขัดขวางผู้หญิงทุกคนที่พยายามเข้าใกล้ท่านเจ้าสำนักมาโดยตลอด ดังนั้นพอเจ้ารู้ว่าแม่นางฮุ่ยซิ่วจะมาจึงขัดขวางไม่ให้นางได้เข้าใกล้ท่านเจ้าสำหนัก อย่างไรล่ะ”  ศิษย์คนเดิมกบ่าวออกมาด้วยท่าทางเหนื่อกว่า เพราะเธอไม่ชอบหน้าซูเชี่ยวมานานแล้ว ทั้งที่ซูเชี่ยวมีพลังแค่ระดับต่ำเท่านั้นกลับเข้ามาเรียนที่นี่ได้ เเถมยังวางอำนาจใหญ่โตเพียงเพราะเป็นลูกสาวของท่านแม่ทัพ แล้วยังไรล่ะเธอก็แค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะมากดหัวพวกเธอที่มีพลังแบบนี้ได้เพราะแค่เธอไม่ได้เป็นลูกของผู้มีอำนาจแค่นั้น

“ดังนั้นข้าของถามพวกท่าน ถ้าหากข้าทำจริงๆ เหตุใดข้าจึงตกลงไปด้วย ทั้งที่ข้าวางแผนมาก่อนแล้วตามที่พวกท่านกล่าวอ้าง ถ้าหากคนๆ หนึ่งจะทำร้ายใครย่อมต้องศึกษาข้อมูลของคนๆ นั้นมาดี" เธอกล่าวออกมาเสียงเรียบและมองไปที่พยาน 3 คน และกล่าวต่อว่า

“แม่นางฮุ่ยซิ่วว่ายน้ำเป็น นั้นย่อมเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ถ้าหากข้าวางแผนย่อมต้องรู้ แต่เป็นข้าเองที่ว่ายน้ำและน้ำบริเวณนั้นค่อนข้างที่จะลึก บวกกับที่ข้าเองไม่มีพลังใดๆ ที่จะช่วยตัวเองได้เลย แล้วหากข้าเผลอตกลงไปด้วยเล่า พวกท่านคิดว่าคนอย่างข้าที่พวกท่านกล่าวอ้างจะยังเลือกใช้แผนนี้อยู่อีกหรือ มีวิธีมากมายที่ข้าเลือกใช้ได้แล้วข้าจะเลือกวิธีที่อาจเสี่ยงให้ข้าบาดเจ็บด้วยไปใย” หญิงสาวกล่าวออกมายืดยาว ด้วยเสียงเรียบและหนักแน่น ก็เธอไม่ได้ทำจริงๆนิ เจ้าของร่างเก่านู๊น\~ที่เป็นคนทำตั่งหากเธอจะมารับผิดชอบเเทนทำไมล่ะ

“แล้วเรื่องที่เจ้าแอบไปวางน้ำมันล่ะ เจ้าจะว่ายังไง” เสียงนี้เป็นเสียงของรองเจ้าสำนักเฟยซิ่นที่นั่งฟังมานานเเละเริ่มคิดตามที่ซูเชี่ยวพูด

“เรียนท่านรองเจ้าสำนัก ข้าขอถามพยานทั้ง 3 ท่านว่า พวกท่านรู้ได้ยังไงว่าเป็นข้าที่แอบไปวางน้ำมัน ตามที่ทันกล่าวหาพวกท่านเพียงเห็นคนสวมชุดดำ ปิดหน้าตา แถมเห็นเเค่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไร อีกทั้งยังเป็นยามเหม่าฟ้ายังไม่สว่างดีด้วยซ้ำ ท่านไม่เห็นหน้าตาชัดๆ ด้วยซ้ำแต่กลับกล่าวหาข้า” ซูเชี่ยวกล่าวออกมาอย่างต้องการคำตอบ

“เจ้า!!” ชาย 1 ใน3 ของศิษย์ที่มาเป็นพยานสบดออกมาอย่างโมโห

“เอาล่ะๆ ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล แต่ถึงยังไรเจ้าก็มีส่วนผิดอยู่ดีที่ไม่ทันระวังเดินชนแม่นางฮุ่ยซิ่วจนตกน้ำ งั้นลงโทษโดยการโบย 15ไม้ ส่วนพวกเจ้าก็เช่นกันโบยคนล่ะ10 ไม้โทษฐานไม่คิดให้รอบคอบใส่ร้ายพูดอื่น” หลังจากเงียบไปสักพักเพื่อใช้ความคิดเฟยซิ่นกล่าวออกมาเสียงเรียบ

ซูเชี่ยวกำลังจะอ่าปากแย้งแต่หันไปเห็นผู้ช่วยข้างกายเฟยซิ่นส่ายหน้าเป็นการห้าม

“ขอบคุณท่านรองเจ้าสำนัก” ซูเชี่ยวจำใจได้แค่ต้องเก็บคำพูดเอาไว้

“ขอบคุณท่านรองเจ้าสำนัก” เป็นเสียงของศิษย์ที่มาเป็นพยานกล่าวออกมาพร้อมกัน จากนั้นเฟยซิ่นและคนอื่นๆ ก็ทยอยออกไปจากห้อง ร่วมถึงหญิงสาวด้วยเธอทำได้แค่คิดในใจ อะไรกันว่ะเนี่ยไม่ได้ทำผิด ทั้งที่มีคำแก้ตัวทุกอย่างก็ต้องถูกลงโทษด้วยเหรอเนี้ย แล้วฉันจะมีชีวิตรอดไปได้อีกเท่าไหร่กัน

——————————-

เค่อ 1 เค่อ คือ15 นาที

1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง

1 ชั่วยามมี 8 เค่อ

1วันมี 100 เค่อ

ยามจื่อ คือ 23.00 - 24.59 น.

ยามโฉ่ว คือ 01.00 - 02.59 น.

ยามอิ๋น คือ 03.00 - 04.59 น.

ยามเหม่า คือ 05.00 - 06.59 น.

ยามเฉิน คือ 07.00 - 08.59 น.

ยามซื่อ คือ 09.00 - 10.59 น.

——————————

แรกเริ่มนางเอกของเราก็เเสดงความฉลาดและเอาตัวรอดได้เลย น้องจะรอดแบบนี้ทุกครั้งไหมนะ ?

ไรท์จะพยายามลงทุกวันน๊าาาทุกคน ฝากทุกคนติดตาม คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊าาา😊

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!