7 Scrolls ตำราประวัติบุตรจอมมารทั้ง 7

7 Scrolls ตำราประวัติบุตรจอมมารทั้ง 7

บทที่ 1 ตอนที่ 1

ฉันเกิดในครอบครัวที่ยากจน และมีพี่น้องท้องเดียวกัน 4 คน พ่อและแม่ทำงานอย่างยากลำบากและเหนื่อยล้าทุกๆวัน แต่กระนั้น....จักรวรรดิแห่งนี้ก็ไม่ใช่ที่ของคนที่ไร้เงินและทอง

"รับสมัครแม่บ้าน?" หญิงสาววัย 24 ส่งเสียงออกมาด้วยความแปลกใจ ดวงตาสีดำสนิทหันไปมองพี่ชายคนโตที่ยืนถือใบรับสมัครแม่บ้านจากทางราชวัง เธอส่ายหน้าจนผมสีทองหางม้าสะบัดไปมานิดๆ.

"งานแบบนั้นน่ะไม่ดีหรอกนะ จะโดนทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่คุ้มหรอก" ริมฝีปากซีดแห้งยิ้มออกมานิดๆพลางขยำเสื้อผ้าลงในแม่น้ำด้วยมือที่มีแต่แผลเป็น.

"แต่ฤดูหนาวนี้เธอไม่มีจะกินแล้วนะ เธอจะทำแต่งานบ้านแบบนี้ก็ไม่ได้หรอก ถึงพ่อกับแม่จะเสียไปนานแล้ว แต่เธอจะอดอาหารแบบนี้ตลอดไม่ได้หรอก เอเธียร์"

ชายร่างใหญ่สูงในชุดเกราะสีเงินวาวเดินเข้ามาใกล้ๆพลางนั่งลงข้างหญิงสาวที่ผอมจนแทบซูบ "ลุงก็ส่งเงินให้นะ ทำไมไม่เอาไปซื้ออาหารล่ะ?" ชายคนนั้นถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ดีเท่าไหร่.

"ลุงมาช่วยช้าไปห้าปีแล้วค่ะ ถ้ามาไวกว่านี้...คงได้นั่งกินข้าวกันพร้อมหน้าทั้งห้าคนพี่น้อง" เธอยิ้มราวกับประชด แต่ก็ไม่ได้คิดประชดแต่อย่างใด "ก็...กว่าจะได้ย้ายมาประจำที่บ้านเกิดมันก็..." นายทหารร่างใหญ่เงียบไปก่อนจะมองเข้าไปในบ้านฟางที่มีเพียงผ้าและหมอนขาดๆเท่านั้น.

"หน้าหนาวนั้นเราห้าพี่น้องกำลังเก็บข้าวเอาไว้ตุนให้พ้นปีนั้น....จู่ๆพวกคนใหญ่คนโตก็เข้ามาหาที่นา...ลากตัวพี่คารันไปทั้งๆแบบนั้น" เธอพูดสั้นๆไม่ลงรายละเอียดอะไร พลางเก็บผ้าที่ขยำจนสะอาดลงในตะกร้าไม้.

"ครั้งแรก ข้ออ้างคือบิดาและมารดาเป็นหนี้สินผู้ใหญ่คนหนึ่ง หญิงนางนี้เป็นสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน" เธอลุกและอุ้มตะกร้าผ้าเดินมาที่เชือกที่ขึงไว้กับเสาสองต้นและตากผ้าช้าๆ โดยมีทหารนายนั้นยืนฟังอยู่.

"สู้คดีอยู่ปีกว่าเงินเก็บก็หมดไป ศาลตัดสินให้พี่คารันเป็นทรัพย์สินของทางนั้นไป ก่อนจะได้ข่าวว่าโดนขายไปที่อื่นซะแล้ว" เธอเล่าพร้อมกับสะบัดผ้าเพื่อไม่ให้ยับ "ครั้งที่สอง พี่เทรน่ากับพี่ทริสถูกทางการเกณฑ์ไปเป็นทหาร..เหมือนลุงนั่นแหละ แต่ต่างตรงที่ตายในสงครามไวเกินไปหน่อย...หาศพยังไม่เจอด้วยซ้ำ"

"แล้ว ...อัลด์ล่ะ?" ลุงของเธอถามขึ้นพลางเข้ามาช่วยตากผ้าที่เหลือในตะกร้า แต่เหมือนที่จะไม่พอสำหรับผ้าชิ้นสุดท้าย "โดนหมาป่ารุมทึ้งกินตอนออกไปหาอาหารในป่าน่ะ" เธอตอบเบาๆ "แล้ว....มาแค่นี้เหรอคะ?"

ถามพลางหยิบผ้าในมือลุงมาแล้วเช็ดหน้าแล้วส่งยิ้มออกไป.

"อ่า แค่นี้แหละ สนใจก็มาที่ปราสาทนะ" หลังจากนั้นท่านลุงก็ไม่มาอีกเลย

ทุกๆเช้าฉันจะตื่นออกมาจากกระท่อมที่อยู่ห่างออกมาจากกำแพงเมืองราวๆ 2 กิโลเมตร แต่จากจุดนี้ก็ยังเห็นความยิ่งใหญ่ของปราสาทหินสีขาวส่องแสงและกำแพงเมืองหนาสูงใหญ่ที่เบื้องหลังเต็มไปด้วยการทุจริตและชีวิตของคนยากคนจนมากมาย ถึงแม้ตัวชั้นจะหนีออกมาอยู่ด้านนอกนี้ ที่ริมแม่น้ำในป่านี้ ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอดยากมากมายที่อยู่ด้านในนั้น ถึงจะเป็นเมืองแห่งการค้าขาย แต่ก็เป็นแค่ฉากหน้า.

"เหมือนอวาลอนเลยนะ...ภายนอกน่ะ"

"อ๊ะ!!!"

อาจจะเพราะเหม่อลอย ร่างใหญ่เกือบ 3 เมตรในชุดเกราะดำหนาใหญ่พังๆร้าวๆใต้ผ้าคลุมขาดรุ่ยก็มายืนข้างๆซะแล้ว ดวงตาสีแดงส่องสว่างใต้เกราะหมวกนักรบที่มีเขาแหลมโค้งชี้มาด้านหน้ามองขึ้นไปที่ปราสาทเช่นกัน.

"ว่าไหม?" เขาหันมาถามและส่งสายตาราวกับยิ้มอยู่ เสียงทุ้มหนานั้นไร้พิษภัย ทว่ากลับรู้สึกราวกับเป็นคนรู้จักที่สนิทกันมานับชั่วอายุ.

"ไม่เคยเห็น..อวาลอนด้วยสิ" หญิงสาวยิ้มกลับไปพลางเงยหน้ามองยอดปราสาท.

"จะบุกทำลายแล้ว ไม่อยากให้อยู่ในทางเดินทัพน่ะ ช่วยย้ายไปที่อื่นสัก 3 วันได้ไหม?" ร่างเกราะนั้นถามขึ้นมาอีกด้วยน้ำเสียงสบายๆพลางนั่งลง.

"เอ๋? เรื่องนั้น...ฉันไม่มีที่ให้ไปหรอกนะคะ..อีกอย่าง จะบุกเมืองนี้เหรอ?" เพราะน้ำเสียงและบรรยากาศที่สงบเป็นมิตร ทำให้ไม่เผลอแหกปากออกไป.

"มีคนให้ช่วยเยอะเลยนี่ ด้านในนั้น....เจ้าก็ด้วย แต่อยากให้มาหลังทำการเสร็จนะ" เขาบอกแล้วหันมามอง "หรือ....จะอยู่ดูก็ได้"

การล่มสลายของจักรวรรดิใหญ่เหรอ? เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีให้ดูทุกวัน แต่เธอกลับอยากที่จะเห็นมันด้วยตาของตัวเอง.

"จะมีการคัดคนด้วยใช่ไหมคะ?" หญิงสาวถามขึ้นมาก่อนจะหันไปสบสายตากับร่างในชุดเกราะนั้น.

"สนใจเรื่องนั้นเหรอ?" ร่างนั้นคงกำลังยิ้มน้อยๆอยู่เป็นแน่ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้คำตอบและเขาก็ลุกและเดินหายไปในป่าใกล้ๆ.

".......จะรอดูก็ได้ค่ะ" เธอยิ้มออกมาพลางนั่งมองกำแพงเมืองใหญ่ที่คงจะพังในอีกไม่นาน.

.

จุดยอดสุดของปราสาทหินแห่งแสง จักรวรรดิที่ 1 ราชาผู้ยิ่งใหญ่กำลังนั่งประชุมภายใต้หลังคาที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปพร้อมนักรบผู้แกร่งกล้า 12 นาย.

"มีรายงานว่าทัพมารมาถึงเมืองข้างๆแล้วครับท่าน จะทำยังไงดี?" นักรบเกราะเงินผู้หนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลใจ จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้ในช่วงสี่วันนี้นับแต่ได้จดหมายท้ารบมา ทัพมารนี้เลื่องลือเรื่องกำลังรบ และความทนทานของทหารในทัพ.

"ในจดหมายบอกไว้สินะ ว่าจะบุกภายใน 7 วันหลังจากได้รับจดหมาย แถมยังกล้าบอกว่าไม่ต้องขัดขืนอีกสินะ" องค์ราชาพูดออกมาพร้อมลูบหนวดสีขาวที่ประดับด้วยเพรชจินดาและทองคำ ใบหน้าเหี่ยวย่นขมวดคิ้วพร้อมครุ่นคิดเพราะตนเองนั้นไม่ได้ออกไปรบมานานมากแล้วหลังจากที่จักรวรรดิมีขุนนางต่างๆและมีดีที่เป็นศูนย์การค้า.

"เราคิดว่าจะไม่อพยพครับท่าน เพราะทหารเดินดินกว่าเจ็ดแสนนาย ทหารม้าอีกสองแสน พร้อมกองหนุนจากศาสนจักร ทหารศักดิ์สิทธิ์อีกห้าหมื่นนายพร้อมรบเต็มกำลังครับผม" แม่ทัพเกราะสีแดงที่นั่งมุมโต๊ะรายงานขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงมั่นใจอย่างที่สุด.

"โอ้! แบบนั้นช่วยได้มากเลย แต่เรื่องนี้ไม่ถึงมือผู้กล้าเหรอ?" ราชาถามด้วยน้ำเสียงสงสัยปนกับเสียดายนิดๆ.

"ผู้กล้าเดินทางไปอีกทวีปนึงครับ เราอาจจะโชคดีที่ทัพมารไม่มีจอมมารมาด้วย มีแค่แม่ทัพมาร ถึงจะบอกไม่ได้ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็สู้ทัพใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้แน่นอน" แม่ทัพคนเดิมตอบคำถามนั้นด้วยรอยยิ้ม "จำนวนทัพอีกฝ่ายล่ะ?" แม่ทัพเกราะทองถามออกมา.

"แค่แสนเดียว เป็นมารปกติห้าหมื่น นักเวทมารสองหมื่น ทหารม้าปีศาจสองหมื่น อีกหมื่นนึงเป็นยักษ์ ทุกตัวเป็นเพศหญิงด้วยนะครับ" แม่ทัพเกราะแดงตอบด้วยรอยยิ้มน่ารังเกียจ.

"โห่ ทัพมารหญิงที่เป็นที่เล่าขานรึ จบศึกคงได้สนุกกันหน่อยสินะ ขายก็ได้ราคาด้วย" ราชายิ้มแสยะพลางหัวเราะออกมาเบาๆ เหล่าทหารที่เงียบอยู่ต่างก็หัวเราะตามออกมาด้วย.

"แม่ทัพกับรองแม่ทัพพวกเราขอก็แล้วกัน ที่เหลือรอดให้ทหารเอาไปเล่นสนุกก่อนค่อยขายก็ไม่เสียหลายนะครับ" แม่ทัพเกราะแดงยิ้มกว้างพลางลุกขึ้น.

"ขอตัวไปเตรียมทัพก่อนครับ" เขาโค้งลงอย่างนอบน้อมและออกไป แม่ทัพคนอื่นก็ไม่ต่างกัน ต่างพากันลุกออกไป

"ทำไม่ทางนั้นถึงกล้าบุกทั้งที่ไม่รู้กำลังรบฝั่งนี้ล่ะ หรือรู้แล้วแต่ไม่สนใจจำนวน?" แม่ทัพเกราะเงินคิดในใจแบบนั้น แต่ก็เชื่อมั่นในกำลังของฝั่งตนอยู่แล้วจึงไม่คิดอะไรมากมาย

.

ห่างออกไป 300 กิโลเมตร ทัพมารกำลังเดินทางอย่างไม่หยุดพักตั้งแต่ออกมาจากเขตของจอมมารเมื่อสี่วันที่แล้ว ตรงแนวหน้าของกองทัพมีร่างอ้อนแอ้นผ้าคลุมเดินอยู่ข้างๆกันสองตน.

"ปะป๊าไปดูเมืองที่จะบุกอีกแล้วเหรอ? ข้าบอกกี่รอบแล้วว่าไม่ให้ไปน่ะ" ร่างหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าและดูคล่องแคล่วกว่าบ่นออกมาพลางส่งเสียงกัดฟันออกมาไม่หยุด.

"ท่านพ่อแค่ไปดู เจ้าห่วงอะไรนักหนากัน?...ราฟีลล์" อีกร่างหนึ่งสูงกว่าผู้ชายวัยเรียนจบประมาณหนึ่ง น้ำเสียงดูเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผลมากกว่า.

ร่างเล็กเงียบไปก่อนจะส่งสัญญาณมือให้หยุดเดิน ทั้งทัพก็หยุดพร้อมกันทันที.

"ข้าจะใช้ดวงตาทรราช เราพักที่นี่ก่อน"

"ข้าจะกางเขตแดนละกัน มนุษย์ที่ช่วยมาระหว่างทางจะได้กลับบ้านด้วย" ร่างสูงนั้นพูดพลางประกบนิ้วชี้สองข้างเข้าด้วยกันพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ.

"[ วิหารหน้าต่างโบสถ์ ]"

.

.

.

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 1

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!