"ตกลงว่า! ใช่คนนั้นป่ะ เพื่อนของมึงอ่ะ"ปรกกระซิบถาม พยักเพยิดไปยังบุคคลที่ยืนกอดอกอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านพัก
"มึงอย่าเพิ่งถามกูตอนนี้ ไว้เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้ฟัง!"อินไม่อยากให้มันดูผิดสังเกตจนเกินไป ด้วยที่ตนกำลังโกหกอีกฝ่ายอยู่
อินหันไปยิ้มเผล่ให้กับภัทรต่อ พยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติให้ได้มากที่สุด
แต่ว่าภัทรกับเลือกที่จะเดินหนีกันไป อินชักจะหัวเสียหนัก ไม่เข้าใจว่าภัทรเติบโตขึ้นมายังไง จากที่ชอบดื้อเงียบในตอนเด็ก! ทำไมพอโตขึ้นมาหน่อยถึงได้กลายเป็นคนกวนบาทาได้มากขนาดนี้ก็ไม่รู้
"ไอ้เชี่ยนี่ก็แม่ง!! อย่าให้ถึงทีกูเอาคืนบ้างก็แล้วกัน เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้คลานเข่าเข้ามาร้องขอชีวิตเอาซะเลยเหอะ" อินบ่นอุบออกมา
ด้านคนที่ยืนอยู่ด้วย แต่ว่าต่างคนที่ต่างก็ได้ยินกันไม่ค่อยถนัด จึงได้มองหน้าของกันและกันไปมา
"เอ่อ! เมื่อตะกี้นี้ คุณว่าอะไรนะคะ ป้าได้ยินไม่ค่อยถนัดเลยค่ะ"
อินมองไปยังป้ายุพิณที่แกเป็นคนดูแลที่นี่ด้วยใบหน้าเคร่ง ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา เมื่อคิดได้ว่าตนไม่ควรจะไปพาลใส่คนอื่น ที่เค้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย
"ไม่มีอะไรครับ! ผมแค่จะบอกว่า ผมเลือกบ้านหลังนี้ ยังไงผมรบกวนป้าช่วยเอากระเป๋าของผมกับของเพื่อนมาส่งให้ที่นี่ด้วยนะครับ"
"อ๋อ ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าให้ลุงกับลูกชายเอามาส่งให้นะคะ ถ้าอย่างนั้น ป้าไม่รบกวนแล้วล่ะค่ะ เชิญพวกคุณพักผ่อนตามอัธยาศัยกันได้เลยนะคะ"
"ขอบคุณนะครับ"อินรอจนป้ายุพิณเดินออกไปไกลพ้นบ้านพักแล้ว อินจึงรีบปิดประตูลง! ทั้งยังได้ถอดถอนลมหายใจออกมาโล่งอกกับเค้าได้สักทีที่ไม่ต้องมาทนปั้นหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้นอีกแล้ว
"ตกลง ไอ้คนที่มึงวิ่งตามมันไปก่อนหน้านี้ มันคือเพื่อนของมึงใช่มั้ย?"ปรกถามต่อ แต่ถึงเพื่อนไม่ตอบ ปรกก็พอจะคาดเดาเอาเองได้บ้างแล้วล่ะ
"ก็มันเนี่ยแหละคือไอ้ภัทร ทำไมกูจะจำแม่งไม่ได้"ต่อให้ภัทรยังคงทำเบลอต่อไป แต่อินก็ไม่โง่ที่จะเชื่อหรอก
"แต่เท่าที่กูเห็น ไอ้หมอนั่นมันดูไม่ค่อยจะอะไรกับมึงเลยนะ มันดูไม่ค่อยจะชอบหน้ามึงด้วยซ้ำ"
ทั้งพยายามรักษาระยะห่าง.. ไม่เข้ามาพูดคุยเหมือนคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันมานาน ปรกคิดว่ามันดูแปลกๆอยู่เหมือนกันนะ ไอ้ท่าทีแบบนี้มันเป็นเหมือนคนที่ไม่ค่อยจะถูกชะตากันซะมากกว่าป่ะ
อินก็คิดแบบนั้น ทั้งๆที่เมื่อก่อน ไม่ว่าจะกินไม่ว่านอนไม่ว่าจะเล่น มีอินที่ไหน ก็ต้องมีภัทรอยู่ที่นั่น แล้วดูตอนนี้สิ อีกฝ่ายกับเลือกที่จะหลีกเลี่ยงกันท่าเดียวเลย อินนึกท้อเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้สักกี่น้ำ ถ้ามันยังเป็นอยู่แบบนี้
"มันคิดว่าแม่มันเป็นคนส่งกูมา"
"แล้วยังไงวะ ก็แม่มันส่งมึงมาจริงๆนี่หว่า"
"มันก็ใช่! แต่ว่ากูโกหกมันไปละว่ากูแค่มาเที่ยวกับมึง แล้วก็บังเอิญมาเจอกับแม่งเฉยๆ"
"เพื่อ? ถ้ามันมารู้เอาทีหลังมึงไม่ซวยเอาหรอ?"
"ไม่รู้เว้ย! ตอนนั้นกูยังคิดอะไรไม่ออกนี่หว่า กูคิดอะไรขึ้นได้ กูก็พูดออกไปก่อน"
"มึงนี่หาเรื่องใส่ตัวเองเก่งจริงๆเลยนะ"
"เอาเหอะหน่า! เดี๋ยวรอให้แม่งไว้ใจกูกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วกูก็ค่อยลองคุยกับแม่งดูอีกทีก็ได้ป่ะ"
"คำพูดมันก็พูดได้ง่ายๆไง กูจะรอดูก็แล้วกันว่ามึงจะทำได้อย่างที่พูดหรือป่าวน่ะ"
อินเบือนหน้าหลบเพื่อนไปอีกทาง จากที่คิดไม่ตกอยู่แล้ว พอมาได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้! อินก็ยิ่งคิดหนักกว่าเดิมไปอีก ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวมันจะไปจบที่ตรงไหนเหมือนกัน
"มึงไม่คิดจะพากูเดินเที่ยวหน่อยหรอ! อุตส่าห์ได้กลับมาเจอกันทั้งที มาย้อนวันวานกันหน่อยป่ะ"
อินได้ทิ้งเพื่อนให้นอนหลับอยู่ในห้อง.. ส่วนตนก็ได้ออกมาหาภัทรที่สำนักงาน ด้านภัทรที่กำลังนั่งอ่านเอกสาร จึงไม่ทันจะได้สังเกตเห็นถึงการมาของอิน จนกระทั่งอินได้เดินเข้ามานั่งลงข้างๆภัทรถึงได้รู้ตัว ก่อนจะจ้องมองไปด้วยแววตาเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย
"ดูมึงทำหน้าเข้าสิ ยังไม่เชื่อกูอีกหรือไงว่าไม่ได้มีใครส่งกูมาจริงๆ"
อินยังคงเล่นตามน้ำไป ด้วยที่นึกอะไรไม่ออกจริงๆว่าควรจะเข้าหาภัทรได้ทางนั้น นอกจากทางนี้ ที่ดูจะเป็นหนทางเดียวแล้วจริงๆ
"ถ้ามึงยังไม่เชื่อกู มึงจะไปถามกับเพื่อนของกูก็ได้นะ หรือไม่มึงก็แค่โทรไปถาม คนที่มึงคิดว่าเค้าเป็นคนส่งกูมาที่นี่ก็ได้หนิ"
ด้วยที่รู้ว่าภัทร คงไม่กล้าที่จะโทรกลับไปจริงๆ อินจึงได้กล้าพูดท้าออกมา
"ไม่จำเป็นหรอก คนอย่างมึง กูดูออกได้ไม่ยากนักหรอก"
จู่ๆอินก็กับรู้สึกว่า! น้ำลายในลำคอมันดูกลืนลงลำคอได้ยากยังไงไม่รู้สิ
อินยิ้มรับ เพราะต้องทำใจดีสู้เสือไปก่อนเพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่หลุดสังเกตออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น
"ก็ดี! มองดูให้ชัดๆด้วยล่ะ มึงจะได้มองมาเห็นถึงความจริงใจจริงๆที่กูมีให้กับมึงว่ามันมีอยู่มากล้นขนาดไหนน่ะ"
อินไม่พูดป่าว แต่กับนั่งเท้าคาง ช้อนสายตาขึ้นมองคนข้างๆไปด้วย แต่ว่าอินกับไม่รู้ตัวเองเลยว่า ไอ้การที่ตนได้ทำท่าทีในแบบนี้ มันได้ทำให้คนที่มองอยู่ถึงกับรู้สึกเสียอาการไปหมด! จนถึงจะต้องรีบหลบเลี่ยงหันมองไปทางอื่น เพราะกลัวว่าตนอาจจะเผลอหลุดอาการแปลกๆให้อีกฝ่ายได้เห็นเอาได้
"เป็นอะไรของมึงอีกล่ะเนี่ย พอกูนั่งให้มอง แต่มึงกับหันหน้าหนีกูไปอย่างนี้เนี่ยนะ!"
อินพูดด้วยน้ำเสียงและก็ท่าทีที่ดูจะขุ่นเคืองอยู่นิดๆ ก่อนจะผละนั่งพิงพนักเก้าอี้ไปอย่างเบื่อหน่ายเต็มประดา
"แล้วนี่เพื่อนมึงเค้าหายไปไหน ทำไมมึงถึงมาที่นี่คนเดียว"
"ปรกมันเพลียจากแดด มันหลับเป็นตายอยู่ในบ้านนั่นแหละ ว่าแต่มึงเถอะ ตกลงมึงจะไม่พากูเดินเที่ยวที่ไหนบ้างเลย นี่กูมาไกลมากนะเนี่ย นี่ใจคอมึงจะไม่เป็นเจ้าบ้านที่ดีหน่อยหรือไง"
อินรบเร้าต่อ! ไม่เพียงแต่หาทางเพื่อหวังที่จะตีสนิทกับภัทรเพียงเท่านั้น แต่อินแค่รู้สึกเบื่อๆ จึงอยากจะหาเพื่อนเดินเที่ยวเล่นไปด้วยกันจริงๆ และภัทรก็ดูจะเป็นคนๆเดียวที่พึ่งพาได้ดีที่สุดแล้ว
"มึงแค่อยากจะเดินเที่ยวเล่นแค่นั้นใช่มั้ย?"
"ก็ใช่น่ะสิ ก็กูมาเที่ยวผักผ่อนแล้วมึงจะให้กูมาทำอะไรล่ะ"อินคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหยั่งเชิงถามตนอยู่ อินจึงได้รีบตอบออกไปว่าตนแค่ต้องการมาเที่ยวแค่นั้นจริงๆ
"อืมม ถ้างั้นเดี๋ยวกูโทรตามไอ้ลมให้แล้วกัน มึงอยากจะไปที่ไหน มึงก็บอกมันเองแล้วกัน"
ลม เวหา เจ้าตัวเป็นลูกชายของลุงรามกับป้ายุพิณ ลมเป็นเหมือนคนงานในรีสอร์ทอีกคนนึง และด้วยที่เติบโตและก็เป็นคนในพื้นที่จริงๆ ลมคงน่าจะอำนวยความสะดวกให้อินได้ดีกว่า ภัทรจึงไว้ใจที่จะเลือกใช้ลมให้มาเป็นคนดูแลอินแทนตน
"เดี๋ยวๆๆ มึงวางมือถือลงเลย!!"อินรีบเข้าห้าม
"กูจะไปกับมึง กูไม่เอาคนอื่น กูอุตส่าห์มาหามึงถึงนี่ มึงยังจะโทรตามคนอื่นอีกเนี่ยนะ กูถามมึงจริงๆเถอะ นี่มึงเกลียดอะไรกูหรือป่าว ก็ถ้ามึงไม่สบายใจที่กูมาพักอยู่ที่นี่! เดี๋ยวกูกับเพื่อนย้ายที่พักใหม่ก็ได้นะ มึงจะได้สบายใจขึ้น"
จะว่าประชดก็ใช่ จะว่าทำอะไรไม่คิดก็ใช่อีกนั่นแหละ แต่อินแค่รู้สึกเคืองที่อีกฝ่ายเอาแต่ทำเหมือนว่าตน ดูเป็นสิ่งน่ารังเกียจที่ไม่น่าเข้าใกล้อยู่เนี่ย มันก็ดูจะทำใส่กันเกินไปหน่อยหรือป่าว
ก็เข้าใจแหละว่ายังไม่ไว้ใจกัน แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะเห็นถึงความเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันหน่อยก็ได้ป่ะ ทำใส่กันขนาดนี้ ก็อย่ามาเป็นเพื่อนกันซะเลยเถอะ จะได้จบๆกันไป
"ขอโทษที่มารบกวนแล้วกัน กูจะรีบไปให้พ้นๆเดี๋ยวนี้แหละ"
อินเดินออกมา ภายในใจที่เกิดความกังวัลตามขึ้นมาว่าตนจะไปอธิบายถึงในเรื่องตรงนี้ยังไงดี ถ้าหากว่าความคาดหวังของน้าเกวลินมันกำลังจะพังไม่เป็นท่าเพราะความใจร้อนของตนแบบนี้
"ตอนนี้ที่รีสอร์ทมีแต่รถมอเตอร์ไซค์!.. ก็ถ้ามึงคิดว่าซ้อนได้ ก็ตามกูมาแล้วกัน!!"
อินหันกลับไปมองยังคนพูด! เห็นแต่หลังไวๆที่กำลังเดินไปตรงข้างหน้าสำนักงาน
"อะไรของแม่งอีก! นี่เรียกว่าง้อแล้วหรอ"การที่เดินไปไม่รอกัน แถมยังพูดส่งๆไปตามอากาศอย่างนี้เนี่ยนะ แต่ถามว่าอินคิดจะไปตามคำชักชวนนั่นมั้ย แน่นอนว่าอินไม่มีทางเลือกอื่น จำทนที่ต้องเดินไปตามคำชักชวนส่งๆนั่นอยู่ดี แต่ก็ใช่ว่า อินจะยอมคิดหายเคืองอีกฝ่ายง่ายๆ
ด้วยที่อินไม่ได้เป็นคนทำผิดอะไร ก็ถ้าจะหาว่าใครสักคนที่เป็นคนทำผิดก่อน ก็คงต้องเป็นอีกฝ่ายนั่นแหละ ไม่ใช่ตน
"ถ้าลำบากใจที่จะทำ! มึงไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้นะ กูไม่อยากจะฝืนใจใคร"
มุมปากฉุกรอยยิ้มตามขึ้นมา ภัทรพอจะดูออกว่าอินเพียงแค่พูดไปอย่างนั้น เจ้าตัวไม่ได้คิดจะงอนจริงจังอะไรหรอก
"ไหนๆมึงก็เดินตามมาขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องเดินกลับไปให้มันเมื่อยหรอกหน่า ขึ้นรถ!"
อินถลึงตาใส่ภัทรไปที่ดันมาพูดจาไม่เข้าหูใส่กันอีก ทั้งๆที่ความผิดของภัทรก่อนหน้านี้.. อินก็ยังไม่เคลียร์เลยเหอะ
"เร็วๆ จะไปไม่ไป เดี๋ยวกูต้องรีบกลับมาเคลียร์บัญชีต่ออีก"ภัทรต้องทำทุกอย่างแทนพ่อ เจ้าตัวจึงไม่ค่อยจะมีเวลาว่างเหมือนอย่างครั้งเมื่อก่อน ที่คิดอยากจะไปไหนมาไหนตามแต่ใจตนเองได้
"เออๆ ทีอย่างงี้ ทำมาเร่งกันจังวะ!!"ถึงจะปาก จะบ่น แต่อินก็รีบขึ้นซ้อนท้ายตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี
...***...
บุคคลที่ถูกยกขึ้นมาใช้กล่าวอ้างไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเรื่องแต่อย่างใด ไม่ได้มีการเจตนาทำร้ายศิลปินนักแสดง
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ**
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments