1อาทิตย์ต่อมา
"มั่นใจว่ามึงจะทำสำเร็จ ขนาดแม่เค้า ก็ยังทำอะไรกับลูกเค้าไม่ได้เลย มึงก็เป็นแค่เพื่อนเล่นด้วยกันตอนเด็ก มึงมั่นใจได้แค่ไหนกันว่าเด็กนั่นมันจะยอมฟังมึงน่ะห๊ะ?"
ปรก ปรินทร์พูดขึ้นมาในระหว่างที่กำลังรอต่อรถไปยังบ้านของเพื่อนเล่นในวัยเด็กของเพื่อน
อินเองก็รู้สึกหนักใจในเรื่องนี้เหมือนๆกัน ด้วยที่ห่างหายกันไปนาน อินก็คาดเดาไม่ได้เลยว่า! เรื่องราวมันจะเป็นไปในทิศทางไหนเหมือนกัน มันจะหมู่หรือว่าจะจ่า ก็ต้องไปเสี่ยงดวงกันเอาล่ะงานนี้
"จะเอาคำตอบแบบไหนดีล่ะ? ถ้ามึงคิดว่ามันเป็นไปได้ มันก็ต้องได้แหละ แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันก็คือไม่ได้เว้ย"
"อะไรของมึงเนี่ย! นี่กูถามมึง ไม่ได้ให้มึงมาให้กูคาดเดาเอาเองป่ะ!"ปรกพูดต่อว่าไป ด้วยที่เพื่อนดันตอบไม่ตรงคำถามมาเสียได้
"มึงก็ฟังว่ากูเป็นเพื่อนเล่นของแม่งตอนเด็กๆสิ แถมยังไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบกว่าปี แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงว่าแม่งจะมีความคิดเป็นยังไงตอนนี้ มึงนี่ก็ถามแปลกๆป่ะ กูไม่ใช่ผู้วิเศษ จะได้หยั่งรู้ไปซะทุกเรื่อง"
ปรกถึงกับสะอึกกับคำตอบของเพื่อนก็ถ้าจะพูดใส่กันขนาดนี้ ก็ด่าตนว่าควายซะเถอะจะได้จบๆ
"แล้วนี่เราต้องรอรถอีกนานแค่ไหนวะ อากาศแม่งร้อนสัดว่ะ!"อินบ่นต่อ หงุดหงิดกับเหงื่อไคลซึมตามกรอบหน้าอยู่ในตอนนี้
"เห็นลุงแกบอกว่า อีกสิบกว่านาทีนะ กูเองก็ขี้เกียจรอแล้วว่ะ เหมารถลุงแกเลยดีป่ะ?"
ปรกคิดถึงรถคันโปรดของตนใจจะขาด การที่ต้องมานั่งรอรถโดยสารอยู่แบบนี้ มันช่างดูทรมานซะจนปรกอดคิดขึ้นมาไม่ได้เลยว่า ตนคิดถูกหรือว่าคิดผิดกันเนี่ย ที่ได้ยอมตามเพื่อนมาด้วยอย่างนี้
"เอาดิ เดี๋ยวกูลองไปคุยกับลุงแกเอง มึงรออยู่เนี่ยแหละ"
อินอาสาไปติดต่อเอง.. เพราะดูจากสภาพของเพื่อนละ ขืนถ้ายังให้รอรถอยู่อีกล่ะก็ มีหวังว่าเพื่อนมันคงได้น็อคตายคาอากาศร้อนๆแบบนี้แน่
ผลสรุปสุดท้าย ก็จบที่อินได้เลือกที่จะเหมารถไปเอง ด้วยราคาเกือบจะสองพันนิดๆได้
อินไม่รู้หรอกว่าไอ้ระยะทางที่กำลังจะไปมันอยู่ใกล้หรือว่าไกลแค่ไหน อินแค่เน้นความสะดวกสบายของตนกับเพื่อนก็เพียงพอแล้ว จะเสียเงินอีกสักแค่ไหน อินก็ไม่หวั่นสักนิด
"ไปมึงขึ้นรถ กูเหมารถลุงแกเรียบร้อยละ"
"ไปคันไหนอ่ะ รถสองแถวคันนี้อ่ะหรอ"
"รถแท็กซี่มั้ยล่ะ มึงจะไปขึ้นรถสองแถวเพื่อ!"
เหมือนจะเป็นธุรกิจของครอบครัว.. ลุงแกขับรถสองแถวคันใหญ่ ส่วนลูกๆหลานๆก็ขับรถแท็กซี่ อินเลยมีช้อยส์ให้เลือก แล้วมีหรือไงที่อินจะเลือกไปลำบากนั่งรถสองแถว เมินซะเถอะ
"ก็ไหนมึงบอกว่าอยากจะนั่งรถสองแถวชิลๆไง ไม่งั้นกูก็คงจะเรียกแกร๊บตั้งแต่สนามบินแล้วป่ะ"
ปรกอดที่จะพูดย้อนถึงคำพูดของเพื่อนกลับไปไม่ได้ เพราะความคิดของมันคนเดียวที่ทำให้ต้องพากันมาลำบากอยู่แบบเนี๊ยะ แทนที่จะได้ไปถึงที่หมายเร็วๆ แต่กับต้องมายืนกล่อยรอรถเข้าท่ากันอยู่แบบนี้ ก็ได้ชิลสมใจดีมั้ยล่ะ
"ใครจะไปรู้วะว่าเดินออกมาแล้ว ๆแดดมันจะเปรี้ยงซะขนาดเนี๊ยะ หรือมึงจะไปสองแถว ก็ได้นะ กูจะได้ไปบอกลุงแกให้"
"เดี๋ยวๆๆๆ กูก็พูดไปอย่างนั้นเองป่ะ! มึงจะทำจริงจังอะไรเนี่ย ไปขึ้นรถ กูร้อนจะตายแล้วเนี่ย!"
ปรกที่รีบลากกระเป๋าเดินออกไป เพราะกลัวว่าเพื่อนจะเกิดเปลี่ยนใจตามที่พูดจริงๆ อินฉุกรอยยิ้มขึ้นได้ บนความลำบากที่ตนเป็นคนเลือกเอง อินก็ได้แต่หวังว่า การที่ตนถ่อมาไกลถึงที่นี่
หวังว่าสิ่งที่น้าเกวลินได้ฝากความหวังเอาไว้กับตน มันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะ อินเป็นคนเบื่อง่าย ถ้าต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากเข้าบ่อยๆ! ก็กลัวว่าตนจะเผลอถอดใจเอาซะก่อนเนี่ยสิ
"ถึงจะเป็นรีสอร์ทเล็กๆ แต่บรรยากาศก็ได้อยู่นะ ไม่แย่ๆ กูชอบฟิวประมาณนี้เลย คนไม่ต้องเยอะมาก ดูเงียบสงบดี"
ปรกว่าขึ้นมา ทันทีที่มาถึงที่หมาย ใช้เวลาเดินทางประมาณไม่น่าจะถึงหนึ่งชั่วโมงได้
อินก็ชอบแบบนี้เหมือนๆกัน เดินไปอีกหน่อยก็เจอทะเลละ ทำเลดีออกขนาดนี้ ถ้าเป็นช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวคงจะมาเข้าพักกันเยอะน่าดู
"ใช่มั้ยล่ะ อย่างนี้ค่อยรู้สึกว่าคุ้มค่ากับการที่มาไกลหน่อย ตอนแรกนะ กูก็หลงนึกว่ากู คงจะพามึงมาเสียเที่ยวแล้วซะอีก"
ด้วยที่เหตุผลหลักๆที่มาที่นี่ ถ้าไม่ใช่เป็นสถานที่สวยๆแบบนี้ ไม่แคล้วว่าเพื่อนก็คงจะต้องหนีกลับบ้านไปก่อนแน่ๆ แต่ว่าพอเห็นแบบนี้แล้ว อินก็รู้สึกเบาใจขึ้นได้เยอะเลยล่ะ
"กูก็ว่างั้นแหละ แค่ที่มึงพากูไปยืนรอสองแถว กูก็ใจแป้วไปหมดละ แต่เห็นแบบนี้ละ กูค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย"
อินถึงกับส่ายหัว คิดผิดซะเมื่อไหร่ว่าเพื่อนจะต้องมีความคิดเช่นนี้จริงๆ ก็อย่างว่ารู้จักกันมานาน ไม่ใช่แค่อินที่รู้จักเพื่อนดี เพราะเพื่อนเอง ที่ก็น่าจะรู้จักอินดีไม่ต่างกันนักหรอก
"สวัสดีค่ะ มาติดต่อบ้านพักหรือป่าวคะ?"เสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เห็นเป็นป้าคนหนึ่ง ที่ยืนส่งรอยยิ้มละไมมาให้กับทั้งสองคน
"ใช่ครับ ผมกับเพื่อนจะมาติดต่อบ้านพัก ต้องเข้าไปข้างในเลยมั้ยครับ"อินถามกลับไป
"เข้าไปได้เลยค่ะ เอ๊ะนั่น! เจ้าของรีสอร์ทมานู่นพอดีเลยค่ะ นายน้อยๆคะมีแขกมาขอติดต่อเช่าบ้านพักแหนะค่ะ"
อินกับเพื่อนที่หันมองตามป้าที่แกจู่ๆก็ได้พยักเพยิดบอก แต่อินก็ฟังไม่ค่อยจะเข้าใจนักหรอกนะ ก็ด้วยสำเนียงที่ป้าแกใช้ช่วงประโยคท้ายๆ มันฟังดูแปล่งๆยังไงชอบกลอยู่นะ
//กึก!//
อินถึงกับชะงักงันลงไป ด้วยบุคคลที่ยืนอยู่ตรงข้างหน้าในตอนนี้ ถ้าอินจำไม่ผิดไป คนๆนี้ก็น่าจะใช่ ภัทร ภูวดล เพื่อนเล่นในวัยเด็กของตนหรือป่าว
"ภัท... เดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งไป!!"ยังไม่ทันที่อินจะได้พูดอะไร จู่ๆทางรายนั้นที่ก็ได้เดินเลี่ยงหนีออกไปซะอย่างนั้น
"ปรกเดี๋ยวมึงไปติดต่อเรื่องบ้านพักไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูมา"อินรีบบอกกับเพื่อน ก่อนที่จะรีบเดินตามภัทรไป เพราะกลัวว่าอาจจะคาดกันเอาได้ถ้าไม่รีบตามไปในตอนนี้
"เอ้าแล้วนี่มึงจะไปไหนของมึงเนี่ยห๊ะไอ้อินแล้วกูล่ะ!!"ปรกตะโกนถามตามหลังไป
"เออ! เดี๋ยวกูมา!!"
อินเลือกที่จะวิ่งตามต่อ.. ไม่เข้าใจว่าคนที่มีรูปร่างขนาดก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก ทำไมถึงได้เดินเร็วกว่าตนนักนะ
"นี่หยุดนะ กูบอกให้มึงหยุดยังไงเล่า ฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง!!"อินตวาดกร้าวขึ้น ทันทีที่วิ่งเข้ามาดักหน้าของอีกฝ่ายไว้ได้ทัน! ทั้งยังได้พูดต่อว่าออกไปอย่างเหลืออด
ด้านคนถูกต่อว่าเพียงแค่ยืนมองกลับมานิ่งๆเท่านั้น ไร้อารมณ์โต้ตอบแต่อย่างใดทั้งนั้น! อินที่มองเห็นเช่นนี้ จึงคาดเดาไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะยังคงจำกันได้อยู่หรือป่าว
"มึงดูหน้ากูไว้นะ กูดูเหมือนใคร มึงพอจะจำกูได้บ้างป่ะ?"อินลองชี้นำดู เผื่อว่าอีกฝ่ายจะจำกันไม่ได้จริงๆ และถ้าได้พูดเตือนความจำกันสักหน่อย ไม่แน่ว่า ก็อาจจะจำกันขึ้นมาได้บ้างก็ได้
แต่ทว่า!อีกฝ่ายก็กับทำสีหน้าดูเหม็นเบื่อใส่กันซะอย่างนั้น ไม่เห็นว่าจะเป็นไปอย่างที่อิน ได้คิดเอาไว้เลยสักนิด หรือว่าจะจำกันไม่ได้แล้วจริงๆ
"อ่ะๆๆๆ เดี๋ยวบอกชื่อมึงเลยก็ได้อะ กูชื่ออินนะ พ่อกูชื่อชวินทรส่วนแม่กูชื่ออารยา! นี่มึงพอจะจำขึ้นมาได้บ้างมั้ย"
อินแถมด้วยการบอกชื่อพ่อกับแม่ไปด้วยเลยก็เผื่อว่าคนตรงหน้าจะฉุกคิดได้ง่ายขึ้นมาหน่อย
"... แล้วจะมาบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากจะรู้ด้วยสักหน่อย"คนถูกซักว่าขึ้น ก่อนจะเลี่ยงผละเดินหลบไปอีกทาง
"เอ้า!! เดี๋ยวก่อนดิ!!"อินต้องไล่เดินตามต่อ นึกหัวเสียที่อีกฝ่ายเอาแต่เดินหนีกันอยู่ได้
แล้วก็คำตอบ.. ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะหลีกเลี่ยงที่จะตอบกัน แต่เพียงแค่นี้ อินก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายคือภัทร เจ้าตัวที่เป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็กของตนจริงๆ
ว่าแต่แล้วทำไมภัทรถึงต้องเอาแต่หนีกันอย่างนี้ด้วย เพราะการมาของอินในวันนี้ ภัทรไม่น่าจะรู้รึป่าวว่าอินมาด้วยเหตุผลอะไร
"อ๊ะะ!!"ด้วยความที่เอาแต่เร่งรีบติดตาม อินจึงไม่ทันจะได้ระวังสะดุดก้อนหินล้มคะมำลงไปกองอยู่กับพื้นเสียแล้ว
"อิน!!"เพราะอารามตกใจ ภัทรจึงรีบรุดเข้าช่วยอิน จนหลงลืมไปเสียสนิทเลยว่าตนกำลังทำเป็นไม่รู้จักกับอินอยู่แท้ๆ
มารู้ตัวเอาอีกที! ก็เมื่อเห็นอินกระหยิ่มยิ้มย่องใส่จนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้มของเจ้าตัวมาชัดเจน
ภัทรจึงคิดว่าตนก็คงจะหลงกลคนตรงหน้าเข้าให้แล้วจริงๆ ไม่เจอกันตั้งนาน อินที่ยังคงมีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ตนน่าจะเอะใจบ้างสักนิด ก็คงจะดี
"ที่มึงเป็นห่วงกูออกหน้าออกตาขนาดนี้ แสดงว่า มึงก็พอจะจำกูได้แล้วใช่ป่ะว่ากูเป็นใคร!"อินท้วงถามออกไป เมื่อภัทรได้ผละลุกขึ้นไป! และก็ตั้งท่าที่จะกำลังจะเดินหนีกันไปอีก
ภัทรชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินไปต่อ หลับตาแน่น.. พยายามจะระงับอารมณ์ ก็ด้วยที่ไม่ต้องการอยากที่จะมีปัญหากับอิน ก่อนที่จะหันกลับไป ซึ่งก็พอดีกับที่อินได้ผละลุกขึ้นมาพอดี
"มึงต้องการอะไรจากกูอิน! นี่เค้าเป็นคนส่งมึงมาใช่มั้ย!"ด้วยหนนี้ มันก็ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผู้หญิงคนนั้นได้ส่งคนมาหว่านล้อมกัน
คนเป็นแม่ ที่เลือกจะทิ้งลูกทิ้งผัวของตัวเองเพื่อไปแต่งงานใหม่ได้นี่ มาวันนี้ จะมาถามหาความรับผิดชอบไปเพื่ออะไร ภัทรไม่ต้องการมันสักนิด ถึงแม้ว่าในทุกๆวันนี้ พ่อจะไม่อยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม แต่มันก็ใช่ว่า ภัทรจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้สักหน่อย ซึ่งมันไม่ได้ดูแย่อะไรเลยที่จะเติบโตขึ้นมาได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง
"เอ่อ! นี่มึงพูดเรื่องบ้าไรเนี่ย กูไม่เห็นจะเข้าใจเลย"อินเลือกที่จะทำเบลอไปก่อน ไม่ต้องการจะถูกอีกฝ่ายไล่ตะเพิดกลับไปซะตั้งแต่วันแรกหรอกนะ
"ไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่เข้าใจกันแน่"
"นี่มึงพูดบ้าอะไรเนี่ยห๊ะ กูมาเที่ยวกับเพื่อนป่ะ ไม่มีใครส่งกูมาอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ ว่าแต่ เค้าคนที่มึงพูดถึงอยู่เนี่ย เค้าเป็นใครกัน นี่กูรู้จักด้วยหรอ?"
...***...
บุคคลที่ถูกยกขึ้นมาใช้กล่าวอ้างไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเรื่องแต่อย่างใด ไม่ได้มีการเจตนาทำร้ายศิลปินนักแสดง
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ**
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments