True love or just a fiance | รักแท้หรือแค่คู่หมั้น
...1.มุ่งสู่เมืองกรุง...
"ของขวัญ นิสิตตรัย"หรือที่คนอื่นๆเรียกเธอว่า"ขวัญ" เด็กสาวผู้ที่มีตา2ชั้น ผิวขาวอมชมพูและมีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่คนอื่นมองแล้วจำได้เลย เธอได้ศึกษาจบชั้น ม.6 แล้ว เธอกำลังจะมุ่งสู่เมืองกรุงเพื่อไปศึกษาต่อที่มหาลัยA
"ขวัญ" ผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้น เอ็งจะไปเรียนต่อมหาลัยที่เมืองกรุงแล้ว พ่อคงต้องอยู่บ้านคนเดียวสินะ" พ่อพูดพลางเข้าไปสวมกอดลูกสาวของตน
"พ่อ!! พ่อพูดอย่างกับว่ามีแค่ขวัญที่เป็นลูกเพียงคนเดียว พ่อยังมีไอ้นัยที่เป็นลูกของพ่ออยู่นะ ลูกชายของพ่อไง" ขวัญพูดพลางคลายอ้อมกอดจากพ่อและใช้นิ้วปาดเช็ดน้ำตาที่อยู่บนหน้าพ่อของตนออก
"ใช่พ่อ พ่อลืมผมไปแล้วหรอ พ่อไม่ได้อยู่บ้านคนเดียวนะ พ่อยังมีผม ยังมีลูกน้องอีกตั้งเยอะแยะ ผมยังเรียนไม่จบ ม.6 เลย ผมไม่ไปไหนหรอก ผมจะอยู่กับพ่อที่นี่แหละ" พอนัยพูดจบ พ่อก็โอบไหล่นัย และพูดขึ้นมาว่า...
"ไอ้หมาน้อยของพ่อ พ่อไม่ให้แกไปไหนหรอก อยู่กับพ่อจนแก่ไปเลยยิ่งดี" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นแถมยังมีน้ำตาที่คลออยู่
"พ่อ อย่าร้องไห้เลย พี่ขวัญไปแค่ไม่กี่ปีเอง เดี๋ยวก็กลับ แล้วก็เช็ดน้ำตาได้แล้ว ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหมเนี่ยพ่อ" นัยพูดเหมือนหยอกพ่อเล่นไม่อยากให้พ่อเครียดและไม่อยากให้พ่อเป็นห่วงพี่ขวัญ
"แก ไม่ต้องมาพูดเพื่อให้พ่อสบายใจเลยนะ ยังไงพ่อก็เป็นห่วงพี่แกอยู่ดี พ่อมีลูกสาวแค่คนเดียวนะ" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งเพราะเป็นห่วงขวัญ
"พี่ ผมว่าพี่รีบไปเถอะ ก่อนที่พ่อจะร้องไห้หนักกว่านี้"
"แล้วแกไม่ไปส่งฉันหรอ" ขวัญถามด้วยความสงสัย
"เกือบลืมไปแล้ว ว่าต้องไปส่งพี่ที่ป้ายรถเมล์อะ" นัยพูดจบก็หยิบกระเป๋าใบโตของพี่สาวขึ้นมาแล้วพูดขึ้นมาว่า...
"จะไปเลยไหมล่ะ"
"พ่อ!!ขวัญไปก่อนนะ ฝากดูแลที่บ้านด้วยนะ อย่าให้ใครมายุ่ง ของๆขวัญนะ ถ้าขวัญเรียนจบแล้วกลับมา ไม่เจอของๆขวัญละก็..." ขวัญพูดกับพ่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"พ่อสัญญาว่าจะไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งในห้องของขวัญ เว้นแต่ว่าจะให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้งก็พอ แบบนี้ดีไหม" พ่อพูดพลางเอามือจับหัวลูกสาวของตน
"ถ้าเป็นอย่างที่พ่อพูด...ก็ดี...ขวัญจะได้ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง" ขวัญพูดเสียงเข้มใส่พ่อ
"แล้วลูกเอาของใช้ที่จำเป็นไปหมดแล้วใช่ไหม"พ่อถามด้วยความเป็นห่วงกลัวลูกสาวจะลำบาก
"พ่อไม่ต้องห่วง ขวัญเตรียมครบหมดทุกอย่างแล้ว"
"งั้น..ก็ เดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาพ่อด้วยละ"
ขวัญเดินออกจากบ้านสีขาวหลังใหญ่ที่รูปทรงคล้ายกับบ้านสมัยก่อน ขวัญยืนมองรอบๆบ้านอยู่สักพัก ก่อนที่จะมีคนพูดขึ้นมาว่า...
"คุณหนูครับ รถพร้อมแล้วครับ"เสียงนี้ทำให้ขวัญสะดุ้งนิดหน่อย
"พี่เป็นอะไรไปเนี่ย....ใจหายละสิไม่เคยจากบ้านไปไกลและไปนานขนาดนี้อะ" นัยพูดแหย่พี่สาวเล่นๆ
"แก ไม่ต้องพูดเลย เดี๋ยวปีหน้าแกก็ได้ไปเรียนต่อมหาลัยเหมือนฉันแล้ว"
"พี่ หยุดพูดมาก แล้วขึ้นรถสักที" นัยพูดพลางค่อยๆพักพี่สาวขึ้นรถ
"แกจะอ่อนโยนกับพี่บ้างไม่ได้หรือไง"
พอขวัญและนัยขึ้นรถเสร็จ รถก็ออกเดินทางไปส่งขวัญที่ป้ายรถเมล์เพราะจากที่บ้านไปถึงป้ายรถเมล์ทางค่อนข้างลำบากและไกลพอสมควร เพราะบ้านของขวัญอยู่บนดอย แต่ถึงทางจะลำบากแต่บ้านของขวัญก็มีรถดีๆพอที่จะใช้ขับขึ้นเขาลงเขาได้บ้าง ฐานะทางบ้านขวัญก็ดีระดับหนึ่ง เพราะบ้านขวัญพ่อของขวัญทำอาชีพปล่อยเงินกู้ ถึงบ้านของขวัญจะเป็นหมู่บ้านที่ไม่ได้ใหญ่นักแต่พ่อของขวัญก็ยังจะเลือกปล่อยเงินกู้ ซึ่งขวัญไม่ชอบที่จะให้พ่อทำอาชีพนี้เท่าไหร่ ขวัญอยากให้พ่อเลิกทำอาชีพนี้และหันมาพึ่งพากันดีกว่า
"ถึงแล้วครับคุณหนู"เสียงจากลูกน้องของนายพลพ่อของขวัญทำให้ขวัญเลิกคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ลูกน้องของนายพลกำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้และกระเป๋าใบโตของขวัญลงจากรถ ส่วนนัยและขวัญก็ก้าวออกมาจากรถ ทันทีลูกน้องของนายพลก็เก็บข้าวของของขวัญออกจากรถเสร็จพอดี
"แล้วพี่จะไปพักที่ไหน ได้คิดไว้บ้างหรือยัง" นัยถามพี่สาวด้วยความอยากรู้
"คิดไว้แล้วแหละ แกไม่ต้องห่วงพี่ ถ้าพี่ถึงแล้วพี่จะโทรหา" ขวัญไม่ได้ตอบคำถามของนัยแต่พูดไปในทางไม่ต้องเป็นห่วง
"โอเค อย่าลืมโทรหาผมด้วยละ"
พอคุยกันจบไม่ถึง5นาทีรถเมล์ก็มา ขวัญก็เดินขึ้นรถเมล์ ลูกน้องของนายพลก็ขนของขึ้นรถเมล์ ส่วนนัยก็ช่วยขนด้วยอีกคน พอนัยขนของเสร็จก็เดินไปหาพี่สาวที่นั่งอยู่บนเบาะรถเมล์ แล้วพูดขึ้นว่า ..
"เดินทางไปปลอดภัยนะพี่" นัยเข้าไปกอดพี่สาวกลัวจะคิดถึง เดี๋ยวจะไม่ได้เจอกันอีกนาน
"กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพ่อเป็นห่วงนะ" ขวัญพูดพลางลูบหัวนัยน้องชายตัวเอง
"พ่ออะเป็นห่วงพี่มากกว่าผมซะอีก" พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
"พ่อที่ไหน ก็เป็นห่วงลูกเท่ากันทั้งนั้นแหละ และก็เลิกกอดพี่ได้แล้ว อายคนเค้า" ตบหลัง
นัยค่อยๆคล้ายอ้อมกอดออกจากพี่สาว ทันใดนั้นเสียงรถเมล์ก็ได้ดังขึ้นเตือนว่ารถกำลังจะออกแล้ว
"กลับบ้านได้แล้ว ดูสิลูกน้องนายพลรอนัยอยู่นั่นหน่ะ" สายตามองไปที่ลูกน้องนายพล
สายตาของพี่สาวทำให้นัยรู้ว่าลูกน้องของพ่อกำลังรอเค้าอยู่คนเดียวจริงๆ
พอนัยลงจากรถเมล์ไปได้แป๊ปเดียว รถเมล์ก็วิ่งผ่านหน้านัยไปเหมือนว่าจะไม่ได้ย้อนกลับมาที่เดิมอีกแล้ว นัยได้แต่ครุ่นคิดว่าพี่สาวของตนไปอยู่เมืองกรุงคงจะต้องไปพบปะผู้คนใหม่ๆไปเจอสังคมใหม่ๆ คนเมืองกรุงจะเหมือนคนในหมู่บ้านเราไหมแล้วพี่จะลืมน้องชายคนนี้หรือเปล่า...การไปเรียนต่อในมหาลัยของพี่สาวในครั้งนี้ทำให้นัยคิดมาก
การที่ขวัญได้จากบ้านไปใช้ชีวิตหรือไปเรียนในครั้งนี้ทำให้นัยเป็นห่วงพอสมควรเพราะนี่เป็นครั้งแรกของขวัญที่จะไปใช้ชีวิตในเมืองกรุงและขวัญก็ไม่ได้บอกนัยหรือพ่อเลยว่าจะไปพักอยู่ที่ไหนและพักอยู่กับใคร
สัก1ชั่วโมงต่อมา
มีรถมาจอดที่บ้านสีขาวหลังใหญ่ที่รูปทรงคล้ายกับบ้านสมัยก่อนซึ่งเป็นบ้านของนายพล ทำให้นายพลสงสัยว่ารถใครมาจอดที่หน้าบ้าน นายพลเลยสั่งลูกน้องไปดูว่าเป็นรถใคร
"นายครับ คุณหนูน้อยกลับมาจากส่งคุณหนูแล้วครับ" เสียงลูกน้องกระซิบที่ข้างหูนายพล
"กลับมาแล้วหรอ" นายพลถามลูกน้องด้วยความตื่นเต้น
"ครับ กลับมาแล้วครับ รถจอดที่หน้าบ้านครับ"
พอนายพลได้คำตอบจากลูกน้องแล้ว นายพลกำลังจะลุกขึ้นเดินไปหานัย แต่นัยกลับเดินมาหานายพลก่อนพอนายพลเห็นนัยก็เอ่ยขึ้นถามว่า..
"ไอ้หมา!! แกไปส่งพี่แกมาแล้วใช่ไหม พี่แกได้บอกอะไรกับแกหรือเปล่า" พ่อถามนัยด้วยความอยากรู้ว่าขวัญไปพักอยู่ที่ไหน พักอยู่กับใคร
"ไม่ได้บอกอะไรหรอกครับพ่อ แล้วทำไมพ่อไม่ถามพี่เองอะ" นัยตอบกลับพ่อด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
"แกก็รู้ ถ้าพ่อถามพี่สาวแกพี่แกไม่บอกพ่อหรอก ที่พ่อถามแก พ่อคิดว่าพี่แกหน้าจะบอกอะไรไว้กับแกบ้าง แล้วแกเป็นอะไรของแกสีหน้าแกชัดมากนะนัย"
"ไม่ได้เป็นไรพ่อ งั้นผมขอตัวก่อนนะ" นัยพูดเสร็จก็เดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง
นายพลเลยเอ่ยถามลูกน้องที่ไปส่งขวัญว่า
"แก รู้ไหม ว่าคุณหนูน้อยเป็นอะไร" ถามด้วยน้ำเสียงตะคอก
"ไม่ทรา..บ..บ..ครับนาย" ตอบด้วยเสียงที่สั่นๆ
"นี่แก!! ฉันถามอะไรแก แกเคยรู้บ้างไหมเนี่ย" พูดกับลูกน้องด้วยความหงุดและโมโหมากที่ถามอะไรไปก็ตอบไม่ได้ ถามใครก็ไม่ให้คำตอบสักคน
...ตอนแรกมาลงแล้วนะทุกคน ฝากเข้ามาอ่านกันเยอะๆนะ♥️♥️...
...เลิฟๆน้า😊...
...ติชมกันได้เลยนะ...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments