Episode II - การรับผิดชอบ

LAZARUS - ลาซารัส

Episode II - การรับผิดชอบ

สุนัขสายพันธุ์ "เซนต์เบอร์นาร์ด" ได้หายตัวไปจากห้องทดลองลับของกองทัพ "Bloody Army" เป็นเวลากว่า 5 วัน ทำให้ผู้นำระดับสูงประจำกองทัพต้องจัดการประชุมใหญ่ขึ้น หลังการประชุมเริ่มได้ไม่นาน "ดอร์จ" ผู้ที่รับผิดชอบโครงการนี้ได้โทรเข้าหาหัวหน้าของเขา เขาได้พูดถึงเหตุผลที่จะเป็นไปได้ที่สุนัขตัวนั้นจะสามารถพูดภาษามนุษย์ จนทำให้ "ฟรานซิส แม็คคาร์ตี้" หัวหน้าของ ดอร์จ ได้เรียกตัวเขาเข้ามารอที่หน้าห้องประชุม ก่อนที่หัวหน้าทุกๆคนจะออกมา และ ซ้อมเขาอย่างหนัก โทษฐานทำงานผิดพลาด ที่ทำให้ตัวทดลองตัวแรกที่ทำสำเร็จหลุดหายไป แถมยังทำให้มันสามารถพูดได้อีกด้วย โดยสิ่งที่พวกเขากลัวก็คือ ความจริงเกี่ยวกับการทดลองลับนี้จะรั่วไหลออกไป......

ฟรานซิส: ไหนแกลองตอบฉันซิ มันเกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมมันถึงมีสิทธิ์ที่จะพูดภาษาเราได้ แกทำอะไรลงไป อธิบายมาเดี๋ยวนี้.....!!!!

ดอร์จ: ผมขอโทษจริงๆครับ มันเป็นความผิดพลาดจากการวิจัยดีเอ็นเอ และ จากตัวทดลองเอง

แจ็คกี้: อธิบายหลักการมาเดี๋ยวนี้!!

ดอร์จ: คือว่า เสียงพูดของมนุษย์เกิดจากลมที่เปล่งออกมาจากปอดผ่านอวัยวะต่างๆ ออกมาเป็นเสียงสูงๆ ต่ำๆ อวัยวะที่ทำให้เกิดเสียงก็คือกล่องเสียง เวลาพูดเราจะเปล่งลมจากปอดผ่านหลอดคอผ่านกล่องเสียง ภายในกล่องเสียงมีสายเสียงซึ่งขึงอยู่ ตรงกลางกล่องเสียง เมื่อลมผ่านจะทำให้สายเสียงสั้นสะเทือนเกิดเป็นเสียงสูงต่ำ เสียงเมื่อผ่านกล่องเสียงแล้วก็จะกระทบคอ เพดานปาก ฟัน หรือริมฝีปาก ทำให้ออกมาเป็นเสียงพูดในที่สุดครับ

ฟรานซิส: นายจะบอกฉันว่า ความผิดพลาดของดีเอ็นเอ ก็คือ มันไปสร้างอวัยวะต่างๆและกล่องเสียงของหมาตัวนั้นงั้นหรอ ??

ดอร์จ: ใช่แล้วครับ

เซบาสเตียน: เช้าวันนั้นที่ศูนย์วิจัยของแกมันเป็นยังไง ?

ฟรานซิส: มีคนแฮ็กระบบรักษาความปลอดภัยของศูนย์วิจัย ฉันสั่งคนให้ค้นหาตัวอยู่

เชสเตอร์: นำตัวไอ้คนไร้น้ำยานี่ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!!

"เชสเตอร์" ผู้นำระดับสูงได้สั่งให้คนจับ ดอร์จ ขึ้นรถ หลังจากที่ได้ฟังเขาอธิบายถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ตัวของ ดอร์จ เองก็พยายามขัดขืนเพราะเขารู้ดีว่าจะถูกพาไปที่ไหน ก็ก็ไม่สามารถหนีฝั่งที่มีคนเยอะกว่าได้ ในขณะเดียวกัน "แจ็คกี้" รองผู้นำก็เพิ่มจำนวนคนออกค้นหาสุนัขตัวนี่มากขึ้น เพื่อค้นหาให้เจอก่อนที่มันจะไปเปิดโปงเรื่องการวิจัยลับของพวกเขา เมื่อจำตัว ดอร์จ ขึ้นรถได้แล้ว ก็พาเขาไปยังสถานที่ที่หนึ่งที่กองทัพ หรือ องค์กรของพวกเขาได้สร้างขึ้นมาเอง โดยสถานที่นี้มีชื่อว่า "Land of Sleep" (LOS) "ดินแดนแห่งการหลับไหล" โดยลักษณะของสถานที่แห่งนี้นั่นเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งข้างในมีบ่อน้ำอยู่หลายจุด ซึ่งมันถูกสร้างไว้สำหรับประหารชีวิตคนที่ทำงานผิดพลาดอย่างเช่น ดอร์จ

เมื่อมาถึง LOS พวกเขาก็พา ดอร์จ เข้าไปข้างในทันที และ นำเขาไปยืนอยู่ข้างๆบ่อน้ำ ดอร์จ ในตอนนี้ได้แต่ร้องไห้เพราะความหวาดกลัวและสิ้นหวัง เขารู้ตัวว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับเขา คำร้องขอชีวิตของเขา เป็นเหมือนแค่ สายลม ที่พัดผ่านหูของพวกเขาเท่านั้น ไม่มีใครสนใจ หรือ แม้แต่จะหันมาสบตาเขาเลย "รองเท้าปูน" ถูกนำมาใส่ที่เท้าของ ดอร์จ ซึ่งเป็นรองเท้าที่ทำมาจาก ปูนซีเมนต์ โดยการยัดข้อเท้าของเขาเข้าไปข้างใน ซึ่งน้ำหนักของรองเท้าปูนคู่นี้อยู่ที่ 30-40 กิโลกรัมเลยทีเดียว ดอร์จ หันมาอ้อนวอนขอชีวิตจากเหล่าผู้นำกองทัพเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เพชฌฆาตร่างยักษ์จะอุ้มตัวเขาขึ้น และ โยนลงไปในบ่อน้ำ และ จมลงไปเพราะน้ำหนักของรองเท้าปูน เมื่อเขาขาดอากาศหายใจจนตาย น้ำในบ่อ และ ร่างของ ดอร์จ ก็จะถูกแรงดันจากเครื่องที่มีพลังมหาศาลที่สามารถสูบร่างของเขาที่มีรองเท้าปูนติดอยู่ สูบผ่านท่อน้ำขนาดใหญ่ไปยังแม่น้ำที่เชื่อมต่อกับมหาสมุทรซึ่งอยู่ห่างออกไปค่อนข้างมาก แล้วร่างของ ดอร์จ ก็จะหายไปตลอดการ แต่หากบังเอิญถูกพบเจอเข้า ร่างของเขาก็จะเหลือเพียงแค่ โครงกระดูก เท่านั้น......

ณ บ้านของโธมัส เวลา 19:30 PM โธมัส เขากำลังเตรียมตัวที่จะไปทำงานตากปกติ....

บรูโน่: นั่นนายทำอะไร ?

โธมัส: เตรียมตัวไปทำงานไง ฉันใกล้จะสายแล้วด้วย

บรูโน่: เป็นมนุษย์นี่เหนื่อยเป็นบ้า งานก็ต้องทำ แถมยังต้องเอาเงินที่เหนื่อยจากการทำงานมาซื้ออาหารมาให้หมาอย่างฉันกินอีก

โธมัส: ไม่ต้องมาเยาะเย้ยฉันเลยนะ

บรูโน่: ฉันลงไปดูทีวีกับแม่นายดีกว่า

โธมัส: เฮ้ อย่าเผลอทำอะไรผิดปกติเกินหมาเด็ดขาดเลยนะ

บรูโน่: เออน่า ไม่ต้องเป็นห่วง

โธมัส: บ้าจริง ฉันต้องรีบไปแล้ว...!!

แล้ว โธมัส ก็รีบวิ่งออกไปทันที บรูโน่ จึงเดินตามลงมาและไปนั่งอยู่ข้างๆ โจลี่ ทำหน้าตาใสๆซื่อๆ แบบหมาน่ารักๆทั่วไป แล้วโจลี่ก็เอามือมาลูบหัวบรูโน่ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆว่า...

โจลี่: นายชอบชื่อนี้ใช่ไหม มันเป็นชื่อที่ฉันรักมากเลยนะ รู้ไหมนายโชคดีมากที่ โธมัส ไปเจอ ถ้าไม่มีใครพบเข้าก็แย่แน่ๆเลย อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวใครจะมาทำร้ายนายได้...

ดูเหมือนว่า โจลี่ จะเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ โดยเฉพาะสุนัข เธอะูดจบก็เข้าสวมกอดบรูโน่ทันที ผ่านไปไม่นาน จู่ๆก็เสียงเคาะประตูบ้าน สิ่งที่บรูโน่คิดคือ อาจเป็นคนในองค์กร ทันทีที่ โจลี่ ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปดูว่าใครมา บรูโน่ ก็ใช้ปากของมันดึงขากางเกง โจลี่ ไว้อย่างแน่น เพื่อไม่ให้ไป แต่โจลี่ ก็พยายามดึง และ ห้ามเจ้าบรูโน่ และ เดินไปที่ประตู บรู่โน่ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง จึงไปยืนอยู่ข้างหลังเธอ เพื่อรอโอกาส หากคนที่มาหาคือพวกนั้น เขาก็จะกระโจนใส่ทันที เมื่อโจลี่ได้ส่องที่ตาแมว เธอก็เปิดประตูทันที และ คนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คือ.... เพื่อนบ้านของเธอเท่านั้น เขานำแซนวิชเนยถั่วมาให้กันโจลี่เป็นประจำ เธอรับและปิดประตูกลับมานั่งกินหน้าทีวิ แถมยังป้อนให้กับบรูโน่ด้วย แต่แล้วไม่ถึง 1 ช.ม เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แต่คราวนี้ เจ้าบรูโน่รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่เพื่อนบ้านแน่ๆ เพราะกลิ่นที่เขาคุ้นเคยนี้ ไม่มีที่ไหน หรือ ของใครอีกแล้วนอกจาก คนในองค์กร! คราวนี้เจ้าบรูโน่ ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ โจลี่ ไปที่ประตู และ สิ่งนี้ทำให้ โจลี่ เริ่มผิดสังเกตขึ้นมาทันที เธอเริ่มที่จะรู้สึกว่าที่เจ้า บรูโน่ กำลังทำตอนนี้มันต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่าง ซึ่งเสียงเคาะประตูก็ยังคงดังต่อเนื่อง และ หนักขึ้นด้วย โจลี่ จึงเดินไปส่องที่ตาแมวก็ต้องพบกับ ผู้ชายสวมชุดดำสนิด ยืนอยู่หน้าประตูบ้านถึง 3 คน เธอพยายามทำตัวให้เงียบสนิดเพื่อให้เจ้าพวกนั้นคิดว่าไม่มีคนอยู่ในบ้าน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อ 1 ใน 3 คนนั่นได้สั่งให้อีก 2 คนที่เหลือเดินไปค้นรอบๆบ้าน โจลี่ จึงพาเจ้า บรูโน่ ขึ้นไปแอบในห้องนอนบนชั้น 2 และ โทรแจ้งตำรวจโดยตำรวจบอกว่าจะมาถึงภายใน 10 นาที หลังจากวางสาย เธอก็ได้ยินเสียงหน้าต่างบนชั้น 2 แตก ซึ่งเจ้าพวกนั้น คงจะขึ้นมาทางระเบียง ตอนนั่นเองจู่ๆ บรูโน่ก็หันไปหา โจลี่ แล้วพูดกับเธอทันทีว่า....

บรูโน่: อย่าตกใจและกรีดร้องออกมาที่รู้ว่าผมพูดภาษาคุณได้ เพราะสิ่งที่น่าตกใจกว่าคือ ไอ้ 3 คนข้างนอกนั่น ผมอยากให้คุณแม่รออยู่เงียบๆตรงนี้ แล้วผมจะกลับมาอธิบายทุกอย่าง...

แล้ว บรูโน่ ก็วิ่งออกประตูไปทันที ปล่อยให้ โจลี่ นั่งตาค้างพูดอะไรไม่ออกอยู่แบบนั้น ทั้งกลัวผู้ที่บุกรุกเข้าบ้าน แถมยังต้องมาตกใจสุนัขพูดได้อีก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องห่วง เพราะเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นคือ ผู้บุกรุกทั้ง 3 คนที่เข้ามาในบ้านของเธอตอนนี้ หลังจากที่เจ้า บรูโน่ วิ่งออกไป ก็เกิดเสียงดั่งสั่นบ้าน เสียงข้าวของเครื่องใช้ เสียงคนร้องด้วยความเจ็บปวด และ เสียงขู่คำรามของเจ้า บรูโน่ สักพักเสียงพวกนั้นก็เงียบไป โจลี่ จึงค่อยๆลุกอกไปดู ก่อนที่ บรูโน่ จะวิ่งสวนขึ้นมาด้วยสภาพที่เลือดเต็มตัว......

บรูโน่: รีบออกไปจากที่นี่เร็วเขา พอจะรู้จักที่ไหนที่พอไปได้บ้าง ??

โจลี่ ยังคงยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก บรูโน่ จึงต้องใช้เสียงให้ดังขึ้นเพื่อเรียกสติของเธอกลับมา ก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินไป....

บรูโน่: คุณแม่ !! ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอึ้งอะไรทั้งนั้น รีบพาเราออกไปจากที่นี่กันก่อนเร็วเข้า ป่านนี้คนข้างบ้านคงโทรแจ้งตำรวจกันแล้ว!!!

เมื่อสติของ โจลี่ กลับมาเธอก็รีบพา บรูโน่ วิ่งลงมาจากชั้น 2 ซึ่งภายในบ้านตอนนี้ ของกระจัดกระจายไปทั้วบ้าน พร้อมศพของ ผู้บุกรุกทั้ง 3 คนที่นอนจมกองเลือดโยมีแผลขนาดใหญ่อยู่ที่คอ บางคนก็ คอขาด!! เธอรีบกระโดดขึ้นรถยนต์ของเธอ พร้อมกับเจ้า บรูโน่ และบึ่งรถออกจากบ้านทันที.....

ขับกันมาได้สักระยะ โจลี่ ก็ค่อยๆดีขึ้นจากอาการตื่นตระหนก และ หวาดกลัว เธอก็หันไปหาเจ้า บรูโน่...

โจลี่: มันอะไรกันเนี่ย บรูโน่ เธอพูดได้ยังไง!?

บรูโน่: ผมหนีออกมาจากการทดลอง โธมัส ช่วยผมเอาไว้

โจลี่: การทดลองหรอ การทดลองอะไร??

บรูโน่: การทดลองสร้างสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็น อาวุธ พวกมันต้องการให้สัตว์มีความคิดเช่นมนุษย์ เพื่อใช่เป็นกองกำลังนักฆ่า 4 ขา

โจลี่: มีการทดลองแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย

บรูโน่: มันเป็นการทดลองลับของรัฐบาล

โจลี่: พวก ฟอจ รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่า??

บรูโน่: "ฟอจ" หรอ ใครกันละนั่น...?

โจลี่: กอทัพที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกไง เออ ชั่งมันเถอะ แต่ว่า เรื่องจริงหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย

บรูโน่: หยุดตกใจ แล้วตั้งใจขับรถดีๆก่อนเจ๊...!!

โจลี่: แล้วเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้น นั่นใช่เลือดเธอรึเปล่า ??

บรูโน่: นี่เจ๊ ระดับผมแล้วไม่ต้องห่วง เลือดที่ตัวผมนะของไอ้ 3 คนนั่นทั้งนั้น

โจลี่: แล้วนี่เราจะไปไหนกันเนี่ย!?

บรูโน่: อ้าว!! ออกมาโดยที่ไม่รู้จะไปไหนเนี่ยนะ ?

โจลี่: ก็เธอให้แม่ขับรถออกมาไม่ใช่รึไง

บรูโน่: หาที่คนเยอะๆแล้วจอดเลย

โจลี่: แล้วไอ้ 3 คนเมื่อกี๊ละ พวกเดียวกับที่ทดลองเธอใช่ไหม ?

บรูโน่: ใช่แล้ว เจ้าพวกนั้นแหระ

โจลี่: มันรู้จักบ้านฉันได้ไงกัน!?

บรูโน่: มันไม่ได้รู้จักบ้านเจ๊หรอก มันแค่บังเอิญเจอมากกว่า ผมคิดว่ามันต้องไล่บ้านมาทีละหลังแน่ๆ

โจลี่: แย่แน่ๆแบบนี้

บรูโน่: จอดข้างหน้าเนี่ย

โจลี่: เอาไงต่อละทีนี่

บรูโน่: โทรไปบอกโธมัสซิ

แล้ว โจลี่ ก็โทรหาโธมัส ตามที่เจ้าบรูโน่บอก เพราะตอนนี้เธอยังคงทำอะไรไม่ถูก และ ตกใจมากๆ พวกเขาตอนนี้ไม่สามารถที่จะกลับไปที่บ้านได้ เมื่อโธมัสรับสาย บรูโน่ ก็บอกตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้ไป และให้โธมัส มาหาเขาทันที

ตัดมาทางสถานการณ์ที่บ้านของ โธมัส ขณะนี้ตำรวจได้มาถึงที่เกิดเหตุ หลังจากมีคนโทรแจ้งเพราะได้ยินเสียงปืน และ เสียงโวบวายมาจากบ้านเขา ตำรวจได้พบกับศพผู้ชายทั้ง 3 คนแล้ว แต่ขณะที่ตำรวจกำลังค้นบ้านอยู่นั่นเอง ไมเคิล โคล์ ก็ได้มายังที่เกิดเหตุทันที และ เขาได้ไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปจากที่เกิดเหตุทันที โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ทุกคนว่า "เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล" และก็ได้ให้คนที่เขาพามาด้วยเข้าไปสืบค้นที่เหตุซะเอง แล้วเขาก็พบเข้ากับภาพของชายคนหนึ่งในเครื่องแบบทหาร ซึ่งเป็นภาพที่ค่อนข้างเก่า เขาจึงสั่งให้ลูกน้องของเขาที่มาด้วยไปสืบหาประวัติของชายในชุดทหารคนนี้ทันที และ ศพของผู้ชาย 3 คนนี้ ไมเคิล ก็มันใจว่าต้องเป็นฝีมือของสัตว์แน่นอน เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนโจมตีศัตรูได้เละขนาดนี้ด้วยเวลาไม่ถึง 2 นาที ซึ่งเขารู้ข้อมูลจากเพื่อนบ้านที่แจ้งความว่าเกิดคนร้องเสียงดังขึ้นมาก่อนจะเงียบไปภายในเวลาไม่นาน และ อีกสิ่งสำคัญที่ ไมเคิล พบก็คือ ภาพถ่ายของเด็กหนุ่มกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง และ จุดเริ่มต้นตรงนี้เอง ที่จะนำพาชีวิตของเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่ทำงานส่งพิซซ่าต้องเข้าไปพัวพันกับองค์กรลับนอกกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และ สงครามที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้.........

ในเวลาเดียวภายในตัวเมืองที่ โจลี่ ได้นำรถของเธอมาจอดไว้เพื่อรอ โธมัส ซึ่งไม่นานเขาก็มาถึงโดยการขอลางาน.....

โธมัส: อะไรนะ!! แย่แน่ๆเลยแบบนี้

โจลี่: มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว

บรูโน่: รู้สึกผิดเป็นบ้าเลย เพราะฉันที่ทำให้พวกนายต้องมาลำบากแบบนี้

โจลี่: ไม่ใช่ความผิดของเธอ บรูโน่ ไอ้พวกเลวนั่นต่างหาก ที่ใช้เพื่อนร่วมโลกของเราที่ไร้เดียงสาไปทำเรื่องบ้าๆแบบนั้น

โธมัส: ถ้าเราแจ้งความละ ??

บรูโน่: ไม่ได้หรอกเพื่อน นายลืมไปแล้วหรอ ว่ารัฐบาลมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้

โธมัส: งั้น ฟอจ ละ กองทัพที่ใหญ่ที่สุดที่เจ้าพวกนั้นกลัวไง ?

โจลี่: นั่นก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่

โธมัส: ทำไมละ ?

โจลี่: เพราะไม่มีประชาชนคนไหนเข้าหา ฟอจ ได้ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม การแจ้งความ หรือ การขอความช่วยเหลือ ต้องขอจากรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีทางที่จะพุ่งตรงเขาหา ฟอจ ได้...

โธมัส: อะไรกันวะเนี่ย !!!

บรูโน่: และที่สำคัญ องค์กรนี้ ไม่ได้กลัว ฟอจ เลยซักนิด พวกมันกำลังสร้างกองทัพของพวกมันให้ยิ่งใหญ่เหนือกองทัพ ฟอจ โดยการร่วมมือกับรัฐบาล

โธมัส: เพื่ออะไร ??

บรูโน่: เพื่อยึดโลกนี้ เพื่อเป็นเจ้าของโลกนี้

โธมัส: โอ้วว เวรเอ้ยย!!

โจลี่: เธอรู้ได้ยังไง ?

บรูโน่: พวกมันเคยคุยเรื่องนี้กันในห้องแลป ตอนที่กำลังจะทดลองฉันเป็นตัวต่อไป

โธมัส: บ้าเอ้ย เราเข้าหา ฟอจ ไม่ได้จริงๆหรอเนี่ย!!

บรูโน่: ก็ใช่ไง ไม่งั้นฉันคงไปบอกตั้งนานแล้วละ

โจลี่: เอาไงกันต่อดีละ ?

บรูโน่: เฮ้ ฉันต้องขอโทษพวกนายจริงๆนะ

โธมัส: ไม่เอาน่า บรูโน่ พวกเราไม่โทษนายหรอก และจะไม่ทิ้งนายด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงเราก็จะช่วยเพื่อนร่วมโลก....

บรูโน่: โอ้ว้าว นายกำลังจะทำให้ฉันน้ำตาไหลแล้วนะเพื่อน ซึ่งใจ แต่ตอนนี้เราจะไปไหนกันดีละ

โธมัส: ไปอยู่บ้านเพื่อนผมก่อนละกัน......

เวลา 22:00 PM ณ บ้านของ แอปบี้ เพื่อนสาวจากที่ทำงานของ โธมัส และ เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนอีกด้วย ซึ่งเขาได้พาแม่ กับ บรูโน่ มาพักที่นี่ก่อน ระหว่างคิดหาทางออกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยแอปบี้ ก็ยินดีที่จะให้ที่พักแด่พวกเขา เนื่องจากรู้จักกับครอบครัว คาร์สัน มานานนั่นเอง โดยแอปบี้นั้น เธออาศัยอยู่คนเดียวในตัวเมือง โธมัส ได้แต่งเรื่องขึ้นมาบอกแอปบี้ว่า บ้านของเขาตอนนี้ยังไม่สามารถอยู่ได้ชั่วคราว เนื่องจากท่อประปาแตก ทำให้พื้นที่ภายในบ้านเต็มไปด้วยน้ำ จึงขอพักที่นี่ซัก 2 - 3 วัน ซึ่งเขาได้อาบน้ำเจ้าบรูโน่เพื่อล้างเลือดก่อนจะมาที่นี่แล้ว....

แอปบี้: ท่อประปาแตกหรอ ?

โธมัส: ใช่ๆ ท่อประปาในครัวนะ ช่างบอกว่าคงต้องใช้เวลาซ้อมนานพอสมควร เลยจะขอพักที่นี่ชั่วคราวน่ะ

แอปบี้: อ้อ โอเค ได้สิ งั้น คุณโจลี่นอนที่ห้องหนูก็ได้ ส่วนโธมัส กับ เจ้าตูบก็นอนบนโซฟาห้องนั่งเล่น

โจลี่: ต้องขอโทษที่รบกวนจริงๆนะแอปบี้

แอปบี้: ไม่เป็นไรหรอกคุณโจลี่ พวกเราทุกวันนี้ก็แทบจะเหมือนครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว

โธมัส: วันนี้เธอไม่ทำงานหรอ ?

แอปบี้: ฉันลืมดูน้ำมันรถนะสิ มันหมดตอนที่ฉันกำลังจะถอยออกจากบ้านพอดีเลย แถมตอนนั้นก็สายแล้วด้วย เลยโทรไปลางาน

โจลี่: จริงสิ แอปบี้ มีคนมาเคาะประตูบ้านเธอรึเปล่า กลุ่มผู้ชายอะ ?

แอปบี้: อื้มม เมื่อ 2 วันก่อนมีผู้ชายแปลกๆ 3 - 4 คนมาเคาะประตูบ้าน แลเวถามหาหมาตัวหนึ่ง ก่อนจะออกไป ลักษณะหมาพวกนั้นบอก เหมือนตัวที่นายเลี้ยงเลย...

โธมัส: ฮ่าฮ่าฮ่า ตัวนี้ฉันเลี้ยงมาสักพักแล้วละ

แอปบี้: เซนต์เบอร์นาร์ด ไม่ได้มีตัวเดียวในโลกสักหน่อยนิเนอะ แล้วถามถึงพวกนั้นทำไมหรอ ?

โธมัส: เปล่า ไม่มีอะไร คือ.... มันก็มาถามที่บ้านฉันเหมือนกันนะ เลยอยากรู้ว่าบ้านเธอจะมีรึเปล่า

แอปบี้: โอเค งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปทำที่นอนให้คุณ โจลี่ ก่อนละกันนะ เฮ้ อย่าให้เจ้าตูบนี่อึบนโซฟาฉันละ

โจลี่: เอาไงต่อดีละ เธออาจจะเดือดร้อนไปด้วยก็ได้นะแบบนี้

โธมัส: ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่างน้อยบ้านนี้ คนพวกนั้นก็เคยผ่านมาถามแล้ว

บรูโน่: รู้ไหมมันอึดอัดเป็นบ้าเลยเวลาเห็นพวกนายคุยกัน แล้วฉันต้องเงียบเนี่ย

โจลี่: แล้วเราต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน ?

โธมัส: จนกว่าจะมีทางออก

หลังจากนั้นทุกคนก็เข้านอนกันตามที่ แอปบี้ บอกไว้ คุณโจลี่ นอนบนชั้น 2 กับแอปบี้ ส่วนโธมัส นอนในห้องนั่งเล่นกับบรูโน่ แล้วค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปอย่างปกติจนกระทั่ง เวลา 7 โมงเช้า โจลี่ ได้ตื่นและเดินลงมาข้างล่าง แต่สิ่งที่เธอพบกับเป็นเพียงห้องนั่งเล่นเปล่าๆ ไม่มีโธมัส ไม่มีบรูโน่ ตอนนั้นเธอตกใจมาก เธอออกตามหารอบบ้านแต่ก็ไม่เจอ จนขึ้นไปหาแอปบี้ที่ห้อง แล้วแอปบี้ก็เล่าความจริงให้เธอฟังว่า......

"จริงๆแล้ว โธมัส ได้แอบคุยกับ แอปบี้ ก่อนจะเข้านอนแล้วว่าเขาต้องการฝากแม่ของเขาให้ แอปบี้ ช่วยดูแลให้หน่อย เพราะเขาต้องออกไปจัดการกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เรื่องราวที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง โดยโธมัส ต้องเล่าความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แอปบี้ได้รับรู้ และยังบอกอีกว่า ถ้าหากเขากับเจ้าบรูโน่อยู่ที่นี่ต่อไป ทั้งแม่ และ แอปบี้ อาจมีอันตรายได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น และ หนีออกไปกลางดึก โดยเขาได้ให้สัญญาไว้ว่าเขาจะกลับมาและรับแม่ไปอยู่บ้านเหมือนที่ผ่านมา"

นั่นทำให้ โจลี่ ผู้เป็นแม่ต้องร้องไห้ออกมา และ พยายามจะออกไปตามหา โธมัส แต่แอปบี้ก็ห้ามเอาไว้เพราะโธมัส ได้ฝากคุณโจลี่ ไว้กับเธอแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางปล่อยโจลี่ออกไปเด็ดขาด...

โจลี่: ทำไมเขาไม่บอกฉัน เธอปล่อยให้เขาไปทำไม !?!?

แอปบี้: โธมัส ลูกชายแม่ต้องจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แม่ต้องไว้ใจเขา คนอยากโธมัส ไม่มีทางเป็นอะไรง่ายๆ

โจลี่: ทำไมละ ทำไมเธอถึงมั่นใจขนาดนี้

แอปบี้: ไม่ว่าจะที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน คนที่คอยแก้ปัญหาให้เพื่อน และ คอยช่วยเหลือเพื่อนๆก็คือ โธมัส และเขาก็สามารถทำได้ทุกครั้ง

โจลี่: แต่นี่มันไม่เหมือนกัน เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่!!!

แอปบี้: ไม่ต้องห่วงคุณโจลี่ หนูมีคนที่พอจะช่วยเขาได้ เพิ่งจะบอกที่อยู่ของคนๆนั้นให้เขาไป..

โจลี่: หนูให้เขาไปหาใคร ??

แอปบี้: หนูบอกให้เขาไปหา "วินเซนต์ ดิลสตันร์"

เวลา 10:40 AM ณ ศูนย์วิจัยลับขององค์กร Bloody Army องค์กรที่ได้ชื่อว่าเป็นองค์กรนอกกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไมเคิล โคล์ ผู่นำรัฐบาลได้เดินทางมาที่นี่เพื่อต้องการพูดคุยกับ เชสเตอร์ กานเนอร์ ผู้นำ Bloody Army โดย ไมเคิล ได้เรียกรวมตัวผู้นำทั้ง 5 ของที่นี่ เพื่อพูดถึงสิ่งที่เขาไปเจอมาเมื่อคืน.......

เชสเตอร์: ได้ความคืบหน้าอะไรงั้นหรอ ถึงได้เรียกทุกคนมาแบบนี้ ?

แจ็คกี้: ขอให้มันเป็นข่าวดีก็แล้วกัน

ไมเคิล: บ้านหลังหนึ่งนอกตัว มีศพคนของพวกนายนอนตายอยู่ สภาพศพ คอขาด!!

ฟรานซิส: โว่วว จริงหรอ ฝีมือใคร ?

ไมเคิล: เปอร์เซ็นต์ ที่จะเป็นไอ้หมาเวรนั่นมีสูงมาก เพราะคนๆหนึ่งจะจัดการผู้ชายถึง 3 คนให้เละแบบนั้นด้วยเวลาอันสั้นมันเป็นไปไม่ได้ นอกจากฝีมือของสัตว์ที่ใช้เขี้ยว และ กรงเล็บ เป็นอาวุธ

ดักลาส: คิดว่าจะใช่พวก "เดทธ์ อีทเทอร์" รึเปล่า เพราะอย่างน้อยถ้าเป็นพวกมันก็สามารถที่จะทำแบบนั้นได้สบายๆ ??

เชสเตอร์: วิญญาณไอ้ 3 คนนั่นสกปรกเกินไป พวก "เดทธ์ อีทเทอร์" ไม่มีทางต้องการหรอก

ดักลาส: งั้นก็ฝีมือ เซนต์เบอร์นาร์ด ตัวนั้น

เชสเตอร์: นายจะจัดการเรื่องนี้ยังไงละ ?

ไมเคิล: หากเจอไอ้พวกบ้านั่น ฉันขอสั่งให้จับเป็น แต่ถ้าทำแบบนั้นไม่ได้ ก็จับตายแม่งทั้งคน ทั้งหมานั้นซะ !!!!

ในเวลาเดียว นอกตัวเมือง แอสเตอร์ กับรถกระบะคู่ใจของโธมัส และ บรูโน่ ที่กำลังไปตามทางที่ แอปบี้ ได้บอกไว้ เพื่อไปที่บ้านของคุณ วินเซนต์ ดิลสตันร์ ซึ่งโจลี่บอกว่าคนๆนี้สามารถช่วย โธมัส กับ บรูโน่ ได้นั่นเอง....

บรูโน่: นายหลงทางอยู่ใช่ไหม ?

โธมัส: ไม่ ฉันจำทางที่แอปบี้บอกได้ เพียงแต่เขตนี้มันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ฉันส่งพิซซ่า ฉันเลยไม่ค่อยคุ้น

บรูโน่: แต่ฉันจำได้ เพราะว่านายขับผ่านต้นไม้บ้านั่นมา 3 รอบแล้ว และนี่คือรอบที่ 4

โธมัส: บ้าเอ้ยย!! ฉันว่าเราหาไม่เจอแน่เลย

บรูโน่: เธอบอกว่าออกนอกตัวเมือง แอสเตอร์ ประมาณ 5 ไมล์ จะมีป่าสนอยู่ทางซ้ายของเราใช่ไหมละ ?

โธมัส: ใช่ เธอบอกแบบนั้น

บรูโน่: ฉันยังไม่เห็นต้นสนสักต้นเลย เราออกจากเมืองมากี่ไมล์แล้วละเนี่ย

โธมัส: เราอาจเลี้ยววนอยู่กับที่ก็ได้ เราต้องไปต่อจนกว่าจะเจอป่าสน

บรูโน่: นายคิดดีแล้วแน่ใช่ไหม ?

โธมัส: แน่สิ เพราะถ้าเราเลี้ยว เราก็จะวนมาที่เดิม

บรูโน่: ไม่ใช่เรื่องนั้น ฉันหมายถึงเรื่องแม่นาย

โธมัส: เห่ออ ใช่ ฉันคิดดูแล้ว เรื่องนี้ฉันเป็นคนสร้าง ฉันก็จะแก้ไขมัน จะไม่ให้แม่มาเสี่ยงเด็ดขาด

บรูโน่: ฉันต่างหากที่เป็นคนผิด ทำให้พวกนายต้องเดือดร้อน

โธมัส: ไม่ นายแค่ต้องเอาตัวรอด มันเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ดีแล้วที่นายเจอฉัน เพราะะ้าคนที่เจอนายไม่ใช่ฉัน แต่เป็นไอ้พวกบ้านั่น ป่านนี้นายคงกลายเป็นอาวุธสงครามไปแล้ว

บรูโน่: อาวุธสงครามงั้นหรอ

โธมัส: มีอะไรงั้นหรอ ?

บรูโน่: ถ้าไอ้พวกเวรนั่น ต้องการสร้างให้ฉันเป็นอาวุธสงคราม ฉันก็จะเป็นอาวุธสงครามที่หวนกลับไปฆ่าพวกมัน และ เราก็ต้องมีพรรคพวกที่มีอาวุธสงครามด้วย..

โธมัส: ก็นั่นแหระ ปัญหา ฉันเป็นแค่คนส่งพิซซ่า จะมีเพื่อนแบบนั้นได้ไงกัน

บรูโน่: แล้วไอ้คนที่ชื่อ วินเซนต์ เนี่ย จะช่วยเราแบบไหนกัน ทำไมเพื่อนนายถึงต้องแนะนำให้เรามา

โธมัส: ฉันคิดว่า เมื่อเราไปถึงก็จะรู้เองแหระ

บรูโน่: เหมือนฉันจะเห็นต้นสนแล้วนะ

และแล้วตอนนี้ พวกเขาทั้ง 2 ก็มองเห็นต้นสนที่ แอปบี้ เคยบอกไว้ โดยตรงกลางระหว่างต้นสนมีถนนเล็กๆที่พอให้รถคันหนึ่งขับเข้าไปได้ แต่ไม่พอสำหรับการสวนทางกัน...

บรูโน่: ฉันว่าแล้วว่าเราต้องเลยมาอีกนิดนึง นายพาฉันไปวนเล่นตรงนั้นทำไมไม่ทราบ

โธมัส: ฉันคำนวนผิดไปนิดหน่อยนะ

บรูโน่: นั่นไงซอย เลี้ยวเข้าไปเลย..

แล้วทั้งคู่ก็เลี้ยวเข้าไปในซอยดังกล่าว ทั้ง 2 ฝั่งข้างทางเต็มไปด้วยต้นสนเต็มไปหมด และไม่มีบ้านใครสักหลังเลย พวกเขาขับรถเข้ามาลึกพอสมควร ก่อนที่จะเจอเข้ากับ ประตูรั้ว ขนาดใหญ่ที่มีกำแพงสูงอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งคู่เริ่มรู้สึกงงขึ้นมาทันที เพราะสถานที่แบบนี้ มันไม่น่าจะใช่ที่พักอาศัยแน่ๆ....

บรูโน่: มันอะไรวะเนี่ย ป้อมปราการรึไง บนกำแพงนั่นมีลำโพง กับ กล้องวงจรปิดด้วย

โธมัส: คิดว่าข้างในจะรู้ไหมว่าเรามา ?

บรูโน่: คิดว่ารู้นะ ถ้าจะให้ชัวร์ นายลองกดแตรสักทีดูสิ

แล้ว โธมัส ก็บีบแตรไป 1 ครั้ง ตามที่ บรูโน่ บอกแล้วจู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงดังออกมาจากลำโพงบนกำแพง โดยเสียงนั่นได้สั่งให้พวกเขาลงจากรถ เมื่อทั้งคู่ลงมา ก็มีแสงสีฟ้าส่องลงมาจากบนรั้วมาที่รถของพวกเขา รวมถึงตัวพวกเขาเองด้วย ซึ่งแสงนั่นคือ การสแกนหาอาวุธนั่นเอง เมื่อเสร็จเรียบร้อย เสียงจากลำโพงนั้นก็ถามเขาถึงเหตุผลที่มาที่นี่.....

เสียงหญิงสาว: พวกคุณรู้ที่ตั้งของสถานที่นี้ได้อย่างไร และ มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร ??

โธมัส: เอิ่มคือ....ตอนนี้ผมต้องการความช่วยเหลือ เพื่อนผมคนนึงเธอได้บอกทางมาที่นี่แก่ผมเธอบอกว่าคนที่ชื่อ วินเซนต์ สามารถช่วยผมได้...

เสียงหญิงสาว: เพื่อนเจ้ามีนามว่าอะไร ?

โธมัส: เธอชื่อ แอปบี้ คาล์เร็บ

สิ้นเสียงของ โธมัส ประตูรั้วก็ค่อยๆเปิดออก ทั้งคู่จึงรีบขึ้นรถ และ ขับเข้าไปข้างในก่อนที่ประตูรั้วจะปิดลงอย่างสนิท พวกเขายังต้องขับรถผ่านป่าสนเข้าไปอีกสักพัก กว่าจะมาถึง คฤหาสน์ หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ตรงกลางป่าสน มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนรอต้อนรับพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเขานำรถเข้าไปจอดยังที่ที่หญิงสาวคนนั้นเตรียมไว้ หญิงสาวก็ได้พาทั้ง 2 คนเข้าไปใน คฤหาสน์ ทันที

โธมัส: ขอโทษนะครับ คุณผู้หญิง ที่นี่คืออะไร แล้งพวกคุณเป็นใคร ?

หญิงสาว: เสียงที่คุณได้ยินหน้าประตูนั่น คือเสียงของฉันเองค่ะ ฉันชื่อ เอ็มม่า วิลล์ เป็นเลขาส่วนตัวของคุณ วินเซนต์

โธมัส: แล้วสถานที่แห่งนี้ละ มันคืออะไร แล้วแอปบี้ เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณ ?

เอ็มม่า: รอฟังเรื่องนี้จากคุณ วินเซนต์ เองเลยจะดีกว่านะ

เอ็มม่า พาทั้งคู่ขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสุด ซึ่งภายใน คฤหาสน์ หลังนี้ แถบจะไม่มีคนเลย ที่รู้ๆตอนนี้ก็มีเพียงแค่ เอ็มม่า และ วินเซนต์ เท่านั้น เมื่อพวกเขาขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ก็ตรงเข้าไปยังประตูตรงสุดทางเดิน เอ็มม่า เคาะประตูก่อนที่จะมีเสียงจากข้างในเชิญให้เข้าไป เมื่อประตูเปิดออก ก็พบว่าภายในมีผู้ชายคนอายุประมาณ 60 ปีแต่ร่างกายยังคงแข็งแรงอยู่ เมื่อพวกโธมัสเข้าไปในห้อง คุณลุงคนนั้นก็เอ่ยปากทักทายโธมัสทันที......

วินเซนต์: สวัสดี โธมัส โตมาแล้วหน้าตาเหมือนพ่อจริงๆเลยนะ !!

" To Be Continue "

Episode. III

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!