欢 惠明 - สิทธิ์สุดท้ายของนางบำเรอ
ฮุ่ยหมิงเกิดในตระกูลชาวนา เมื่อตอนที่เขายังเล็กแม่ของเขาเสียด้วยโรคชนิดหนึ่งยังหาสาเหตุไม่ได้ ทำให้หน้าที่หลักในการหาเลี้ยงครอบครัวจึงตกเป็นหน้าที่ของพ่อเป็นหลัก แต่ถึงกระนั้นแม้ตัวเขาจะเหลือเพียงบิดาที่เป็นที่พึ่ง ฮุ่ยหมิงก็ไม่เคยคิดที่ย่อท้อ เมื่อฮุ่ยหมิงอายุได้ 16 ปีเขาก็เริ่มทำงานหาเลี้ยงชีพเพื่อที่จะได้แบ่งเบาภาระของผู้เป็นพ่อ ฮุ่ยหมิงได้ตัดสินใจที่จะลองปลูกผักขาย ในตอนแรกผักของเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่าผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศต่างก็แห่มาอุดหนุนเขากันทั้งนั้น
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อจู่ๆวันหนึ่ง วันที่เขาตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อที่จะมาเก็บผักขายเหมือนในทุกๆวัน แปลงผักของเขาถูกเผาและถูกถางทำลายไปเสียหมด เหลือไว้แค่เพียงเศษซากผักชิ้นเล็กชิ้นน้อยเอาไว้ดูต่างหน้าเพียงเท่านั้น ฮุ่ยหมิงในวัย 16 ปีเสียใจมาก ฮุ่ยหมิงพยายามหาต้นตอของสาเหตุจนเขาได้รู้ความจริงว่าคนที่ลงมือก่อเหตุนั้นเป็นกลุ่มบุคคลชั้นสูงอย่างพวกอัลฟ่า เพียงแค่รู้เท่านั้นความหวังที่จะจับคนร้ายก็ริบหรี่มากขึ้น เพราะคนที่เป็นโอเมก้าอย่างเขารึอาจจะไปต่อกรกับคนชั้นสูงอย่างพวกอัลฟ่าได้ เขาได้แต่ต้องทำใจยอมรับมันและหาลู่ทางใหม่ เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำเป็นอาชีพเพื่อที่จะนำเงินมาจุนเจือครอบครัวแท้ๆแต่ทุกอย่างต้องมาพังทลายลงเพียงความอิจฉาจากคนที่มีอำนาจเหนือกว่า
กาลเวลาร่วงเลยผ่านฮุ่ยหมิงในวัย 20 ปี ได้เติบโตเป็นหนุ่มวัยแรกแย้ม แม้สถานะครอบครัวของเขาในตอนนี้จะไม่ต่างกับเมื่อก่อนเสียมากแต่เขาก็เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ในวันนี้โอเมก้าหนุ่มออกจากบ้านเดินทางมาที่เถี่ยนโจว เมืองใหญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจริญรุ่งเรืองเพื่อนำข้าวปลูกมาส่งยังโรงสีข้าว ในการเดินทางฮุ่ยหมิงไม่ลืมที่จะหยิบสมุนไพรตี่ต้าง\*ติดตัวมา เนื่องจากในปีนี้ตัวเขาอายุเข้า 20 ฟีโรโมนในร่างกายจะออกมามากกว่าปกติเขาจึงต้องคอยกินสมุนไพรเพื่อยับยั้งฟีโรโมนที่จะปล่อยออกมา
ในที่สุดฮุ่ยหมิงก็เดินทามางถึงเถี่ยนโจว นั่งเรือจากเมืองบ้านเกิดใช้เวลาร่วมชั่วโมง จัดการจ่ายค่าโดยสารเสร็จสรรพก่อนจะนำกระสอบข้าวขึ้นรถเข็นเช่าแล้วเข็นนำไปส่งยังโรงสีข้าว
“อ่ะ นี่ของเจ้า”
ฮุ่ยหมิงรับถุงเงินมาเอาไว้ในมือก่อนจะเปิดมันเพื่อตรวจสอบ เขาค่อยๆนับเงินทีละเหรียญ
“หนึ่ง สอง…สาม”
ทำไมถึงมีแค่ 3 ตำลึงเองล่ะ ฮุ่ยหมิงค้นในถุงเงินอีกครั้งดูว่ายังคงมีเหลืออีกหรือไม่พอลองมองหาดูดีๆก็ไม่พบ
“อาโป ทำไมรอบนี้ถึงได้แค่สามตำลึงล่ะ คราวที่แล้วข้าได้ตั้งห้าตำลึงเชียว”
“คนอื่นมันก็ได้ไม่ต่างจากเจ้านักหรอก เผลอๆได้น้อยกว่าเจ้าเสียด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่างตั้งแต่ช่วงที่ฮ่องเต้คนใหม่ขึ้นปกครอง อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปหมด เจ้าจะมาว่าข้าคนเดียวมิได้หรอก”
จบคำพูดของอาโปฮุ่ยหมิงไม่สามารถทักท้วงอะไรได้นอกจากต้องรับเงินเพียงแค่ 3 ตำลึงลงถุงเงินดังเดิม ตัวเขาเดินทอดน่องผ่านตัวตลาดสดผู้คนเดินกันให้ขวักไขว่ ฮุ่ยหมิงเดินหลบคนนั้นทีชนคนนี้ทีด้วยสภาพที่ราวกับคนอาลัยตายอยาก มือน้อยๆของเขาจับถุงเงินที่ด้านในมีเพียงแค่ 3 ตำลึง เงินจำนวนเพียงเท่านี้ยังน้อยกว่าค่าเรือกับค่ารถเข็นเช่าเสียอีก
“โอ๊ย”
ความเจ็บแล่นขึ้นจนตัวงอราวกับกุ้ง ฮุ่ยจับไปที่เอวพลางนวดคลึงดูเหมือนว่าตัวเขาจะไปกระแทกกับอะไรบางอย่าง เสียงจ้อกแจ้กจอแจจากกลุ่มบุคคลที่อยู่ไม่ไกลประชาชนหลากหลายชนชั้นพากันมุงดูอะไรบางอย่าง ฮุ่ยหมิงมีความสงสัยอาศัยด้วยความตัวเล็กค่อยๆลัดเลาะแทรกเข้าด้านใน ป้ายประกาศที่เต็มไปด้วยกระดาษหลากหลายดูเหมือนไม่มีอะไร สายตาพลันหยุดไปที่กระดาษใบหนึ่งเขียนหัวกระดาษด้วยตัวหนังสือจีนตัวใหญ่
‘รับสมัครนางบำเรอรับใช้ฮ่องเต้ ได้ทั้งอัลฟ่า เบต้าและโอเมก้า’
ดวงตาเล็กตื่นโตทันทีเหมือนว่าป้ายประกาศนี้จะน่าสนใจเป็นอย่างมาก ฮุ่ยหมิงจัดการไล่อ่านรายละเอียดดูเหมือนว่าผู้ที่ต้องการจะสมัครจะต้องเขียนชื่อประวัติของตนส่งเข้าวังหลวงและรอจดหมายตอบกลับถึงเข้าร่วมการทดสอบเพื่อเป็นนางบำเรอได้
หากนึกย้อนอีกทีหากพ่อรู้เรื่องนี้จะยอมรับหรือป่าวนะ
แต่มันก็ไม่มีเวลาให้นั่งคิดมากแล้ว ในเมื่อโอกาสที่เขาจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวมายื่นให้ตรงหน้าเขาก็ต้องรับไว้ไม่ให้มันหลุดเสีย ถึงแม้จะเป็นแค่นางบำเรอหากผู้เป็นพ่อได้อยู่กินสบายแค่นั้นมันก็เพียงต่อเขาแล้ว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 28
Comments