พริมโรสลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยล้า เมื่อนึกถึงเรื่องหลังจากถูกอาการฮีทเล่นงาน ใบหน้าสวยก็ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาในทันที ในบรรดาพระเอกทั้งห้า ลีกซ์แทบจะเป็นลูกรักของหล่อนและนักอ่านเลยด้วยซ้ำ เขาอ่อนโยนแต่ก็เต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ที่ชวนให้หลงรัก
หญิงสาวผุดลุกขึ้นจากเตียง เสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นตัวใหม่สะท้อนผ่านกระจกเงาตรงข้ามปลายเตียง ทั้งร่างกายยังปราศจากความรู้สึกเหนอะหนะ บ่งบอกว่าร่างกายของหล่อนถูกทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ ปากบางสวยเผลอยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ลีกซ์น่ารักเกินไปแล้ว
"หายฮีทแล้วเหรอ?"เสียงดุดันของใครบางคนทำให้พริมโรสหลุดจากภวังค์ ร่างกำยำของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
นัยน์ตาสีอำพันกับผิวเข้มทำให้หญิงสาวรับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคือเซควิลท์ หากแต่วันนี้น้ำเสียงและแววตาของเขาช่างเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ราวกับว่าชายตัวโตตรงหน้าเพิ่งผ่านเรื่องไม่สบอารมณ์มา เขาดูพร้อมจะฉีกร่างหล่อนเป็นชิ้นๆเสียด้วยซ้ำ
"ยัยผู้หญิงขี้โกหก ไหนบอกว่าจะเป็นของฉันแค่คนเดียว"มือใหญ่บรรจงลูบบนริมฝีปากบาง ขณะที่ดวงตาสีอำพันจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้นของหญิงสาว คำพูดตัดพ้อชวนให้งุนงงถูกเอ่ยออกมาจากชายตรงหน้า พริมโรสไม่เข้าใจในทุกการกระทำของเขาเลยสักนิด
"ขอโทษนะ ฉันจำไม่ได้ว่าเคยชอบนาย อีกอย่าง ตอนนี้ฉันตกลงคบกับลีกซ์ไปแล้ว เราไม่ควรอยู่กันตามลำพังแบบนี้นะ"หญิงสาวเรียบเรียงคำพูดตัดบทที่คิดว่าดีที่สุดขึ้นมาเพื่อหลบเลี่ยงสายตาน่ากลัวของอีกฝ่าย หากแต่เปล่าประโยชน์เพราะนั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของเซควิลท์คุกรุ่นยิ่งกว่าเดิม มือใหญ่ของเขาทุบลงบนโต๊ะเครื่องแป้งเสียงดังสนั่น กายบางถูกกักเอาไว้ในอ้อมแขนกำยำ ดวงตาสีอำพันวาวโรจน์ ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เป็นความสับสน ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาทำเพียงแค่จ้องผู้หญิงที่เคยดื่มจนเมาและเอาแต่พร่ำเพ้อบอกรักเขาซ้ำๆไม่ต่างจากโปรแกรมอัดเสียง คนที่เคยเว้าวอนขอความรักจากเขา คนที่คอยส่งจดหมายไปหาเขาที่ศูนย์ฝึกในยามต้องเก็บตัวสำหรับภารกิจสำคัญ แววตาที่เต็มไปด้วยความรักและเทิดทูนหายไปหมดแล้ว ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าราวกับคนความจำเสื่อม จู่ๆหัวใจที่เคยหนักแน่นก็สั่นระรัว ความรู้สึกหวีดหวิวคล้ายจะเป็นลมแล่นเข้ามาแทนที่ ใบหน้าหล่อของเขาเคลื่อนเข้าใกล้ดวงหน้าสวยมากขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสนิ่มหยุ่นจากริมฝีปากสีชมพูนมทำให้เซควิลท์ที่กำลังสับสนย่ามใจขึ้นมา มือใหญ่ข้างหนึ่งทาบลงบนไหล่เล็กเกาะกุมเอาไว้ไม่ให้หล่อนพริ้วกายหลบหนีพันธนาการแข็งแกร่งของเขาไปได้
ถ้าหากพระเจ้าเป็นใจให้ลูกแกะผู้เคยหลงผิดสักนิด แค่นิดเดียว สักเสี้ยววินาที น่าเสียดายที่ไม่เป็นดังปรารถนา เซควิลท์รับรู้ว่าตนถูกแรงมหาศาลไม่ต่างจากแรงของตนกระชากออกห่างจากหญิงสาวตรงหน้า กว่าจะได้ทันตั้งตัว ร่างของเขาก็กองอยู่กับพื้นเสียแล้ว กลิ่นแซนดัลวูลที่แผ่ออกจากกายของผู้มาใหม่บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจสักเท่าไหร่นัก แต่เขาไม่ได้สนใจนักหรอก ในเมื่อเขามาก่อน และโรสก็รักเขามาก จะหยิบฉวยของของตนคืน ไม่ได้ผิดสักนิด ถ้าเขาคิดจะทำ
"ฉันคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องไปแล้วนะควิลท์"ลีกซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขาเดินข้ามเพื่อนสนิทเข้าไปหาหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นเทาด้วยความเป็นห่วง เขารู้ว่าหล่อนตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ และเขาพลาดเองที่ออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินเพราะไม่อยากให้เหล่าสาวใช้ล่วงรู้เรื่องเมื่อคืน เขาไม่อยากให้คนรักถูกนินทาลับหลัง แต่ไม่คิดว่าเซควิลท์จะถือวิสาสะบุกเข้าหาโรสถึงในห้องนอนอย่างนี้
"ฉันก็แค่เป็นห่วงโรส นายหวงก้างเกินไปแล้วนะลีกซ์ ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าไม่มีวันสมหวังแท้ๆ"คนบนพื้นพยุงกายลุกขึ้น ดวงตาสีอำพันจ้องผ่านเพื่อนสนิทไปหาหญิงสาวในอ้อมอกของอีกฝ่ายแทน ทั้งๆที่ผ่านมาหล่อนพยายามวิ่งเข้าหาเขาตลอด แต่ทำไมในตอนนี้ช่างแตกต่าง การกระทำราวกับไม่ใช่คนเดิมของโรสทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกหน
"ลีกซ์ ฉันหิวแล้ว ไปกินมื้อเช้ากันเถอะ"พริมโรสรีบเอ่ยชวนร่างสูงที่โอบรัดตนเองเอาไว้ กลิ่นฉุนกึกระหว่างแซนดัลวูดกับกระดังงาตีกันจนหล่อนแทบจะคลื่นไส้ ไม่รู้ว่าจะข่มกันจนตายไปข้างหนึ่งหรืออย่างไรกัน?
"เห็นว่าคนไข้ของนายโดนหิ้วออกจากโรงพยาบาล ในเวลาที่นายโดดงานมากกผู้หญิง แบบนี้คงโดนพักงาน... ไม่สิ น่าจะโดนฟ้องแน่ๆ"หญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะอาหารลอบถอนหายใจออกมายาวเหยียดหลังจากที่คนผิวเข้มเปรยขึ้นมา เซควิลท์เป็นตัวละครที่พูดน้อย เขาแทบไม่ปริปากใดๆเลย เว้นแต่เวลาบนเตียงกับยามที่ความหึงหวงเข้าครอบงำ เขากำลังหึงอย่างนั้นเหรอ?
"เห็นว่าคนที่พาตัวออกไปเป็นลูกน้องของจาฟา ป่านนี้เด็กคนนั้นคงนอนอยู่บนเตียงหมอนั่น"คำพูดของลีกซ์ทำให้ดวงตาคู่งามลุกวาว หล่อนลืมไปได้อย่างไรว่าฟลอสจะถูกพาไปที่โรงพยาบาลโดยเซควิลท์ที่เกือบจะขับรถชนนายเอกคนสวย และหมอเจ้าของไข้คือลีกซ์ ทั้งคู่ตกหลุมรักฟลอสตั้งแต่แรกเห็นและช่วยเหลือเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้นให้รอดพ้นสายตาของจาฟา แต่เมื่อคืนลีกซ์อยู่กับหล่อนเพราะอาการฮีทบ้าๆ และเซควิลท์เองก็คงไม่ได้อยู่เฝ้าที่โรงพยาบาล ถ้าสิ่งที่ลีกซ์พูดเป็นความจริงก็เท่ากับว่านิยายเรื่องนี้กำลังบิดเบี้ยวจนเนื้อหาเปลี่ยนไปจากเดิม และหล่อนก็เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
"โรส เป็นอะไรหรือเปล่า?"แรงสะกิดของคนตัวโตข้างกายปลุกให้คนที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดตื่นขึ้นมาจากภวังค์ หญิงสาวหันไปส่งยิ้มแห้งๆให้เขาแทนคำตอบ ในใจของหล่อนตอนนี้กำลังกระวนกระวายกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนมั่นใจว่าเด็กคนนั้นที่เซควิลท์กล่าวถึงต้องเป็นฟลอสอย่างแน่นอน
"เด็กคนที่เป็นคนไข้ของนาย เป็นยังไงบ้างเหรอ?"หญิงสาวตัดสินใจถามออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
"เห็นว่าคนของจาฟาพาไปแล้ว คงจะอยู่กับมันทั้งคืน"เขาตอบราวกับมันเป็นเรื่องปกติ เพราะมักจะมีเรื่องเข่นนี้เกิดขึ้นเสมอ ตั้งแต่เข้าเรียนมัธยมปลาย จาฟารับงานบางส่วนจากผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นมาเฟียใหญ่ แน่นอนว่าเรื่องทวงหนี้หรือได้ของขัดดอกก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน กินจนอิ่มหนำ แบ่งปันให้เพื่อนๆ ทิ้งขว้างให้ลูกน้อง แล้วค่อยส่งต่อไปสถานบริการ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นความเคยชิน แม้แต่ลีกซ์เองก็สนุกกับสิ่งเหล่านั้น ก็แค่ระบายอารมณ์คุกรุ่นที่ไม่อาจสาดกระหน่ำมันลงไปบนเรือนกายของคนที่ตนปรารถนาได้ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ ที่เขาได้สมหวัง ก็คงไม่อยากร่วมวงด้วยสักเท่าไหร่
"อีกสักพัก มันคงส่งคลิปมาแน่ๆ ฉันมั่นใจว่าซังฮุนคงวิ่งพล่านไปก่อนใครๆ หมอนั่นชอบเล่นสนุกด้วยสิ ยิ่งกับควีนโอเมก้าแบบนั้น"เซควิลท์ลากสายตามองใบหน้าสวยที่เอาแต่เหม่อลอยมาสักพักใหญ่ๆ หลังจากเลิกกับแฟนเก่า หล่อนดูจะเหม่อลอยราวกับขบคิดอะไรในหัวอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าสวยขยุกขยิกราวกับแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ
"ไม่หรอก เด็กคนนั้นเป็นโอเมก้าธรรมดา ไม่ได้พิเศษอะไร ฉันตรวจเพศรองเด็กคนนั้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ"ลีกซ์จงใจตักอาหารที่มีส่วนผสมของถั่วบนจานวางลงบนจานของเพื่อน เขาจงใจให้มันเปรอะลงบนข้าวแม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ชอบถั่ว เพราะอาการแพ้ ผื่นแดงขึ้นตามตัว ไม่สมกับที่เป็นครูฝึกหน่วยรบพิเศษเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าหวังร้ายกับอีกฝ่ายนักหรอก เขาก็แค่ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าควรออกไปจากที่นี่และอยู่ห่างจากคนของเขาได้แล้ว
"ไอ้โรคจิต"คนผิวเข้มรวบช้อนส้อมในทันที เขาบริภาษคำสบถลอดไรฟันออกมา หากแต่คุณหมอหนุ่มกลับทำเพียงแค่หัวเราะเบาๆเท่านั้น
"ฉันกลับก่อนนะโรส ไว้คราวหน้าจะแวะมาหา"มือใหญ่หยิบทิชชูซับปาก ก่อนที่เขาจะฉวยมือเล็กขึ้นมาจุมพิตเป็นการยั่วโทสะกลับบ้าง เห็นที เขาคงต้องคิดวิธีรับมือกับไอ้หมอโรคจิตนั่นสักหน่อยแล้ว คนที่แสนเสแสร้งทำตัวแสนดีต่อหน้าโรส ทั้งๆที่ตัวจริงของมันไม่ได้ต่างจากเพื่อนๆคนอื่นสักเท่าไหร่
.......
.......
"รอยแดงเต็มคอเลย นี่พระเอกลูกรักของฉันมันเป็นอะไรกับคอกับนมนักหนา"พริมโรสบ่นพึมพำหน้ากระจก หลังจากมื้อเช้าจบลง หล่อนต้องใช้ความพยายามมากโขที่จะไล่ลีกซ์ให้กลับไปทำงาน ผู้ชายคนนั้นเอาแต่ออดอ้อนขออยู่ดูแลหล่อนเผื่ออาการฮีทจะกลับมาอีก ทั้งๆที่หล่อนมียาระงับอาการฮีทอยู่แล้วแท้ๆ ซึ่งหล่อนก็พอจะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเพียงข้ออ้าง เขาไม่มีทางให้หล่อนได้อยู่อย่างสงบแน่ๆ ไม่ทางกายก็ทางใจนั่นแหละที่จะถูกเขาก่อกวนจนสูญเสียความเป็นตัวเองไปเสียก่อน
"อุตส่าห์ได้งานบรรณารักษ์ในห้องสมุดแล้วแท้ๆ"ถึงแม้จะมีเงินที่ใช้ได้ไม่มีวันหมด แต่การอยู่เฉยๆไปวันๆ มันชวนให้เบื่อหน่ายพิลึก พริมโรสจึงตั้งใจหางานที่เกี่ยวกับความสามารถเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่มาทำพอคลายความเบื่อลงไปบ้าง แน่นอนว่างานที่เหมาะกับนักเขียน ก็คงจะหนีไม่พ้นงานที่เกี่ยวกับหนังสือ งานไม่หนัก อยู่กับหนังสือทั้งวัน เผื่อจุดประกายงานเขียนใหม่ๆ ช่วยไม่ได้ที่สปิริตนักเขียนมันแรงกล้าจนไม่อาจวางมือไปได้ แม้ตายจากโลกเดิมก็ตามที
หญิงสาวหยิบผ้าพันคอขึ้นมาพันปกปิดรอยช้ำที่กลบด้วยเครื่องสำอางไม่ได้ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เดรสแขนยาวกระโปรงคลุมเข่าสีชมพูกับผ้าพันคอสีครีมผืนบาง ช่างเข้ากับใบหน้าสวยๆเหลือเกิน หล่อนเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะออกจากบ้านไปยังห้องสมุดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของหล่อนนัก
กลิ่นที่แสนคุ้นเคยทำให้พริมโรสมีชีวิตชีวาอีกครั้งราวกับได้ย้อนเวลาไปเมื่อครั้งยังเป็นนิสิตอักษรศาสตร์ แต่คราวนี้แค่แตกต่างออกไปตรงที่หล่อนไม่ได้มีผมสีดำขลับ ผูกเปียสองข้าง ไม่มีแว่นหนาเตอะ หรือเหล็กจัดฟัน มีเพียงผมสีเฮเซลนัทสยายเป็นประกายยามต้องแสง ดวงตากลมโต ปากสีชมพูนมกับฟันซี่เล็กๆ
หญิงสาวเปิดหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน เป็นวรรณกรรมแปลที่ดูเก่าแก่พอสมควร แต่ภาษาละมุนไม่ต่างจากช็อกโกแลตอุ่นๆในยามฤดูหนาว เสียงฝีเท้าหลายคู่ทำให้หล่อนชะงักพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นตามเสียง สิ่งที่พริมโรสเห็นคือเด็กผู้หญิงตัวน้อยผูกเปียสองข้าง ปลายผมทั้งสองข้างประดับด้วยโบสีแดงสด รอบกายของเด็กน้อยถูกรุมล้อมด้วยชายใส่ชุดสูทหลายคน และใครอีกคนที่หล่อนคุ้นตาเป็นอย่างดี
"ไปรอป๊ะป๋าที่โต๊ะนะคะ เดี๋ยวป๊ะป๋าขอคุยกับคุณบรรณารักษ์สักครู่นะคะ"น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความอ่อนโยนมากกว่าปกติ หากแต่ประโยคที่เขาพูดนั้นทำให้พริมโรสเบ้ปากในทันที เมื่อเช้าหล่อนก็เพิ่งผจญเซควิลท์กับลีกซ์มาหมาดๆ ยังต้องมาเจอซอร์โรว์ในที่ทำงานอีกเหรอ?
"ปกติไม่เห็นเธออยากทำงานในที่แบบนี้"หญิงสาวหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนัก ผู้ขายตรงหน้าของหล่อนไม่รับรู้เลยหรืออย่างไรว่าการปรากฏตัวของเขามันสร้างความวุ่นวายให้หล่อนมาเพียงใด
"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว"ซอร์โรว์ถือวิสาสะจับแก้มใส เขาจงใจลูบไล้ตามผิวเนื้อเนียนละเอียด ทำไมเขาเพิ่งรู้สึกว่าเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวน่าเข้าหาถึงขนาดนี้กันนะ?
"ไปดูลูกนายเถอะ ฉันจะทำงานแล้ว"พริมโรสปัดมือใหญ่ออกจากแก้ม หล่อนหันกลับไปหลังโต๊ะทำงาน แสร้งว่ากำลังมีเรื่องยุ่งๆให้สะสาง ทั้งๆที่หล่อนจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว ในเมื่อหล่อนไม่รู้ว่าจะรับมือกับเขาอย่างไร การแสร้งเมิน น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะ
"นั่นหลานฉัน ไม่ใช่ลูกสักหน่อย เธอก็รู้ว่าฉันเรื่องมากขนาดไหน"ซอร์โรว์ยอมรามือเดินจากไปโดยง่าย เขาไม่ใช่พวกชอบแกล้ง แต่แค่อยากยืนยันบางอย่างที่เขาสงสัยอยู่ และเขาคิดว่าคงไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่สงสัยแน่ๆ กลิ่นหอมหวานจากร่างเล็กนั่น ที่เขาเคยคิดว่ามันคือกลิ่นน้ำหอม เขาชักจะสงสัยแล้วสิ ว่ามันใช่กลิ่นน้ำหอมจริงๆเหรอ? ไหนจะกลิ่นแซนดัลวูดกับกลิ่นกระดังงาที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของลีกซ์กับเซควิลท์ มันถูกทิ้งไว้บนร่างเล็ก ราวกับว่าสองคนนั้นจะใช้กลิ่นของตัวเองจับจองหญิงสาวเอาไว้ ยิ่งได้เห็นรอยแดงช้ำจากท้ายทอยของโรส เขาก็เริ่มคิด ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ หรือสามคนนี้จะแอบเล่นสนุกลับหลังเขา ช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ
'อันที่จริง หลังจากคุณโรสมาสมัครงานที่นี่ ก็มีเด็กคนหนึ่งมาสมัครเหมือนกันนะคะ แต่เรารับคุณโรสไว้แล้ว ก็เลยปฏิเสธเขาไป'พริมโรสจ้องมองข้อความในมือถือที่ส่งมาจากเจ้าหน้าที่อีกคนของห้องสมุดอยู่นาน หล่อนถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งได้เห็นรูปใบสมัครที่หล่อนอ้อนวอนอีกฝ่ายหลายครั้งกว่าจะได้เห็น มันก็ยิ่งบอกได้ชัดเจนว่าหล่อนมาแทนที่ของฟลอสด้วยความไม่ตั้งใจอีกแล้ว ความรู้สึกสับสนมันตีตื้นไปทั้งหัว หล่อนรู้สึกว่าตนกลายเป็นตัวป่วนสำหรับนิยายเรื่องนี้ไปเสียแล้ว
มือเล็กกดปิดโทรศัพท์และยัดมันลงในกระเป๋า หญิงสาวถอนหายใจครั้งสุดท้ายออกมา ก่อนจะเดินไปหาหนังสือเล่มใหม่มาอ่านเพื่อคลายความฟุ้งซ่าน หากแต่หนังสือเล่มที่ต้องการอยู่สูงเกินไป บันไดเตี้ยๆไม่ช่วยให้หญิงสาวเอื้อมมือถึงหนังสือแม้แต่น้อย
สัมผัสหนักๆของอกแกร่งชนกับแผ่นหลังเล็ก มือใหญ่ข้างหนึ่งวางทาบกับหนังสือบนชั้นข้างกายเล็ก ส่วนอีกข้างทาบทับแขนเรียวเอื้อมจับสันหนังสือที่พริมโรสต้องการเอาไว้ ริมฝีปากหนาคลอเคลียข้างใบหูเล็ก ลมหายใจอุ่นรินรดจนขนลุกซู่
"จับได้แล้ว โอเมก้าที่ปลอมตัวเป็นเบต้าขี้แย"เขากระซิบเสียงแหบพร่า ใบหน้าหล่อแทบจะชิดติดเสี้ยวหน้าของหญิงสาว ในช่วงจังหวะที่แม่กวางตัวน้อยกำลังตื่นตระหนก ซอร์โรว์ใช้จังหวะนั้นพลิกหล่อนให้หันมาเผชิญหน้ากัน ลมหายใจที่แนบชิดกับแววตาเจ้าเล่ห์ทำให้พริมโรสรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ซอร์โรว์เป็นนักธุรกิจ และเขาก็เก่งเรื่องสร้างข้อตกลงเสียด้วย
"อยากได้หนังสือเล่มนี้ ใช่ไหม?"เขาใช้ปลายหนังสือเชิดคางเล็กให้เงยขึ้นเผชิญหน้ากับตน รอยยิ้มมากเล่ห์เหลี่ยม ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ
"เอามาให้ฉันสิ"แม้จะรู้ว่าสิ่งที่พูดไปไม่เข้าหูซอร์โรว์นักหรอก แต่พริมโรสก็อยากจะลองดูสักครั้ง
"ฉันเป็นนักธุรกิจ ทุกอย่างต้องมีเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยน จูบกับฉันสิ แล้วฉันจะคืนมันให้"เขากระหยิ่มยิ้ม แม้หญิงสาวตรงหน้าจะกำลังแสดงสีหน้าไม่พอใจก็ตามที และเขาไม่รอให้หล่อนตอบตกลง ริมฝีปากหนาบรรจงทาบทับปากเล็กสีชมพูนม สอดลิ้นร้อนช่วงชิงจังหวะการหายใจของหล่อน โชคดีที่ตรงนี้เป็นมุมอับ ไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายกับพวกเขาสักเท่าใดนัก เรียวลิ้นบดคลึงปุ่มเหงือกหยอกเย้าชักพาให้ลิ้นเล็กโอนอ่อนเกี่ยวกระหวัดพันกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ซอร์โรว์ทิ้งหนังสือในมือลงบนพื้นเพื่อโอบประคองร่างบางไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้นเสียก่อน ยิ่งได้จูบก็ยิ่งรู้สึกโลภมาก อยากจะช่วงชิงหล่อนมาเป็นของตนเองให้มันรู้แล้วรู้รอด กว่าจะรู้ตัวก็ถูกผลักจนเซไปชนกับชั้นหนังสืออีกฝั่งเสียแล้ว พร้อมกับรอยฟันเล็กๆบนริมฝีปากที่เหมือนจะห้อเลือดของตน ชายหนุ่มลูบไล้ความเจ็บปวดสีแดงช้ำบนปากของตนอย่างหลงใหล เวลาแค่ชั่วพริบตา แค่เพียงไม่กี่นาที ทำให้เขารู้สึกตกหลุมรักใครคนหนึ่งได้ถึงเพียงนี้เชียวเหรอ? เป็นโอเมก้าที่น่ากลัวใช่เล่นเลยจริงๆ ราวกับเป็นคนละคนที่เขาเคยหยอกเย้าเมื่อครั้งก่อน ไม่อยากจะสนใจกลิ่นของคนอื่นบนร่างนี้เสียแล้วสิ ถ้าเขาจะกระโดดลงเล่นเกมบ้าง คงไม่เสียหายอะไร เจ้าของที่เป็นได้แค่สุนัขเฝ้าเนื้อ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจสักหน่อย
"มียางอายบ้างเถอะ"ปากเล็กๆสีหวานพร่ำบ่นงึมงำ แม้จะเป็นคำง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่ชั่วขณะซอร์โรว์กลับหลงลืมเนื้อความของมันขึ้นมาเสียอย่างนั้น หูของเขาอื้อไปชั่วขณะราวกับเพิ่งได้ยินเสียงระเบิดของประทัด ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน สายตาละจากภาพตรงหน้าไปไม่ได้ ยามร่างบางในชุดเดรสชมพูก้มลงเก็บหนังสือบนพื้นและจากไปพร้อมกับกลิ่นหอมหวาน ทุกจังหวะเคลื่อนไหวดึงดูดสายตาของเขาไปเสียหมด
"ป๊ะป๋าๆ"แรงเขย่าบนแขนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวจากภวังค์ เขาหันไปยิ้มให้กับลูกสาวของน้องชาย ก่อนจะพยุงกายขึ้นยืนอีกครั้ง
"หนูอยากกลับบ้านแล้ว"เด็กน้อยงอแงเรียกความเอ็นดูจากคุณพ่อจำเป็นได้ไม่ยาก เขาอุ้มหลานตัวน้อยขึ้นมาแบกไว้บนบ่า หากแต่ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูห้องสมุด เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น แม้จะไม่อยากยุ่งกับเรื่องของใคร แต่ลางสังหรณ์ลึกๆกลับเรียกเร้าให้เขาเดินไปตามเสียง
"พายายหนูไปที่รถก่อน"เขาเอ่ยกับการ์ดคนสนิท ก่อนจะเดินไปยังผู้คนรายล้อมลานจอดรถด้วยความใคร่รู้ รอยเลือดสาดกระเซ็นน่ากลัวบนพื้นสร้างความหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
"เกิดอะไรขึ้น?"แขนแกร่งโอบรัดร่างบางที่ยืนหน้าซีดเอาไว้ราวกับพยายามปลอบประโลม
"มีคนโดนทำร้าย รถโรงพยาบาลเพิ่งมารับไป"พริมโรสตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หล่อนเคยเห็นภาพคนตายมาบ้าง จากตอนหาข้อมูลเขียนนิยาย หากแต่สิ่งที่ทำให้หล่อนตกใจ ก็เพราะเหตุการณ์ตอนนี้ต่างหาก หล่อนเขียนให้ฟลอสเจอคนตายต่อหน้า เพื่อให้เขาได้ไปต่อกับซอร์โรว์ แต่ตอนนั้น เท่าที่จำได้เหตุการณ์ต้องเกิดในคลับไม่ใช่เหรอ?
"ฉันว่าเธอไม่ควรกลับตามลำพังนะ กลับกับฉันดีกว่า รถเธอให้คนของฉันเอาไปส่งก็ได้"คำพูดของชายหนุ่มไม่ใช่คำเสนอแนะหากเป็นคำสั่งกลายๆเสียมากกว่า มือใหญ่ออกแรงดึงข้อมือเล็กให้เดินตามตนเองออกไปจากที่เกิดเหตุตรงนั้น
"มิเกลคะ วันนี้คุณบรรณารักษ์เขาจะกลับกับเรานะคะ"ซอร์โรว์เอ่ยกับหลานสาวหลังจากที่เขาดันหญิงสาวเข้าไปในรถ มิหนำซ้ำยังฉกฉวยกุญแจรถของหล่อนส่งให้ลูกน้องเสร็จสรรพ ทำให้หล่อนต้องจำใจกลับกับเขาอย่างเสียไม่ได้
ระหว่างการเดินทางมิเกลเอ่ยชวนพริมโรสคุยไม่หยุดปาก ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวอายุแค่หกขวบจะมีความคิดความอ่านฉลาดเฉลียวเกินวัยได้ถึงเพียงนี้ หลายครั้งที่หญิงสาวหลุดหัวเราะขบขันกับเรื่องราวที่เด็กน้อยเล่า แค่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่กลับรู้สึกคุยถูกคอราวกับสนิทกันมานาน
"สาวๆแวะคาเฟ่ก่อนไหม?"คนที่แอบมองทั้งคู่เอ่ยขึ้นเมื่อรถแล่นเกือบจะถึงคาเฟ่เล็กๆแห่งหนึ่ง
"แวะสิป๊ะป๋า พี่โรสต้องกินเค้กร้านนี้นะ มันอร่อยมากๆเลย มิเกลกินทีไรนะมีสายรุ้งออกจากปากทุกทีเลยล่ะ"แม้หญิงสาวจะอยากปฏิเสธสักเพียงใดก็คงค้านเด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้หรอก ไหนจะท่าทางกระตือรือร้นแบบนั้น ใครจะไปกล้าขัดได้ลงคอกันล่ะ
"ปกตินายพามิเกลมาที่นี่บ่อยเหรอ?"หล่อนเอ่ยถามชายหนุ่มขณะรอของที่สั่ง ซึ่งหล่อนก็คิดอยู่แล้วว่าคนตรงหน้าคงจะสั่งแค่อเมริกาโน่ร้อนแก้วเดียวสมกับเป็นพระเอกในอุดมคติอยู่แล้ว ในขณะที่หล่อนกับมิเกลสั่งทั้งเค้กและเครื่องดื่มหวานๆหลายอย่างราวกับจะผลาญคนเลี้ยงให้มันล่มจมในวันเดียว
"บางวันน่ะ เฉพาะวันที่พ่อของมิเกลไม่ว่าง หมายถึงน้องเขยของฉันน่ะ ถ้ามิเกลไปกับพ่อเขา จะมีร้านประจำอีกร้าน ยัยหนูของฉันกินเยอะมาก แต่ไม่เคยอ้วนขึ้นเลย คุณสมบัติพิเศษของอัลฟ่า"เมื่อได้พูดถึงเรื่องหลานสาว คนตัวโตก็คลี่ยิ้มออกมา บ่งบอกว่าเขารักเด็กคนนี้มากเพียงใด
"น่าอิจฉาจัง คนที่กินแล้วไม่อ้วนแบบนี้น่ะ ฉันก็อยากเป็นแบบนั้นบ้าง"พริมโรสบ่นพึมพำ
"ไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้นเลย ฉันช่วยเธอได้นะ"มือใหญ่กุมมือเล็กเอาไว้หลวมๆ ปลายนิ้วใหญ่ลูปไล้ตามข้อนิ้วเล็กช้าๆ
"ฉันไปยิมเองได้เถอะ"หล่อนสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ไอ้ผู้ชายลามก คราวก่อนก็บอกว่าหล่อนน่าเอา คราวนี้ยังมีหน้ามาชวนทำเรื่องอย่างว่าอีก
.......
.......
โปรแกรมถ่ายทอดสดบนหน้าเว็บสำหรับผู้ใหญ่เว็บหนึ่งถูกเปิดขึ้น ใบหน้าหล่ออย่างลูกครึ่งเอเชียยิ้มร่าให้กล้อง เขาขยับกายเพื่อให้เห็นว่าตนเปลือยท่อนบน และสวมเพียงกางเกงขาสั้นเอาไว้เท่านั้น
ช่องความคิดเห็นมากมายหลั่งไหลราวกับสายน้ำหลาก ส่วนใหญ่ต่างกล่าวถึงแผงอกแกร่งและกล้ามหน้าท้องลอนสวยที่ได้มาจากการดูแลรูปร่างและคอร์สออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อแสนหนักหน่วง
ซังฮุนหรือธีโอยังคงยิ้มหวานซุกซนให้กล้องเช่นเดิม เข้าแสร้งเอ่ยหยอกเย้าเหล่าแฟนๆที่มีทั้งเบต้า โอเมก้า และอัลฟ่าอย่างเป็นกันเอง ยิ่งยอดเข้าชมไหลถล่มทลาย ยิ่งทำให้พึงพอใจ
"ปกติ ทุกคนจะเห็นผมลงแค่คลิปใช่ไหมล่ะ? ฮ่ะๆ ปกติผมขี้อายเกินกว่าจะมาไลฟ์น่ะ แต่วันนี้จะมาพูดถึงคอนเท้นต์ห้าปีของพวกเรากันล่ะ เชื่อป่ะ? ผมสามารถทำให้คนดีๆคนนึง ร่านขึ้นมาได้เลยนะ อยากลองดูคอนเท้นต์นี้ไหมล่ะ? รับรองว่าพิเศษจนพวกคุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ นี่ผมพูดจริงๆนะ"เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อความเห็นบนหน้าจอมอนิเตอร์ต่างเยินยอเขาไม่ต่างจากพระเจ้า
"แขกรับเชิญเหรอ? อืมมม ก็ต้องพิเศษสิ แล้วก็อันตรายมากๆ หายากสุดๆไปเลย เธอเป็นควีนโอเมก้าเชียวนะ จุ๊ๆๆ อย่าเอาไปเล่าให้เพื่อนๆผมฟังล่ะ เด็กดีของผม ไม่งั้นจะโดนลงโทษด้วยการอดดูคลิปไปอีกครึ่งปีล่ะ ฮ่ะๆๆๆๆ"เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะปิดหน้าเว็บ ชายหนุ่มรับน้ำแร่ขวดสีทองวาววับและเสื้อคลุมจากชายวัยกลางคนในชุดแสนสุภาพ เขาสวมเสื้อคลุมทับร่างกายเกือบจะเปลือยเอาไว้ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นจิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"คุณพ่อบ้าน รบกวนจองห้องที่ดีที่สุดของโรงแรมในเครือให้ผมด้วย อ้ออ อย่าลืมบอกเด็กๆเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ผมด้วยล่ะ"เขายื่นขวดน้ำคืนให้อีกฝ่าย ธีโอก็ไม่ได้ต่างจากเพื่อนๆในกลุ่มที่ต้องขึ้นบริการธุรกิจของครอบครัวเช่นกัน นอกจากเป็นเซ็กส์ครีเอเตอร์ อีกด้านเขาคือผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับสองของกลุ่มธุรกิจโรงแรมชื่อดัง และเขาก็มักจะใช้มันถ่ายทำคอนเท้นต์เสียด้วย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะเลือกห้องที่ดีที่สุดไว้รอ
"ดอกกุหลาบสวยๆ ก็ต้องอยู่บนแจกันราคาแพงสิ"
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
.......
Talk.จะรักแรกหรือคลั่งรักก็แพ้เด็กแหละ 55555555 ตอนหน้ามีnc ผมบอกแล้วว่าจะเขียนแบบ ตอนเว้นตอน จริงๆแก๊งพระเอกมันไม่ใช่คนดีอะไร๊ แต่มันแค่ไม่รังแกยัยโรสเฉยๆ แต่เอ๊ะ หรือไม่ใช่นะ? รอดูกันต่อไปค่ะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments
(个_个)
อัพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพ
2022-10-21
1