แมวตัวนี้ ชื่อเดซี่
1.
เสียงร้องไห้ของเด็กทารกดังกลบเสียงพูดคุยรอบข้าง เหล่านางฟ้าชุดขาวกำลังเดินสวนกันไปมาภายในห้องพักฟื้นหลังคลอด บรรยากาศวุ่นวายยังคงดำเนินต่อไปที่เตียงสีขาวสุดมุมห้อง สีหน้าของเจ้าหน้าที่พยาบาลเริ่มส่งสัญญาณบ่งบอกถึงความตึงเคลียด ในขณะที่เจ้าหน้าที่เริ่มสื่อสารให้เร่งตามหมอ บนเตียงคนไข้สีขาวสะอาด มีหญิงสาวร่างกายผอมบางทอดร่างนอนหายใจรวยริน ในใบประวัติคนไข้บ่งบอกอายุของผู้ป่วยด้วยวัยพียง 19ปี แต่จากร่างกายที่ซูบผอม จนแก้มตอบนั้นไร้สีสัน ทำให้มองไม่ออกเลยว่า นั่นคือร่างกายของเด็กสาว ที่ควรจะสวย สดใส และร่าเริง
“คนไข้ชีพจรต่ำลงเรื่อยๆ รีบตามหมอเร็วเข้า!”
ดวงตาไร้แววของคนป่วยมองเหม่อไปยังเตียงเด็กด้านข้าง ใบหน้ายับย่นของเด็กทารกที่โผล่พ้นผ้าขนหนูกำลังตะเบ็งเสียงร้องไห้จ้า เป็นความไร้เดียงสาที่เด็กน้อยแสดงออกมาราวกับรู้ว่า ตนเองใกล้จะสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไป
“พยาบาลคะ ลูกฉันเป็นผู้หญิง หรือว่าผู้ชายคะ”
เสียงเบาราวกับกำลังกระซิบเอ่ยถามเจ้าหน้าที่ชุดสีขาวด้านข้างเตียง มือบางที่ถูกระโยงไว้กับสายน้ำเกลือ พยายามยกขึ้นส่งสัญญาณเพื่อขอคำตอบที่ตนสงสัย
“เป็นเด็กผู้หญิงค่ะ ร่างกายของน้องแข็งแรงดี คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ”
เมื่อฟังคำตอบรอยยิ้มจางจึงปรากฏขึ้น ขอเพียงลูกของเธอเกิดมาแข็งแรง แค่นี้เธอก็รู้สึกมีความสุขแล้ว ดวงตาของเด็กสาวทอดมองไปยังกระจกใสด้านข้างประตูห้อง เธอกำลังพยายามส่งยิ้มให้กับชายคนรักที่ยืนอยู่ด้านหลังบานกระจก แต่กลับไม่มีปฎิกิริยาใดๆส่งกลับมาให้เธอได้เห็น ผู้ชายคนนั้นยังคงใจร้ายกับเธอไม่เปลี่ยนเลย นึกย้อนกลับไปในอดีต วันที่เธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ คนที่กลายมาเป็นโลกทั้งใบในชีวิตเธอ เธอจำได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่แสนมีความสุข ทุกวันคืนหมุนผ่านไป เธอได้หลงไหลดื่มด่ำกับรสรักแปลกใหม่ที่เขาคอยมอบให้ ความเดียงสาต่อโลกทำให้เธอมองไม่ออกในเกมรักที่เขาปรนเปรอ จนถึงวันที่เธอตั้งครรภ์ ชีวิตของเธอก็หมุนพลิกกลับทันที
“แม่จะตั้งชื่อลูกว่า อลิสา ขอให้ลูกเติบโตขึ้นมามีความสุขเหมือนกับชื่อของลูก”
ลำคอที่แห้งผากพยายามฝืนพูดออกมา ขอบตาร้อนผ่าวบัดนี้มีหยดน้ำตารินไหล เจ็บปวดใจเหลือเกิน ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงในตอนนี้ รับรู้เพียงแค่ข้างในหัวใจมันเจ็บหน่วงไปหมด อยากเอื้อมมือไปโอบกอดลูกน้อยสักครั้งแต่ทำไม่ได้ ด้วยร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่เกิดมา กับสภาพจิตใจที่แสนเจ็บปวด ทำให้การตั้งครรภ์ครั้งนี้คงเป็นปลายทางของชีวิตเธอเสียแล้ว
“แม่ไม่อยากจากลูกไปเลย อยากอยู่รอดูวันที่หนูเติบโต แม่ขอโทษ ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”
เสียงสะอื้นของผู้เป็นแม่จากไปพร้อมกับสัญญาณของชีพจรที่นิ่งเงียบ ภายในห้องสีขาวที่อ้างว้าง นอกจากเสียงเด็กทารกที่กำลังร้องไห้เพียงคนเดียว ก็ไม่มีใครรู้สึกเสียใจกับการจากไปของเธอเลย
ตรงทางเดินด้านนอกของห้อง มีสองคนชายหญิงวัยกลางคนกำลังยืนคุยกันเสียงเบา ฝ่ายชายดูภูมิฐาน แม้มีอายุเลยวัยสี่สิบมาแล้วแต่ภาพลักษณ์ยังคงดูดี บ่งบอกถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองอยู่เสมอ ฝ่ายหญิงก็อยู่ในวัยใกล้เคียงกัน รูปร่างสมส่วนดูสุขภาพดีในชุดเดรสสีแดง ถึงแม้จะล่วงเลยวัยสาวมามากแล้ว แต่ก็ยังดูแลความสวย ให้สมวัยจนน่ามอง
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ผมบอกให้คุณใส่ชุดสีสุภาพมา ทำไมคุณไม่ฟังผมบ้าง”
สุทิน พูดขึ้นโดยไม่มองหน้าภรรยาที่ยืนเคียงข้าง ประโยคคำพูดที่ฟังเหมือนตำหนิผู้เป็นภรรยาผ่านๆอย่างไม่ใส่ใจจากผู้เป็นสามี ทำให้เรียวปากสีแดงคลี่รอยยิ้มหยัน กันยา นึกสมเพชหญิงสาวที่นอนเป็นศพร่างแข็งทื่ออยู่ภายในห้อง เด็กสาวคนนั้นที่เธอชุบเลี้ยงขึ้นมาจนโต ส่วนลึกในใจก็รักผูกพันดั่งลูกในไส้ แต่อีกใจก็แสนเกลียดชังโกรธแค้น
ดูเอาเถอะนะ ตอนที่ร่างกายเด็กสาวคนนั้นยังอุ่น ดวงตายังสดใส ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเธอคนนี้ คอยแอบเข้าหากันแบบเช้าถึงเย็นถึง ทุกการกระทำที่แอบซ่อนลับหลังเธอ ปรนเปรอรสรัก พร่ำหยอดคำหวานประโลมโลกให้เด็กสาวนั่นฟังอยู่ทุกวันทุกคืน คนที่ต้องทนเจ็บปวดใจในช่วงเวลานั้น ก็คือกันยาคนนี้ คนที่ต้องนอนกอดทะเบียนสมรสอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง คนที่ต้องอดทนกับการได้รับรู้ว่าสามีของเธอนั้น นอกจากจะไปเที่ยวหลับนอนกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาแล้ว ยังแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกบุญธรรมของเธอเอง มาในวันนี้ วันที่ร่างกายของเด็กสาวคนนั้นหมดประโยชน์ไปแล้ว ผู้ชายคนที่เคยเป็นดั่งเทพบุตรก็เผยธาตุแท้ที่เลวทรามออกมา
“วันนี้กันยาไปทานข้าวกับคุณแม่ของคุณมาไงคะ คุณก็รู้ว่าท่านชอบสีแดง”
ใบหน้าที่ตกแต่งมาอย่างปราณีตเชิดขึ้นเล็กน้อย ลึกในดวงตากำลังสะท้อนอารมณ์หลากหลาย ยากจะเข้าใจ
“คุณก็ควรจะกลับไปเปลี่ยนชุดเสียหน่อย คนอื่นเขาจะมองกันยังไง ใส่สีแดงมารับศพแบบนี้”
“ก็แค่ศพเมียเก็บของคุณไม่ใช่เหรอคะ? อ๋อ..ฉันพูดผิดไป ต้องเรียกว่าศพลูกบุญธรรมของฉันต่างหาก คุณอย่ามาทำเป็นหน้าบางไปเลยค่ะ ฉันรู้ว่าคุณก็ไม่ได้เสียใจสักเท่าไหร่ ว่าแต่..คุณจะเอายังไงกับเด็กคนนั้นคะ”
สุทินถอนหายใจไล่ความน่ารำคาญ ความตั้งใจในตอนแรกที่เขาอยากได้ลูกชายมาไว้สืบสกุล มันปลิวหายไปตั้งแต่ที่เห็นเพศของเด็ก เขาอุตส่าห์เฝ้ารอคอยมาตลอด9เดือน ถึงวันนัดตรวจทีไร หมอก็บอกเพียงว่ากล้องส่องไม่เห็นเพศ ทำได้แค่ต้องรอให้เด็กคลอดออกมา แต่สุดท้ายแล้วก็คลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิง ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ
“คุณก็จัดการเรื่องศพให้ดูดีหน่อยแล้วกัน ยังไงคนอื่นๆเขาก็รู้ว่านั่นเป็นลูกบุญธรรมของคุณ ส่วนเด็กยังไงก็เป็นลูกของผม คุณก็ควรจะเลี้ยงเอาไว้ซะ เรื่องอื่นๆหลังจากนี้ก็แล้วแต่คุณจะจัดการ”
พูดจบแผ่นหลังกว้างใหญ่ก็เดินหนีไปไม่หันกลับมามองอีก ทิ้งผู้หญิงที่ได้คำนำหน้าว่าเมียหลวง ให้คอยเก็บกวาดเรื่องยุ่งยากพวกนี้เหมือนเช่นที่ผ่านมา
กันยานั่งมองสามีเดินจากไปด้วยความรู้สึกเฉยชาในใจ ตัวเธอนั้นไม่สามารถมีลูกได้เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ที่เธอยังรักษาตำแหน่งเมียหลวงของผู้บริหารบริษัทอย่างสุทินเอาไว้ได้ ก็เพราะเงินทุนก้อนใหญ่ที่หมุนเวียนอยู่ภายในบริษัทนั้นเป็นของพ่อเธอ กันยาเคยชินกับพฤติกรรมของสามีคนนี้เสียแล้ว ที่ผ่านมาความเจ้าชู้ของสุทินก็มีมากไม่เคยเปลี่ยน มีผู้หญิงหลายคนที่ตั้งท้องและพยายามมาแสดงตัวถึงใต้จมูกของเธอ หน้าที่ของกันยาคือจัดการผู้หญิงพวกนั้นด้วยวิธีที่เธอถนัดที่สุด นั่นคือรีบกำจัดเด็กในท้องเหล่านั้นไปเสียตั้งแต่ยังเป็นเพียงก้อนเลือด จะมีก็แต่เด็กสาวที่นอนเป็นศพอยู่ในห้องตอนนี้ คนที่เธอไว้ใจที่สุดและไม่เคยสงสัย เด็กคนนี้ไม่เคยแสดงอาการออกมาให้รับรู้ได้เลย ไม่รู้ว่าเพราะเด็กนี่ฉลาดมาก หรือว่าโง่มากกันแน่ กว่ากันยาจะรู้ตัว นังเด็กนี่ก็ท้องได้ 6เดือนเข้าไปแล้ว
“คุณผู้หญิงเป็นญาติคนไข้รึปล่าวคะ รบกวนเซ็นชื่อทางด้านนี้ให้หน่อยค่ะ”
เสียงเรียกของเจ้าหน้าที่ทำให้สติของกันยากลับมา ก่อนจะปั้นใบหน้าให้อ่อนโยนปนโศกเศร้าในแบบที่ควรจะเป็น เธอเดินตามเจ้าหน้าที่ไปจัดการเอกสารเรื่องรับศพให้เรียบร้อย
“คนตายเขาเป็นเด็กกำพร้าค่ะ แต่ฉันเป็นคนที่คอยอุปการะเขามาตลอด เอกสารต่างๆฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเองค่ะ ส่วนเรื่องลูกของเขา ฉันจะขอจดทะเบียนรับเป็นลูกบุญธรรมเสียเลย ยังไงรบกวนคุณเจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการให้ทีนะคะ”
“ทางเรายินดีจะทำเรื่องเอกสารให้ค่ะ แต่ว่า..ก่อนที่แม่เด็กจะเสีย เขาได้ตั้งชื่อให้เด็กไว้ว่า อลิสา คุณกันยาจะตั้งชื่อให้ใหม่ หรือใช้ชื่อนี้ดีคะ”
ดวงตาของกันยากระตุกไปวูบหนึ่ง นี่ลูกเลี้ยงของเธอกำลังเล่นตลกร้ายอะไรกับความรู้สึกของเธออยู่กันแน่ อยากจะเยาะเย้ยโดยให้เธอต้องจดจำชื่อนี้ไว้นานๆเหรอ หรือว่าเกิดรู้สึกผิดตอนตัวเองใกล้จะตาย จึงอยากยกชื่อตัวเองให้เด็กคนนี้ เพื่อให้เด็กนี่เป็นตัวแทนของลูกบุญธรรมอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ
“งั้นก็ใช้ชื่อนี้ได้เลยค่ะ ถึงอลิสาผู้เป็นแม่เด็กจะตายจากไป แต่ฉันก็อยากให้เด็กคนนี้ใช้ชื่ออลิสาแบบเดียวกับแม่ของเขา เพื่อให้เติบโตมามีชีวิตที่ดีแทนแม่ของเขาค่ะ”
ได้สิ อลิสา ในเมื่อตัวเธอที่ทำบาปไว้กับฉันจากไปแล้ว เธอจะยกชื่อและเด็กนี่มาชดเชยให้กับฉัน ฉันก็ยินดีที่จะเลี้ยงมันขึ้นมาแทนเธอ เลี้ยงให้มันมาชดใช้ชีวิตบาปกรรมที่เธอรวมหัวกับสามีของฉันสร้างขึ้น จงหลับให้สบายนะลูกรัก แม่คนนี้จะเลี้ยงนังเด็กนี่ให้เติบโตขึ้นมาเหมือนกับเธอในทุกเรื่องเลย
ภายใต้สายตาที่กำลังชื่นชมจากเจ้าหน้าที่ ภายใต้รอยยิ้มจอมปลอมที่ฉาบลงบนใบหน้าของกันยา และชีวิตของเด็กผู้หญิงคนนึง ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาในทิศทางชีวิตที่บิดเบี้ยว
*
*
ภายในท้องฟ้าสีครามสดใส ด้านหลังของมุมกำแพงในบ้านร้างหลังหนึ่ง แม่แมวตัวสีดำกำลังใช้ความพยายามเต็มที่ในการคลอดลูกๆของมัน เมื่อลูกแมวตัวสุดท้ายคลอดออกมาอย่างปลอดภัย แม่แมวจึงจัดการทำความสะอาดลูกแมวทั้ง3ตัวอย่างรักใคร่ ที่คอของแม่แมวมีปลอกคอเก่าๆสีแดงสลักชื่อเอาไว้เส้นหนึ่ง มิเชล คือตัวหนังสือเก่าๆที่มองแทบไม่เห็นแล้ว ชาวบ้านในระแวกนี้ต่างรู้จักกับมิเชล แมวจรสีดำตัวนี้มันเคยมีเจ้าของที่รักมันมาก มีคุณตาคนนึงเคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพังกับแมวดำของแก จนวันหนึ่งคุณตาก็ล้มป่วยลง ลูกหลานจึงมาพาตัวแกไปอยู่ด้วย แล้วแกก็ต้องจากบ้านหลังนี้ไปตลอดกาล
มิเชลถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่ มันเฝ้ารอคอยให้คุณตากลับมาหามัน จนเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายปี เจ้านายของมันก็ยังไม่กลับมาบ้านหลังนี้อีกเลย มีเพียงคุณป้าบ้านข้างๆที่คอยแวะเอาอาหารมาให้มันกินบ่อยๆ ด้วยความสงสารที่คุณป้ามีให้ กับนิสัยที่เรียบร้อยน่ารักของมิเชล ทำให้คุณป้าพยายามหลายครั้งที่จะพามิเชลกลับไปเลี้ยงที่บ้าน แต่มิเชลก็จะหนีกลับมาที่บ้านหลังนี้เสมอ จนคุณป้าต้องยอมยกธงยอมแพ้ให้กับความพยายามนั้น แกคงทำได้แค่คอยหิ้วอาหารมาส่งให้เจ้าแมวตัวนี้ได้กินอิ่มท้องทุกวันแทน
“มิ้วววว ม๊าววว”
เมื่อมิเชลทำความสะอาดลูกๆของมันจนขนนุ่มฟู ลูกแมวตัวน้อยก็แข่งกันส่งเสียงร้อง เพื่อส่งสัญญาณบอกให้แม่ของพวกมันรู้ว่าท้องน้อยๆเริ่มหิวแล้ว มิเชลล้มตัวลงนอนตะแคงเพื่อให้ลูกๆของมันคลานมากินนมได้สะดวกขึ้น ตัวที่หนึ่งมีสีขาวดำ ตัวที่สองสีนวลเหลือง ตัวที่สามเป็นลายสลิดสลับสีขาวจึงทำให้มองเหมือนแมวสามสี จากเสียงร้องที่ดังจนแสบหู มิเชลรู้ทันทีว่าลูกๆของมันแข็งแรงดีทุกตัว จนเมื่อตัวที่สามคลานเข้ามาหาเต้านมด้วยท่าทางแปลกๆ มิเชลจึงได้เห็นว่า ลูกแมวสามสีตัวนั้นมันมีเพียงแค่สามขา ลูกของมันตัวนี้มีขาหน้าสองข้าง แต่ขาหลังกลับมีเพียงข้างขวาข้างเดียว ทำให้คลานมากินนมช้ากว่าตัวอื่น แม่แมวเลียให้ลูกของมันด้วยความเป็นห่วง โดยสัญชาตญาณของสัตว์ ในความเป็นแม่ของมันรู้ได้เลยว่า ในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ ลูกตัวที่สามของมันคงเติบโตได้ลำบากเสียแล้ว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments