เพลิงเล่ห์ฤดี
หากแม้ชีวิตจะสิ้นขอสู้จนนาทีสุดท้าย หากโชคชะตาจะทำร้าย ขอให้ความดีผลาญมันให้สิ้น
"คุณนพทำใจเถอะค่ะ เรายื้อไม่ได้อีกแล้วเราต้องปล่อยมันไป" กานดาผู้เป็นภรรยาของมานพกอดปลอบผู้เป็นสามีที่ต้องถูกฟ้องกลายเป็นบุคคล้มละลาย จากบุคคลที่มีความร่ำรวย เงินทอง กลับหายไปในชั่วพริบตา
"ผมขอโทษนะคุณ ต่อไปนี้พวกเราจะลำบาก ผมสงสารคุณและก็ลูก" มานพร่ำไห้กับความเสียใจที่สูญสิ้นทุกอย่างที่สร้างมากับมือ เหลือเพียงร่องรอยความทรงจำ และความเจ็บปวดที่กำลังจะแผ่เข้ามา
"เราจะผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ขอแค่คุณเข้มแข็งและเราต้องสู้กันใหม่"
"บ้านเราก็ถูกยึด ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมต้องให้เจ้าม่านฟ้ามันไปอยู่กับเพื่อนของผม เพราะลูกของเราจะต้องมีอนาคต"
"แต่ลูกคือแก้วตาดวงใจของเรานะคุณนพ"
"แต่เราต้องทำเพื่อลูก เพื่อนผมแค่จะช่วยดูแลและส่งม่านฟ้าเรียนหนังสือ เมื่อผมกับคุณหาแนวทางกันได้แล้วลูกก็จะได้กลับมาอยู่กับเรา"
"ดาเข้าใจค่ะ งั้นเรากลับบ้านกันเลยนะคะจะได้ไปบอกลูกด้วยว่าลูกต้องแยกอยู่กับเรา"
บ้านธรรมกุลศิริโชติ
"ม่านฟ้าลูก พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วย" สีหน้าของผู้เป็นมารดาและบิดาวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย
"ค่ะ คุณพ่อคุณแม่" ม่านฟ้าตรงเข้ามานั่งข้างๆทั้งสอง
"พ่อกับแม่มีเรื่องจะบอกลูก" มานพผู้เป็นพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
"เรื่องอะไรหรอคะ" ม่านฟ้ายังไม่รู้ชะตาชีวิตเธอพูดไปพลางอมยิ้มให้ผู้มีพระคุณ
"ธุรกิจของพ่อล้มละลาย และเรากำลังจะไม่มีที่อยู่อาศัยตอนนี้พ่อกับแม่ก็ไม่เหลืออะไรเลย" น้ำเสียงของมานพฟังดูช่างน่าสลดยิ่งนัก
"ไม่เป็นไรนะคะคุณพ่อคุณแม่ ฟ้ายังไม่เรียนก็ได้ เดี๋ยวฟ้าไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานหาเงินมาใช้หนี้ให้ค่ะ" หญิงสาวอายุ 20 ปี กล่าวไปแบบนั้นหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตนคิดมันแทบจะเป็นไปไม่ได้
"ลูกทำอย่างนั้นไม่ได้ม่านฟ้า" ผู้เป็นมารดากล่าวคำห้ามความคิดของลูกสาว
"ทำไมละคะ ฟ้าก็แค่อยากจะช่วยพ่อกับแม่" หญิงสาวทำหน้าสลดเมื่อถูกมารดาปฏิเสธความต้องการของตน
"ลูกต้องไปอยู่บ้านของลุงเดชและอาฤดี" มานพผู้เป็นพ่อกล่าวคำเสริม หากแต่ว่าลูกสาวของตนก็ยังไม่เข้าใจ
"ทำไมละคะ พ่อกับแม่ก็ด้วยหรอคะ"
"ไม่จ้ะ พ่อกับแม่ต้องไปทำงานใช้หนี้ ระหว่างนี้ลูกต้องอยู่กับคุณลุงและคุณอา"
"ไม่นะคะคุณพ่อคุณแม่ ฟ้าอยากไปอยู่กับพ่อแม่" หล่อนร่ำไห้เพราะไม่เคยจากอ้อมกอดของบิดามารดา
"ลูกไม่ได้จะไปอยู่ถาวร พ่อกับแม่แค่ฝากลูกไว้หากวันใดพ่อกับแม่ใช้หนี้หมด ก็จะรับลูกมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง แต่ลูกยังต้องเรียนและเพื่อนของพ่อก็ยังเอ็นดูและจะดูแลลูกเป็นอย่างดี" มานพพูดปลอบใจลูกสาวของเขา
"ค่ะ ฟ้าเข้าใจคุณพ่อกับคุณแม่ ฟ้าจะตั้งใจเรียนให้จบอีกแค่2ปี หากฟ้าเรียนจบฟ้าจะได้ทำงานมาช่วยพ่อกับแม่ใช้หนี้นะคะ"
"ลูกต้องคิดอย่างนี้นะ อย่าเศร้าไปเลย ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะลูก เย็นนี้ลูกจะต้องเข้าไปอยู่ในบ้านของคุณลุง"
"ค่ะคุณพ่อ" หญิงสาวยิ้มให้ผู้บังเกิดเกล้า สองเท้ายำชัยไปที่ห้องเพื่อเก็บสัมภาระ
"เสร็จหรือยังลูก" กานดาผู้เป็นมารดาของม่านฟ้าเรียกลูกสาวที่อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม
"ค่ะคุณแม่" ม่านฟ้าถือกระเป๋ามองดูรอบๆห้องนอน ห้องที่เธอนั้นเคยอยู่แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้วเพราะหล่อนกำลังที่จะจากบ้านหลังนี้ไป
"ไปกันเถอะลูก" กานดาจับมือลูกสาวไปยังรถยนตร์ ขากำยำเหยียบคันเร่งไปยังที่หมาย หากทว่าม่านฟ้านั่งหันหน้ามองเส้นทางตลอดทั้งสาย ชวนให้นึกถึงภาพวันวานที่ยังตราตรึงในใจ
เมื่อมาถึงยังบ้านเศรษฐีคนนึง มีคนมาคอยรอต้อนรับที่หน้าบ้าน ม่านฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวขาลงจากรถอย่างช้าๆ รอยยิ้มจางๆส่งมอบให้กับเจ้าของบ้านหลังนี้
"ม่านฟ้านี่คุณลุงเดช เพื่อนของพ่อที่ลูกจะมาอยู่ด้วย ส่วนนี่คุณอาฤดีภรรยาของลุงเดช"
"สวัสดีค่ะคุณลุงคุณอา" ม่านฟ้ายกมือพนมไหว้อย่างงามรอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นให้กับคนตรงหน้า
"อยู่ที่นี่นะหนูม่านฟ้า ลุงกับอาฤดีจะดูแลหนูเองไม่ต้องเป็นห่วง" เดชณรงค์เอ่ยกล่าวกับหญิงสาวผู้มาใหม่
"เดชฝากม่านฟ้าลูกเราด้วยนะ"
"ไม่ต้องห่วงนพ เราจะดูแลลูกนายเอง"
"อื้ม ไปก่อนนะ" มานพกล่าวลาแต่ก็ไม่วายหวนกลับไปกอดลูกสาว
"พ่อกับแม่ไปก่อนนะลูก ห้ามดื้อกับคุณลุงและคุณอานะ ไว้ทุกอย่างมันดีขึ้นพ่อจะมารับลูกไปอยู่เป็นครอบครัวอีกครั้ง ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม"
"ค่ะคุณพ่อ"
"ไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะดูแลลูกของคุณให้เหมือนคนในครอบครัว" ฤดีผู้เป็นภรรยาเจ้าของบ้านพูดเพื่อคลายความกังวลใจให้กับทุกคน
"ขอบคุณนะฤดี"
"ค่ะ" ฤดีกอดม่านฟ้าแล้วพาหล่อนเข้าไปภายในตัวบ้าน
"ป้านวลฝากเอากระเป๋าไปไว้ในห้องที่เพิ่งทำความสะอาดหน่อย" เสียงเล็กที่ฟังดูสุขุมเอ่ยขึ้น
"ได้ค่ะคุณหญิง" สาวรับใช้ข้างกายรับคำสั่งจัดแจงสัมภาระของผู้มาใหม่ให้เข้าที่ตามนายสั่ง
"ไปกันเถอะม่านฟ้า เดี๋ยวอาจะพาหนูไปห้องของหนู" ฤดียิ้มให้หญิงสาวและเดินนำเธอไปยังห้องนอนดังกล่าว
"เดี๋ยวฟ้าจัดของเองค่ะ ขอบคุณมากนะคะ" ม่านฟ้ากล่าวเสียงนุ่มนวลพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ
"ไปเถอะป้านวล ไปจัดเตรียมอาหารเย็นเถอะ ม่านฟ้าเพิ่งมาถึงเมื่อครู่คงจะเหนื่อยจะได้รับประทานอาหาร"
"ค่ะคุณหญิง" สาวใช้โค้งตัวลงและเดินผ่านหน้าของทั้งสองไปในทันที
"ม่านฟ้าไปอาบน้ำ เสร็จแล้วลงไปทานอาหารนะอาจะรอ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เมตตาฟ้า"
"จ้ะ เป็นเด็กดีนะ" ฤดีปลอบประโลมลูมผมดำเงาของม่านฟ้าอย่างเอ็นดู
"ค่ะ" หญิงสาวจัดเตรียมของเครื่องใช้ให้เข้าที่ ผ้าขนหนูสีขาวถูกหยิบออกมาจากตู้หล่อนพาดบ่าอย่างเคยตัว เธอเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำกิจธุระส่วนตัวให้เสร็จสับ เวลาผ่านไปชั่วขณะหญิงสาวก็อาบน้ำแต่งด้วยชุดนอนสุภาพเสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวสีขาวเช่นกัน สองเขายาวก้าวออกจากห้องสี่เหลี่ยมเพื่อไปร่วมรับประทานอาหาร
"มานั่งตรงนี้สิม่านฟ้า" ฤดีผายมือให้หล่อนมานั่งข้างกายของตน
"ม่านฟ้า นี่ลิษาเป็นหลานของอาเอง" ม่านฟ้ายิ้มให้ลิษาผู้ที่นั่งตรงข้ามกับเธอ
"สวัสดีค่ะคุณลิษา" ม่านฟ้ายกมือไหว้ผู้ที่มีอายุไร่เรี่ยกับตน
"ทานอาหารเถอะค่ะลิษาหิวแล้ว" การกระทำของลิษาทำเอาม่านฟ้าหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยราวกับถูกหักหน้า เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพื่อข่มอารมณ์นอยเมื่อครู่
"ไม่ทานหรอม่านฟ้า" ฤดีมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆตน หล่อนนิ่งไปชั่วขณะ
"ค.. คะ" ม่านฟ้ามองอาฤดีด้วยแววตาที่มีความกังวลและประหม่าอยู่เล็กน้อย
"ทานนี่หน่อยนะ คงจะเดินทางมาเหนื่อยๆรีบทานจะได้รีบขึ้นไปพักผ่อน"
"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้ายิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะลงมือรับประทานอาหาร แต่ทว่าไม่วายมีคนมาก่อกวน
"ใครกันหรอคะคุณอา" ลิษาหันไปถามเดชณรงค์ผู้มีศักดิ์เป็นอาของเธอ ลิษามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก
"เป็นลูกของเพื่อนอาเอง เขามาอยู่เพราะว่าธุรกิจล้มละลายเป็นหนี้ อาเลยอาสารับม่านฟ้าเข้ามาดูแลระหว่างที่พ่อกับแม่ของม่านฟ้าหาเงินมาใช้หนี้"
"อ่อ ที่ก็ผู้ดีตกกระป๋องนี่เอง" คำพูดของลิษาทำเอาทุกคนในโต๊ะอาหารถึงกับไม่พอใจ
"ลิษา ทำไมไปพูดกับม่านฟ้าอย่างนั้นล่ะหลานรัก ม่านฟ้าอายุมากกว่าเราด้วยนะมีศักดิ์เป็นพี่"
"ไม่ค่ะ ลิษาไม่รับมันเป็นพี่ใครที่ไหนก็ไม่รู้ มันจะมาแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าใช่ไหมคะ" ลิษาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจแววตาเจ้าแค้นหันไปมองม่านฟ้าราวกับจะกินคนตรงหน้า
"ใครจะแย่งอาไปจากหลานได้ล่ะ ไม่คิดแบบนี้สิลิษาขอโทษพี่เขาก่อนเร็ว"
"ไม่ค่ะ ลิษาไม่ขอโทษ" ลิษายังทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมลดหย่อนมองม่านฟ้าด้วยสีหน้าไม่พอใจยิ่งทำให้ม่านฟ้ารู้สึกอึดอัดที่จะอยู่ตรงนี้
"ฟ้าอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ" ม่านฟ้าที่กำลังจะก้าวขาลุกออกจากเก้าอี้ แต่ก็ต้องหยุดการกระทำนั้นไว้เมื่อมีใครบางคนพูดแทรกขึ้นมา
"เสียมารยาท เคยเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลมาก่อนไม่รู้หรอว่ามันไม่สมควรที่ลุกจากโต๊ะอาหารก่อนผู้ใหญ่" ม่านฟ้าได้ยินดังนั้นจึงหันไปกล่าวคำขอโทษเดชณรงค์และฤดีโดยทันที
"ขอโทษค่ะคุณลุง คุณอา" ม่านฟ้ายกมือขึ้นไหว้อย่างรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรหรอกลูก ไปเถอะ" เดชณรงค์รู้ว่าภายในจิตใจของม่านฟ้าตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก
"ไป เดี๋ยวอาไปส่ง" ฤดียืนขึ้นหันไปสบตากับม่านฟ้าเพื่อให้เธอนั้นเดินตามมา เมื่อมาถึงยังห้องสี่เหลี่ยม ม่านฟ้าก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่กล่าวอะไรสักคำ
"อาขอโทษแทนลิษาด้วยนะ"
" ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าเข้าใจ" หญิงสาวยิ้มให้คนตรงหน้าเพราะกลัวว่าฤดีจะกังวล
"เราคงคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ใช่ไหม แถมเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็ได้รับคำพูดที่มันไม่ค่อยจะดี"
"ฟ้าต้องยอมรับค่ะ เพราะฟ้าไม่ใช่คุณหนูอีกต่อไป ฟ้าเป็นแค่ผู้ที่มาอาศัยก็เท่านั้น"
"ไม่คิดแบบนี้สิม่านฟ้า" ฤดีกอดปลอบหญิงสาวที่ในใจขุ่นมัวเศร้าหมองอยู่ ณ ขณะนี้
"ทำไมชีวิตฟ้าต้องมาเจออะไรแบบนี้คะคุณอาจากที่บ้านรวยมีธุระกิจ แต่ตอนนี้ล้มละลาย ฟ้าไม่มีแม้กระทั่งบ้านให้อาศัย" ม่านฟ้าปลดปล่อยความทุกข์ออกมาผ่านดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
"ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะม่านฟ้า วันนี้มีไม่ได้แปลว่าวันต่อๆไปจะเป็นอย่างที่ใจเราหวัง อาพูดถูกมั้ย"
"ค่ะคุณอา ขอโทษนะคะที่วันนี้ฟ้าเสียมารยาทบนโต๊ะอาหาร แต่ฟ้าทนฟังไม่ได้แม้ว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเป็นความจริง" ม่านฟ้าเช็ดน้ำตาหล่อนผละออกจากอ้อมกอดของฤดี
"ไม่เป็นไรนะ อาว่าที่ลิษาพูดมันก็ไม่ถูกคนเราล้มต้องอย่าข้ามเดี๋ยวอาจะไปบอกลิษาให้นะ"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณอา ลิษาเขาดูจะไม่ค่อยชอบฟ้าสักเท่าไร เธอคงกลัวฟ้าไปแย่งความรักของคุณลุงกับคุณอา"
"ไม่คิดมากนะ ม่านฟ้ามาอยู่ที่นี่ก็เหมือนเป็นครอบครัวของอา เหมือนลูกเหมือนหลานคนนึง อาไม่อยากให้เราทำตัวเกร็งๆใส่กัน ให้คิดซะว่าอาเป็นอาของฟ้านะ"
"ค่ะคุณอา ขอบคุณนะคะที่เมตตาฟ้า" ม่านฟ้ายิ้มอ่อนให้ฤดี เธอเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจดีแถมอยู่ด้วยและรู้สึกสบายใจ
"หิวมั้ย เดี๋ยวอาไปชงนมอุ่นๆให้ดื่มรอแป๊บนึงนะ" ฤดียิ้มให้ม่านฟ้าก่อนจะย่างกายเตรียมนมอุ่นมาให้ผู้มาใหม่ ม่านฟ้าเองก็นั่งที่โต๊ะทำงานภายในห้องสี่เหลี่ยมของเธอพลางหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาทำรายงานส่งอาจารย์
"นมอุ่นๆมาแล้ว ดื่มก่อนนอนนะม่านฟ้า" ฤดีถือแก้วนมอุ่นยื่นให้กับคนตรงหน้าที่จดจ้องกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
"ขอบคุณค่ะคุณอา" หล่อนหยิบแก้วจากมือของฤดีแล้วยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
"ฟ้าทำอะไรอยู่คะดึกแล้วนะ จะ4ทุ่มแล้วเดินทางมาถึงก็เกือบจะค่ำไม่เพลียบ้างหรือ" ฤดีถามด้วยท่าทีเป็นห่วง
"ฟ้าทำรายงานส่งอาจารย์อยู่ค่ะคุณอา ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ"
"ขยันจริงๆเลยนะ แล้วเรียนอะไรอยู่ปีไหนแล้ว"
"ฟ้าเรียนบริหารค่ะ ปี3แล้ว ตอนแรกที่เรียนก็หวังว่าจบมาจะได้ช่วยคุณพ่อกับคุณแม่มาบริหารงานที่บริษัท แต่ยังไม่ทันจบก็......"
"อาเชื่อว่าถ้าม่านฟ้าเรียนจบยังไงม่านฟ้าก็สามารถบริหารที่บริษัทได้"
"ค่ะคุณอา"
"แล้วเราเรียนที่ไหนล่ะ"
" ฟ้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสินธนบุรีค่ะ"
"หื้ม... เรียนที่เดียวกับลิษาเลย ก็ดีหน่อยเวลาไปทำเรียนจะได้ไปพร้อมกัน"
"พร้อมกันหรอคะ" ม่านฟ้ากดเสียงต่ำพลางมองใบหน้าของฤดีด้วยสีหน้าที่มีความกังวล
"ไม่ต้องห่วงนะรถตู้ที่บ้านไปส่ง คนขับรถก็จะขับรถไปรับไปส่งฟ้าอย่ากังวลไปเลย"
"ค่ะคุณอา" เธอพูดไปอย่างนั้นแม้ว่าในใจลึกๆแล้วเธอรู้ดีว่าลิษาไม่ชอบเธอ แถมยังต้องไปเรียนด้วยรถคันเดียวกันอีก เธอกังวลว่าจะถูกลิษาต่อว่าและดูถูก ขนาดต่อหน้าคุณลุงและคุณอายังว่าหล่อนขนาดนี้ ลับหลังหล่อนจะโดนอะไรบ้างก็ยังไม่รู้"
"นี่ก็ 4 ทุ่มแล้วคุณอายังไม่ง่วงหรอคะ" ม่านฟ้าเอียงศีรษะถามอย่างสงสัย
"เดี๋ยวอาก็จะเข้านอนแล้วล่ะ พรุ่งนี้อามีประชุม แล้วเราล่ะทำงานจะเสร็จเมื่อไหร่นอนดึกตื่นเช้ามันไม่ดีนะ"
"ฟ้าเสร็จแล้วค่ะ แค่มาตรวจสอบงานว่าเรียบร้อยหรือเปล่า คงจะแปลกที่มั้งคะฟ้าเลยนอนไม่ค่อยหลับ" หญิงสาวถอนหายใจมือปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊คให้พับลง สายตามองไปยังห้องนอนกว้างที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย
"คิดถึงพ่อกับแม่สินะเรา"
"ค่ะฟ้าคิดถึงท่านทั้ง 2 ค่ะ ไม่เคยคิดว่าจะได้แยกกับคุณพ่อคุณแม่ อย่างน้อยถ้าวันไหนฟ้ารู้สึกไม่สบายใจก็ยังมีคุณพ่อกับคุณแม่คอยกอดฟ้า" หล่อนร่ำไห้อีกครั้งก่อนจะเดินไปยังเตียงนอน
"ยังมีอาอยู่ทั้งคน อาบอกแล้วไงฟ้าว่าให้มองอาเป็นเหมือนคนในครอบครัว ยังไงฟ้าก็คือหลานของอา อย่าคิดว่ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้วตัวคนเดียวเลยนะ อาไม่คิดจะมองฟ้าเป็นคนอื่นคนไกล" ฤดีกอดม่านฟ้าให้สยบความคิดแบบนั้น
"ขอบคุณนะคะที่ไม่รังเกียจฟ้า แถมเอ็นดูฟ้าอีก คุณลุงเดชโชคดีจังเลยนะคะที่มีภรรยาแบบคุณอา"
"สิ่งที่เห็นกับความเป็นจริงมันไม่เหมือนกันหรอกนะ" ฤดีปัดเป่าปอยผมที่ปิดบังใบหน้าของหญิงสาว
"หมายความว่าอย่างไงหรอคะคุณอา"
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ อยู่อีกหน่อยเดี๋ยวฟ้าก็รู้เอง เรียนรู้นิสัยคนในบ้านเอาเองนะ"
"ค.. ค่ะ" หญิงสาวงงกับคำพูดของฤดีอยู่ไม่น้อยแต่ไม่อยากเอ่ยปากถามอะไรมาก เพราะเธอเพิ่งจะเข้ามาอยู่ กลัวฤดีจะมองตนว่าเป็นคนสอดรู้สอดเห็น
"ให้อานอนเป็นเพื่อนหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณอา ห้านอนได้ค่ะ"
"งั้นนอนฝันดีนะม่านฟ้า" ฤดีดึงผ้าห่มมาห่มกายให้เด็กสาวพลางลูบผมสีดำดกเงางามอย่างเอ็นดู
"ฝันดีค่ะคุณอา" หญิงสาวพูดยิ้มหลับตาลง ฤดีมองคนที่กำลังหลับอย่างเอ็นดู
สองเท้าก้าวเบาๆเพราะเกรงว่าจะทำให้ม่านฟ้านั้นตื่นเธอปิดไฟในห้องก่อนจะค่อยปิดประตูอย่างช้าๆ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments