หลังจากพาสองสาวทัวร์ไร่แล้วคุณอาหนุ่มก็พากลับ เพราะได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว เจ้าขาแอบมองใบหน้าหล่อเหลาของ ‘พี่ณดล’ สรรพนามใหม่ที่เธอต้องเปลี่ยนเรียกเขาโดยความบังเอิญ จะมีอะไรบังเอิญและโลกอะไรจะกลมไปกว่านี้อีกแล้ว แค่เป็นผู้ปกครองของลูกศิษย์ตัวน้อยยังไม่พอ ยังกลายมาเป็นลูกชายของลุงอาจเพื่อนสนิทของพ่อเธอไปอีก เจ้าขาคิดแล้วก็ถอนใจออกมาเบาๆ จนคนที่กำลังทำหน้าที่สารถีขับรถต้องมองมาแล้วถามขึ้น
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” ณดลเอ่ยถามเสียงนุ่ม ผิดกับเจ้าขาที่กำลังไม่ชินกับสรรพนามและคำพูดคำจาของเขาที่ใช้พูดกับเธอ
‘คะ, พี่ หึๆ แต่ละคำมันช่างจั๊กกะจี๋หัวใจดวงน้อยให้คันยุบๆ ยิบๆ เสียจริงๆ’
เจ้าขาส่งยิ้มให้ก่อนที่จะส่ายศีรษะไปมาเบาๆ ณดลจึงส่งยิ้มมาให้ก่อนที่จะขับรถต่อไปจนรถกอล์ฟมาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน หลานสาวตัวน้อยก็จูงมือคุณครูคนสวยเข้าบ้านก่อนผู้เป็นอา ณดลมองตามสองสาวด้วยรอยยิ้ม พอทั้งสามมาถึงห้องรับประทานอาหารก็พบว่าผู้ใหญ่ทั้งสามนั่งรอทานมื้อกลางวันอยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้รอ” เจ้าขายกมือไหว้ น้องน้ำหวานก็ทำตามคุณครูคนสวยเรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ทั้งสามได้เป็นอย่างดี ก่อนที่คุณหนึ่งฤทัยจะเอ่ยถามขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ว่าแต่เป็นไงบ้างที่ไร่เรา สู้ไร่ของคุณพ่อวิโรจน์ของหนูได้หรือเปล่า”
“ไร่ของคุณลุงคุณป้าสวยมากเลยค่ะ อยู่ใกล้ธรรมชาติมากกว่าไร่ของพ่อที่พานอีก” เจ้าขาตอบตามความจริงเรียกเสียงหัวเราะดังมาจากคุณองอาจและคุณวิโรจน์ได้เป็นอย่างดี
“มาลูกมา พากันมาทานมื้อเที่ยงได้แล้ว เดี๋ยวพ่อจะได้พาลุงโรจน์ไปชมไร่บ้าง”
คุณองอาจบอกเด็กๆ ณดลเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้กับเจ้าขาก่อน เธอส่งยิ้มพร้อมเอ่ยขอบคุณเขา และเขาก็เดินไปเลื่อนให้หลานสาวสุดที่รักบ้าง น้องน้ำหวานก็พูดตามแบบคุณครูคนสวยเช่นกัน คุณหนึ่งฤทัยมองมาแล้วอดที่จะปลื้มเจ้าขาไม่ได้ สมแล้วที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กๆ จริงๆ
ครอบครัวเสสกุลและเอกดำรงกุลที่ขาดเพียงคุณอมรรัตน์คนเดียวเพราะไม่ได้มาด้วยนั่งคุยกันหลังจากมื้ออาหารสักพัก สองหนุ่มใหญ่ก็พากันไปชมไร่ ส่วนเจ้าขาก็โดนลูกศิษย์ตัวน้อยลากออกไปที่ห้อง ที่โต๊ะจึงเหลือณดลกับคุณหนึ่งฤทัยมารดาเพียงสองคน คุณหนึ่งฤทัยเห็นได้โอกาสจึงแอบเลียบๆ เคียงๆ ถามบุตรชายเพื่อความแน่ใจ
“คนนี้แน่นอนใช่ไหมตาดล”
“ครับคนนี้แหละ แม่ของลูกในอนาคต” ณดลตอบมารดาอย่างมั่นใจพร้อมกับรอยยิ้ม
“แล้วน้องเขารู้หรือเปล่าว่าเราชอบเขาอยู่น่ะ” คุณหนึ่งฤทัยอดที่จะถามบุตรชายถึงความก้าวหน้าเรื่องหัวใจไม่ได้
“ยังไม่รู้หรอกครับ เพราะผมยังไม่เคยบอกน้องเค้า อาจจะเคยแสดงออกแบบอ้อมๆ ไปบ้าง ก็อย่างที่คุณแม่รู้ เจ้าขายังไม่เคยมีแฟน แถมความรู้สึกช้าเรื่องแบบนี้อีก ผมก็เลยอยากจะใช้เวลานี้ศึกษาดูใจน้องเขาไปพลางๆ ก่อน แต่อันที่จริงผมก็แน่ใจอยู่แล้วนะครับ ว่ายังไงภรรยาในอนาคตของผมก็ต้องเป็นเจ้าขาคนนี้”
ณดลบอกมารดาอย่างมั่นใจ ในสายตาเขาไม่เคยมีใครมาก่อน จนได้มาพบกับเธอ รอยยิ้มหวานๆ ติดตราตรึงใจตั้งแต่แรกที่เห็น ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งรู้สึกดีกับเธอมากขึ้นไปเรื่อยๆ
“อย่าช้ามากนักล่ะตาดล น้องสวยขนาดนี้ หน้าที่การงานก็ดี กิริยามารยาทก็ดี แม่ร้อยทั้งร้อยก็อยากได้ลูกสะใภ้แบบหนูเจ้าขานี่แหละ” คุณหนึ่งฤทัยอดที่จะกังวลไม่ได้ เพราะถ้าพลาดจากเจ้าขาไปเธอกลัวว่าเจ้าลูกชายจะไม่ยอมเปิดหัวใจรักใครอีกเลย
“เปิดเทอมนี้แหละครับ คุณแม่รอฟังข่าวดีได้เลย ตอนนี้ปล่อยให้เธอได้หายใจโล่งๆ ไปก่อน เพราะต่อจากนี้ไปผมจะรุกหนักแล้ว” ณดลบอกมารดาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จนโดนมารดาตีเข้าที่ต้นแขนล่ำเบาๆ
“แล้วอย่าไปล่วงเกินอะไรน้องล่ะ เข้าใจไหม เราต้องเป็นสุภาพบุรุษ ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย และสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ๆ เรา ไม่ใช่ไปทำให้เขาระแวงจนไม่อยากจะเข้าใกล้เราล่ะตาดล”
คุณหนึ่งฤทัยสอนบุตรชายด้วยความเป็นห่วง เพราะบุตรชายของตนยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องของความรัก กลัวว่าถ้าหวังมากพอผิดหวังมาจะทำให้ตั้งหลักไม่ได้
“ครับ ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายที่ชื่อณดล เสสกุลเลย”
ณดลทำท่าแบบลูกเสือสามัญจนมารดาอดที่จะขำบุตรชายไม่ได้ โตจนอายุยี่สิบเจ็ดย่างยี่สิบแปดแล้ว ยังชอบทำตัวเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ เวลาที่ได้อยู่กับเธอสองต่อสองแบบนี้
การเยี่ยมชมไร่ของคุณวิโรจน์กับคุณองอาจ ผ่านพ้นไปและได้ข้อสรุปว่าทางไร่เอกดำรงกุลควรจะนำองุ่น ทุเรียน กับส้มมาช่วย เพราะดูจากผลผลิตที่ไร่นี้แล้วไม่น่าจะพอกับยอดการจองเพื่อมาเข้าชม ซึ่งคุณองอาจก็ตกลงจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้แทนการชั่งกิโล คุณวิโรจน์ก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด เพราะเป็นเพื่อนกันก็ย่อมต้องช่วยกัน
ก่อนที่คุณวิโรจน์และเจ้าขาจะขอตัวกลับ ณดลจึงเอ่ยชวนเจ้าขาไปสอนเด็กบนดอยในอีกสองวันข้างหน้า เขาจะขึ้นไปบนดอยเพื่อทำอาหารเลี้ยงเด็กๆ เจ้าขาเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี และเธอก็ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้วด้วยจึงตอบตกลงโดยแทบไม่ต้องตัดสินใจอะไรเลย ทำเอาณดลดีใจยิ้มกว้างจนเก็บอาการไม่อยู่ เจ้าขาก็อดที่จะยิ้มกับท่าทางดีใจของเขาไม่ได้ หัวใจดวงน้อยมันสั่นไหวรุนแรงทุกทีที่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเขา
'ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่านี่คืออาการตกหลุมรัก'
สาวสวยคิดได้ดังนั้นจึงขอตัวลาผู้ใหญ่ทั้งสองและลูกศิษย์ตัวน้อย ก่อนที่จะหันมายกมือไหว้ลาณดลและขึ้นรถกลับไร่ไปกับบิดา ชายหนุ่มและหลานสาวต่างมองตามคุณครูคนสวยตาละห้อยจนผู้ใหญ่ทั้งสองอดที่จะขำออกมาไม่ได้ นี่ขนาดยังไม่ได้เขามาเป็นแฟนยังติดเขาขนาดนี้ ถ้าได้มาเจ้าขาคงไม่ต้องไปไหนคนเดียวอีกแล้วล่ะมั้ง เพราะต้องมีสองอาหลานนี้ตามเป็นเงาอย่างแน่นอน
สองวันถัดมา
ณดลขับรถไปพร้อมกับคุณหนึ่งฤทัย ป้าแก้วแม่บ้าน และน้องน้ำหวาน ไปรับเจ้าขาที่ไร่เอกดำรงกุลในอำเภอพาน ก่อนที่จะพากันมุ่งตรงไปที่ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ติดกับอำเภอพาน โรงเรียนกลางหุบเขาที่เด็กๆ ส่วนมากเป็นเด็กมาจากชนเผ่าม้ง ฐานะทางบ้านยากจน อาชีพของคนที่นั่นส่วนใหญ่มักจะปลูกผักขาย
ใช้เวลาเดินทางจากอำเภอพานเพียงไม่นานรถก็เคลื่อนเข้าสู่อำเภอเทิง วันนี้ณดลเลือกใช้รถออฟโรดของบิดาในการเดินทาง เพื่อสะดวกที่ต้องใช้ในการลุย สามสาวต่างวัยนั้นพากันหลับตั้งแต่ออกจากอำเภอพานมา เหลือเพียงเขากับเจ้าขาเท่านั้นที่ยังมีสติตื่นตัวอยู่
“ปกติพี่ณดลชอบมาทำอะไรแบบนี้หรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขณะมองไปยังหนทางด้านหน้า ซึ่งรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอยู่สองข้างทาง
“ใช่ค่ะ พี่มาที่โรงเรียนเล็กๆ ที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ทุกปี ตั้งแต่น้องน้ำหวานได้ห้าขวบ นี่ก็เป็นปีที่สามแล้วล่ะ” ณดลตอบสาวสวยด้วยรอยยิ้ม เจ้าขาอมยิ้มตาม
เพียงไม่นานจึงเห็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่กลางเขา โรงเรียนที่เจ้าขาได้เห็นนั้นช่างแตกต่างจากโรงเรียนที่อยู่ในเมืองมากนัก บ่งบอกให้ได้รู้ว่างบประมาณด้านการศึกษายังเข้ามาไม่ถึง ทันทีที่ณดลจอดรถที่บริเวณโรงเรียน เด็กๆ ที่เคยเจอณดลก็จำได้ และมายืนออกันอยู่ไม่ไกลจากรถมาก วันนี้คุณครูต้นอ้อบอกว่าพี่ณดลกับครอบครัวจะพากันมาเลี้ยงอาหารกลางวันพวกเขา เด็กๆ ต่างดีใจ เพราะน้อยครั้งที่จะมีผู้ใหญ่ใจดีเดินทางมามอบสิ่งดีๆ ให้พวกเขาแบบนี้ สามสาวต่างวัยเริ่มรู้สึกตัวและบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยไปมา น้องน้ำหวานตื่นเต้นมาก ปีที่แล้วเธอก็ได้มาที่หมู่บ้านแห่งนี้
“สวัสดีครับ/ค่ะ อ้ายณดลคนหล่อ”
เหล่าเด็กน้อยทักทายณดลอย่างพร้อมเพรียงกัน ทำเอาเจ้าขาอดที่จะแอบขำกับสรรพนามที่เด็กๆ เรียกขานเขาไม่ได้
“พี่ณดลสอนเด็กๆ พูดแบบนี้หรอคะ” เจ้าขาเอ่ยถามเขาพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่ค่าคุณครูเจ้าขา คุณอาณดลสอนน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่นี่เองค่ะ ทุกคนเลยจำเอาไว้ว่าเวลาที่คุณอาณดลมาต้องเรียกว่าอะไร” เด็กหญิงพิชญ์สินีรีบเล่าตัดหน้าผู้เป็นอาทันที ณดลได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กับสาวๆ ต่างวัย ก่อนที่จะเดินไปหาเด็กๆ
“สวัสดีครับเด็กๆ วันนี้อ้ายณดลคนหล่อจะมาทำอาหารกลางวันให้เด็กๆ ได้ทานกันครับ” น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นที่ใช้พูดกับเด็กๆ เรียกสายตาชื่นชมและรอยยิ้มมาจากเจ้าขาได้เป็นอย่างดี
“เย้ๆๆ พวกเราดีใจที่พี่ณดลคนหล่อมาครับ/ค่ะ” เด็กๆ รีบร้องอย่างใจ ก่อนที่ณดลจะเดินนำผู้ใหญ่ทั้งสามไปพร้อมกับอุ้มน้องน้ำหวานไปกับเขาด้วย เด็กๆ รายล้อมเขาอย่างมีความสุข
การทำอาหารมื้อนี้มาจากวัตถุดิบที่ณดลเตรียมมาจากที่บ้าน เขาผัดผักใส่กุ้งให้กับเด็กๆ ทั้งสามสิบคนได้ทาน และมีขนมมาแจกให้เด็กๆ ด้วย เจ้าขาสอนเด็กๆ วาดภาพ ระหว่างรอณดลทำอาหาร น้องน้ำหวานเป็นฝ่ายเก็บภาพคุณอาณดลคนหล่อ คุณย่าหนึ่งกับคุณย่าแก้วที่คอยช่วยคุณอาหยิบจับทำอาหารอยู่ภายในห้องครัวที่เป็นเหมือนศาลาของโรงเรียนแห่งนี้
ดีที่ว่าณดลนั้นพกอุปกรณ์บางอย่างมาด้วย จึงทำให้ไม่ลำบากจนเกินไป หลังจากที่น้องน้ำหวานเก็บภาพในครัวเสร็จ เด็กหญิงตัวน้อยก็ไปเก็บภาพคุณครูคนสวยที่กำลังสอนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ วาดรูปกันอยู่อย่างสนอกสนใจ กระดาษวาดรูปและสีนั้นเจ้าขาเป็นฝ่ายนำมาแจกให้เด็กๆ รอยยิ้มจากคุณครูคนสวยทำให้เด็กๆ ต่างมีความสุขกับกิจกรรมในวันนี้เป็นอย่างดี
และแล้วมื้อกลางวันก็มาถึง อาหารฝีมืออ้ายณดลคนหล่อ หน้าตาน่าทาน รสชาติแสนอร่อยถูกใจ เด็กๆ จัดการอาหารในจานจนไม่เหลือข้าวแม้แต่เม็ดเดียว ทำให้คนทำอดที่จะปลื้มใจเป็นไม่ได้ เจ้าขาที่มองเขาอยู่ก็พลอยยิ้มมีความสุขไปกับเขาด้วยเช่นกัน สองหนุ่มสาวแอบส่งยิ้มให้กันเป็นระยะ
ความสัมพันธ์ในวันนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกระดับแล้วโดยที่ทั้งสองหนุ่มสาวไม่รู้ตัว จะมีก็แต่ผู้ใหญ่ที่แอบมองคนทั้งคู่อยู่เช่นกัน คุณหนึ่งฤทัยมองแล้วมีความหวังว่าวันหนึ่ง สองหนุ่มสาวจะมีใจให้กันโดยธรรมชาติ เธอหันไปยิ้มกับป้าแก้วอย่างรู้กัน หากวันนี้อมรรัตน์ มารดาของคุณครูสาวไม่ป่วยก็คงจะได้มาด้วยกัน น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยเพราะเธอทั้งสองก็แอบเชียร์ลูกๆ ให้คบกัน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 46
Comments