ราชาที่แท้จริง

ราชาที่แท้จริง

บทนำ ชนเผ่าแห่งป่าทมิฬ

ณ ใจกลางของโลกมีผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลที่แผ่ขยายอนาเขตกว้างออกไปถึงสามส่วนของผืนโลก ป่าแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ที่มนุษย์อยู่อาศัยเป็นกลุ่มชนเผ่าต่างๆมากมายกระจัดกระจายอยู่ตามเขตุต่างๆในป่าอันกว้างใหญ่นี้

แต่มีอยู่ชนเผ่าหนึ่งที่ได้ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานและรุ่งโรจน์กว่าชนเผ่าอื่นร่วมกับสัตว์ป่ามากมาย ก่อเกิดเป็นอาณาจักรที่รุ่งโรจน์และก้าวหน้าเหนือทุกชนเผ่าอันมาจากการปกครองของราขาที่ขึ้นชื่อได้ว่าโหดร้ายทารุนมากที่สุดในดินแดนแห่งนี้ ราชาออกคำสั่งให้พวกเขาแสวงหาสงครามและบูชาเทพเจ้าก่อเกิดขึ้นเป็นอารยธรรมซึ่งมีความเชื่อว่ามนุษย์ทุกผู้คนที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแห่งนี้นั้นอยู่ภายใต้การปกครองของเทพแห่งผืนป่าที่เชื่อว่าเป็นเทพที่มีมานานตั้งแต่ครั้งสร้างโลก มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับพรจากพระเจ้าให้สร้างผืนแผ่นดินป่าไม้เขียวขจีและสรรพสัตว์ทุกตนบนผืนโลก

องค์ราชาเชื่อว่าพระองค์ได้รับเลือดจากเทพแห่งผืนป่าให้เป็นคู่ครองจึงทำทุกหนทางให้อาณาจัดรนั้นรุ่งโรจน์เพื่อที่ตนจะได้กลายเป็นชายาที่สมพระเกียรติ์ของเทพผู้ยิ่งใหญ่

พระองค์ลุ่มหลงและกระหายซึ่งการฆ่าฟันด้วยความแค้นและความวิปริตที่ฝังรากอยู่ภายในจิตใจของตน ความมัวเมาในตัณหาที่มีต่อร่างจำแลงของเทพนำพาอาณาจักรให้เจริญด้วยอารยธรรมอย่างหาที่สุดมิได้ หากไม่ใช่คนใกล้ชิดก็ยากจะรับรู้ถึงข้อนี้พวกเขาถูกปลูกฝังให้แสวงหาความรู้และวิทยาการด้วยเหตุผลของการเป็นใหญ่และกลายเป็นผู้เจริญ

หากแต่เทพที่มนุษย์บูชานั้นกลับต้องถูกจองจำและทุกข์ทรมาณด้วยความบาปของมนุษย์

เทพผู้ยิ่งใหญ่ได้ดูดซับเอาความชั่วร้ายของเหล่ามวลมนุษบางส่วนมาไว้ที่ตนเองเพราะรักมนุษย์มากจนยากจะทำลาย เมื่อแปดเปื้อนก็ไม่อาจมีหน้าขึ้นไปบนสวรรค์ได้จึงจองจำตนเองเอาไว้ในหุบเขาทมิฬตรงรอยแยกของผืนดินและถูกความมืดกัดกินจนกลายเป็นสัตว์ร้าย

เมื่อราตรีกาลมาเยือนความมืดที่เกาะกุมอยู่บนผิวหนังก็จะกัดกร่อนและบาดลึกเข้าไปถึงกระดูก ความเจ็บปวดจึงค่อยๆลดทอนสติที่มีหายกลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดเนื้อก็เท่านั้น

หากวันใดที่อสูรร้ายทนต่อความหิวโหยไม่ไหวจนยื่นแขนออกมานอกรอยแยกของถ้ำก็จะถูกเทพจันทรายิงธนูศักดิ์สิทธิเข้าฟาดฟันจนบาดเจ็บสาหัสให้ได้ถอยร่นกลับเข้าไปในมุมมืด

ซึ่งใจกลางผืนป่าของโลกตามความเชื่อของชาวมายันที่เชื่อว่าเป็นหุบเหวเชื่อมต่อกับปรโลกหรือนรกในอีกความหมายหนึ่งนั้นเป็นสถานที่เดียวกันกับที่ได้จองจำเทพแห่งผืนป่าไว้

โดยชาวมายันนั้นบูชาพระจันทร์และเทพแห่งผืนป่าด้วยความเชื่อที่ว่าเทพทั้งสองคอยปกป้องคุ้มครองพวกเขาจากอันตรายภายนอกที่ย่างกรายมาในยามราตรี ทุกคนล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ทำจากหนังสัตว์ ที่จะแบ่งตามลำดับชนชั้นทางสังคมที่แบ่งตามวรรณอย่างชัดเจน

ราชาของพวกเขาได้กล่าวเอาไว้เมื่อครั้งที่ขึ้นเป็นราชาว่า

'มันผู้ใดใส่สีขาวให้มันเป็นแพทย์ วิทยาธรและปราชญ์

มันผู้ใดใส่สีดำให้เป็นทหารคอยรับใช้ข้าและกองทัพ

มันที่ใส่สีน้ำตาลให้เป็นแรงงานคอยแบกหามก่อสร้างเมือง

มันที่ใส่สีแดงให้เป็นมหาดและขุนนางอยู่ในพระราชวังหิน

มันที่ใส่สีเขียวทำเกษตรคอยเลี้ยงคนในอาณาจักร

ส่วนมันที่ใส่สีน้ำข้าให้มันทำงานที่เหลือจากที่ไม่ได้พูดไป ส่วนไอ้พวกที่นุ่งใบไม้ข้าให้เป็นทาสคอยแบกหามและทำงานที่ไม่สำคัญ'

​​ในส่วนอาวุธเองก็ทำมาจากแร่ที่พอจะหาได้เช่นหินหรือเหล็ก ส่วนทองคำและหนังสัตว์หายากมักจะเป็นของชนชั้นปกครองแต่เพรชพลอยนั้นสงวนไว้ให้องค์ราชาและขุนนางชั้นสูง

ตามตำนานที่ได้มีการบันทึกเอาไว้ของเผ่ามายันนั้นได้จารึกเอาไว้บนแผ่นศิลาหินขนาดใหญ่เอาไว้ว่า

'เมื่อครั้งแรกที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้อพยพออกจากชายป่าอีกฟากที่อยู่ภายนอกเขตุป่าใหญ่ ได้เดินทางหลบหนีวันวิปโยคที่ผืนดินและน้ำแข็งเหมือนหินและหนาวเย็นจนกัดกร่อนถึงในกระดูกเข้ามาในป่าใหญ่เพื่อกนีจากปีศาจร้ายมายังดินแดนแห่งนี้

ตรงชายป่าของโลกนั้นเองที่พวกเขาได้พบกับเทพแห่งผืนป่าในรูปลักษณ์ที่สง่างามเปี่ยมไปด้วยอำนาจยืนปกป้องพวกเขาจากปีศาจตนนั้น

พระองค์ยิงธนูสีทองสว่างปักลงตรงกลางศรีษะของปีศาจร้ายให้ล้มตึงตรงทางเข้า ต่อมาพระองค์ก็ได้ใช้พลังที่มีอยู่ส่วนหนึ่งถางป่าที่ใกล้กับที่พำนักของตนให้มนุษย์ได้ตั้งรกรากอยู่อาศัย อีกทั้งยังสอนให้พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะออกล่าอาหารและทำสงครามเพื่อขยายดินแดนของตน ต่อมาวิทยาการของพวกเขาก็เจริญก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆจนกลายมาเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่

เมื่อมนุษย์มีจำนวนที่มากขึ้นเทพแห่งผืนป่าที่รักสงบก็กลับเข้าไปอยู่ในที่พำนักของตน เป็นเวลากว่าห้าร้อยปีที่ไม่มีมนุษย์คนใดได้พบเจอเทพแห่งผืนป่าอีกเลย จะมีก็แต่เสียงร้องคำรามที่จะดังขึ้นในทุกคืนจันทร์สีเลือดเพียงเท่านั้น ซึ่งเสียงร้องคำรามของสัตว์ใหญ่อันเจ็บปวดและน่ากลัวทำให้ผืนป่าโดยรอบหุบเหวเริ่มเฉาตาย สัตว์น้อยใหญ่ที่ย่างกรายเข้าไปต่างก็กลายเป็นเพียงเศษซากก้อนเนื้อเละๆเท่านั้น ซึ่งชาวมายันทุกคนรวมไปถึงองค์ราชานั้นเชื่อว่าเสียงสัตว์ร้ายที่ได้ยินคือเสียงของปีศาจที่เทพแห่งผืนป่าได้ทำการกำจัดเพื่อปกป้องพวกตน มีเพียงมนุษย์จำนวนหนึ่งเท่านั้นทีืพากันอพยพออกมาจากดินแดนต้องคำสาป แยกย้ายกันไปสร้างชนเผ่าเหลือเพียงบางส่วนที่ยังจงรักภักดีอาศัยอยู่บริเวณใกล้กันกับรกรากเก่ารอคอยวันเวลาที่เทพของตนจะเสด็จมาเยือนอีกครั้งอันเป็นอาณาจักรที่ราชาผมสีโลหิตได้ปกครองอยู่ในปัจจุบัน

บนศิลาหินได้จารึกเอาไว้ปีก่อนวันที่จันทรุปราคามาเยือนนั้นว่า ท่านเทพรูปงามได้เสด็จออกจากหุบเหวมาเยือนมนุษย์ของพระองค์อีกครั้งในรอบสี่ร้อยปี ในครั้งนี้พระองค์ร้องขอค่าตอบแทนด้วยชีวิตของเจ้าสาวที่พระองค์คัดสรร จะเป็นใครก็ได้ในเผ่าที่เกิดมามีดวงตาสีทอง หากมีคนผู้นั้นกำเหนิดขึ้นมาภายในอาณาจักรคนผู้นั้นจะต้องถวายตัวเป็นเจ้าสาวให้กับพระองค์เพื่อแลกกับชีวิตนิรันดร์ ซึ่งในทุกๆหนึ่งร้อยปีจะมีเจ้าสาวกำเนิดขึ้นมาเพียงคนเดียวเท่านั้น และอาณาจักรจะต้องส่งมอบเจ้าสาวเมื่อคืนก็พระจันทร์สีเลือดเวียนมาถึงให้กับพระองค์

เมื่อตอนที่ท่านกล่าวจบก็ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ของต้นทมิฬลงผืนดิน มันเติบโตเป็นต้นอ่อนทันทีที่ได้สัมผัสกับผืนพสุธา ก่อนที่ท่านเทพแห่งผืนป่าจะจิ้มนิ้วของตนไปที่หน้าผากของชายคนหนึ่งในเผ่า แล้วเดินหายลับไปกับผืนป่าเบื้องหลัง นับตั้งแต่นั้นมาต้นไม้ทมิฬก็เจริญเติบโตและหลั่งหยาดน้ำสีทองประกายออกมาจากรอยแยกของลำต้นมานานหลายร้อยปี

เจ้าสาวทั้งหญิงและชายนับสิบคนที่เป็นลูกหลานของชายผู้นั้นไม่เคยหวนกลับมายังหมู่บ้านอีกเลยเมื่อถวายตัวเป็นเจ้าสาว ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครสงสัยหากได้ชีวิตนิรันดร์ก็คงไม่อยากจะหวนกลับมาเป็นมนุษย์ธรรมดาเช่นเดิมอีกจึงไม่มีผู้ใดทัดทานหรือคิดเสาะแสวงหาบุคคลเหล่านั้นเลย

 

มนุษย์ผู้โงาเขลาพวกเขาใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวันและบูชาเทพของตนตลอดเวลา ด้วยหวังว่าคำภาวนาของพวกเขาจะแบ่งเบาความหิวกระหายและทุกข์ทรมานของเทพที่เคารพได้ไม่มากก็น้อย เพื่อเติมพลังให้พระองค์ต่อกรกับสัตว์ร้ายในทุกๆคืนเป็นเวลานานนับพันปี

.

.

.

1,221 ปี หลังจากการอพยพ ในศักราชของราชากาเรนที่ 25

 

สนมนางหนึ่งของพระองค์ได้ให้กำเนิดโอรสในคืนที่พระจันทร์กลายเป็นทรงกลด ในคืนนั้นผู้คนต่างกล่าวขานว่าแผ่นดินสนั่นหวั่นไหวเหมือนวันมหาวิปโยคอยู่หลายนาที บ้านเมืองพังทลายและหินศิลาพันปีที่วิหารหินได้ถูกแรงสั่นสะเทือนป่าขาดออกเป็นสองท่อน

ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของประชาชนที่หวาดกลัวภัยพิบัติทารกเพศชายเจ้าของเรือนผมสีแดงโลหิตได้กำเนิดขึ้นมาจากครรภ์ของพระสนมพร้อมกับดวงตาสีทองเครื่องหมายของเจ้าสาวแห่งท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้ลืมตาขึ้นดูโลก

เสียงร้องของทารกเปรียบเสมือนความหวังสำหรับองค์ราชา หากแต่ทารกนั้นต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าเมื่อพระมารดาของทารกสิ้นใจทันทีที่ได้พบหน้าบุตรของนางทิ้งให้ทารกเพศชายร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของพระบิดาอย่างไม่มีวันหวนกลับ

มานา คือชื่อเรียกขานพระโอรสขององค์ราชากาเรนที่ถูกตั้งด้วยตัวพระองค์กับสนมรักเมื่อครั้งที่นางยังมีชีวิต

พระองค์ตามพระทัยเจ้าชายและประทานอต่สิ่งที่ดีเลิศที่สุดให้กับองค์ชายก่อนจะได้พบรักกับพระสนมคนใหม่ นั่นทำให้องค์ชายไม่พอพระทัยและเริ่มกลายเป็นเด็กก้าวร้าว 

ทารกผู้น่ารักที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดีภายในพระราชวังกลางป่าใหญ่ เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความร้ายกาจที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แววตาของเขาแสนจะแข็งกร้าวและหยิ่งผยอง เป็นที่น่ารังเกียจในกลุ่มเด็กวัยเดียวกัน องค์ชายมานาใช้ชีวิตภายในพระราชวังที่แสนเปล่าเปลี่ยวโดนไร้ซึ่งสหายที่จะคบค้าสมาคมกับตน แต่ในเรื่องของความเฉลียวฉลาดและเก่งกาจในเพลงดาบนั้นองค์ชายก็ถูกยอมรับได้ว่าเป็นเลิศเหนือทุกผู้ในชนเผ่า

หากแต่มานานั้นเกลียดพระชายาของพระบิดาตนสุดจะบรรยายเพราะแม้แต่พระบิดาบิดาที่เคยรักตนเพียงคนเดียวและพร่ำบอกว่ารักมารดาของตนสุดหัวใจเองก็ปันใจไปให้นาง พระองค์ทรงอภิเษกสมรสใหม่กับธิดาจากต่างเมืองแล้วแต่งต้งให้กลายเป็นพระชายาทั้งๆที่มารดาของตนเป็นได้เพียงพระสนม 

ด้วยความที่เขามีนิสัยที่คิดอิจฉาและใฝ่สูง ลุ่มหลงในการทำสงครามตั้งแต่อายุยังน้อยและชื่นชอบในการทำลายล้าง พี่น้องต่างมารดาไม่ว่าจะหญิงหรือชายที่กำเนิดขึ้นมาหลังจากตนต่างก็ถูกสังหารจนสิ้นชีพ ข้าราชบริภารที่ปฏิบัติไม่ถูกใจหากไม่โดนทรมาน​จนตายก็ถูกทำร้ายจนพิกลพิการ 

ราชากาเรนที่เห็นถึงความร้ายกาจนี้ก็รีบร้อนหาหนทางสังหารบุตรชายด้วยกลัวว่าจะเป็นบุตรของตนคนนี้เองที่จะนำภัยมาสู่อาณาจักร ภายใต้การยุแยงของพระมเหสีที่คอยใส่ไฟอยู่ข้างกายพระองค์ด้วยพระนางเองก็ต้องการจะเอาคืนให้กับบุตรและธิดาของตนที่ถูกทำร้าย

หลังจากที่องค์ราชาอดทนมานานเจ้าชายก็ถูกขับไล่ออกจากเมืองด้วยข้อหาตั้งตนเป็นทรราชเมื่อทรงสังหารพระชายาคู่พระทัยให้สิ้นชีพต่อหน้าพระองค์กลางที่ประชุม โดยองค์ชายนั้นได้ยินถึงแผนลอบสังหารพระองค์ของนางจึงลงมือสังหารทิ้งเสีย และนั่นได้ทำให้องค์ราชาหมดความอดทนเสมือนหางเส้นสุดท้ายที่ขาดสบั้น

เด็กชายผมแดงจำต้องวิ่งหนีทหารที่ตามมาสังหารตนเข้าไปในผืนป่าใหญ่อาศัยอยู่ท่ามกลางความลำบากนานัปการที่ร้ายล้อมรอบกายตน

ยามนอนหลับเขาก็ต้องคอยสดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงอะไรก็ตามเคลื่อนที่เข้ามาหาตนเพราะหวดกลัวสัตว์ร้ายจะบุกเข้ามาหา ต้องทนอดมื้อกินมื้อจนในบางคราก็จำใจต้องขุดดินหาหนอนแมลงมาประทังชีวิตแทนอาหาร

เมื่อไร้ซึ่งคมหอกและดาปเด็กก็ยังคงเป็นเด็กต่อให้ร้ายกาจเพียงใดก็ยากจะเอาตัวรอดในป่าเพียงลำพัง มีหลายคราที่องค์ชายร้องไห้ด้วยความกวดกลัวหวาดกลัวและเหว่ว้า ในบางคราก็กรีดร้องทำลายทุกสิ่งรอบตัวด้วยความเคียดแค้น 

จนเมื่อเศษเสี้ยวของดวงจิตเทพแห่งผืนป่าที่อยู่ในละแวกนั้นได้มาพบเห็น

เมื่อสปตาเข้ากับดวงตาสีทองขององค์ชายดวงจิตนั้นก็ได้ให้การช่วยเหลือในทันทีเพราะรู้ได้ว่านี่คือเจ้าสาวของตน จนองค์ชายนั้นหาทางเดินออกจากป่าใหญ่มายังชนเผ่าเล็กๆแห่งหนึ่งไม่ไกลกันนั้นได้อย่างปลอดภัย

 

มานาจดจำได้อย่างดีถึงเส้นผมสีทองและดวงตาสีฟ้าสว่างที่แสนจะสวยงามเหมือนอัญมณีในมื ของพระองค์

เทพแห่งป่ามีรูปโฉมไม่ต่างจากคำบอกเล่าของแม่เฒ่าที่เขาได้ยินมา บุญคุณที่บ่อเกิดเป็นความรักของเด็กชายผู้มีจิตใจที่บิดเบี้ยวนั้นนำพาเด็กชายให้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

เขาเฝ้าคิดถึงการแก้แค้นในทุดช่วงชีวิตที่ได้เติบโตและจะต้องกลับไปฆ่าล้างทุกคนที่หักหลังตนแล้วช่วงชิงทุกสิ่งกลับคืนมา เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะถวายตัวทำลายต้นทมิฬทิ้งแล้วกลายเป็นเจ้าสาวเพียงคนเดียวและคนสุดท้ายของท่านเทพแห่งผืนป่า ความรักของเขาจะต้องไม่ถูกแบ่งไปให้ใครเหมือนอย่างที่แล้วมา

มานาเฝ้าเรียกรู้วิชาหลายแขนงและกลวิธีอันมากเล่ห์จนได้มาซึ่งตำแหน่งผู้นำเผ่า ด้วยระยะเวลาที่ผ่านไปเพียงสิบปีในที่สุดเด็กชายก็เติบใหญ่นำพาเผ่าเล็กๆให้จำเริญขึ้นเป็นอาณาจักรที่ทุดเทียมกับของบิดาตน

ก่อนจะรวบรวมกองทัพที่เก่งกาจมากมายไว้ใต้อำนาจจนยากที่มาเป็นศัตรู จนในที่สุดสิ่งที่ราชากาเรนทรงกังวลพระทัยก็มาถึง

ภัยร้ายที่อันตรายต่ออาณาจักรไม่ใช่ข้าศึกหรือประเทศอื่น หากแต่เป็นบุตรชายผู้เปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นและวิปริตของพระองค์เอง

การสู้รบของบิดาและบุตรชายจบลงด้วยการที่ศีรษะของพระองค์ถูกบั่นให้ขาดออกจากคอด้วยดาปเสี้ยวพระจันทร์ ในห้วงสุดท้ายของความตายคือใบหน้าที่บิดเบี้ยวของบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่ง องค์ราชาได้สร้างสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์ขึ้นมาเสียแล้ว แม้จะอยากกลับไปแก้ไขสักเท่าไหร่ก็สายเกินไปอยู่ดีเมื่อยามนี้พระองค์ได้สิ้นใจไปเสียแล้ว

 

หลังจากประกาศชัยชนะได้ไม่นานราชาทรราชมานาก็ขึ้นปกครองอาณาจักรต่อจากบิดาของตนผ่านการยึดครองด้วยทหาร

ทรงสั่งการให้ทหารกวาดล้างขุนนางและประชาชนที่ให้การสนับสนุนพระบิดาจนแม่น้ำกลายเป็นสีเลือดถึงสี่ปีเต็มแล้วเสียบหัวประจานอยู่หน้าทางเข้าเมืองหลวงจนสร้างความหวาดกลัวไปทั่วทุกดินแดนในแถบนั้น

แม้จะโหดร้ายเพียงใดแต่ประชาชนก็อดยอมรับไม่ได้ว่าภายใต้การบริหารของราชาผู้นี้ทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน พระราชาผมสีโลหิตให้ความสำคัญกับความเจริญรุ่งเรืองของผู้คนในอาณาจักรมาเป็นสิ่งแรก สงครามที่เคยมีอยู่บ่อยครั้งก็เงียบหายเพราะชื่อเสียงขององค์ราชาได้สร้างความยำเกรงให้กับศัตรูทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะทำสงครามด้วย แม้แต่องค์ราชากาเรนที่ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจและเป็นบิดาร่วมสายเลือดแท้ๆเองก็ยังถูกเสียบหัวประจานให้อีแร้งจิกทึ้งอยู่ที่หน้าประตูเมือง

 

ภายในท้องพระโรงวันนี้มีคณะผู้แทนจากราชอาณาจักรอื่นเดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรมายันหวังใช้เป็นไม้ตายสำคัญในการป้องกันอาณาจักรของตนไม่ให้ถูกรุกราน

บัดนี้คณะผู้มาเยือนกำลังทำการเจรจาเรื่องการค้าและทหารแลกเปลี่ยนผ่านการอภิเษกขององค์ราชากับองค์หญิงอาณาจักรตนซึ่งนับว่าเป็นข้อเสนอที่พวกเขาคิดว่าเพียงพอที่ตัดึงดูดพระทัยขององค์ราชาได้

หากได้รวบรวมเอาอำนาจทั้งสองเข้าด้วยกันเผ่าอินคาก็จะเจริญรุ่งเรืองและเฟื่องฟูไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่เจริญแล้วมากมายอย่างเช่นอาณาจักรนี้อย่างแน่นอน เพราะว่าเผ่าอินคาเองก็เจริญด้วยทองคำคงยากที่องค์ราชาผมโลหิตจะปฎิเสธ

"ยินดีต้อนรับคณะผู้มาเยือนจากแดนไกล.. ข้อเสนอของพวกเจ้าน้บว่าน่าสนใจแต่ข้าไม่ยินดี"

มานาตัดบทคลายความรำคาญคนพวกนี้เมื่อมาถึงก็เอาแต่พูดถึงผลประโยชน์ของตนเอง เขาคร้านจะฟังเต็มที

สุรเสียงจากชายหนุ่มผู้นั่งบนบัลลังก์ทองขนาบข้างด้วยเสือดาวดังกังวานไปจนทั่วท้องพระโรงแห่งนี้ คณะผู้มาเยือนจากอาณาจักรทำได้เพียงก้มหน้าคุกเข่าอยู่กับพื้นเพื่อถวายความเคารพ เมื่อองค์ราชาตัดบทไม่คิดจะเจรจาต่อแม้จะอยากเงยหน้าขึ้นมองราชาทรราชแห่งชนเผ่ามายันมากเท่าไหร่ก็ไม่อาจทำได้ ตลอดการเจรจาพวกเขาต้องนั่งคุกเข่าและก้มหน้ามาโดยตลอด เพราะนั่นหมายถึงชีวิตถ้าสปตาเข้ากับราชาผู้นั้น การขยับเพียงก้าวเดียวที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจอาจสร้างภัยร้ายมาสู่ตนได้

"อาณาจักรของข้ายินดีต้อนรับพวกท่านในฐานะผู้มาเยือน หวังว่าหนึ่งเดือนที่ได้มาเจริญสัมพันธไมตรีกันนั้นจะทำให้พวกท่านได้รับความรู้กลับไปพัฒนาประเทศของตน"

ฝ่ามือสีน้ำผึ้งของมานาได้หยิบเอาอัญมณีจากถาดที่ได้รับถวายเป็นของกำนัลขึ้นมาหมุนเล่นพลางเหลือบดู พอสังเกตุดีๆก็พบได้ว่ามณีในมือและมณีที่อยู่บนถาดเหล่านี้นั้นล้วนแล้วไม่ได้แตกต่างหรือดูมีมูลค่าเทียบเท่าที่หาได้ในอาณาจักรของตน อาจดูด้อยกว่าเสียด้วยซ้ำไป แต่ก็นับได้ว่าหาข่าวมาดีที่สืบทราบว่าตนนั้นมีความสนใจในอัญมณีสีฟ้ามากเป็นพิเศษถึงกระนั้นหากนำมาเทียบเคียงกับดวงตาที่ส่องประกายในความทรงจำแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากก้อนกรวด

องค์ราชาในชุดหนังเสือดาวที่พันรอบเอวปรายตาลงมองคณะต่างถิ่นด้วยสีหน้าของผู้มีอำนาจ

เกศาสีแดงยาวสยายลู่ไปกับลำคอและตามลำตัวของพระองค์เองก็ประดับประดาไปด้วยเครื่องประดับที่ทำจากทองคำมากมากมาย บางชิ้นเองก็มีมณีสีแดงเลือดเฉกเช่นเดียวกับผมประดับอยู่ บนศีรษะเองก็มีขนนกแก้วมาคอร์ทีาแผ่สยายแสดงออกถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรได้เป็นอย่างดี

เสือดาวทั้งสองตัวเองที่นอนหมอบอยู่ข้างๆกันบ้างก็หาวเหมือนกับแมวตัวหนึ่งเมื่ออยู่ใต้อำนาจของราชาพระองค์นี้ พวกมันล้วนสงบนิ่งอยู่ข้างกายเสมือนองครักษ์ ำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำำ

"ข..ขอบพระทัยฝ่าบาท..."

คณะผู้มาเยือนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวทำได้เพียงพูดขอบคุณอยู่อย่างนั้นด้วยไม่รับรู้ว่าตนทำสิ่งใดให้ไม่พอำระทัยราขาพระองค์นี้

"เราจะให้ราชเลขาพาพวกท่านไปพบกับขุณนางที่เหลือ เรามีราชกิจอีกมากที่ต้องไปทำหากขาดเหลือสิ่งใดก็บอกแก่คนของเราแล้วกัน.."

ด้วยอีกฝ่ายเป็นเพียงประเทศเล็กๆพระองค์จึงไม่สนใจที่จะสนทนาด้วยอีก องค์ราชาผุดลุกขึ้นจากบัลลังก์แล้วเดินหายออกไปจากท้องพระโรงพร้อมกับเสือดาวสองตัวที่คอยเดินตามหลังอย่างนอบน้อม พวกมันไถสีข้างคลอเคลียไปตามสีข้างของมานาอย่างออดอ้อนไปตลอดทางเดินจากท้องพระโรง

"สังหารพวกมันให้สิ้นแล้วส่งร่างไปที่หุบเหวทมิฬ"

เมื่อพ้นออกมาจากราชทูตดวงตาสีทองก็หรี่ลงเป็นประกายของความโกรธเกรี้ยว มานาออกคำสั่งกับราชเลขาที่เดินตามมาอยู่ห่างๆทางด้านหลังแล้วเดินหายลับไปไม่คิดเหลียวหลังกลับมาอีก

พระองค์ถนอมพรมจรรย์ไว้ให้เพียงผู้เดียวในใจไม่คิดอภิเษกมีพระชายาหรือบุตรให้น่าปวดหัว มันผู้ใดที่ไม่เคารพและละเมิดก้าวล่วงมาบงการชีวิตของพระองค์มันผู้นั้นไม่สมควรได้มีลมหายใจ ในเมื่อโง่เขลาเกินจะเข้าใจก็จงตายไปพร้อมกับความโง่เขลาเบาปัญญาเหล่านั้นเสีย

"ขอฝ่าบาททรงวางพระทัย"

ราชเลขาก้มหัวรับคำสั่งก่อนจะเดินปั้นหน้ายิ้มออกไปหาคณะทูตจากต่างแดนเมื่อนายเหนือหัวของตนพ้นจากสายตา

---------------------------------------------------------------------------------

น้องร้ายกาจมากเลยค่พทุกคน! น่าตีก้นมากเลย เป็นคนสวยที่ใจรว้ายจริงๆ

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!