#2

ข้าชุนฮวา…ข้าปกคลุมร่างกาย คลุมหัวและคลุมครึ่งหน้า ด้วยชุดผ้าสีดำมืดสนิทอย่างมิดชิด ข้าแอบซ่อนเร้นแฝงกาย ไปในยามราตรี ร่อนเร่พเนจรยามวิกาลอยู่ลำพังผู้เดียว เพื่อติดตามเสาะหา ผู้ที่บุกเข้าปล้นบ้านเรือนประชานชนผู้มีอันจะกิน ในเมืองถือกำเนิดของข้า ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดนเข้าปล้นไปแล้วทั้งหมดสิบห้าหลังด้วยกัน ถือว่าเป็นโจรอุกฉกรรจ์เลยทีเดียว และเรื่องนี้ทำให้ท่านพ่อข้า ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าผู้ดูแลเมือง ต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของพ่อข้า ข้าจึงออกมาเฝ้าดูอยู่ทุกคืน และท่านพ่อข้าก็ได้รับรู้เรื่องที่ข้าทำด้วยเช่นกัน

ข้ากระโดดลอยตัวด้วยเสียงอันเงียบกริบ ไปตามหลังคาบ้านเรือน ไปเรื่อยๆในคืนจันทร์เสี้ยว เสียงดังโหกเหวกผิดปกติของผู้มีวิสัยชอบดื่มเหล้า ที่ข้าบังเอิญได้ยินขึ้นมา ข้าเงียบและหยุดกระโดดลงสักครู่ ใช่แล้ว…เสียงร้องไม่ใช่เพราะเมาเหล้าเป็นแน่แท้ ข้าหันซ้ายแลขวาหาต้นทางของเสียง แล้ววิ่งตามไปทันที

บัณฑิตผู้หนึ่งกำลังโดนนักเลงรีดไถเงิน อยู่ในทางเปลี่ยวและมืด มองเห็นได้แค่สลัวๆเท่านั้นเอง และพวกนักเลงมีทีท่าว่าจะเข้าทำร้ายเค้า…ข้าตัดสินใจอย่างทันท่วงที กระโดดลงจากหลังคาสูง มุ่งเป้าไปที่ หนึ่งในสามคนร้ายนี้ ถีบเข้าถูกตัวเต็มๆอย่างเต็มแรง จนล้มลงไปนอนกองกับพื้น อีกสองคนปรี่รี่เข้ามาหาข้าทันที ที่ได้เห็นเพื่อนล้มลงไป คนหนึ่งวิ่งเข้ามาเร็วเงื้อหมัดเข้าหวังต่อยให้ถูกข้า แต่ด้วยทักษะที่ข้าได้ร่ำเรียนมา ข้าจับแขนมันหักพับไปแล้ววนมาอยู่ด้านหลัง อีกคนไม่รอข้าเข้าจู่โจมด้วยแรงอย่างรวดเร็ว ข้าปล่อยมือจากคนแรกแล้วกระโดดสูงขึ้นพุ่งลงถีบทันที แล้วหันกลับอย่างไวจับสันดาบทุบเข้าไปใส่คนที่โดนหักพับแขน ทั้งสามคนล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า พวกมันคงเห็นว่าสู้ข้าไม่ได้เสียแล้ว จึงพากันวิ่งหนีออกไป ข้าจะตามจับเอาไปให้ท่านพ่อ ถึงจะเป็นเพียงแค่นักเลงธรรมดาแต่อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลังได้

ทันใดนั้นที่ด้านหลังมันรั้งตึง เหมือนมีคนมาดึงเสื้อข้าเอาไว้ ข้าหันไปดูกะจะทุบให้เต็มแรง แต่สิ่งที่เห็น กลายเป็นมือใหญ่แต่ทำไมเหมือนมันบอบบาง ดูนุ่มนวลได้รูปทรง ผิวขาวหมดจด สิ่งนั้นที่มารั้งขึงชายเสื้อข้าไว้นั่นเอง

บัณฑิต “ ท่าน…ท่านอย่าเพิ่งไป ข้ากลัวเหลือเกิน”

ท่าทางหวาดกลัวตัวสั่นจนตัวม้วน ดูแล้วช่างอ่อนหวาน มันช่างดูพิกล…วิกลผิดปกติของวิสัยแห่งบุรุษไป ทำตาวิงวอน อ้อนวอนด้วยตาใสๆ จนทำข้าลำบากใจ แต่…มันช่างน่าเอ็นดู

บัณฑิต “ขอบคุณท่านมาก ที่ช่วยข้า เออ…”

บัณฑิตน้อยปล่อยเสื้อข้า ข้าหันกลับไปมองอย่างจริงจัง ด้วยสนใจในท่าทีอ่อนหวานของเค้า อยากรู้จะทำท่าทางอย่างไรต่อไป

บัณฑิต “เออ…อาจจะดูมากไป แต่…ข้ากลัวจริงๆ เออ…ท่านช่วยไปส่งข้าที่บ้านได้ไหม”

นี่คือสิ่งที่เค้าอยากจะพูด ด้วยการทำท่าทีอึกอักๆอยู่เมื่อครู่รึ ข้าพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่เพลิดเพลินในท่าทีอันชะมดชะม้อยของเค้าอยู่ จนรู้สึกตัว ตอนที่เค้าทำทางดีใจ จนข้าเผลอยิ้มในใจกับเค้าไปด้วย ข้าเลยจำเป็นต้องเดินตามเค้าไป

บัณฑิต “ท่านชื่ออะไร อ้อ…ข้าลืมไป ท่านคงไม่อยากให้ใครรู้ถึงปิดหน้าปิดตาแบบนี้ ไม่เป็นไรข้าไม่อยากรู้ก็ได้”

ปากสีชมพูเรียวงาม เปิดปากพูดได้อย่างไม่หยุด คำพูดเค้าลื่นไหลอย่างกับสายน้ำ แต่ข้ากลับไม่รำคาญสักนิดเดียว กลับรู้สึกสบายเย็นใจอย่างกับสายน้ำด้วยเช่นเดียวกัน

บัณฑิต “ข้าชื่อ ชงเหลิง…เอี้ยว ชงเหลิง ท่านอย่าลืมชื่อข้า หากวันไหนที่ข้าต้องพเนจรไปไกล ก็อยากมีสักหนึ่งคนที่จำชื่อข้าได้บ้าง…555”

เค้าหัวเราะออกมาด้วยใบหน้าที่สดใส จนทำให้คนฟังอย่างข้าอารมณ์ดีไปด้วย แต่…ข้าก็ไม่เข้าใจ ต้องพเนจรด้วยเหตุใดกัน

ชงเหลิง “ข้าอยากเป็นจิตรกร อยากเดินทางพเนจรไปทั่วทุกแห่งหน และวาดรูปเก็บสถานที่ วาดรูปผู้คน ในทุกๆที่ที่ข้าเดินทางผ่านไป มันช่างมีอิสระเหลือเกินท่านว่าไหม แค่ข้าคิดข้าก็สุขขึ้นมาในหัวใจ”

ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย แต่เพราะมันเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากเค้า มันเลยดูสวยงาม มีความรู้สึกอย่างที่เค้าพูดจริงๆ

ชงเหลิง “แต่ที่บ้านข้า กลับอยากให้เป็นทหารเหมือนอย่างท่านปู่ แต่ข้าไม่เก่งเลยเรื่องออกแรงออกกำลัง ท่านพ่อก็เลยอยากให้รับราชการอะไรก็ได้ ข้าก็เลยต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบในอีกไม่ช้า”

เค้าผลอยทำหน้าเศร้าขึ้นมาแว๊บหนึ่ง แต่มันก็เพียงพอ ที่จะทำให้ข้ารู้สึกไหวๆในใจ

ชงเหลิง “จริงๆข้าไม่ได้ชอบเลย แต่ข้าก็คิดในทางกลับกัน การออกเดินทาง ข้าเองก็ต้องใช้เงิน ดังนั้นหางานทำเก็บเงินไว้ก่อน ก็ไม่เลว”

หึ…จากเรื่องที่ไม่ได้ชอบ กลับเปลี่ยนมาเป็นเรื่องที่ต้องทำให้ได้ ช่างเป็นคนที่น่าชื่นชมนัก ชงเหลิงหยุดลงตรงบ้านหลังหนึ่งไม่ใหญ่ไม่เล็ก ไม่ใหม่ไม่เก่าๆ แสดงถึงครอบครัวที่ฐานะปานกลาง คงเป็นครอบครัวอดีตทหารจริงๆ ในบ้านมีคนงานอยู่หลายคน

ชงเหลิง “ถึงบ้านข้าแล้ว ขอบคุณท่านมาก ถ้าวันหน้าท่านอยากให้ข้าช่วยอะไร ก็มาหาข้าได้”

ชงเหลิงหันหน้ากำลังจะเข้าบ้าน แต่เค้าก็หันกลับมาใหม่

ชงเหลิง “ข้า…ไม่รู้จักท่านนี่ หากท่านกลับมาวันหน้า ข้าคงจำท่านไม่ได้ งั้นเอาอย่างนี้ ให้ท่านพูดว่า จิตรกรพเนจร เป็นคำลับของพวกเรา ข้าไปนะ ท่านก็กลับดีๆ”

เค้าวิ่งไปเคาะประตูบ้าน ข้ารีบกระโดดหลบผู้คนที่อาจจะเห็นข้า และข้าแอบดูเค้าจนปิดประตูบ้านลง ข้ายังไม่อยากกลับ ข้าเลยกระโดดเข้าไปในบ้านของเค้า ท่ามกลางความมืดและระวังฝีเท้าให้เงียบสงบ บ้านเค้าจัดไว้อย่างเรียบง่ายแต่เป็นระเบียบ ข้าวของล้วนแต่เป็นของเก่าที่ล้ำค่าจนข้าแอบตกใจเล็กๆ ข้าแอบตามชงเหลิงไป จนได้เห็นว่าเค้าเข้าห้องพักไป ข้ากระโดดขึ้นไปบนหลังคาบริเวณห้องพักเค้า แล้วเลื่อนแผ่นกระเบื้องแอบดู เค้าอยู่ลำพังเพียงคนเดียวในห้องพัก เค้ายังไม่ได้สมรสเป็นแน่ ภายในห้องมีแต่รูปวาดเต็มไปหมด จนข้าเองอยากได้รูปเค้าสักรูป ข้าวางแผ่นกระเบื้องกลับเข้าไปเช่นเดิม และกระโจนตัวลอยออกไปจากหลังคาบ้านเค้า มันแปลกที่ตัวข้ามันเบากว่าปกติ ข้ามานั่งหยุดพักที่หลังคาหอคณิกาที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ผู้คนที่ชอบยามวิกาล ต่างเดินเข้าออกกันอย่างคับคั่งจอแจ สายลมผ่านมาทำให้ใจข้าเย็นสบายขึ้นมาเบาๆ ข้าเงยหน้าขึ้นไปมองจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า ทำไมวันนี้…มันสวยงามเหลือเกิน…

ฮอต

Comments

mama

mama

เปลี่ยนคำแทนตัวได้ไหมมมม

2022-02-05

1

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!