T.3.4 Queen of Gollina
10 ปี ผ่านไป
"ชามมมม ชามตื่นรึยังลูก วันนี้พ่อมีข่าวดีจะบอก ชามมมม ชามมาคลินซ์!"
"เสียงดังอะไรแต่เช้า ลูกน่ะออกไปข้างนอกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแล้ว"
"ไปแล้ว?! ไปไหน?"
"เห็นว่าวันนี้จะไปลาดตระเวรกับหัวหน้าอาเนออสเลยออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว"
"ทำไมคุณไม่ห้ามล่ะที่รัก"
"ห้ามไม่ให้ลูกเรียนรู้สิ่งใหม่ๆน่ะเหรอ?"
"มันไม่ใช่อย่างงั้น ทีมนักล่าน่ะทำแต่เรื่องอันตราย เจ้าก็รู้ลูกเราไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่เห็น"
"หัวหน้าอาเนออสดูแลเขาได้อยู่แล้วน่า นี่ก็สองปีแล้วนะ"
"ใช่เลย เลิกไปโรงเรียนตั้งแต่ห้าขวบ หลังจากนั้นก็เริ่มสนใจการทำไร่ทำสวนพอชำนาญก็เบื่อเปลี่ยนไปหาพ่อค้าร้านขายเนื้อแล้วก็ไปร้านขายดอกไม้ ร้านสมุนไพร โรงหมอ โรงแรม ร้านอาหาร โรงตีเหล็ก ไปทุกที่จนสุดท้ายก็ไปเข้าร่วมทีมนักล่า ตอนนั้นเพิ่งจะแปดขวบคิดว่าไม่นานคงเบื่อไปเองแต่นี่อะไร สองปีมาแล้วยังไม่เบื่ออีก วันไหนออกล่าวันนั้นข้าต้องนอนไม่หลับ พอกันทีวันนี้ข้าต้องเอาเขาไปงานเลี้ยงด้วยให้ได้"
"พยายามเข้านะที่รัก ข้าก็เป็นห่วงลูกนะแต่ข้ากลัวลูกไม่มีความสุขมากกว่า"
สองผัวเมียตบไหล่ปลอบใจกัน ก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
"หวัดดีจ่ะชาม"
"สวัสดีคับ"
"ว่าไงชาม"
"สวัสดีค้าบ"
"วันนี้ไปไหนล่ะ"
"ไปลาดตระเวรกับหัวหน้าอาเนออสคับ"
"ดูแลตัวเองดีๆนะเจ้าหนูชาม"
"ขอบคุณมากคับ ดูแลสุขภาพเหมือนกันนะคับ"
"นี่เด็กสิบขวบจำเป็นต้องรู้จักคนทั้งหมู่บ้านแบบนี้ด้วยเหรอ"
เด็กน้อยหัวเราะออกมายกใหญ่ระหว่างกำลังเดินลาดตระเวรดูแลความเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน
"จะเจริญรอยตามพ่อเจ้ารึยังไง"
"อย่าพูดถึงอนาคตเลยลุงอาเนออส ข้ายังไม่รู้ตัวเองเลยว่าโตไปจะทำอะไรดี"
"เรียกข้าหัวหน้าสิฟะไอ้หนูนี่ ข้าไปเป็นพี่ชายพ่อเจ้าตั้งแต่เมื่อไร"
"ข้านับถือท่านเหมือนลุงแท้ๆของข้าไง ท่านจะได้ไม่เหงา เวลาอยู่กับข้าก็ไม่ต้องวางมาดนักหรอก เมื่อยแย่"
"ไอ้เด็กนี่ มันเกินเด็กจริงเชียว เชื่อแล้วว่าโรงเรียนไม่มีอะไรจะสอนเจ้าแล้วจริงๆ"
"ใช่มั้ยล่ะ ข้ารู้สึกเหมือนสมองข้าไม่เคยหยุดทำงานเลยโดยเฉพาะตอนข้านอนหลับ เหมือนขาดอะไรบางอย่าง ข้าไม่มีความสุขเลย"
"ข้าไม่รู้จะช่วยเจ้ายังไงแต่ไหนๆก็ได้มาเป็นลุงหลานกันแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปหาของขวัญวันเกิด"
"จริงด้วย วันนี้เป็นวันเกิดข้านี่นา ขอย้อนหลังสิบปีเลยได้มั้ย โอ้ย! ท่านเขกหัวข้าทำไม"
"ไม่มีเหตุผล"
"ไม่ได้นะ ท่านทำร้ายคนโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้"
"โอเคข้าขอโทษ ข้าแค่หมั่นเขี้ยวเจ้า"
ชายวัยเกือบเกษียรลอบยิ้มอยู่ในใจพรางคิด 'ขอให้เจ้าคิดดีแบบนี้ตลอดไปแล้วเจ้าจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่'
หัวหน้าอาเนออสส่งมอบงานลาดตระเวรให้สมาชิกคนอื่นจัดการแทน ส่วนเขาก็พาเด็กชายเดินตรงเข้าป่าพร้อมกับบอกให้เด็กชายอุ้มหมูไปด้วยหนึ่งตัว เด็กชายมีท่าทางงุนงงแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
เมื่อเดินเข้าป่าลึกมาจนเกือบสิ้นแสงอาทิตย์ที่ส่องทะลุผ่านต้นไม้ลงมา หัวหน้าอาเนออสก็สั่งให้เด็กชายใช้มีดกรีดหมูแค่พอมีเลือดออกแล้วนำมาทาที่ตัว พอเด็กชายทำตามคำสั่งแล้วหัวหน้าอาเนออสก็ใช้พลังธาตุลมของเขาช่วยกระจายกลิ่นออกไป
"นี่ลุงกำลังทำอะไร?"
เด็กชายถามด้วยเสียงกระซิบแต่ฟังแล้วรับรู้ได้ว่าตกใจเป็นอย่างมาก
"ลุงจะเอาข้ามาเป็นอาหารสัตว์ในวันเกิดข้าไม่ได้นะ"
"เงียบเถอะน่า ข้าไม่ได้พาเจ้ามาตายซะหน่อย ก็บอกว่าพามาหาของขวัญวันเกิด"
"อย่าบอกนะว่า…"
"ใช่ ข้าพาเจ้ามาหาผู้พิทักษ์ ส่วนเจ้าจะถูกเลือกหรือถูกกินก็อยู่ที่ตัวเจ้าแล้ว"
"บ้าไปแล้ว ใครเขาหาผู้พิทักษ์วิธีนี้กัน เขาซื้อเอาต่างหาก"
"ถ้าซื้อน่ะไม่เรียกว่าผู้พิทักษ์หรอก มันคือสัตว์เลี้ยงต่างหาก"
"ข้าเชื่อใจท่านได้ใช่มั้ย"
"เจ้าต้องเชื่อใจตัวเอง เชื่อในผู้พิทักษ์ของเจ้าและที่สำคัญเลิกกลัวแล้วตั้งสติซะ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่มาจะเป็นผู้ล่าไม่ใช่ผู้พิทักษ์"
เด็กชายค่อยๆนั่งลงทำสมาธิตามคำแนะนำของชายวัยเกือบเกษียร
"ใช้พลังจิตของเจ้าขอความช่วยเหลือ จับกระแสสายลมของข้าให้ได้แล้วส่งพลังออกไปอย่างแน่วแน่และมั่นคง อย่าอ่อนแอ"
จู่ๆก็มีกระแสไฟประหลาดวิ่งแปลบออกมาจากร่างเด็กชายไหลออกไปตามกระแสลม แม้จะเบาบางแต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาทำให้แน่ใจได้ว่าเด็กคนนี้มีพลังของธาตุลึกลับที่หายากมากๆอย่างแน่นอน
'จิตใจที่เข้มแข็งบวกกับพลังที่ไม่ธรรมดาได้ปลุกให้พลังธาตุตื่นก่อนเวลาตั้งสองปีเชียวเหรอเนี่ย เด็กปกติยังต้องรอให้อายุสิบสองปีถึงจะรู้ว่าตนเองพลังธาตุอะไรแล้วค่อยเริ่มฝึกดึงธาตุนั้นๆออกมาใช้ แต่เด็กนี่แค่บอกให้ใช้พลังมันก็ใช้ได้เลยงั้นเหรอ ไม่ใช่เล่นๆแล้ว'
ชายวัยเกือบเกษียรครุ่นคิดในใจพรางมองเด็กชายอย่างห่วงๆ อีกครึ่งก็กลัวแต่อีกครึ่งก็เชื่อมั่นในตัวของเขา ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังของสัตว์อันตรายมากมายจากสายลมของเขาที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ไม่รอช้าเขาได้สร้างกำแพงบาเรียลมขึ้นเพื่อกันเอาสัตว์ร้ายที่แค่ตามกลิ่นเลือดมา ส่วนสัตว์ตัวไหนที่แข็งแกร่งผ่านเข้ามาได้เขาก็เตรียมพร้อมที่จะจัดการมันด้วยตัวเอง
จู่ๆภาพเสือโคร่งยักษ์ขาว ดำ สองตัวก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า พวกมันตัวใหญ่ราวกับม้าศึก แววตาดุร้ายจ้องมองตรงไปยังเด็กชาย ทันทีที่เขาเตรียมจะลงมือกับสัตว์ร้ายสองตัวนี้ก็ฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าหนูนี่มาจากตระกูลไทกริสและอีกอย่าง เสือโคร่งเบงกอลขาว ดำ ไม่มีทางอยู่ด้วยกันอย่างบังเอินแน่นอน คิดได้ดังนั้นเขาจึงหยุดมือเปลี่ยนไปอยู่ในท่าเตรียมพร้อมแทนเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
"ชาม ผู้พิทักษ์ของเจ้ามาแล้ว เจ้าอย่าเพิ่งลืมตาขึ้นมานะ ตั้งสมาธิไว้ให้ดีๆ ใช้ใจของเจ้าสื่อความจริงใจออกไป"
เขาค่อยๆกระซิบบอกเด็กชายถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เสือโคร่งยักษ์ทั้งสองตัวค่อยๆเดินเข้าใกล้เด็กชายมากขึ้น….มากขึ้น
'ถ้าใช่ก็ดีถ้าไม่ใช่ก็ถูกกิน ข้าจะช่วยเจ้าหนูนั่นทันมั้ยนะ ด้วยความห่างเท่านี้ถ้าจู่โจมขึ้นมาไม่รอดแน่ ข้าต้องค่อยๆขยับเข้าไปบ้าง...ไอ้ขาบ้านี่หยุดสั่นได้แล้ว!'
จังหวะเดียวกันกับที่เขาก้มลงทุบขาเจ้ากรรมที่สั่นไม่หยุด เสือโคร่งยักษ์ทั้งสองตัวก็กระโจนใส่เด็กชายอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่เขาจะได้ใช้พลังช่วยเหลือก็ต้องถึงกับเข่าทรุดลงกองกับพื้นเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
"อ้ากกกก ช่วยข้าด้วย! ข้าจะตายแล้ว!"
"เจ้าไม่ตายหรอกน่ะ"
"เอ๋?!"
เมื่อได้สติเด็กชายมองดูตัวเองอีกครั้งพบว่าเสือโคร่งนั่นไม่ได้จะกินเขาแต่กลับช่วยเลียเลือดหมูออกให้
"แล้วลุงจะตกใจทำไม ข้าตกใจตามไปด้วยเลย"
"ข้าตกใจเพราะโล่งใจน่ะสิ นึกว่าเจ้าจะถูกกิน ที่ไหนได้"
"แล้ว...ทำยังไงต่อ"
"ไม่ไงหรอก พวกมันยอมรับเจ้าแล้ว หลังจากนี้เจ้าก็ดูแลพวกมันให้ดีๆ ต่อไปให้เรียกว่าสัตว์ประจำตัว ไปไหนไปกันเจ้าตายพวกมันตาย"
"แต่ว่าตั้งสองตัวเลยเหรอ ข้าเคยได้ยินว่ามีแค่คนละตัว"
"ตามตำราน่ะก็ใช่ แต่ตามหลักแล้วคือผู้พิทักษ์จะยอมรับเจ้านายจากพลัง คนคนนึงกว่าจะทำให้ผู้พิทักษ์สักตัวนึงยอมรับได้ก็ยากมากๆแล้ว ตระกูลใหญ่ๆจึงเลือกที่จะเลี้ยงหรือซื้อให้ตั้งแต่เกิด ส่วนคนธรรมดาที่ไม่มีเงินและมีพลังไม่มากพอก็เลือกที่จะพิทักษ์ตัวเอง"
"งั้นถ้าข้าอยากได้ผู้พิทักษ์อีกเยอะๆก็ทำได้น่ะสิ"
"เหอะ! ขนาดรอบนี้สองตัวยังทำเอาคนแก่หัวใจจะวายตาย ถ้าอยากได้เยอะๆคราวหน้าก็มาเองละกัน"
พูดจบชายวัยกลางคนเกือบเกษียรก็หมุนตัวเดินออกจากป่าอย่างรวดเร็ว
"ลุง! จะรีบไปไหนรอข้าด้วย!"
เด็กชายรีบลุกขึ้นปัดเนื้อตัวและออกวิ่งตามไป
"เจ้าก็ขี่สัตว์ประจำตัวของเจ้าสิ ข้าจะบินกลับแล้ว"
"ขี่ได้เหรอ?"
เด็กชายพูดพรางหันมองเสือโคร่งยักษ์ทั้งสองตัวก่อนที่เสือโคร่งตัวสีดำจะเดินมาและหมอบลงตรงหน้าเด็กชาย
"พวกเจ้าฟังภาษาคนรู้เรื่องด้วยเหรอ?"
"พวกข้าเป็นสัตว์ที่บำเพ็ญบรรลุแล้ว สามารถใช้เวทย์มนต์ได้"
"พูดได้ด้วย"
"ข้าแค่ใช้เวทย์มนต์ทำให้เจ้าฟังข้ารู้เรื่อง เพราะถ้าพูดออกมามนุษย์จะแตกตื่น"
"ไม่ถึงกับต้องพูดหรอกน่า แค่เห็นพวกเจ้าก็แตกตื่นกันหมดแล้ว เออจริงสิ...พวกเจ้าทำให้ตัวเล็กลงเหมือนเสือปกติได้รึป่าว?"
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆแต่จู่ๆขนาดตัวของเสือโคร่งทั้งสองก็หดเล็กลงเหลือขนาดเท่ากับเสือปกติทั่วไป แล้วทั้งสามก็พากันออกจากป่าโดยมีเด็กชายขึ้นขี่อยู่ที่หลังเสือโคร่งตัวสีดำ
"พวกเจ้ามีชื่อมั้ย?"
"ไม่มี เจ้าตั้งให้พวกข้าได้เลย"
"ชื่อว่า เดย์ กับ ไนท์ เจ้าชอบมั้ย กลางวันกับกลางคืนแต่ว่าข้าจะให้เจ้าที่ตัวสีขาวชื่อไนท์และเจ้าที่ตัวสีดำชื่อเดย์"
"ทำไมล่ะ?"
"จะได้สมดุลไง ไม่เป็นการแบ่งแยกหรือตอกย้ำใครคนใดคนนึงด้วย"
"ข้ามีลางสังหรว่าเจ้าจะได้เดินทางไกล"
"เจ้าเห็นอนาคตได้เหรอไนท์"
"ใช่ เจ้านั่นเห็นอนาคตส่วนข้าเห็นอดีต"
"ว้าว เจ๋งไปเลย"
"และข้าก็รู้ด้วยว่าเจ้าเป็นผู้หญิง"
"เฮ้ อย่าพูดออกมาสิ แม่ใหญ่กับลุงอาเนออสบอกว่าเรื่องนี้มันอันตรายกับชีวิตข้า ข้าเลยต้องปลอมเป็นผู้ชาย"
"ข้าแค่อยากบอกเจ้าว่าระหว่างพวกเราไม่มีความลับต่อกัน เจ้าไว้ใจพวกข้าได้"
ณ เมืองกอลลิน่า
"วันนี้คุณหนูบัลมาเคียก็อายุครบสิบปีแล้วสินะ"
"เจ้าก็ได้รับคำเชิญไปงานเลี้ยงที่คฤหาสน์คืนนี้ด้วยเหรอ"
"แน่นอนสิ ได้ยินมาว่าคืนนี้ที่คฤหาสน์จะเป็นศูนย์รวมของชนชั้นสูงผู้มากดีมีตังค์ทั้งหลายจากทั่วทุกสารทิศที่ชื่อเสียงของเจ้านครจะไปถึง"
"ข้าตื่นเต้นมากจนอดใจรอไม่ไหวแล้ว ถ้าพลาดงานเลี้ยงวันนี้จะมีอีกทีก็ตอนที่คุณหนูอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์นู่นแหละ"
"ข่าววงในบอกมาว่าจะมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมงานด้วยนะ"
"ประเทศที่ว่านี่ใช่บริทาเนียรึป่าว"
"อย่าเอะไปนะ ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มนอกกฎหมายไนท์ไลท์ที่เป็นสาเหตุให้ตระกูลดราโกนิสล่มสลายก็อยู่ประเทศนั้น"
"ใช่ๆ ข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน คนกลุ่มนั้นจะใส่ชุดคลุมสีขาวปกปิดหน้าตา ว่ากันว่าคนในกลุ่มเองยังไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของกันและกันเลย"
"ลำพังคนประเทศนั้นก็มีพลังที่น่ากลัวอยู่แล้ว ทำไมถึงได้มีกลุ่มคนแบบนี้เกิดขึ้นมาได้นะ"
"ช่างเถอะ คิดมากไปก็ทำให้แย่ป่าวๆ ไปหาชุดสวยๆใส่ไปงานคืนนี้กันดีกว่า"
ณ บ้านผู้ใหญ่ หมู่บ้านเซเรส
"นี่ผู้พิทักษ์ของลูกเหรอ?!"
สองผัวเมียมองไปที่เสือโคร่งสีขาว ดำ สองตัวสลับกับหน้าลูกของตน สีหน้างุนงงปนตกใจอย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
"คับ ใช่แล้ว"
"อะ...อ่อ โอเคจ่ะ"
"งั้น ไปเตรียมตัวกันเถอะ เราต้องออกเดินทางแล้ว"
"เดินทาง?"
"ใช่ลูก"
"ไปไหนคับ?"
"เมืองกอลลิน่า พ่อได้คำเชิญจากเจ้านครเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดลูกสาวของนางและนางก็กำชับให้พ่อพาลูกไปด้วย"
"ทำไม แล้ววันเกิดของข้าล่ะ?"
"เราค่อยมาจัดกันวันหลังก็ได้ งานนี้สำคัญมากนะลูก จะมีบุคคลสำคัญจากทุกเมืองมาร่วมงาน พ่ออยากให้ลูกได้ทำความรู้จักเอาไว้เผื่อเป็นใบเบิกทางในอนาคตข้างหน้า"
เด็กชายนิ่งเงียบไปพรางหันมองผู้พิทักษ์ของตน
"เอาไงดี ข้าไม่อยากไป"
"ไปเถอะ มีบางสิ่งน่าตื่นเต้นรอเจ้าอยู่"
"ก็ได้ ข้าไปก็ได้"
เขายอมเดินตามผู้เป็นพ่อไปแต่โดยดี
"วันนี้ลูกพ่อหล่อมากเลยนะ"
"ขอบคุณคับ"
"ที่เจ้านครอยากให้ลูกไปเพราะนางได้ยินว่าลูกอายุเท่าลูกสาวของนางแถมยังเกิดวันเดียวกันอีก"
"อยากหาเพื่อนให้ลูกทำไมไม่หาใกล้ๆ"
คำพูดของเด็กน้อยทำเอาชายวัยเกือบเกษียรหลุดหัวเราะออกมายกใหญ่
"ข้ารู้มาว่าพวกลูกชายเจ้าเมืองไทกริสก็เกิดวันนี้ แสดงว่าเจ้านครก็ต้องเชิญพวกเขาด้วยสิ"
"บางเรื่องรู้แล้วแต่ทำเป็นไม่รู้อาจดีกับตัวเจ้ามากกว่า เรื่องตระกูลไทกริสพ่อไม่อยากให้ไปสนิทด้วย แต่พ่อไม่ห้ามการตัดสินใจของลูกหรอกนะ"
"ทำไมล่ะคับ"
"เจ้าเมืองไทกริสจิตใจโหดเหี้ยมไม่มีศีลธรรม วันนึงอาจจะทำเรื่องไม่ดีขึ้น ถ้าเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวอาจจะแย่ก็ได้"
"ข้าเองก็อยากรู้จักคนที่อายุเท่ากันกับข้าบ้าง"
ได้ยินดังนั้นก็ทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับพูดไม่ออก เพราะที่ผ่านมาเด็กคนนี้เติบโตขึ้นท่ามกลางเหล่าผู้ใหญ่วัยทำงานมากมาย ไม่เคยมีวันไหนที่ได้วิ่งเล่นและทำตัวเป็นเด็กสมกับอายุเลยสักครั้ง จู่ๆน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เด็กชายเห็นเข้าจึงหยิบผ้าเช็ดให้พรางซักถามหาสาเหตุด้วยกลัวคนเป็นพ่อได้รับบาดเจ็บ
ณ คฤหาสน์เจ้านครกอลลิน่า
เมื่อแสงแดดจากพระอาทิตย์ค่อยๆมอดหายไป แสงไฟจากหลอดนีออนก็ค่อยๆสว่างสไหวขึ้นมา เสียงเพลงบรรเลงเป็นสัญญานว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้คนทยอยเดินเข้ามาในบริเวรที่จัดงานผ่านยามเฝ้าประตูที่คอยตรวจดูจดหมายคำเชิญอย่างขมักเขม่น แขกเขรือทุกคนแต่งตัวด้วยสีสันสดใสจัดจ้านเหมือนมาแข่งประชันโฉมก็ไม่ปาน บางคนก็ยืนคุมซุ้มอาหารเหมือนมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ฟ้ายิ่งมืดกองไฟยิ่งสว่างผู้คนเริ่มมากหน้าหลายตาบรรยากาศงานเลี้ยงเริ่มคึกครื้นขึ้นทุกที แต่เหมือนจะยังไม่มากพอ เมื่อรถม้าขบวนใหญ่ไม่คุ้นตามาจอดเทียบหน้างานเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น พอประตูถูกเปิดออกคนข้างในรถก้าวลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามราวกับดอกไม้ ซึ่งคนที่มานี้ก็คือคณะฑูตสัมพันธไมตรีของประเทศบริทาเนีย
"เจ้า เจ้าเห็นนั่นมั้ย ข้าไม่เคยพบชายใดหล่อเหลาเท่านี้มาก่อนเลย"
"ข้ายอมตายขอแค่ได้ขึ้นเตียงกับเขา"
"แหม่เจ้า เกินหน้าข้ามากนะ คนนี้ข้าเห็นก่อนเจ้าไปเลือกคนอื่นสิ"
"แต่จะว่าไปนะ ในคณะนี้ข้าขอใครก็ได้ดูดีทุกคนเลย ข้าผิดต่อสามีที่บ้านซะแล้ว"
"ใครสนล่ะ"
เสียงเพลงบรรเลงดังขึ้น บรรยากาศงานเลี้ยงคึกครื้นเหมือนค่ำคืนนี้ไม่มีเลิกลา เสียงชนแก้วดังก้องระงมปนกับเสียงหัวเราะของแขกที่มาร่วมงาน เจ้าของวันเกิดและแม่ของนางกำลังเดินวนวุ่นไปรอบงานเพื่อต้อนรับและดูแลแขกทุกคนอย่างไม่ถือตัวทำให้บรรยากาศของงานไม่น่าอึดอัดเพราะความต่างชั้นทางสังคม ทุกคนล้วนชนแก้วและพูดคุยกันโดยไม่สนใจตำแหน่งและชื่อเสียงเพราะนี่คือกฏของงานวันนี้
"เฮ~ ดูนั่นสิใครมา~"
"เคารพท่านเจ้านคร"
"ว้าว เสือเต็มงานเลยนะเนี่ย ไม่ต้องมากพิธีหรอกท่านเจ้าเมืองไทกริส นี่ลูกสาวของข้า บัลมาเคีย"
"เคารพท่านเจ้าเมืองไทกริส"
"นี่ก็พวกลูกๆของข้า สนิทกันไว้สิ"
"เคารพท่านเจ้านคร สุขสันต์วันเกิดคุณหนูบัลมาเคีย"
"สุขสันต์วันเกิดเช่นกันทุกคนเลย เราไปทางนั้นกันดีกว่า ทางนี้ให้ผู้ใหญ่คุยกันไปเนอะ"
"สัตว์ประจำตัวลูกสาวของท่านเป็นหงส์ไฟอย่างงั้นเหรอ"
"ใช่แล้ว กว่าจะจับได้ก็เอาเรื่องอยู่ต้องไปถึงริมแม่น้ำใจกลางป่ารกร้าง ถ้าข้ามแม่น้ำได้ข้าคงข้ามไปแล้ว"
หญิงวัยกลางคนหัวเราะร่วน
"ว่าแต่ลูกชายท่านก็เสือโคร่งขาว ดำเลยนี่นา ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่"
"ใช่ แต่ว่าได้มาไม่ยากเท่าไรหรอกนะ"
"ยินดีด้วย"
คำพูดดูเหมือนจะดีแต่ความจริงแล้วมีมีดซ่อนอยู่ ทั้งสองตระกูลนี้ไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรทั้งการปกครองที่แตกต่างและทัศนคติของผู้ปกครองที่ไม่เหมือนกัน แต่ด้วยกฎหมายที่ราชวงศ์วางไว้ทำให้ทั้งสองตระกูลไม่สามารถมีปัญญากันอย่างโจ่งแจ้งได้
"เจ้าชื่อบัลมาเคียเหรอ ข้าชื่อเคเคอานะ เป็นน้องสาวคนสุดท้อง ถึงจะเกิดวันเดียวกันหมดแต่ว่าข้าเกิดคนสุดท้าย"
"หวัดดีเคเคอา"
"เรามาสนิทกันเถอะนะข้าเบื่อพวกพี่ชายแล้ว"
จู่ๆเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีกระรอก ผู้คนต่างละจากกิจกรรมที่ทำอยู่เพื่อมามุงดูคนที่กำลังเข้างานมา ซึ่งคนคนนั้นคือ เชมารี่ หรือ ชาม มาคลินซ์ แต่ที่ทำให้ผู้คนสนใจนั่นก็คือสัตว์ประจำตัวของเด็กบ้านนอกธรรมดาแต่กลับมีถึงสองตัวซ้ำยังเป็นสัตว์หายากที่ไม่เคยอยู่เป็นคู่แบบนี้มาก่อน
"เด็กคนนั้นใครอ่ะ ทำไมมีสัตว์ประจำตัวถึงสองตัว"
"ที่รถมีตราตระกูลไวทูล่าแต่ทำไมสัตว์เป็นเสือล่ะ"
"ไวทูล่ารวยจะตาย อาจจะซื้อมาก็ได้"
"ที่ไหนมีขายข้าจะไปซื้อบ้าง"
"เสือโคร่งขาว ดำ นี่หาง่ายแล้วเหรอ วันนี้เจอตั้งสี่ตัว"
"แต่ดูคนที่มาด้วยก่อนสิ นั่นแค่ผู้ใหญ่บ้านตระกูลสาขามาคลินซ์เองนะ ลำพังตัวเองยังไม่มีสัตว์ประจำตัวเลย"
"ตระกูลใหญ่อาจจะให้เขามาเป็นผู้ติดตามก็ได้"
"คิดว่าใช่นะ ดูหน้าตาผิวพรรณสิ น่ารักอย่างกับเด็กผู้หญิง ที่บ้านต้องดูแลดีมากแน่"
"ยินดีต้อนรับท่านผู้ใหญ่บ้านเซเรส"
"เคารพท่านเจ้านคร นี่ชามลูกชายข้า"
"เคารพท่านเจ้านคร"
"หน้าตาจิ้มลิ่มกว่าบัลมาเคียลูกสาวข้าซะอีกนะเนี่ย ว่าแล้วก็...ตัวแสบอยู่ไหนนะไม่มารับแขก"
"ไม่ต้องมากพิธีก็ได้คับ แค่นี้ก็ถือเป็นเกียรติมากแล้ว"
"ตายจริงงง ข้าจองแล้วนะท่านผู้ใหญ่อย่าให้สาวไหนแตะตัวเชียว อายุครบยี่สิบข้าจะไปสู่ขอ ต้องการสินสอดเท่าไรเรียกมาได้เลย"
"เอ่อ...คือว่า…"
"บามมานี่สิลูกแม่จะแนะนำให้รู้จัก"
"สวัสดีค่ะ"
"นี่ชาม มาคลินซ์ ว่าที่สามีในอนาคตของลูก"
คนเป็นแม่แลดูจะมีความสุขเป็นอย่างมาก พูดไปพร้อมกับกระหยิ่มยิ้มเยาะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบ ต่างจากคนลูกที่ตอนนี้ตกใจตาค้างพูดไม่ออกแม้แค่จะขยับปาก
"เอ่อคือ..ข้าว่า….เรื่องนี้เราควรถามความสมัครใจของเด็กๆเองจะดีกว่านะคับท่านเจ้านคร เพราะเรื่องแบบนี้ถือเป็นบั้นปลายชีวิตของพวกเขา ถ้าไม่มีความสุขก็คงจะไม่ดีเท่าไร"
"ใช่แม่ ข้าเห็นด้วย"
"ก็ได้ เอางั้นก็ได้ พาชามไปหาของกินทางนู้นสิแม่ขอคุยธุระกับท่านผู้ใหญ่หน่อย"
"ค่าแม่"
รับคำเสร็จเด็กทั้งสองคนก็รีบออกมาจากบริเวรนั้นทันที
"ทุกคนนี่ชามจากไวทูล่า"
"หวัดดีข้า ชาม มาคลินซ์"
"หวัดดีข้าชื่อเคเคอา นี่พี่ชายข้า คนแรกชื่อริมเมล คนที่สองชื่อเดราจ คนที่สามกับสี่เป็นฝาแฝดชื่ออารอนกับอีรอน"
"เจ้ามีสัตวประจำตัวเหมือนพวกเราเลย"
"เพิ่งได้เป็นของขวัญวันนี้เอง"
"พ่อเจ้าก็ซื้อให้เหรอ ของข้าพ่อซื้อมาปล่อยแล้วให้พวกข้าเลือกกันเอง"
"ไม่ใช่ ลุงข้าพาไปหาแล้วให้ข้าจับเอง คิดว่าจะตายซะแล้ว"
"ส่วนนี่พี่ชายคนที่ห้าชื่อโรมิโอ คนที่หกเนชาบี คนที่เจ็ดเลมาส คนที่แปดแกอัส คนที่เก้ายูนอส คนที่สิบ...ข้าเอง!"
เด็กๆคุยหยอกล้อเล่นกันตามภาษา พูดคุยกินขนมหัวเราะคิกคักกันจนลืมเวลา
"นี่ดราโม่ลูกชายคนโตของแม่ทัพดาไลเลส"
"สวัสดีท่านผู้ใหญ่บ้าน"
"เห็นท่านบอกว่าอยากให้ลูกชายเข้าโรงเรียนนี่ ตอนนี้ดราโม่ก็กำลังหานักเรียนเพื่อจัดตั้งโรงเรียนตามคำสั่งราชาเวลม่าอยู่ คุยกันตามสบายนะข้าขอตัวก่อน"
"ลูกชายของท่าน ใช่เด็กคนที่มีสัตว์ประจำตัวสองตัวใช่หรือไม่"
"ไม่ผิด"
"น่าสนใจทีเดียว ข้ารับแต่เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียด ข้าจะให้ลูกชายของท่านทำการทดสอบในรอบสุดท้าย เป็นขั้นตอนการประเมินว่าลูกชายของท่านต้องเรียนอะไร"
"ได้ ข้าไม่ขัดข้อง ท่านแจ้งวันเวลามาได้เลย"
"เรื่องนั้นเมื่อข้าเตรียมการพร้อมแล้ว ข้าจะส่งข่าวให้ท่านในทันที"
"ขอบคุณท่านอย่างมาก"
"สวัสดีท่านลูอิส"
"สวัสดีท่านเจ้านครกอลลิน่า"
"เรื่องโรงเรียนความร่วมมือระหว่างประเทศ ไปถึงไหนแล้วล่ะ"
"ไหนว่าวันนี้ไม่คุยเรื่องงานไง"
"ก็แหม่ ข้าเห็นเด็กๆรุ่นใหม่ในวันนี้แล้วมันอดใจรอให้ถึงงานประชุมใหญ่ไม่ได้นี่นา"
"อีกไม่นานเกินรอแน่นอน ตอนนี้ฉันดำเนินการจัดหานักเรียนที่มากความสามารถจากทุกซอกทุกมุมโลก ทั้งยังส่งคนออกไปหาจากต่างโลกมาอีกด้วย"
"เยี่ยมไปเลย"
"ว่าแต่ถ้าเปิดโรงเรียนแล้ว คนประเทศฉันก็พูดภาษาของตัวเอง ประเทศเธอก็พูดภาษาของเธอ เราจะคุยกันรู้เรื่องใช่มั้ย"
"มันก็ไม่ต่างกันเท่าไร คงรู้เรื่องแหละมั้ง แต่ไม่น่าห่วงเท่าสาเหตุที่เราต้องสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมาหรอก"
"เป็นความผิดของพวกเราเองที่ประเมินคนจากโลกอื่นต่ำไป ไม่ได้เตรียมการอะไรป้องกัน เลยทำให้ประเทศเธอเดือดร้อนไปด้วย"
"เดือดร้อนกันไปทั่วโลกนั่นแหละ"
"ตอนนี้ก็กำลังเร่งแก้ปัญหาอยู่ ที่ตระกูลดราโกนิสล่มสลาย พวกเราก็กำลังทำการเพาะพันธุ์มังกรขึ้นมาใหม่อยู่แต่หาคนที่ใช้ธาตุไฟเผ่ามังกรไม่ได้ มังกรเลยไม่ยอมฟัก"
"เดี๋ยวค่อยเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ให้กลุ่มนักล่าของเมืองหลวงจัดการน่าจะเร็วกว่าพวกเจ้าหากันเอง"
"ขอบคุณเธอมากนะที่เข้าใจ"
"คืนนี้ก็พักที่คฤหาสน์ของข้าก่อน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางกลับ"
"ขอบคุณอีกครั้งแต่ฉันว่าไหนๆก็มาแล้วเลยว่าจะเดินทางต่อไปเข้าเฝ้าราชินีสักหน่อย"
"โอเคงั้นเชิญเจ้าตามสบายนะ"
งานเลี้ยงดำเนินมาจนถึงตอนจบ แม้จะไม่อยากให้จบแต่สุดท้ายยังไงงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกลา ผู้คนเริ่มบอกลาและทยอยเดินออกจากบริเวณงานเลี้ยงแยกย้ายกันกลับไปสู่ชีวิตปกติ ค่ำคืนที่มืดมิดและเงียบสงัดมาเยือนอีกครั้ง แขกจากต่างบ้านต่างเมืองถูกนำทางโดยพ่อบ้านและสาวใช้ไปที่ห้องพักที่เจ้านครได้จัดเตรียมไว้ให้ บริเวณงานเลี้ยงถูกจัดการอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือคราบงานเลี้ยงที่คึกครื้นแม้แต่น้อย ค่ำคืนที่มีความสุขได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า เป็นสัญญาณเริ่มต้นวันใหม่ที่สดใสอีกครั้ง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments